กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบคนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันทีนักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันทีซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืนซุนอู่เริ่มส
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมืองซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอนดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห
ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคนเหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชมกู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อ
ในตอนแรกเหยียนฮูหยินเป็นฝ่ายอาสาช่วยพวกเขาล้างหม้อและชามก่อน ต่อมาผู้อาวุโสเหยียนก็ได้เข้ามาช่วยพวกเขาลากเกวียนระหว่างเดินทางผู้อาวุโสเหยียนเป็นเพียงข้าราชการพลเรือน ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแรงสู้ซูจิ่งสิงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย ซึ่งต้องมีพละกำลังไม่มากก็น้อยพอมีเขาเข้ามาช่วย นางหยางและซูจื่อชิงก็เบาลงไปไม่น้อยเมื่อเป็นเช่นนี้กู้หว่านเยว่จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นโคลนที่เกิดจากหลังฝนตก หากเป็นเช่นนั้นอาจจะทำให้การเดินทางล่าช้าจนได้รับการตำหนิจากนักการในศาลาว่าการอีกทั้งนางยังพบว่าผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นแอบกระซิบกระซาบกันเห็นได้ชัดว่ากู้หว่านเยว่ตั้งใจช่วยชีวิตเหยียนซือหยวน แต่ก็ยังเข้าไปสานสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเหยียนและซูจิ่งสิงโดยไม่ได้ตั้งใจ“ผู้อาวุโสเหยียนเคยเป็นเพื่อนกับเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่?”ระหว่างแวะพักกลางทาง กู้หว่านเยว่ได้ยื่นกระติกน้ำให้ซูจิ่งสิงพร้อมกับถามด้วยความอยากรู้สิ้นสุดคำถามนางก็ส่ายหน้าอีกครั้งหากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันจริง ๆ คงไม่ต้องรอให้กู้หว่านเยว่คอยเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ให้พวกเขาติดต่อกัน
ตอนนี้หลี่ซือซือกำลังใช้ความน่าสงสารนี้มาเผชิญหน้ากับนาง นางจึงรู้สึกเอือมระอาอย่างมาก“เจ้าหยุดทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าได้แล้ว ต่อไปข้าจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าอีก ถอยไป”ซูจิ่นเอ๋อกล่าวพลางโน้มตัวลงเก็บหน่อไม้ต่อ จากนั้นก็เอ่ยถามกู้หว่านเยว่ด้วยท่าทีประจบ“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ดูสิว่าใช่หน่อไม้หรือไม่ ข้ากลัวเก็บผิด”เมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับกู้หว่านเยว่ อีกทั้งพวกเขายังเก็บหน่อไม้อย่างมีความสุข หลี่ซือซือได้แต่กำหมัดแน่น“พี่จิ่งสิง อากาศร้อนขนาดนี้ ข้ามีน้ำอยู่หนึ่งขวด เจ้ารีบกินแก้กระหายสิ”หลี่ซือซือเดินมาหน้าเกวียน จากนั้นก็ยื่นขวดน้ำที่นางกินแล้วให้กับซูจิ่งสิด้วยท่าทีออดอ้อนเหยียนเหวินจิ้งและเหยียนฮูหยินต่างมองตากัน ทั้งสองคนไม่ชอบการเล่นละครของหลี่ซือซือ จึงหันหลังให้นางหลี่ซือซือไม่ได้ใส่ใจ นางยังคงมองซูจิ่งสิงด้วยสายตารักใคร่ละคนความสดใสในฤดูใบไม้ผลิถึงแม้ว่าซูจิ่งสิงจะนอนอยู่บนเกวียน แขนและขาท่อนล่างไม่สามารถขยับตัวได้ แต่องค์ประกอบทั้งหน้าที่ครบเครื่อง และกลิ่นอายเย็นเยือกที่แผ่อยู่รอบตัวของเขายังคงทำให้หลี่ซือซือหวั่นไหวนางแอบรักซูจิ่งสิงมาตั้งแต่เด็
นี่มันความโชคดีชัด ๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือถ้ำหลบฝนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงเชิงเขาซูอู่สั่งให้ทุกคนพักผ่อนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนเหล่านักการในศาลาว่าต่างหามุมที่สบายที่สุดในถ้ำ พวกเขารองพื้นด้วยหญ้าแห้ง ส่วนนักโทษพวกเขาปล่อยตามมีตามเกิด นอนบนพื้นที่เย็นเยือกอย่างนั้นกู้หว่านเยว่มองกลุ่มนักโทษที่นอนกระจายตามจุดต่าง ๆ คล้ายกับศพที่นอนเกลื่อนกลาด แล้วก็ได้แค่ส่ายหัวหนทางของการโดนเนรเทศที่แสนลำบากนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนจะเหนื่อยล้ามาก แต่กลับไม่มีคนตายต่อไปก็อาจจะไม่แน่“ท่านแม่ ท่านเปลี่ยนยาให้สามีข้าได้แล้ว ข้าจะออกไปเดินดูแถวนี้หน่อยว่ามีอาหารอะไรให้พวกเรากินได้บ้างกู้หว่านเยว่ตั้งใจจะไปดูว่าในป่าแถวนี้มีผลไม้ป่าหรือสัตว์ป่าอาทิเช่นไก่และกระต่ายบ้างหรือไม่นางหยางรู้ว่าขวดยาถูกเก็บไว้ที่ไหน นางจึงพยักหน้า“รู้แล้ว หว่านเยว่ เจ้าต้องระวังตัวนะ....”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก “ป่าแถวนี้รกและทึบ เจ้าอย่าเดินไปไกลล่ะ จะได้หลีกเลี่ยงสัตว์ป่า”“วางใจเถอะ”กู้หว่ายเยว่คลี่ยิ้มกระหายเลือด ต่อให้เจอกับสัตว์ป่า พวกมันก็ต้องล้มลงต่อหน้านาง!หลี่ซือซือจ้อ
สองขาของจางเอ้อร์สั่นเทา “หัว หัวหน้า หนีหรือไม่ขอรับ...”ข้างหลังหมูป่าตัวนั้นยังมีหมูป่าโตเต็มวัยไล่ตามมาอีกสองตัว เผยเขี้ยวสีขาวยาวๆ สองซี่ ครั้นวิ่งขึ้นมาผืนดินสั่นภูเขาสะเทือนซุนอู่สบถทีหนึ่ง “หนี ไม่หนีก็รอความตายเถอะ!”ไม่รู้ว่าหลี่ซือซือทำเรื่องใดลงไป กระตุ้นหมูป่าสามตัวให้ฉุนเฉียว หมูป่าโมโหขึ้นมา ก็สามารถชนคนตายได้ซุนอู่ออกคำสั่ง นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นก็ดึงขาวิ่งออกนอกถ้ำแล้วนักโทษที่เหลือเองก็รู้ตัวแล้ว ร้องไห้โอดครวญไล่ตามหลังนักการแห่งศาลาว่าการไปมิใช่พวกเขาไม่อยากหนี แต่นี่คือป่ารกชัฏ มิหนำซ้ำยังไม่รู้ทาง หากวิ่งหนีจนหลงทาง นั่นคงจะอนาถยิ่งกว่าถูกเนรเทศเสียอีก“ท่านนักการ รอพวกเราด้วย!”“ช่วยด้วยๆ!”ทุกคนในสกุลซูเห็นหลี่ซือซือพาหมูป่าออกมา ก็หอบสัมภาระเป็นอย่างแรก วิ่งหนีออกไปอย่างว่องไว“หลี่ซือซือ เจ้าก็คือดาวหายนะ เจ้าล่อหมูป่ามามากเพียงนี้ คิดฆ่าพวกเรากระนั้น?”นางเฉียนสบถด่าอย่างบ้าคลั่ง“อย่ามาทางพวกเรา เจ้าไสหัวไปไกลหน่อย ไปไกลหน่อย...”มีเพียงซูหวู่อวิ๋นหยิบก้อนหินขึ้นจากพื้นขว้างใส่หมูป่า“ซือซือ รีบหนีไปๆ...”“ท่านแม่ท่านจะทำเช่นไร?” หล
ถูกไล่ตามมานานถึงเพียงนี้ นางทนพอแล้วจริงๆ!บนหน้าผากของกู้หว่านเยว่ล้วนคือเหงื่อ นางสะบัดศีรษะอย่างองอาจหล่อเหลา ยกปืนไรเฟิลขึ้น หันเข้าหาหมูป่าและ “พึ่บ” ทีหนึ่ง“ปังปังปัง!”หมูป่าสามตัวยังไม่ทันไหวตัว ก็ตายทั้งหมดแล้วพึ่บ!ถัดจากหมูป่าตัวโตล้มลงกับพื้น กู้หว่านเยว่เองก็นั่งลงบนพื้นยาเพิ่มพลังมีผลข้างเคียง ดึงแรงออกมาใช้สอยก่อน บัดนี้นางคล้ายร่างกายขาดน้ำก็มิปาน ล้มลงกับพื้นแล้วกู้หวานเยว่หลับตา นอนแผ่หลาอยู่ที่นั่น ต้องฟื้นฟูกำลังก่อนถึงจะสามารถกลับไปได้ หาไม่แล้วนางอาจตายกลางทางได้ยัดไก่ย่างเบอร์เกอร์น้ำอัดลมเข้าปาก.......คนส่วนใหญ่ทางฝั่งนี้ ห่างจากบริเวณกู้หว่านเยว่ล่อหมูป่าออกไป เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามแล้วเริ่มแรกทุกคนหลบบนต้นไม้และผาหินอย่างกระวนกระวาย ท้ายที่สุดมั่นใจแล้ว หมูป่าใหญ่น่าจะไม่ปรากฏออกมาอีกแต่ละคนลงจากต้นไม้อย่างหมดแรง จัดระเบียบท่าทางน่าเวทนาของตนหลังผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว ไม่มีใครมีอารมณ์เปิดปากพูดแม้คนเดียว“เหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่กลับมา”ซูจิ่นเอ๋อร์พับขากางเกงขึ้น ระหว่างทางนางและนางหยางล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน หัวเข่ามีเลือด
“เถ้าแก่ ทูเจวี๋ยก่อเรื่องอะไรหรือขอรับ?”“คนทูเจวี๋ย เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกที่เราจะร่วมมือด้วยพวกเจ้าแค่จำคำพูดของข้าไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลให้มาก”กู้หว่านเยว่มีสีหน้าเย็นชา ผู้ดูแลที่เพิ่งถามคำถามรีบพยักหน้า ไม่กล้าส่งเสียงอีก“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่าสั่งการไปจนเกือบหมดแล้ว นางจึงโบกมือให้ทุกคนออกไป“ไปประกาศเรื่องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดเป็นสมาคมสมบัติลับ หากมีเรื่องอื่นใด ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอีกที”พูดมาถึงตรงนี้ สายตาของนางก็พลันหยุดอยู่ที่ผู้ดูแลโจว“ผู้ดูแลโจวอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”ผู้ดูแลโจวรีบอยู่ต่อ บนหน้าผากของเขาเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาด้วยความฉลาดของเขา ทำให้พอจะเดาได้ว่าเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้านี้ อาจไม่ใช่เถ้าแก่คนเดิมแล้วความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่จงใจให้เขาอยู่ต่อหมายความว่าอย่างไร“ผู้ดูแลโจว เจ้าเป็นคนฉลาดตอนนี้ผู้ดูแลเวินหายตัวไปอย่างลึกลับ ข้าตั้งใจจะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลคนใหม่ของตลาดมืด เจ้าเต็มใจหรือไม่?”“หา?”เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่อง
ทว่าแต่ละคนต่างไม่กล้าคัดค้าน ผู้ดูแลโจวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งมานานแล้ว หากเถ้าแก่ต้องการเปลี่ยนชื่อตลาดมืดก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ข้าน้อยมีความกังวลเล็กน้อย”“เจ้ากังวลเรื่องอะไร?”กู้หว่านเยว่มองไปที่ผู้ดูแลโจว แต่ก็ไม่ได้โกรธ นางตั้งใจจะลองฟังดูว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร“ตลาดมืดอินซานของเรามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว หากจู่ ๆ เปลี่ยนชื่อ เช่นนั้นเกรงว่าผู้คนจะคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตลาดมืด อาจส่งผลกระทบต่อการค้าของพวกเราได้”ปัญหาที่ผู้ดูแลโจวหยิบยกขึ้นมานั้นมีอยู่จริงปัญหานี้ กู้หว่านเยว่ก็เคยพิจารณามาก่อนแล้วแต่ในเมื่อนางจะเข้ามารับช่วงต่อตลาดมืดอินซาน ก็ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดมืดแห่งนี้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบเดิมอีกต่อไปเพราะถึงอย่างไรตลาดมืดก็เคยร่วมมือกับคนทูเจวี๋ย แถมยังเคยปล่อยยาสลบในงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ ชื่อเสียงเลยเสื่อมเสียไปแล้วบางทีการเปลี่ยนชื่ออาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุด และยังทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตลาดมืดได้เปลี่ยนเจ้าของไปแล้วหรือไม่“เรื่องนี้ไม่เป็นไร ข้าได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตลาดมืดอินซานของเราก่อตั้งม
หลังจากที่ถังหมิงรุ่ยจากไปแล้ว หลี่หรงหรงก็เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค กู้หว่านเยว่พบว่าบนกล่องแต่ละใบมีชื่อเขียนอยู่“หรงหรง นี่ให้เจ้า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่อง พบว่าสิ่งที่ถังหมิงรุ่ยมอบให้ทุกคนคือสร้อยข้อมือลูกปัดเพียงแต่พิเศษตรงที่ สร้อยข้อมือลูกปัดของหลี่หรงหรงนั้นทำจากปะการังแดง แตกต่างจากของคนอื่น“ตรงกลางเหมือนจะเป็นถั่วคะนึงหานะ?”ชิงเหลียนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลี่หรงหรงกล่าวอย่างฝืน ๆ “ถั่วคะนึงหาอะไรกัน เจ้าตาฝาดแล้ว”พูดจบก็วางสร้อยข้อมือเส้นนั้นกลับเข้าไปในกล่องผ้าไหมด้วยสีหน้ารังเกียจ“ข้าไม่เคยใส่ของแบบนี้ รู้สึกว่ามันเกะกะ”กู้หว่านเยว่กำลังครุ่นคิดเรื่องตลาดมืดอยู่ จึงไม่ได้สนใจ หลังจากที่ให้ชิงเหลียนเก็บของขวัญไปแล้ว นางก็ดึงชายเสื้อของซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าอยากไปที่ตลาดมืดสักหน่อย”“ได้ ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”สองสามีภรรยากำชับลูกน้องสองสามประโยค จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากเรือน มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดเมื่อมาถึงที่ไม่ไกลจากตลาดมืด กู้หว่านเยว่ก็หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาจากมิติซูจิ่งสิงมองออกว่าเสื้อคลุมตัวนี้ ไม่น่าจะใช่ตัวเดียวกับที่หยิบมาจากไป๋โม่อวี่ก่อนหน้
“ดูเหมือนจะเป็นคุณชายถัง?”“รีบเชิญเขาเข้ามา”กู้หว่านเยว่เกือบจะลืมถังหมิงรุ่ยไปเสียแล้ว รีบให้หลี่หรงหรงไปพาเขาเข้ามา“เจ้าดูสิว่าวันนี้ข้าแต่งตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”ถังหมิงรุ่ยถามผู้ติดตามด้วยความกังวล อีกฝ่ายพยักหน้า“คุณชายใหญ่ ท่านแต่งตัวหล่อเหลามากแล้ว ข้าน้อยไม่เคยเห็นท่านตั้งใจแต่งตัวขนาดนี้มาก่อน”“อย่าพูดจาเหลวไหล”ถังหมิงรุ่ยหน้าแดงเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวกลับเป็นดวงตาคู่สวยของหลี่หรงหรง“คุณชายถังรีบเข้ามาเถิด”ขณะที่ถังหมิงรุ่ยกำลังครุ่นคิด ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน ทันใดนั้นหลี่หรงหรงก็งมองเขาด้วยรอยยิ้ม“เจ้า” ถังหมิงรุ่ยมองเสียจนตาค้างดวงตาคู่นี้เขาจำได้ แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จักหลี่หรงหรงก็นึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาไปที่บ้านสกุลถัง ทุกคนแปลงโฉมไปกันหมดและตอนนี้นางออกมาเปิดประตู ไม่ได้แปลงโฉม ไม่แปลกที่ถังหมิงรุ่ยจะจำไม่ได้“คุณชายถังจำข้าไม่ได้แล้วหรือ? ข้าคือหลี่หรงหรง”หลี่หรงหรงยิ้ม จงใจใช้น้ำเสียงอย่างวันนั้น ถังหมิงรุ่ยก็นึกขึ้นได้ทันที คนที่อยู่ตรงหน้าคือหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดสองวันมานี้ “หน้าตาของเจ้า เหตุใดเ
“ขออภัยพระชายา ข้าขอตัวก่อน”เขาแทบจะเผ่นหนีไปเลย ทำให้เซี่ยเหอมีความมั่นใจ พูดจาน้ำเสียงก็แข็งกร้าวขึ้น“พระชายา ข้ารู้ว่าท่านกับชิงหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ว่า ข้าและพี่ใหญ่เฉิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้วในอนาคตเขาจำเป็นต้องแต่งงานกับข้า หวังว่าท่านจะช่วยเตือนคุณหนูชิงหลาน อย่าให้นางมาทำลายพวกเรา”เซี่ยเหอ พูดจาประชดประชัน ทำให้ชิงหลานโมโหอย่างมาก“เรื่องของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับฮูหยินของพวกเราด้วย?”กู้หว่านเยว่กลับไม่โกรธ มองนางพลางยิ้มอย่างคลุมเครือ “ใครทำลายใครกันแน่?”สีหน้าของเซี่ยเหอเปลี่ยนไป นางไม่ได้อะไรดี ๆ เลยเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่“ขอตัวลาก่อน”“เซี่ยเหอผู้นี้ ตอนแรกก็แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พอได้ขึ้นเตียงกับคุณชายเฉิงแล้ว ก็เผยธาตุแท้ออกมา”ชิงเหลียนบ่นพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง โชคดีที่หงเจาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นหมัดหนัก ๆ คงพุ่งออกไปแล้ว“ไม่ต้องสนใจนาง” กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“นางใช้วิธีแบบนี้เพื่อยกฐานะตัวเอง ต่อไปก็คงได้รับผลกรรมแน่นอน”เฉิงเซวียนก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ต่อให้เขาโง่ แต่คนตระกูลเฉิงจะโง่หรือ?ใน
กู้หว่านเยว่อยู่ในมิติเป็นเวลาสามชั่วยาม ในที่สุดก็ปรุงยาเสร็จสิ้น“หากมิใช่เพราะน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์อัปเกรด ทำให้สมุนไพรเติบโตอย่างรวดเร็ว คงไม่อาจปรุงยาลูกกลอนเม็ดนี้ได้จริง ๆ ”หลังจากใส่ยาลูกกลอนสีแดงลงในขวดหยกแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ออกมาจากมิติ“น้องหญิง”ซูจิ่งสิงที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียง จึงเรียกเบา ๆ กู้หว่านเยว่ที่อารมณ์ดีเอ่ยขึ้น“เปิดประตูเถิด ปรุงยาแก้พิษเสร็จแล้ว”“ได้”ซูจิ่งสิงเปิดประตู ใบหน้าเผยความห่วงใย “เหนื่อยมากหรือไม่?”“ไม่เท่าไร”กู้หว่านเยว่ชื่นชอบในวิชาแพทย์ ความรู้สึกประสบความสำเร็จจากการปรุงยาช่วยกลบความเหนื่อยล้า“ไปหาเทียนซิงเยว่ก่อน”ยานี้เก็บไว้ได้ไม่นานนัก กู้หว่านเยว่มาถึงห้องของเทียนซิงเยว่ แล้วมอบยาลูกกลอนให้กับนาง“กินกับน้ำอุ่น หลังจากกินแล้วอาจจะง่วงนิดหน่อย ท่านก็นอนพักผ่อนสักหน่อย”“ขอบคุณมาก”เทียนซิงเยว่รับขวดยาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง ยานี้มีค่ามากสำหรับนางไป๋โม่อวี่ยังไม่กลับมา กู้หว่านเยว่จึงตัดสินใจไปทานข้าวก่อนยุ่งมาทั้งวันแล้ว นางยังไม่ได้ทานข้าวเลย“ในหม้อมีกับข้าวร้อน ๆ แล้ว” เป็นของที่หลี่หรงหรงทำขึ้นมาใหม่ ฝีมื
เทียนซิงเยว่ยิ้มเล็กน้อย “ข้ารักเขา ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งข้า เช่นเดียวกัน เขาก็รู้สึกเช่นนี้ต่อข้า”เฉิงเซวียนสะดุ้งเล็กน้อย “ข้า...”เขาอยากจะบอกว่าตัวเองมีคนที่ชอบ แต่พอนึกขึ้นได้ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้เชื่อใจน้องหญิงอย่างเต็มที่วันนั้น เขาเข้าข้างเซี่ยเหอโดยไม่ได้แยกแยะถูกผิด และยังทะเลาะกับน้องหญิงเพราะเซี่ยเหออีก“หลังจากที่ชิงหลานกลับมา ดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยถามสักคำว่านางไปเจออะไรมาบ้างในช่วงที่หายตัวไป?”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา คนผู้นี้ช่างรู้ตัวช้าจริง ๆ เพิ่งจะมาคิดได้เอาป่านนี้เฉิงเซวียนเข้าใจขึ้นมาทันที สีหน้าแดงก่ำ “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันมากมายเหลือเกิน...”เขาไม่ใช่ไม่อยากถาม เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเท่านั้น“น้องหญิง”เขาเงยหน้าขึ้น เห็นเนี่ยชิงหลานยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี มองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“พี่หญิงหว่านเยว่ ข้าวเสร็จแล้ว”เนี่ยชิงหลานพูดจบประโยคนี้ก็หันหลังเดินจากไป ทำให้เฉิงเซวียนตกใจจนต้องรีบวิ่งตามไป“น้องหญิงฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องวันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดจริง ๆ ”เสียงของทั้งสองคนค่อย
ถึงแม้ไป๋โม่อวี่จะบอกกับนางหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของนางเลยแต่ทุกครั้งที่นางเห็นหญิงชราที่ดูซูบผอมในกระจก ก็ยังคงรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดเกินไป ไม่คู่ควรกับชายหนุ่มที่ดีที่สุดในใจของนาง“ข้ามียาสมุนไพรชนิดหนึ่ง”ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย“ถึงแม้จะไม่สามารถแก้พิษของท่านได้ แต่สามารถทำให้ใบหน้าของท่านกลับคืนสู่สภาพเดิมได้”สมุนไพรชนิดนี้ นางพบตอนที่อยู่ในถ้ำ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเช่นกัน“จริงหรือ?”เทียนซิงเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ว่านางจะไม่เคยเสียใจที่ตอนนั้นใบหน้าของตนเองถูกทำลายเพื่อตามหายาให้กับไป๋โม่อวี่แต่นางก็มักจะคิดอยู่เสมอว่า หากใบหน้าของนางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เช่นนั้นคงจะดีไม่น้อย“พระชายา โปรดมอบยาให้ด้วยเถิด”นางรู้ดีว่าในมือของนางไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งได้ ทำได้เพียงเอ่ยคำขอร้องเท่านั้น“ข้าหวังว่าภาพสุดท้ายที่ข้าจะทิ้งไว้ให้อาโม่ จะเป็นภาพที่งดงามสมบูรณ์แบบ”“ซิงเยว่”ไป๋โม่อวี่ก็เข้าใจดีว่าตนเองได้มอบชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ออกไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาแลกเปลี่ยนกับกู้หว่านเยว่ได้อีกเพื่อให้บรรลุเ
“ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์?”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เป็นประกาย ก่อนหน้านี้อ๋องหกเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับนาง ก็มอบชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ชิ้นหนึ่งให้กับนางเช่นกัน ชิ้นส่วนนั้นนางเก็บไว้ในมิติมาโดยตลอดเท่าที่นางรู้ ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ที่อ๋องหกมอบให้แก่นางก็น่าจะเป็นของราชวงศ์ตงโจวเช่นกัน หรือว่าชิ้นส่วนที่ทั้งสองคนหยิบออกมานั้นจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์เดียวกัน?“ท่านเอาชิ้นส่วนนั้นออกมาให้ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างรีบร้อน“วางใจได้ หากสิ่งของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการจริง ๆ ข้าจะไม่คืนคำแน่นอน”“ตกลง”ไป๋โม่อวี่พยักหน้า บอกตำแหน่งของชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ให้กับพวกเขา“หลังจากได้ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์มาแล้ว ด้วยประสบการณ์การดูสมบัติของข้ามาหลายปี จึงตัดสินได้ว่าแผนที่ขุมทรัพย์นี้ต้องมีมูลค่ามหาศาล ดังนั้นข้าจึงเย็บมันไว้ที่ด้านในของเสื้อผ้า”ไป๋โม่อวี่ชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่งบนร่างกายของเขา ซูจิ่งสิงเหลือบมองเขา แล้วเอ่ยกับกู้หว่านเยว่“น้องหญิงเจ้าหันหลังไปก่อน ข้าจะไปเอาชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ออกมาให้”เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเย็บชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ไว้ในเสื้อตัวใน