ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมา
พู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย
“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”
“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ
“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”
“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง
“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”
“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”
“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร
“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้
“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”
“หากเป็นเรื่องที่ให้ได้”
“ข้าอยากเรียนกระบี่ วันนี้ดีที่มีท่านคอยช่วยเหลือ หากวันหน้ามีใครทำร้ายข้าคงสิ้นใจ ท่านจะอยู่ได้หรือ” อี้เหมยซบหน้ากับอกกว้างออดอ้อนแบบที่เคย
“ชายาข้าใครว่าน่ารัก” เซียวจ้านครางมองชายาอย่างนึกทึ่งกับพลังที่ใคร่อยากเรียนรู้สารพัด
“มีแค่ท่านที่รู้ทันข้า ตกลงให้ข้าเรียนเถิด”
“ก็ได้ ข้าจะให้อาจารย์ฮุ่ยเจินเป็นคนสอนเจ้า”
“ท่านน่ารักที่สุด” อี้เหมยบอกเสียงหวานขณะถูกอุ้มพาไปยังเตียงแผ่นหลังแนบชิดที่นอน ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มขณะเขาล้มตัวลงนอนข้างแขนเล็กกอด พร้อมขาเรียวพาดไปตามลำตัว การกระทำท้าทายอย่างอวดเก่ง ริมฝีปากอมยิ้มหวาน
“ถ้ารักก็รีบมีลูกให้ข้าเสียที” เซียวจ้านพลิกกายขึ้นยันศอกกับที่นอนมองอี้เหมยสายตาปรารถนา ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้ตั้งใจจูบแต่อี้เหมยเบี่ยงหน้าหนีพร้อมหัวเราะคิกคักชอบใจที่ได้แกล้ง
“น่ารักเพคะ นอนเถิดข้าง่วงแล้ว” อี้เหมยแสร้งปิดปากหาว แล้วส่งสายตายั่วยวนผิดจากคำพูดเมื่อครู่ลิบลับ เซียวจ้านยอมปล่อยผ่าน แต่คงวันนี้เท่านั้น อ้อมแขนโอบร่างภรรยากระชับขึ้น
ร่างท้วมของอดีตผู้ว่าการเนียชิงที่กำลังคุกเข่าบนพื้นรีบร้อนขยับกายเข้าหาองค์ชายสาม หวังหย่ง ท่าทางวางมาดในมือถือพัดคู่กายพร้อมสายตาดูแคลนมองชายบนพื้น
“องค์ชายสามท่านต้องช่วยข้าด้วย”
“เจ้าก่อเรื่องกับใครไม่ทำ เหตุใดจึงไปก่อเรื่องกับท่านอ๋อง อยากให้ข้าอายุสั้นหรือไง”
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ถ้าท่านช่วยข้ากับครอบครัว จะให้ข้าทำอะไรก็ยอม”
“ให้ทำอะไรก็ได้หรือ” องค์ชายสามยิ้มร้าย สายตามองหน้าบุตรสาวเนียชิงแล้วกวักมือเรียกนางมาใกล้ก่อนจะพาออกจากห้องหายออกไป แม้เจ็บใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ขอเพียงมีชีวิตรอดไม่ว่าอะไรเขายอมทำแม้กระทั่งส่งตัวลูกสาวให้เขา
วันปีใหม่ ภายในตำหนักอ๋องเซียวจ้านถูกตกแต่งด้วยโคมไฟและกระดาษหลากสี สาวใช้และบ่าวต่างพากันเดินให้วุ่นเพราะวันนี้ต้องมีขุนนางมากหน้าหลายตามาอวยพรท่านอ๋องและพระชายาแน่ อีกทั้งยังจัดเตรียมอาหารรสเลิศ ขนมสำคัญไม่ให้ขาดเตรียมพร้อมไว้
ภายในห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงขุนนางมีชื่อเสียงต่างเดินทางมาทักทายคารวะพระชายาและถวายของกำนัล ต่างเป็นที่รู้ดีว่านางเป็นคนสำคัญของอ๋องเซียวจ้าน หากถูกละเลยไปคงไม่ดี
“วันนี้ปีใหม่ ข้ามาคารวะท่านกับพระชายา ตลอดหลายเดือนมานี้ได้ข่าวว่าท่านปราบปรามคนชั่วไปมากน่านับถือยิ่งนัก” องค์ชายสามเอ่ย
“ขอบใจที่น้องสามใส่ใจการทำงานของข้า” เซียวจ้านบอกพร้อมหัวเราะชอบใจ ทว่าสายตากลับเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายกับคำชม
“ท่านอ๋องวันนี้ข้าพาลูกสาวมาด้วย...” ใต้เท้าจางเฟ่ยกำลังแนะนำบุตรสาวตนเองที่รูปโฉมงดงามอีกทั้งกิริยามารยาทเพียบพร้อม ขอเพียงเข้าตาอ๋องเซียวจ้านรับเป็นสนมตระกูลเขาคงมั่งคั่งมากขึ้นแน่
“ช้าก่อนใต้เท้า ข้าขอขอบคุณในน้ำใจของท่าน แต่ข้าขอปฏิเสธแทนท่านอ๋อง คุณหนูจากตระกูลขุนนางเพียบพร้อมด้วยการศึกษาอีกทั้งกิริยางดงามมิสู้ช่วยท่านทำงานเพิ่มพูนบารมีไม่ดีกว่าหรือ ส่วนที่นี่มีสาวใช้มากแล้วเห็นทีคงรับไว้ไม่ได้ อีกอย่างดูนางแล้วคงมีชายที่รัก ท่านอย่าได้รังแกความรักของลูกสาวท่านเลย”
สิ้นเสียงปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง ทั้งคำพูดและกิริยาที่ไม่อาจต่อต้าน จนไม่มีใครเอ่ยขัด แม้กระทั่งท่านอ๋องยังส่งยิ้มเห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้ด้วย คราวนี้เป็นใต้ท้าวคนนั้นหน้าเสีย ดวงตากลมโตมองไปยังลูกสาวขุนนางแล้วระบายยิ้มเมื่อเห็นสายตาชื่นชมส่งมาให้
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เ
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เ
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมาพู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”“หากเป็นเร
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่