ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งอุ้มหลานสาวไว้ในอ้อมอกอย่างโศกศัลย์ ตระกูลนางให้กำเนิดหลานชายหกคน แล้วจึงจะมีหลานสาวตามมานางมักประคองอุ้มไว้ในอุ้งมาราวแก้วตา ไม่เคยให้ต้องทุกข์ทนใดๆ ระหว่างที่ถูกเนรเทศก็กินดีอยู่ดีกว่าใครไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ นางโดนหมูป่ากัดเข้าตอนกำลังวิ่งหนีแม้ว่าจะถูกช่วยให้รอดจากประตูยมโลกมาได้ แต่ห้าตันกลวงหก[footnoteRef:1]ได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือด [1: เรียกโดยรวมว่า อวัยวะภายใน โดยอวัยวะภายในตันทั้ง 5(五脏)ได้แก่ ตับ (肝) หัวใจ (心) ม้าม (脾) ปอด (肺) ไต ( 肾) และอวัยวะกลวงทั้ง 6 (六腑)ได้แก่ ถุงน้ำดี (胆) ลำไส้เล็ก (小肠) กระเพาะอาหาร (胃) ลำไส้ใหญ่ (大肠) กระเพาะปัสสาวะ (膀胱) และซานเจียว (三焦)] หลานสาวรู้ความอย่างยิ่ง ไม่ร้องงอแง ไม่สร้างปัญหาฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเศร้าใจยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ นางในตอนแรกก็สงสัยเล็กน้อยแม่นางน้อยที่ยังเยาว์ขนาดนี้ รู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ?สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัว ยามนี้อยู่ถิ่นกันดาร หาหมอมาดูอาการไม่ได้ ไม่สู้ให้กู้หว่านเยว่รักษาม้าตายดั่งม้าเป็นไปก่อนนอกจากนี้ ไม่ก
กู้หว่านเยว่สะบัดศีรษะ ร่างกายของเจ้าของเดิมถูกจวนโหวทรมานจนไม่สู้ดีหากอยากตั้งครรภ์ ยากเท่ากับชีวิตที่แล้วของนางข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ร่างกายนี้ยังมีทางช่วยได้ขอเพียงบำรุงดูแลตัวเองดีๆ อนาคตภายภาคหน้าก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้นางส่งหนูน้อยตระกูลเซิ่งพร้อมกับยาที่เหลืออยู่ในขวดให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง“ยานี้ดื่มวันละหนึ่งจิบ ติดต่อกันเจ็ดวัน ระหว่างนี้ก็อย่ากินอาหารย่อยยาก ทางที่ดีควรกินอาหารเหลวเบาๆ ไปก่อนนะเจ้าคะ”ตอนที่กู้หว่านเยว่มอบเนื้อหมูป่าให้เซิ่งจวิน ยังยื่นกระบอกน้ำให้เขาเพิ่มไปด้วย“ด้านในคือน้ำนม รอให้นานนานตื่นขึ้นมาแล้วค่อยให้นางดื่ม บำรุงร่างกาย”บุรุษอกสามศอกอย่างเซิ่งจวิน ซาบซึ้งมากเสียจนแทบจะหลั่งน้ำตาเขาระงับเสียงแหบห้าว พูดว่า “บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่สิ้นเพียงคำขอบคุณ[footnoteRef:1] ท่าน... เมตตานี้ของคุณชายซูและแม่นางน้อยกู้ ข้าเซิ่ง จวินจำไว้ในใจแล้ว อนาคตมีคำสั่งใด ข้ายินยอมพร้อมรับใช้” [1: ความเมตตากรุณาที่ผู้อื่นมอบให้นั้นยิ่งใหญ่เกินไป ไม่อาจใช้เพียงคำขอบคุณตอบแทนได้หมด] เมื่อเห็นแววตาขอบคุณของคนตระกูลเซิ่ง กู้หว่านเยว่ก็พยักหน้า“จำคำที่เจ้าพูด
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่าซูจิ่งสิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงขอบคุณตน นางก็ยืมหัวข้อนั้นมาพูดต่อว่า“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หากท่านต้องการตอบแทนข้าจริงๆ ก็รับปากข้าเรื่องหนึ่ง หากไปถึงเจดีย์หนิงกู่แล้วข้าอยากหย่า ท่านห้ามปฏิเสธนะเจ้าคะ”ตลอดทางมานี้ นางสามารถอยู่ร่วมกับซูจิ่งสิงไป แต่หากสุดท้ายยังเข้ากันไม่ได้ สุดท้าย นางก็ต้องใช้ชีวิตของตัวนางต่อคำพูดนี้ ทำให้ซูจิ่งสิงตกตะลึงนางมีความคิดจะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ?หรือว่าที่สารลับบอกมาว่า นางมีคนในใจอยู่แล้ว นี่คือเรื่องจริงหรือ?หัวใจพลันหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ซูจิ่งสิงมีความรู้สึกที่บอกไว้ถูกอยู่ในอก ตอบกลับอย่างแผ่วเบา “อืม”ทั้งสองนอนด้วยกัน แต่ต่างคนต่างความคิดยามรุ่งสางฟ้าเพิ่งสว่าง กู้หว่านเยว่ก็ตื่นนอนแล้วหลังจากถูกเนรเทศมาหลายวัน นางก็เริ่มมีนิสัยอย่างหนึ่งเพิ่มมา นั่นก็คือชอบตื่นเช้าถืออากาสตอนยังมีคนตื่นไม่มาก นางก็รีบไปที่ตีนผาก่อน แล้วแปรงฟันล้างหน้าด้วยน้ำแร่ที่ไหลมาจากรอยแตกในโขดหินเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็ได้ยินเสียงสองเสียงดังออกมาจากในป่าคนที่เดินนำมาคือหลี่ซือซือ ต่อด้วยซูอวี่ที่ตามมาติดๆเสื้อผ
นับตั้งแต่ออกเดินทางยามเช้า ซูจิ่งสิงก็ไม่พูดอันใดมากมายนัก จนกระทั่งตอนนี้ก็พักผ่อนไม่พูดจาแม้แต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ไม่ใส่ใจอันใดก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป เจ็บแผลหรือ?”ซูจิ่งสิงไม่ตอบ เขายังคิดเรื่องขอหย่าที่กู้หว่านเยว่พูดไว้เมื่อคืนหางตามองเห็นกู้หว่านเยว่มาแล้ว รีบเบือนหน้าไปอีกทาง กลัวนางมองเห็นอารมณ์ของตนแต่คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของซูจิ่นเอ๋อร์แล้ว เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา ต้องการเปิดเสื้อผ้าของเขาออก“เปิดบาดแผลให้ข้าดู”“ไม่จำเป็น!” ซูจิ่งสิงรีบกำบังมือของนางสบสายตาเจือความฉงนของกู้หว่านเยว่ เขาไม่เป็นธรรมชาติไปครู่หนึ่ง“ชายหญิงไม่พึงชิดใกล้ ภายภาคหน้าให้ข้าใส่ยาด้วยตนเองเถอะ”ครั้นเปล่งถ้อยคำนี้ออกมา ซูจิ่งสิงก็นึกเสียใจภายหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ครู่ต่อมาก็พูดคำนี้ออกไปแล้วหลังพูดจบ เขาชายตามองกู้หว่านเยว่ ลอบหวังให้นางปฏิเสธส่วนกู้หว่านเยว่หลังได้ยินจบแล้วก็ชะงักงันครู่หนึ่ง แต่นางกลับไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่องไว“ได้ เช่นนั้นวันหน้าให้ท่านแม่ใส่ยาให้ท่านเถอะ รอบาดแผลหายดีแล้ว ข้าฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าขอ
กลับมองเห็นข้างครัวอาหารเลิศรสมีหอการค้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหลัง ทั้งหลังนั้นมีเพียงหนึ่งหน้าจอใหญ่บนหน้าจอแสดงเงินทองและสมบัติล้ำค่าที่นางเก็บไว้ในระยะนี้ทั้งหมด“หอการค้ามีไว้ใช้ทำอันใด?” กู้หว่านเยว่ศึกษาอยู่นาน แต่กลับไม่พบว่าตกลงของสิ่งนี้มีไว้ใช้ทำอันใดกันแน่ผู้ดูแลระบบรีบอธิบาย “หอการค้าก็คือช่องทางขายสินค้าอย่างหนึ่ง เจ้านายสามารถวางสินค้าที่กักตุนไว้ในมิติวิเศษบนช่องทางขายสินค้านี้ได้”กู้หว่านเยว่คิดคล้อยตาม ฟังดูแล้วไม่เลวนางปล้นของมามากเกินไป ของบางอย่างใช้ไม่ได้ขายก็ไม่ได้ สามารถวางขายบนช่องทางขายสินค้านี้ได้พอดีกู้หว่านเยว่แตะหน้าจอแสดงผล พบว่านี่คล้ายช่องทางการขายสินค้าออนไลน์เสียนอวี๋ ผู้ใช้งานทั้งหมดบนหน้าจอล้วนคือผู้เดินทางทะลุมิติมาพร้อมระบบวิเศษหลากหลายรูปแบบสิ่งของบนนั้น มากมายละลานตา นับไม่หวาดไม่ไหวกู้หว่านเยว่สมัครใช้งานบัญชีก่อน จากนั้นเลือกวางเก้าอี้ไม้หลีฮวาจากกองสินค้าที่กักตุนไว้เข้าไปหนึ่งตัวทว่าหลังวางลงไปแล้ว เก้าอี้ของนางมิได้ถูกขายไปในทันทีกู้หว่านเยว่เองก็ไม่รีบ เปิดหอการค้าดู จากนั้นก็กลับออกจากมิติวิเศษภายในหอการค้า นางพบว่าผักป่า
ขณะที่เซิ่งจวินต้องการแบกฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งขึ้นหลัง รอบข้างมีคนสองถึงสามคนล้มลงไปหนึ่งในนั้น ยังเป็นคนของนักการแห่งศาลาว่าการแม้คนอื่นยังไม่ล้มลงไป แต่ร่างกายที่กำลังโงนเงนกลับทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้วทันใดนั้นทุกคนต่างก็กระวนกระวายอยู่บ้าง“พวกเราโดนพิษแล้วหรือไม่ เหตุใดข้าคิดว่าหลังเข้าป่านี้แล้ว หายใจก็ลำบาก ยิ่งอยู่นานยิ่งเวียนหัว”“ทำอย่างไรดี พวกเราจะตายที่นี่หรือไม่?”“ข้าไม่อยากตายนะ...”เสียงตื่นกลัวของคนรอบกายพลันดังขึ้นมา ทันใดนั้นทุกคนถูกบรรยากาศตึงเครียดล้อมไว้“หุบปากให้หมด พูดส่งเดชอันใด รีบลุกขึ้นมาเดินทาง!”ซุนอู่ตะโกนเสียงดังสีหน้าเย็นชา ลองระงับคำพูดชวนให้คนว้าวุ่นใจเหล่านี้ จากนั้นตัวเขาเองก็รู้สึกไม่สบายเฉกเดียวกันจางเอ้อร์กระซิบข้างหูเขาอย่างตื่นตระหนก “หัวหน้า ท่านเห็นหมอกขาวเหล่านั้นที่ปกคลุมบนต้นไม้ในป่าหรือไม่ เกรงว่าพวกเราเผชิญกับไอพิษในตำนานแล้ว”ไอพิษ?แม้ทุกคนไม่เคยพบไอพิษมาก่อน แต่มากน้อยอย่างไรก็เคยได้ยินมาบ้าง หากหลงเข้าไปในป่าไอพิษ สามารถกลับออกมาได้น้อยมาก กึ่งหนึ่งล้วนโดนพิษตายอยู่ในนั้นบัดนี้สีหน้าทุกคนซีดเผือดหัวใจซุนอู่หนักอึ้งลง
“มา ทุกคนมารับน้ำแกงยาคนละถ้วย ดื่มแล้วค่อยออกเดินทาง”กู้หว่านเยว่ถือกระบวย แจกจ่ายน้ำแกงยาให้ทุกคนนักการแห่งศาลาว่าการย่อมถูกจัดอยู่หัวแถว รอจนกระทั่งแจกจ่ายให้นักการแห่งศาลาว่าการทั้งหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เลือกแจกจ่ายหลายตระกูลที่มีไมตรีอันดีต่อกัน ยกตัวอย่างเช่นสกุลเหยียน สกุลหลี่และสกุลเซิ่งจากนั้นจึงมอบให้ตระกูลอื่น ส่วนสกุลซูกลับถูกนางมองข้ามโดยตรงนางเฉียนถือถ้วยเปล่าจับจ้องกู้หว่านเยว่สาดน้ำแกงที่เหลือทิ้งแต่ไม่มอบให้พวกเขา สบถด่าอย่างอดไม่ได้“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นคนอกตัญญูใช่หรือไม่ ดีร้ายอย่างไรพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายินดีช่วยคนนอก แต่ไม่ช่วยคนของตน?!”กู้หว่านเยว่ยักไหล่ทั้งสองข้าง “ตัดญาติแล้ว”“เจ้า!”บัดนี้หลายบ้านนั้นนึกเสียใจภายหลังอย่างมากเริ่มแรกกลัวบ้านสามเป็นภาระ จึงตัดญาติกับพวกเขาอย่างอดรนทนแทบไม่ไหวใครจะรู้กู้หว่านเยว่ยังเป็นวิชาแพทย์ ระหว่างทางนำของกินอย่างดีมาให้บ้านสามบัดนี้คิดดูแล้ว ก็มีเพียงหนึ่งคำ เสียดาย!ทว่าน่าเสียดายบนหนังสือตัดญาติล้วนเขียนไว้แล้ว เสียดายภายหลังก็ไม่มีประโยชน์คนบ้านเดิมสกุลซูที่กำลังเวียนหัวทำได้เพียงไปฟ้
ทว่ายามมองเงาด้านหลังของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงไม่รู้เพราะเหตุใดกลับยิ่งเจ็บปวดหัวใจทางด้านนี้หลี่ซือซือรีบเก็บยาสมุนไพร เลียนแบบกู้หว่านเยว่ต้มยาสมุนไพรแจกจ่ายให้ทุกคนกินอาจได้ผลทางจิตใจ ทุกคนดื่มน้ำแกงยาเข้าไปแล้วก็สดชื่นขึ้นไม่น้อยแม้แต่นางเฉียนก็เห็นหลี่ซือซือเข้าตามากขึ้นเพียงแต่ยามเมื่อพวกเขาตามคาราวานออกเดินทางไปพร้อมกัน ก็รู้สึกผิดปกติท้องร้องโครกครากไม่หยุด ถัดมาก็รู้สึกปวดอยู่พักหนึ่งซูอวี่เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว “ข้าปวดท้องยิ่งนัก อยากไปปลดทุกข์...”คนอื่นเองก็ขมวดคิ้วแน่น “ข้าเองก็ปวดท้องมาก อยากผายลมยิ่งนัก!”“อย่าผายลมเป็นอันขาด อย่าเชื่อว่าปวดท้องต้องผายลม พวกเราไปขอให้ท่านนักการหยุดพักสักครู่เถอะ” ซูหัวหลินรีบพูดทางด้านหน้า ซุนอู่กำลังถือคบเพลิงเพื่อบุกเบิกเส้นทาง ออกจากป่าไอพิษให้ได้โดยเร็วป่าไอพิษนี้ยิ่งอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น เขาย่อมไม่มีวันหยุดพักเพียงเพราะบ้านเก่าสกุลซูปวดท้อง“ปวดท้องหรือ? อดทนเสีย”“ท่านนักการ ทนไม่ไหวแล้ว!” หลายคนจับก้นแน่น ใบหน้าเขียวคล้ำ“ทนไม่ไหวก็ต้องทน หาไม่แล้วก็ถ่ายใส่กางเกงไปเถอะ!”นักการแห่งศาลาว่าการพูดจบก็
เดิมทีวิชายุทธ์ของเขาก็ไม่สูง หลังผ่านความตกตะลึง ขาก็ลื่นร่วงหล่นจากคานบ้านปรมาจารย์แพทย์ ‘...เหล่านี้ล้วนคือสมุนไพร ดอกไม้อะไรกัน!’“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้ามาหาเจียงอวิ๋นจิ่น เจ้าอยากพานางหนีไป?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วเอ่ยถามเฉินจื่อวั่งสบสายตาของทั้งคู่ รีบส่ายหน้า “ข้าเปล่า ข้ารู้นางไม่มีวันไปกับข้า แม่ของนางยังอยู่ในเมืองหลวง หากนางไป แม่ของนางก็ต้องตาย ข้าเพียงอยากลอบมาดูนางสักครั้ง”กู้หว่านเยว่รู้สึกเห็นใจคนผู้นี้อยู่บ้าง เขาก็คือคนหลงใหลในความรักคนหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เจียงอวิ๋นจิ่นไม่ได้ยินดีมาเป็นชายารองที่เจดีย์หนิงกู่เฉินจื่อวั่งขบกรามแน่นพูดว่า “เรื่องคืนนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า แต่อย่าโทษนางเป็นอันขาด นางน่าสงสารพอแล้ว”เขากำหมัดแน่น “จะโทษก็โทษที่ข้าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องนางและครอบครัวของนางเอาไว้ได้”เขามองทางซูจิ่งสิง “ท่านอ๋องขอร้องท่านหนึ่งเรื่อง อวิ๋นจิ่นเป็นคนน่าสงสารจริงๆ ต่อให้ท่านไม่รักนาง แต่ฝ่าบาทพระราชทานนางให้ท่านแล้ว ในเมื่อนางเป็นสตรีของท่านแล้ว ขอร้องท่านดีต่อนางด้วย แม้ข้าและนางเป็นคู่รักในวัยเย
เฉินจื่อวั่งสีหน้างุนงง เมื่อครู่เกิดเรื่องใดขึ้นแล้ว เหตุใดเขาไม่รู้?สีหน้ากู้หว่านเยว่สับสน ปรมาจารย์แพทย์ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก“คือว่า คือว่าเวลาออกฤทธิ์ของยาพูดความจริงนี้สั้นไปบ้างยิ่งไปกว่านั้นยามเอ่ยถามปัญหาสำคัญ เป็นไปได้มากว่าฤทธิ์ยาจะหายไป...ยังไม่ทันได้ปรับปรุง”ยาสิ้นฤทธิ์ตอนถามปัญหาสำคัญ เช่นนั้นยาพูดความจริงมีประโยชน์อะไร?กู้หว่านเยว่ยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่ก็สามารถเข้าใจได้ เพียงยาน้ำขวดเดียว ยากจะทำให้จิตใจของคนสับสน“น้องหญิง ใต้วงแขนเขาคล้ายมีของ” สายตาซูจิ่งสิงคมกริบ ขยับขึ้นไปดึงสิ่งที่อยู่ใต้วงแขนของเฉินจื่อวั่งออกมาเฉินจื่อวั่งคล้ายให้ความสำคัญต่อของสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ รีบร้องตะโกน “รีบคืนของให้ข้า!”เขาพยายามกระโจนเข้ามา ถูกฉู่เฟิงจับไว้แน่นๆ แล้ว“ของสิ่งนี้เป็นสิ่งล้ำค่าของข้า ขอร้องพวกท่านรีบคืนมันให้ข้า”กู้หว่านเยว่หันมองทางมือของซูจิ่งสิง พบว่าคือถุงหอมใบหนึ่งนางเมินข้ามคำอ้อนวอนของเฉินจื่อวั่ง หยิบถุงหอมมามองซ้ายมองขวา สรุปคือพบอักษรตัวเล็กๆ หนึ่งบรรทัดที่ด้านล่างถุงหอม“ท่านพี่ ท่านถือเทียนเข้ามาใกล้หน่อย”ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด อักษ
โชคดีจริงๆเสียด้วย!กู้หว่านเยว่โมโหไม่อยากพูดแล้ว กลับเอ่ยปากอย่างใจอ่อน “ช่างเถอะๆ ข้าช่วยท่านจับชีพจร แต่หากข้าเองก็ไม่สามารถถอนพิษได้ เช่นนั้นท่านก็คงต้องตายจริงๆ แล้ว”นางจงใจทำให้ปรมาจารย์แพทย์ตกใจ ใครจะรู้ปรมาจารย์แพทย์กลับหัวเราะ “ตายเถอะๆ รีบตายรีบหลุดพ้น”“.....”นางแพ้แล้ว“เป็นเช่นไรนังหนู เจ้าสามารถคิดค้นยาถอนพิษนี้ได้หรือไม่?” ปรมาจารย์แพทย์สนใจเพียงสิ่งนี้“สามารถคิดค้นได้ แต่ต้องฝังเข็ม”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมา ใช้เวลาครู่หนึ่ง ถึงขับพิษให้ไปอยู่อีกแห่งหนึ่งได้“ข้าค่อยเขียนตำรับยาให้ท่านหนึ่งเทียบ”ช่วยแล้วก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด กำจัดพิษที่เหลืออยู่ด้วย นางก้มหน้าเขียนตำรับยา ดวงตาปรมาจารย์แพทย์ทอประกายระยับมองนาง“นังหนู วิชาพิษของเจ้าก็ไม่ธรรมดาเลยนี่”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “โชคดีที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นท่านจะต้องไปพบยมบาลแล้ว”นางพูดอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ “ภายภาคหน้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากครั้งหน้าท่านต้องการทดลองยาพิษ สามารถใช้หนูทดลองได้”“หนูทดลอง คือสิ่งใด?” ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหัว ไม่เข้าใจกู้หว่านเยว่เล่าหลักการการใช้หนูทดลองในยุคสมัยใหม่ให้เขา
“ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่กังวลความปลอดภัยของปรมาจารย์แพทย์ ไม่ใส่ใจความเขินอาย รีบจูงมือซูจิ่งสิงไล่ตามไปสรุปคือทั้งสองคนมาถึงเรือนของปรมาจารย์แพทย์ คนชุดดำก็ล้มอยู่บนพื้นแล้ว“นังหนูๆ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เมื่อครู่จู่ๆ ก็มีคนชุดดำคนหนึ่งเขามา ข้าตกใจแทบแย่”ปรมาจารย์แพทย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในมือยังถือผงยาถูกเปิดออกหนึ่งขวดเห็นได้ชัดมาก คนชุดดำน่าจะโดนผงยาในมือของเขาแล้ว“ท่านมิได้วางยาพิษเขาจนตายไปแล้วกระมัง?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว มองดูแล้วนางกังวลโดยเสียเปล่า“เปล่าเสียหน่อย ตอนนี้ข้าไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิตแล้ว นี่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาๆ เท่านั้น”ปรมาจารย์แพทย์เก็บยาสลบ จากนั้นรีบตบหน้าอก“ข้าตกใจแทบแย่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งศึกษาสมุนไพร จู่ๆ เขาก็ร่วงลงมาจากคานบ้าน”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปมองแวบหนึ่ง คนยังไม่ตายจริงๆ“นี่คือศัตรูของท่านหรือ?”“ศัตรูอะไรกันเล่า ข้าไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ”ปรมาจารย์แพทย์ส่ายหน้า ซูจิ่งสิงโบกมือให้องครักษ์จันทราดึงคนชุดดำขึ้นมา“นักฆ่าคนนี้ มองดูแล้วนับว่าหล่อเหลาทีเดียว”กู้หว่านเยว่ประเมินออกมาหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ ทำเสียจนซูจิ่งสิงห
“ไม่ใช่ว่าข้าเก่งนะ แต่มีคู่มือการผลิตอยู่ในมิติ ข้าแค่ทำตามคู่มือก็เสร็จแล้ว””นั่นเจ้าก็เก่งเหมือนกัน คนทั่วไปต่อให้ได้คู่มือการผลิตมา ก็อาจจะทำออกมาได้ไม่เหมือนต้นฉบับซูจิ่งสิงไม่ยอมรับการโต้แย้ง กู้หว่านเยว่วกเข้าเรื่องเดิม “ข้าตั้งใจจะผลิตแก้วให้ครบวงจร”นางกล่าวอย่างครุ่นคิด “ความจริงแล้วแก้วไม่ใช่ของหายากอะไร เป็นชาวต่างแดนที่เห็นต้าฉีของเราไม่มี ก็เลยจงใจปั่นราคาให้สูงขึ้น”ที่กู้หว่านเยว่ยืนกรานที่จะผลิตแก้วออกมาให้ได้ เพราะไม่อยากให้ชาวต่างแดนขูดรีดพวกเขา“ท่านพี่รู้หรือไม่? ความจริงแล้วแก้วมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ไม่เพียงแต่สามารถใช้ทำเป็นถ้วยจานชามได้เท่านั้น แต่ยังใช้ผลิตหน้าต่างกระจกได้อีกด้วย ไม่เพียงแต่สามารถกันลมกันฝนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้แสงแดดส่องถึงอีกด้วย มากไปถึงขั้นที่สามารถใช้มันผลิตกระจกได้ด้วย กระจกทองแดงที่พวกเราใช้กันอยู่ตอนนี้จะชัดเจนและสว่างไสวมากขึ้น”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เปี่ยมไปด้วยประกายแวววาว ในขณะที่นางพรรณนาประโยชน์ของแก้วด้วยเสียงแผ่วเบา“หากสามารถส่งเสริมการใช้แก้วออกไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากที่สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน”นี่คือจุดประส
“ยังไม่กลับเจ้าค่ะ” ชิงเหลียนส่ายหัวกู้หว่านเยว่เหลือบมองสีท้องฟ้า ฟ้ากำลังจะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงคงยุ่งมากแน่ ๆนางแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสุขนี้กับอีกฝ่าย “เดี๋ยวท่านพี่กลับมา รีบไปบอกข้าทันทีนะ”หลังจากยุ่งมาตลอดช่วงบ่าย นางก็เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งตัว อาศัยช่วงเวลานี้อาบน้ำได้พอดี“ชิงเหลียน ข้าอยากอาบน้ำ”“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนรีบร้อนลงไป ให้ทางห้องครัวเล็กนำน้ำร้อนมาให้ ไม่นานอ่างอาบน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำร้อนกู้หว่านเยว่แค่อยากแช่น้ำ ก็เลยไม่ได้เข้าไปอาบน้ำในมิติหยิบขวดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบออกมา ก่อนหยดลงในอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมแรงทำให้ชิงเหลียนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มออกมา“ฮูหยิน หอมจัง เมื่อครู่ท่านหยดอะไรลงไปหรือเจ้าคะ? ทำไมถึงหอมเช่นนี้?“นี่คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ”กู้หว่านเยว่ลงไปนั่งอย่างผ่อนคลาย แช่ในน้ำร้อนอุ่น ๆ หลับตาพริ้ม“ฮูหยินเก่งสุดยอดจริง ๆ “ชิงเหลียนชื่นชมอย่างจริงใจ หลังจากติดตามฮูหยินมานาน ก็ได้รู้ว่าสิ่งของอะไรที่หายาก ฮูหยินสามารถทำออกมาได้ทั้งหมด“เก่งสุดยอดไปเลย”ทำแก้วสำเร็จ กู้หว่านก็เยว่อารมณ์ดีทีเดียว พลางพยักหน้าอย่างหลงระเริงหลังจากแช่น้ำเส
“ตกลง ตกลง” นางจินเช็ดน้ำตา รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันใดในเวลานี้พ่อบ้านศูนย์พักพิงรีบวิ่งเข้ามา “ท่านทั้งสองเป็นญาติของท่านอ๋องใช่ไหม?”“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ทั้งสองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เพิ่งรู้สึกมีความหวังในชีวิต พอหันกลับมาก็ถูกตบหน้าแล้วหรอกนะ?“ท่านทั้งสองอย่าประหม่าไปเลย” พ่อบ้านรีบบอก “ถ้าท่านทั้งสองต้องการความช่วยเหลือใด ๆ ข้าคือพ่อบ้านศูนย์พักพิง บอกกับพวกข้าได้เลย”นี่คือญาติของท่านอ๋อง ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมถึงเร่ร่อนมาถึงศูนย์พักพิงได้ แต่ก็ไม่สามารถล่วงเกินได้อยู่ดี“ข้า พวกข้าต้องการทำงาน” ซูเช่อรวบรวมคว้ากล้า“ได้สิ ถ้าท่านรู้หนังสือล่ะก็ ศูนย์พักพิงของเราขาดนักบัญชีหนึ่งคน”“ข้ารู้หนังสือ!”“งั้นพรุ่งนี้ท่านก็สามารถมาทำงานได้เลย” พ่อบ้านกล่าวอย่างผ่อนคลาย“จริงหรือ ขอบคุณ ยังมีแม่ของข้าด้วย...”“ถ้าแม่เฒ่าไม่รังเกียจ ทางศูนย์พักพิงก็สามารถจัดหางานที่ค่อนข้างสบายให้ได้”“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ รบกวนพ่อบ้านด้วย”เมื่อเห็นพ่อบ้านออกไปแล้ว สีหน้าของซูเช่อที่เคยขมขื่น ความเคียดแค้นที่มีต่อซูจิ่งสิงก็หายไปทันที“ท่านแม่ ข้าคิดได้แล้ว ต่อไปข้าจะใช้ช
“น้องหญิง เจียงอวิ๋นจิ่น ไม่ใช่ชายารอง”ซูจิ่งสิงต้องแก้ไขให้ถูกต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่อยากให้ในอนาคตหากมีคนอื่นพูดถึงเขาอีก แล้วยังคิดว่าเขามีชายารอง“ตกลง ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจียงอวิ๋นจิ่นผู้นี้ อาจจะไม่ได้มาโดยสมัครใจ”กู้หว่านเยว่เห็นนางลังเลที่จะพูดอยู่หลายครั้ง คำพูดนี้ทำให้ซูจินเอ๋อร์ถึงกับต้องออกปาก“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านใจดีเกินไปแล้ว นางเป็นศัตรูหัวใจของท่านนะ”“ใช่แล้วหว่านเยว่ ถ้านางไม่เต็มใจมา จะมีใครถือมีดจี้คอบังคับนางอยู่หรือ?”นางหยางเห็นแก่คนที่มาก่อน ไม่ค่อยชอบเจียงอวิ๋นจิ่นสักเท่าใด นางจับมือของกู้หว่านเยว่เอาไว้พลางถอนหายใจ “จิ่นเอ๋อร์พูดถูก เจ้าใจดีเกินไปแล้ว”“อุ๊บ!”กู้หว่านเยว่แสดงออกว่า ใช้ชีวิตอยู่มาสองชั่วอายุคน เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่านางใจดี พวกท่านใส่ตัวกรองเข้มงวดเกินไปแล้ว“ยินดีด้วยท่านอ๋อง ยินดีด้วยชายาอ๋อง”ขุนนางที่รีบรุดมาถึงพากันคุกเข่าลง หลี่เฉินอันก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์หญิง ในที่สุดฟ้าหลังฝนก็มาถึงท่านแล้ว นับจากนี้ไปก็ไม่ได้อยู่ในสถานะนักโทษเนรเทศอีกแล้ว”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ไม่มีความ
ซูจิ่งสิงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า การเปิดใจของน้องหญิงเป็นเรื่องยากเพียงใดเขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องใด ๆ ที่อาจทำร้ายหว่านเยว่เกิดขึ้นเด็ดขาด“แต่งเพียงในนาม ก็ไม่ได้เช่นกัน”“ท่านพี่” ความหวานชื่นผุดขึ้นในหัวใจของกู้หว่านเยว่ เจือด้วยความซาบซึ้งขันทีเริ่มลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ การเลี้ยงดูสตรีในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมิใช่หรือ?“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้ ทำให้ข้าลำบากใจ”ก่อนออกเดินทาง พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า ต้องให้ซูจิ่งสิงยอมรับเจียงอวิ๋นจิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นหัวของเขาจะหลุดจากบ่าเมื่อนึกถึงภารกิจที่ที่ได้รับมอบหมาย ขันทีก็ใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกโน้มน้าวจิตใจต่อไป“ท่านอ๋อง แค่สตรีเพียงคนเดียว เก็บไว้ข้างกายท่าน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อเรื่องใดแน่ราชโองการของฮ่องเต้ได้ประกาศลงมาแล้ว ชายารองเจียงก็เดินทางมาไกลถึงที่นี่แล้ว หากถูกส่งคืนกลับไป จะเอาหน้าที่ไหนไปใช้ชีวิตต่อเล่า?”“ความเป็นความตายของคนอื่น มันเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย?”หรือว่าต้องทำให้น้องหญิงเสียใจเพื่อคนที่ไม่สลักสำคัญอะไรเพียงคนเดียวเล่า?“จะใกล้หรือไกล ใกล้ชิดหรือห่างเหิ