ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา
“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”
“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”
“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”
“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”
“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ
“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า
“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”
“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม
“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาด
เซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่
ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที่สอบสวน ท่าทีเกรงกลัวผิดกับตอนรีดไถยอมรับสารภาพจนสิ้นก่อนจะถูกคุมตัวไปฝากขังไว้ อี้เหมยเดินออกจากประตูเจอเข้ากับหลานเอ๋อร์ที่รีบร้อนจากเกี้ยวมาหานางถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ท่านพี่อี้เหมย ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่”
“หลานเอ๋อร์ข้าไม่เป็นอะไร ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้” อี้เหมยจับแขนอีกฝ่ายไว้ วันนี้คงต้องเลิกนัดสนทนากับนาง แถมตัวเองอาจไม่ได้ออกตำหนักแน่เพราะสาวใช้ที่ตามมาด้วยเหลือเพียงหนึ่ง คงไปรายงานท่านอ๋องแล้ว
“พอข้าได้ยินว่าท่านเกิดเรื่องก็รีบมาหา”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าไม่เป็นอะไร แต่ใต้เท้าชิงเฟิงต่อสู้กับทหารพวกนั้นเจ้าลองถามเขาดูสิว่าเป็นอะไรบ้าง” อี้เหมยส่งไม้ต่อให้ชิงเฟิงพอเห็นพวงแก้มแดงเรื่อท่าทีเอียงอายก็แอบยิ้มกับตัว ก่อนจะระบายยิ้มกว้างเมื่อเห็นเกี้ยวใครมาก่อนจะหน้าเสียเมื่อไม่เห็นชายคนรัก
“ท่านอ๋องให้คนนำเกี้ยวมารับพระชายา กำชับให้รีบกลับขอรับ”
“ใจแข็งไม่มารับเชียว” อี้เหมยต่อว่าคนไกล แต่ไม่ได้น้อยใจหรือโกรธเคือง
“หลานเอ๋อร์ข้าต้องกลับแล้ว ไว้เชิญเจ้าไปหานะ” อี้เหมยบอกก่อนล่ำราอีกครั้งแล้วเดินขึ้นเกี้ยวพากลับตำหนัก
ใช้เวลาไม่นานเกี้ยวและทหารองครักษ์ก็เดินทางมาถึงตำหนักอ๋องเซียวจ้าน นางอมยิ้มเมื่อเห็นใครยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว
“น้องหญิงทำไมเจ้าถึงชอบหาเรื่องนักนะ”
พอออกจากเกี้ยวได้คำถามแกมดุดังพร้อมแรงดึงร่างนางเข้ามากอด ต่อให้เขาถามอีกเป็นร้อยครั้งเห็นทีนางจะไม่เข้าใจความห่วงใยและคงทำต่อไป ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกมองนิ่งไปทางภรรยาและลูกน้อง
“ท่านอ๋อง ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว อีกอย่างใต้เท้าชิงเฟิงก็อยู่ด้วย” อี้เหมยระบายยิ้มสวมกอดกายหนา ต่อให้ไม่ไปรับแต่ความเป็นห่วงนี้นางรับรู้ได้
“ขออภัยท่านอ๋อง เป็นข้าดูแลพระชายาไม่ดี”
“ที่รัก ท่านอย่าเอาความกับใครเลย ข้าปลอดภัยดี” อี้เหมยเรียกเซียวจ้านเสียงหวานหยดย้อยแถมยังอายที่ต้องเรียกเขาเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน ครั้งหนึ่งนางจำได้ว่าเซียวจ้านอยากให้เรียก ที่รัก ไม่นึกว่าจะได้ใช้ในเหตุการณ์นี้
เซียวจ้านระบายยิ้มชอบใจก่อนรับร่างอี้เหมยมากอดอีกครั้ง
“องค์ชายสามก็อยู่ด้วยหรือ” อี้เหมยถามหลังเห็นชายข้างหลังสามี
“พอดีข้าไปคุยงานกับท่านพี่ได้ยินว่าท่านช่วยคนเลยขออยู่ก่อน เห็นท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“งั้นเชิญเข้าไปข้างในดีกว่า ข้ามีคำถามอยากถามองค์ชายสามพอดี”
ท่าทีสตรีตรงหน้าเปลี่ยนไปทำให้หวังหย่งเริ่มรู้สึกไม่ดี แต่ยังเดินตามเข้าไปด้านใน บรรยากาศเงียบเฉียบเกินไป สายตาทุกคู่มองไปยังร่างผอมบางของอี้เหมยที่กำลังเดินไปมา
“องค์ชายสามรู้เรื่องทหารรีดไถเงินหรือไม่”
“เรื่องนั้น เดี๋ยวนี้มีทหารปลอมแอบอ้างบารมีข้ารีดไถเงินชาวบ้าน ข้าตามสืบมาหลายวันแล้วโชคดีที่พระชายาจับตัวได้ ข้าจะลงโทษให้สาสม” หวังหย่งพูดพยายามไม่ให้เสียงสั่นทั้งยังแสร้งกรอกสายตาหลบหน้า
“เป็นเช่นนั้นเองหรือ งั้นแสดงว่าทหารพวกนี้ไม่ใช่คนขององค์ชายสาม”
“ไม่ใช่ ๆ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะถามท่านแล้ว ท่านอ๋อง ข้าจะทำอาหารให้ท่านสักสองอย่าง เชิญองค์ชายสามอยู่ร่วมทานด้วย” อี้เหมยบอกเซียวจ้านพร้อมชวนหวังหย่ง
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมาพู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”“หากเป็นเร
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เ
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เ
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมาพู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”“หากเป็นเร
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่