บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ
“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”
“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”
ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ
“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”
ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง
“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”
“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”
“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”
“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”
“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”
“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เกรงว่าจะทำให้เจ้าเสียนิสัยมากกว่า ข้าว่าพวกเราเข้าไปด้านในเถิด” อี้เหมยลุกขึ้นเดินนำก่อนจะชะลอเท้าเพื่อให้หลานเอ๋อร์ตามทัน สองหญิงงามเดินกลับเข้างานเลี้ยงอีกครั้งก่อนพาเซียวจ้านกลับห้องพักผ่อน
บนเตียงขนาดใหญ่สองร่างแนบชิดถ่ายทอดให้ความอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรัก ริมฝีปากสีหวานระบายยิ้มมองรูปภาพเซียวจ้านนั่งทำงานที่วันนี้ถูกอวดให้ผู้อื่นได้เห็น แต่แล้วอยู่ ๆ สีหน้าเปี่ยมความสุขกลายเป็นสงสัย
“ท่านอ๋อง อำมาตย์ซ้ายคนนี้เป็นคนยังไง”
“เจ้าถามแปลก ๆ มีอะไร” เซียวจ้านถามกลับ เขาพอรู้อะไรมาบ้างแต่ยังอยากได้ความเห็นจากนางด้วย
“ข้ารู้สึกไม่ดีเวลาเจอเขา หรือข้าคิดมากไป”
เป็นจริงอย่างนางว่า อำมาตย์ซ้ายคนนี้ช่วงหลังมีท่าทีสนิทกับองค์ชายสาม
“ไว้ข้าจะตรวจสอบอีกที”
เซียวจ้านจับมือเล็กมาจูบ ใจจริงไม่อยากให้นางยุ่งเรื่องพวกนี้แต่ชายาเขามีหรือจะฟัง ถึงปล่อยให้ทำตามใจ อีกอย่างสิ่งที่นางทำเป็นเพราะอยากด้วยใจจริง
“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าได้สหายเพิ่ม เป็นคุณหนูหลานเอ๋อร์ ข้าพอรู้มาว่านางไม่ได้มีใจเกี่ยวกับการกระทำของบิดาวันนี้” อี้เหมยขยับลุกขึ้นเล่า ใบหน้ายิ้มแย้มผิดจากเมื่อครู่
“เห็นเจ้ามีความสุขข้าก็ยินดี ใต้หล้านี้รอบกายข้าล้วนมีมิตรและศัตรู มากน้อยไม่อาจคาดเดาได้ แต่ข้าให้สัญญาจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเจ้าแน่” เซียวจ้านขยับกายลุกขึ้นนั่งพิงมองภรรยาแสนรัก
“ข้าช่างโชคดี มีสวามีที่รักมากมายเช่นท่าน แบบนี้ข้าคงไปไหนไม่รอด” อี้เหมยระบายยิ้มแก้มปริขยับกายซุกซบอกกว้าง
“คิดเช่นนั้นก็รีบมีลูกให้ข้า ผู้คนคงสงสัยแต่งงานมานานทำไมเราไม่มีทายาท”
“ต้องอยู่ที่ท่านว่าจะทำได้หรือไม่” อี้เหมยส่งสายตาหวานซึ้งให้พร้อมทำใจกล้าจูบปากเซียวจ้านก่อนจะถูกเขาจับให้นั่งควบบนตักหันหน้าเข้าหากัน
“พูดเช่นนี้อย่าอิดออดภายหลังแล้วกัน”
คราวนี้เป็นริมฝีปากอิ่มถูกปล้นจูบ ปลายนิ้วเรียวเคลื่อนตามสีข้างลากผ่านชุดนอนผ้าแพรเนื้อบางเบาก่อนจะสะกิดยอดถันแข็ง เสียงร้องกระสันพลันร่างบางบนตักเริ่มอยู่ไม่นิ่ง บดเบียดสะโพกกลมกลึงไปมาและนั่นทำให้สิ่งที่อยู่ภายใต้ดึงตัวแข็งขัน
“ท่านพี่...อื้อ” อี้เหมยร้องและเป็นฝ่ายปลดอาภรณ์ตัวเอง สายตาหวานเยิ้มพร้อมใบหน้าขวยเขินยามเปิดเผยช่อดอกบัวทั้งสองต่อหน้าสามี ไม่ว่าจะกี่ครั้งนางก็ไม่ชิน
เซียวจ้านไม่รอช้ากัดกินเต้าทั้งสองเข้าปากราวกับหิวกระหายมานาน ส่งฝ่ามือกุมสะโพกกลมบีบขย้ำตามอารมณ์พร้อมส่งปลายนิ้วสัมผัสเนื้อสาวสดใหม่ชุ่มฉ่ำน้ำหวาน สอดแทรกนำทางปลุกปั่นสร้างความเสียวกระสัน เสียงร้องครางดังระงมพร้อมกายสาวขยับตอบรับการรุกราน
“รอก่อน ข้าอยากทรมานเจ้าอีกหน่อย”
เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็ก ก่อนเคลื่อนริมฝีปากซุกไซ้ซอกคอขาวหอมกรุ่น เม้มจูบสร้างรอยตีตราเป็นเจ้าของ มืออีกข้างยังกุมเต้าบีบเค้น
อี้เหมยบอกกับตัวเองจะไม่ทน นางรีบร้อนปลดอาภรณ์ของสามี ความกำยำสมชายชาตรีปรากฏต่อหน้าพร้อมแก่นกายชายตั้งเด่นพร้อมสำหรับการทำศึกรัก แต่แล้วความคิดเอาคืนเข้ามาในหัว มือน้อยกุมแท่งร้อนปานเหล็กลนไฟนวดคลึง
“อ่าส์ น้องหญิงของข้าอย่าซน เดี๋ยวเจ้าจะรับศึกหนัก” เสียงร้องคำรามพยายามคุมสติไว้มั่นมองหน้าแดงก่ำของอี้เหมยยิ่งเห็นเช่นนั้นยิ่งกระตุ้นความต้องการแทบระเบิดคามือเล็กนี้
“ท่านว่าข้าควรกลัวหรือไม่”
วาจาท้าทายถูกเอ่ยก่อนจะถูกกลืนด้วยจูบร้อนพร้อมสะโพกมนยกขึ้นสูงสวมทับแก่นกายชายแข็ง เสียงร้องอือในลำคอพร้อมสะโพกสวบเด้งกระแทกสวนทำรักตามใจปรารถนา
ร่างบางทิ้งกายซบหน้ากับบ่ากว้างปล่อยอารมณ์และร่างกายให้เซียวจ้านนำทาง เสียงร้องคำรามดังประสานเสียงเนื้อกระทบดังทั่วทั้งห้อง ร่างบางถูกดันลงนอนหงายตามติดด้วยกายหนาไม่ยอมถอดออกห่าง
เรียวขาทั้งสองเกี่ยวสะโพกอย่างรู้หน้าที่พร้อมยกตัวจูบปากเซียวจ้านยามเขาเคลื่อนกายอัดกระแทกเต็มกำลัง อารมณ์หวามทะลุเพดานยากเกินควบคุม ช่องทางรักบีบรัดแน่นส่งสัญญาณอีกไม่นานนางจะสุขสม เซียวจ้านไม่รั้งรอกุมสะโพกลอยเด่นยามบทรักครั้งสุดท้ายมาถึง ปลดปล่อยธารารักร้อนขาวขุ่นสู่กายสาวจนสิ้น กายหนาโยกเคลื่อนไหวให้อี้เหมยรีดพิษทุกหยาดหยด
แต่แทนที่นางจะได้พัก พายุรักระลอกใหม่ก็เริ่มขึ้น ดั่งคำที่นางสบประมาทเซียวจ้านไว้ เนิ่นนานล่วงวันใหม่ เสียงไก่ขันยามเช้าสาง เขาถึงยอมปล่อยให้เจ้าหล่อนพักผ่อนในอ้อมแขนของตนเอง
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมาพู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”“หากเป็นเร
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
“ข้าเสียดาย วันนี้มีธุระต่อไว้คราวหน้าข้าจะมาฝากท้องที่นี่ ข้าลา” หวังหย่งลุกขึ้นล่ำลาก่อนเดินทางออกจากที่นั่นเซียวจ้านพยักหน้าให้ชิงเฟิงตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปสนใจภรรยา โอบร่างผอมบางไปนั่งกินข้าว แม้ยามกินเซียวจ้านยังเอาใจใส่ แต่ใบหน้าเรียบตึงพร้อมนัยน์ตาดุที่มองมาราวผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก อี้เหมยทำได้เพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ดูท่านางต้องรับมือศึกใหญ่ภายในห้องนอน สายตาแหลมคมมองเหลือบไปทางภรรยาเล็กน้อยก่อนจะสนใจราชโองการตรงหน้า กลิ่นกายหอมเฉพาะตัวลอยแตะจมูก อี้เหมยนั่งเคียงข้างประจำที่พร้อมกระดาษวาดภาพ“ท่านอ๋องท่านโกรธข้าหรือ”“อืม ข้าโกรธเจ้า ก่อนออกไปเจ้าสัญญากับข้าว่าอย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปไหนหนึ่งเดือน”“ท่านอ๋องใจร้าย” มือที่เตรียมจรดปลายพู่กันบนกระดาษชะงักค้างก่อนจะวางกลับที่เดิม น้ำเสียงเรียบแต่แง่งอนเมื่อรู้บทลงโทษตัวเอง“ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนคุยข้าจะให้คุณหนูหลานเอ๋อร์มาหา”“ก็ได้ แต่แลกกับข้อมูลบางอย่าง ลดโทษข้าครึ่งเดือนได้หรือไม่” อี้เหมยขยับไปนั่งพับขาข้างกายชายหนุ่ม“บอกข้อมูลมาก่อนแล้วข้าจะพิจารณา” เซียวจ้านวางเอกสารในมือหันมองหน้าภรรยา“ข้าได้สอบถามทหารพวกนั้นแลกก
ด้านเซียวจ้านเหลือบตาดูองค์ชายสามเป็นพัก ก่อนจะวางราชโองการในมือ เขามาที่นี่พักใหญ่แล้วเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจา“น้องสาม หลายวันมานี้เจ้ามาหาข้าบ่อย มีอะไรให้รีบพูด เพราะข้าไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับเจ้า”“วันนี้ข้ามารายงาน โจรที่ปล้นอาวุธข้าจับได้เรียบร้อยแล้ว รอเวลานำตัวไปประหาร”“อืม ข้าอยากสอบสวนโจรพวกนั้น”“เอ่อ แต่ข้าสอบสวนแล้ว”“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้ข้าไป” สายตาคมดุจพญาอินทรีจับจ้องไปทางน้องชายต่างมารดาก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบไม่สนใจท่าทางมีพิรุธ“เปล่า ๆ ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ ท่านพี่ละเอียดรอบคอบถึงอยากสอบสวน วันนี้ข้าขอตัวกลับก่อน” องค์ชายสามลุกขึ้นรีบร้อนออกไปพร้อมกับพ่อบ้านเข้ามารายงาน แต่จังหวะนั้นองค์ชายสามได้ยินเข้า“ท่านอ๋องตอนนี้พระชายาอยู่ที่ศาลไต่สวนขอรับ”“น้องหญิงของข้าเล่นซนอีกแล้ว” เซียวจ้านคราง ออกบ้านทีไรต้องมีเรื่องตลอดแม้นมีชิงเฟิงไปด้วยก็ตาม“ข้าไม่ไป ให้คนเอาเกี้ยวไปรับตัวนางกลับมา ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาดเซียวจ้านสั่งการก่อนจะหมุนกายกลับเข้าห้องทำงานรอคอยอี้เหมย คราวนี้เห็นทีต้องจัดการจริงจังไม่เช่นนั้นเขาได้อกสั่นขวัญหนีแน่ที่ว่าการไต่สวน ทหารสามนายถูกเจ้าหน้าที
สายวันเดียวกัน วันนี้ผิดปกติ ท่านอ๋องที่เคยตื่นเข้าและพระชายายังไม่ออกจากห้องนอนเห็นทีไม่ช้านี้จะมีข่าวดีเกิดขึ้นในตำหนักแห่งนี้แน่ ทุกคนในตำหนักต่างรู้ดีว่าทั้งคู่แต่งนานกันมานานแต่ยังไม่มีวี่แววของทายาท ต่างพาร้อนรนใจทุกวันจัดเตรียมอาหารบำรุงกำลังและร่างกายให้ วันนี้ได้เห็นเช่นนั้นเริ่มมีความหวังอีกไม่ช้าพ่อบ้านเดินออกมาต้อนรับหลังสาวใช้รายงานว่าองค์ชายสามมารอที่ห้องโถง อีกฝ่ายดูท่าทางร้อนรนร่ำร้องให้ไปตามท่านอ๋องมาพบ“ท่านพี่อยู่หรือไม่”“วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขก”“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญรายงาน ขอเพียงเจ้าไปบอกว่าข้ามา ทำไมท่านพี่จะไม่ยอมให้พบ”“เห็นทีข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ ขอเชิญท่านมาใหม่วันพรุ่งนี้” พ่อบ้านโค้งกายเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะยอม“บังอาจ! ข้าเป็นถึงองค์ชายสาม เจ้ากล้าดีอย่างไรไล่ข้า” วาจาอวดเบ่งตวาดลั่นไม่ยอม จนคนถูกข่มขู่ก้มหน้านิ่ง“องค์ชายสาม วันนี้ท่านอ๋องไม่รับแขกต้องขออภัยด้วย” ชิงเฟิงเดินมารายงานด้านหลังช่วยเสริมคำพูดพ่อบ้าน สายตาแน่วแน่ไม่โค้งกายทั้งยังจริงจังจนไม่กล้าต่อกรทำให้หวังหย่งต้องถอยกลับ วันนี้ตั้งใจมาสืบเห็นทีต้องมาภายหลัง“เชอะ” องค์ชายสามเดินหมุนก
บทสนทนาแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่ทำให้ทั้งคู่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อีกหน่อย ถ้าหากไม่มีคนมาทำลายเสียก่อน เมื่ออยู่ ๆ คนที่แอบดูไม่ไกลเสียหลักพุ่งตัวออกจากพุ่มไม้ พอรู้ว่าถูกจับได้อี้เหมยแสร้งตกใจ“อุ๊ย! ข้าไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ขออภัยด้วย”“พระชายา พอดีข้าเดินออกมาสูดอากาศ”ท่าทางขวยเขินเหนียงอายดูน่ารัก เดาก็รู้ว่าใครทำให้นางเป็นเช่นนั้น อี้เหมยหันไปทางองครักษ์หนุ่มเอ่ยไม่กี่คำ“ท่านอ๋องเรียกหาท่าน รีบไปหาเร็วเข้า”ชิงเฟิงออกไปแล้ว ทั้งคู่ถึงได้เดินไปนั่งในกระโจมกระจกมีโคมไฟถูกจุดไว้ค่อยให้แสงสว่าง“วันนี้ขอบคุณพระชายามากที่ช่วยข้า”“เล็กน้อย เจ้าอย่าคิดมากเลย ตั้งแต่แต่งงานมาข้าต้องขับไล่ขุนนางที่พยายามส่งตัวลูกสาวมาเป็นสนมอยู่บ่อยครั้ง”“ข้าชื่นชมท่าน ทั้งงดงาม กล้าแสดงความคิดของตัวเอง ส่วนข้าทั้งขี้อายไม่กล้าจะเอ่ยตามความคิดตัวเอง”“หากเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ลดทอดหรือดูถูกตัวเจ้า ไม่ว่าจะทำอะไรให้ตั้งใจจริง ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าจะเข้าใจ อันที่จริงข้าถูกชะตาเจ้าอยากได้เป็นน้องสาวเจ้าจะว่าอย่างไร”“ข้ายินดี ข้าเป็นลูกคนเดียวอยากมีพี่สาวเช่นท่านอบรมสั่งสอน”“ข้าหรือจะอบรมเจ้า เ
ช่างน่าโกรธเคืองยิ่งนัก นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมพ่อแม่ยังคิดจับลูกใส่ตะกร้าถวายให้สามีชาวบ้านอยู่อีก ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ต้องคิดถึงจิตใจลูกตนเองบ้างสิ“พระชายาไม่เพียงงดงามแถมยังมีสายตาที่หลักแหลมแม้กระทั่งหญิงสาวที่มีความรักท่านดูออก นับถือ” องค์ชายสามลุกขึ้นกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบ แม้จะพูดทีเล่นทีจริงแต่วาจานั้นกลับแฝงด้วยการเยาะเย้ย“ท่านยกย่อข้าเกินเหตุ อันที่จริงข้ายังสามารถดูคน ใครคิดร้าย คิดดีจากวาจาและการกระทำอีกด้วย องค์ชายสามท่านอยากทดสอบหรือไม่” อี้เหมยส่งยิ้มรับกิริยาอ่อนหวานแต่ทว่าคำพูดจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ“แหะ ๆ ข้าเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่านเปล่า ๆ” องค์ชายสามยิ้มแห้งพร้อมนั่งลงที่เดิม ไม่ว่าสามีหรือภรรยาต่างน่าเกรงขามยิ่ง แต่คอยดูเถิดสักวันเขาจะยิ่งใหญ่กว่าให้จงได้มือทั้งสองกำหมัดแน่นซ่อนไว้ภายใต้โต๊ะอาหาร“เป็นเช่นชายาข้ากล่าว เมื่อมีภรรยาที่รักมากแล้วเหตุใดข้าจะต้องการเพิ่ม” เซียวจ้านหัวเราะทำลายบรรยากาศพร้อมลุกขึ้นโอบร่างภรรยาแสดงความรักและหวงแหนอีกทั้งปฏิเสธซ้ำย้ำ“ช่างน่าอิจฉาพระชายาที่มีสวามีรักเดียวใจเดียว” อำมาตย์ฝ่ายซ้ายเดินเข้ามาด้านในบริเวณงานเลี้ยงพร้
ภายในห้องสมุด อี้เหมยกำลังวาดพู่กันไปบนกระดาษแต่งแต้มตามที่ร่ำเรียน ภาพชายชาตรีนั่งทำงานงดงามจับใจ หากคนในภาพนั้นจะเป็นใครมิได้ถ้าไม่ใช่สามี ดวงตากลมโตซ่อนแววซุกซนเหลือบมองเซียวจ้านเป็นพัก ๆ สลับกับมือกวาดไปมาพู่กันถูกวางลงพร้อมร่างบางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างกายเซียวจ้านที่กำลังทำงาน พร้อมขยับนวดบ่าคลายกล้ามเนื้อไปด้วย“วันนี้เหนื่อยท่านแล้ว”“เจ้าก็ด้วย” เซียวจ้านมองภรรยาเล็กน้อยแล้วทำงานต่อ“แต่ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องแปลกใจ”“แปลกใจอันใด” ของในมือถูกวางลงพร้อมคิ้วดกดำขมวด สายตาคมเชิงสงสัยกับคำพูดของนาง“ผู้ว่าคนนั้นท่านไม่คิดว่ามีใครหนุนหลังเขาอยู่หรือ ข้าสงสัย”“เจ้าสงสัยเรื่องอะไร”“โจรปล้น และผู้ว่าชั่ว ต่างเป็นพื้นที่ดูแลของใคร” อี้เหมยสะกิดในใจแปลก ๆ หากจะเล่าถึงองค์ชายสาม ชื่อเสียงทางดีก็มี ทางร้ายก็มีแต่ทำไปเพื่ออะไร“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก ข้าเป็นห่วง” เซียวจ้านจับร่างบางให้นั่งตักพร้อมเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง หากเป็นองค์ชายสามจริงเขาไม่ปล่อยไว้แน่ แต่การจะให้อี้เหมยไปเสี่ยงอันตรายอีกเห็นจะยอมไม่ได้“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่าน”“หากเป็นเร
นานหลายนาทีกว่าความวาบหวามจะบรรเทา ร่างบางซุกกายกับอ้อมแขนกว้างที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่าสถานที่ใด ๆ ในโลก เสียงหัวใจในอกซ้ายกล่อมนางจนแทบหลับหากเขาไม่เอ่ยขึ้น“หากเจ้ามีลูก คงเล่นซนไม่ได้อีก” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังเนียนละเอียด“ท่านอยากมีลูกหรือ” อี้เหมยถาม ริมฝีปากชมพูอมยิ้มเล็กน้อย นางเองก็อยากมีลูกกับชายคนรักเช่นกัน พาลให้นึกถึงนางอุ้มลูกและเซียวจ้านกำลังหยอกล้อ คงรู้สึกพิเศษไม่น้อย“แน่นอนว่าข้าอยาก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่มีให้ข้า” เซียวจ้านถามน้ำเสียงจริงจัง“ท่านไร้น้ำยาเอง อย่าโทษข้านะ” อี้เหมยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตาโตพร้อมทำแก้มป่องหลังโดนเขาโยนความผิดให้ ก่อนจะรีบก้มหน้าลงซบอกตามเดิมเมื่อเห็นสายตาร้อนแรงคู่นั้นเปล่งประกายประหลาด“ดี งั้นคืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าไร้น้ำยาอย่างเจ้าว่าไหม”สิ้นเสียงคำรามร่างบางถูกผลักให้ล้มลงนอนหงายอีกครั้งพร้อมกายหนาเคลื่อนทับทั้งกาย คัดค้านคำสบประมาทที่ได้รับอย่างเต็มกำลัง นานหลายยามเช้าวันใหม่ เรือนกระจกทรงกลมถูกรายล้อมด้วยกุหลาบสีขาว ชมพูเลื่อยลาดยาวทั่วทั้งกระโจม รอบข้างห้อมล้อมด้วยสระบัว สายลมพัดปลิวอากาศสดชื่น แส
“ท่านอ๋อง ข้าอยากเรียนผีผา ท่านให้ข้าเรียนได้หรือไม่” เสียงหวานหู พร้อมอาการออดอ้อน ดวงหน้าน้อยซบอิงแอบแนบชิดอกสวามี เพราะนางรู้ว่าเขาต้องใจอ่อนแน่“ทำไมเจ้าไม่เล่นกู่เจิงแทนผีผา เล่นง่ายกว่า”“งั้นข้าเรียนทั้งสองได้หรือไม่ นะท่านอ๋อง” นางกระซิบอ้อนพร้อมความเอ็นดู แน่นอนว่าสวามีต้องยินยอมหากเจอลูกอ้อนนี้“ก็ได้ แต่เหตุใดถึงอยากเรียน”อ้อมแขนโอบกอดร่างภรรยาที่รักให้แนบชิดได้กลิ่นกายหอมจากสาวเจ้า สูดเอาความสดชื่นจากกลุ่มผม รูปร่างผายผอมแต่จิตใจแกร่งกล้าไม่ต่างจากชายชาตรี แต่ยามอ่อนหวานนั้นจับใจจนไม่อาจอยากอยู่ห่างจากนาง “ข้าอยากเล่นให้ท่านฟังเวลาเบื่อหน่ายจากงานราชการ ท่านว่าไม่ดีหรือ”“ย่อมต้องดี แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัว ข้าก็มีความสุขแล้ว” คนถูกทักส่งยิ้มแห้งกับอกกว้างก่อนจะซ่อนแววตาซุกซนไว้มิดชิดไม่ให้สวามีที่รักยิ่งรู้ว่านางกำลังคิดจะทำอะไรนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเรื่อง ภรรยาของเขาภายนอกรูปร่างอ่อนหวานอ้อนแอ้นน่าถนอม เปราะบางเกินกว่าจะทำงานหนัก ใครต่อใครต่างตัดสินว่าเป็นชายาที่งดงามทว่านิสัยของนางห้าวหาญปานผู้ชาย นับวันยิ่งปวดหัวแต่เหตุใดเขากลับรักและอยากดูแลปกป้องสายตาคู่