หลังจากการผจญภัยในวิหารโบราณที่ทำให้หลงเซิงและหวางหลงได้ค้นพบพลังที่แฝงอยู่ในลูกแก้วสีดำ พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจที่สามารถผนึกพลังอันตรายไว้ได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความลับและอุปสรรคอีกมากมาย
เส้นทางที่พวกเขาเลือกในครั้งนี้นำไปสู่ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ มีตำนานเล่าขานกันว่าบนยอดเขาสูงนี้มีอาจารย์เฒ่าผู้ทรงปัญญาที่สามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบและโชคชะตา หลงเซิงและหวางหลงจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าสู่ยอดเขานั้น ด้วยความหวังว่าจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นหา
การเดินทางสู่ยอดเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชันทำให้พวกเขาต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการปีนป่าย หมอกที่หนาทึบปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทุกก้าวที่พวกเขาเดินขึ้นไปดูเหมือนจะยิ่งทำให้หมอกหนาแน่นขึ้น
หลงเซิงและหวางหลงต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น โดยเชื่อว่าการเดินทางนี้จะนำพวกเขาไปสู่ความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในที่สุด หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงของการปีนป่าย พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ราบเล็กๆ บนยอดเขา ที่นั่นพวกเขาพบว่าหมอกเริ่มบางลง และพวกเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภูมิทัศน์รอบข้างดูสงบและเงียบสงบ ราวกับว่าพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง
ที่กลางพื้นที่ราบนั้น พวกเขาพบกระท่อมไม้เล็กๆ ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว กระท่อมดูเรียบง่ายและเก่าแก่ แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกของการต้อนรับ หลงเซิงและหวางหลงมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กระท่อม
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ประตูของกระท่อม ประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชายชราผู้หนึ่งที่ดูแก่ชราแต่ยังคงมีความสง่าผ่าเผย เขามีดวงตาที่แหลมคมและแฝงไปด้วยปัญญา ชายชรายิ้มให้พวกเขาด้วยความอบอุ่นและเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้ามาภายในกระท่อม
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะมา” ชายชรากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่ก้องกังวาน “ข้าเฝ้ารอการมาของพวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าคงมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ”
หลงเซิงและหวางหลงมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์เฒ่าผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา และเขาอาจจะรู้มากกว่าที่พวกเขาคิด
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?” หลงเซิงถามด้วยความสงสัย
อาจารย์เฒ่ายิ้มและพยักหน้า “ข้ามองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าที่ตาจะมองเห็น ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังค้นหาความจริงและความหมายของโชคชะตา และข้ารู้ว่าดาบแห่งวิญญาณสลายอยู่ในมือของเจ้า”
หลงเซิงรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยอมรับความจริง “ใช่ ข้าเป็นผู้ครอบครองดาบแห่งวิญญาณสลาย แต่ข้ายังไม่เข้าใจถึงพลังของมัน ข้ายังไม่รู้ว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป”
อาจารย์เฒ่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดาบแห่งวิญญาณสลายเป็นดาบที่ทรงพลังและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องโลกจากความมืดมิด และพลังของมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองมัน เจ้าเป็นผู้ถูกเลือก แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมและใช้พลังของมันอย่างชาญฉลาด”
หลงเซิงฟังคำพูดของอาจารย์เฒ่าด้วยความสนใจ เขารู้สึกว่าคำตอบที่เขาตามหาอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกวางอยู่บนบ่าของเขา
“ข้าพร้อมที่จะเรียนรู้” หลงเซิงกล่าวด้วยความมุ่งมั่น “ข้าต้องการรู้ว่าจะใช้พลังของดาบนี้เพื่อปกป้องโลกได้อย่างไร”
อาจารย์เฒ่ายิ้มอย่างพึงพอใจ “ความมุ่งมั่นของเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก มีสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับดาบแห่งวิญญาณสลาย และเกี่ยวกับชะตากรรมของเจ้าเอง”
อาจารย์เฒ่าหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่ในมุมของกระท่อม หนังสือเล่มนี้ดูเก่าแก่และถูกประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนบนหน้าปก “นี่คือหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์และความลับของดาบแห่งวิญญาณสลาย ข้าได้รับหน้าที่ในการเก็บรักษาและถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้แก่ผู้ที่คู่ควร”
หลงเซิงรับหนังสือจากมือของอาจารย์เฒ่าด้วยความเคารพ เขาเปิดหนังสือออกและเริ่มอ่านเนื้อหาที่บันทึกอยู่ภายใน หน้าแรกของหนังสือเป็นคำบอกเล่าเกี่ยวกับการสร้างดาบแห่งวิญญาณสลาย และผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างมัน
ในยุคโบราณ มีการต่อสู้ระหว่างกองทัพแห่งแสงสว่างและกองทัพแห่งความมืดมิด นักรบผู้กล้าหาญและทรงพลังที่สุดในยุคนั้นได้ร่วมมือกันสร้างดาบแห่งวิญญาณสลายขึ้นมาเพื่อใช้ในการต่อสู้กับความมืด ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ และพลังของมันสามารถทำลายหรือปกป้องได้ ขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองมัน
แต่ในขณะเดียวกัน ดาบแห่งวิญญาณสลายก็มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้ครอบครองได้ หากผู้ที่ถือครองดาบนี้ถูกครอบงำด้วยความมืดมิด ดาบนี้ก็อาจกลายเป็นอาวุธที่ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
หลงเซิงอ่านเนื้อหานี้ด้วยความตั้งใจ เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมดาบแห่งวิญญาณสลายถึงมีความสำคัญและทรงพลังขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ดาบนี้อาจนำมา
“ข้าต้องระวังและใช้ดาบนี้อย่างมีสติ” หลงเซิงกล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์เฒ่า “ดาบนี้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้ารู้ว่ามันก็มีความเสี่ยงเช่นกัน”
อาจารย์เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว ดาบแห่งวิญญาณสลายไม่ใช่เพียงแค่อาวุธ แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เจ้าเป็นผู้ถูกเลือก แต่เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของมัน และใช้มันเพื่อประโยชน์ของทุกคน”
หลงเซิงพยักหน้าและปิดหนังสือเล่มนั้น เขารู้สึกได้ว่าการพบกับอาจารย์เฒ่าในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับความรู้และความเข้าใจที่สำคัญ แต่เขาก็รู้ว่าการเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุด ยังมีสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้และทำอีกมากมาย
“ท่านอาจารย์ ข้าขอถามท่านอีกคำถามหนึ่ง” หลงเซิงกล่าวด้วยความเคารพ “ดาบแห่งวิญญาณสลายนี้จะพาข้าไปที่ไหน? ข้าต้องทำอะไรต่อไป?”
อาจารย์เฒ่ามองหลงเซิงด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความลึกซึ้ง “เจ้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว ดาบนี้จะพาเจ้าไปสู่สถานที่ที่เจ้าไม่เคยคาดคิด และเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้ว่ามันจะพาเจ้าไปที่ไหน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าเองต้องค้นพบ”
หวางหลงที่เงียบฟังมาตลอดก็พูดขึ้นบ้าง “ท่านอาจารย์ ข้าเองก็อยากรู้ว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป ข้าได้รับคำสั่งให้ปกป้องผู้ที่ถูกเลือก แต่ข้าไม่แน่ใจว่าข้าควรจะทำอย่างไรในอนาคต”
อาจารย์เฒ่ายิ้มให้หวางหลง “เจ้ามีความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้ปกป้อง เจ้าจะต้องยืนหยัดเคียงข้างผู้ถูกเลือก และช่วยเหลือเขาในทุกๆ ทางที่เจ้าทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจเจ้าเอง และปฏิบัติตามมัน”
หวางหลงพยักหน้าและขอบคุณอาจารย์เฒ่าสำหรับคำแนะนำ เขารู้สึกว่าเขาได้รับความมั่นใจและความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการเดินทางครั้งนี้
หลังจากการสนทนาสิ้นสุดลง อาจารย์เฒ่าก็ให้ทั้งสองคนพักอยู่ในกระท่อมของเขาในคืนนี้ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจสำหรับการเดินทางต่อไป หลงเซิงและหวางหลงยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดี พวกเขารู้สึกว่าการพักผ่อนนี้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเตรียมตัวเผชิญกับสิ่งที่จะมาถึง
ในค่ำคืนนั้น หลงเซิงนั่งอยู่ที่หน้ากระท่อม มองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ เขารู้สึกถึงความสงบและความเงียบสงัดที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของเขา แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำพาเขาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ
หวางหลงเดินออกมาจากกระท่อมและนั่งลงข้างๆ หลงเซิง เขามองดูท้องฟ้าและกล่าวขึ้น “ข้ารู้สึกว่าพวกเราได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว ทุกก้าวที่เราก้าวไปนั้นมีความสำคัญยิ่ง ข้ารู้สึกว่าเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง”
หลงเซิงพยักหน้า “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ข้าเชื่อว่าพวกเราจะสามารถผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้ด้วยกัน เรามีมิตรภาพและความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ตามที่รอเราอยู่”
ทั้งสองคนต่างเงียบฟังเสียงลมที่พัดผ่านหมอกและต้นไม้ ราวกับเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น หลงเซิงและหวางหลงเตรียมตัวที่จะออกเดินทางต่อไป พวกเขาได้รับอาหารและน้ำจากอาจารย์เฒ่า รวมทั้งคำแนะนำสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง
“ขอให้พวกเจ้ามีความกล้าหาญและความมั่นคงในจิตใจ จงเชื่อมั่นในตนเองและในกันและกัน การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้” อาจารย์เฒ่ากล่าวพร้อมกับยิ้มให้พวกเขา
หลงเซิงและหวางหลงขอบคุณอาจารย์เฒ่าสำหรับความช่วยเหลือและคำแนะนำ พวกเขารู้สึกถึงความเคารพและความกตัญญูต่ออาจารย์เฒ่าผู้นี้ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนเฒ่าที่อาศัยอยู่ในกระท่อมไม้เล็กๆ บนยอดเขา แต่ความรู้และปัญญาของเขาก็ลึกซึ้งยิ่งนัก
หลังจากกล่าวอำลา อาจารย์เฒ่า หลงเซิงและหวางหลงก็ออกเดินทางลงจากยอดเขา เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินในครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและท้าทายยิ่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาคำตอบและปกป้องโลกนี้จากภัยอันตรายได้
การเดินทางของพวกเขายังอีกยาวไกล และยังมีสิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้อีกมากมาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในกันและกัน
และนี่คือเพียงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น ที่รอคอยพวกเขาอยู่ในอนาคต
หลังจากที่หลงเซิงและหวางหลงออกจากกระท่อมของอาจารย์เฒ่า พวกเขามุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่ทิศตะวันตก เส้นทางนี้นำพวกเขาไปยังภูมิประเทศที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ทิวเขาที่สูงชัน ทะเลทรายที่แห้งแล้ง และป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยเงามืด ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าในการเดินทางเพื่อค้นหาความจริงและชะตากรรมของพวกเขาในวันหนึ่งที่ดวงอาทิตย์แผดเผาอยู่กลางท้องฟ้า หลงเซิงและหวางหลงพบว่าตนเองเดินอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ทรายร้อนระอุใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา และความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไป โดยเชื่อว่าปลายทางจะนำพวกเขาไปสู่คำตอบที่พวกเขาต้องการในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในทะเลทราย หลงเซิงเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา ความคิดที่เคยชัดเจนกลับเริ่มมืดมัว ความมั่นใจที่เคยมีมากกลับเริ่มสั่นคลอน"ข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างกำลังควบคุมจิตใจของข้า" หลงเซิงพูดพลางมองไปรอบๆ ทะเลทรายที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดหวางหลงหยุดเดินและหันมามองหลงเซิงด้วยความกังวล "เจ้าเป็นอะไรหรือ? มีอะไรผิ
รุ่งอรุณใหม่ที่เริ่มปรากฏบนขอบฟ้าเป็นสัญญาณของวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง ลำแสงแรกของดวงอาทิตย์แทรกผ่านเมฆหมอกที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ส่องแสงลงมาบนค่ายพักของหลงเซิงและหวางหลง เสียงนกร้องในยามเช้าสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่นั่นเป็นเพียงความเงียบสงบชั่วคราว เพราะพวกเขารู้ดีว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและความท้าทายหลังจากที่ตื่นขึ้นมาและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางต่อ หลงเซิงและหวางหลงตัดสินใจที่จะเดินทางไปทางทิศเหนือ ซึ่งตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง พื้นที่นี้ถูกปกครองโดยกลุ่มผู้ทรงพลังที่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุธรรมชาติ และใช้พลังนั้นในการปกครองขุนเขาเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินเต็มไปด้วยความยากลำบากและท้าทาย ทิวเขาที่สูงเสียดฟ้าถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทะเลหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ สร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่ากลัว แต่พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อในระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบกับการทดสอบต่างๆ ที่ต้องใช้ทั้งทักษะการต่อสู้และความฉลาดในการแก้ปัญหา เช่น การข้ามผ่านสะพานน้ำแข็งที่แคบและลื่นไหล การเผชิญหน้ากับสัตว์ร
หมู่บ้านหย่งเฉิงตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงเสียดฟ้าที่ซึ่งผืนดินถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบเงียบ สายน้ำใสสะอาดไหลรินผ่านกลางหมู่บ้าน เสียงน้ำไหลเบาๆ เป็นเสมือนเสียงดนตรีที่คอยกล่อมชาวบ้านให้รู้สึกสงบใจ ภูมิทัศน์รอบๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยทิวเขาและต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกป้องหมู่บ้านจากลมพายุและภัยธรรมชาติ แม้จะห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หมู่บ้านนี้กลับมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขมานานหลายศตวรรษทว่าในความสงบสุขนั้น กลับมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นมานาน ความลับที่ไม่มีใครในหมู่บ้านล่วงรู้ และความลับนี้กำลังจะถูกเปิดเผย เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงหลงเซิง เด็กหนุ่มวัยสิบหกปี เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านหย่งเฉิง เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากที่พ่อแม่ของเขาหายสาบสูญไปอย่างลึกลับในคืนหนึ่งที่หมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ไม่มีใครในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลงเซิงจึงถูกชาวบ้านเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นเหมือนเป็นลูกหลานของตัวเองหลงเซิงเป็นเด็กหนุ่มที่เฉลียวฉลาดและมีจิตใจเมตตา เขามักจะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวข้าว หรือการดูแลสัตว์ในฟาร์ม เขาเป็นที่รักใคร่ของ
ในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงเหนือขอบฟ้า หลงเซิงยังคงเดินทางผ่านป่าและภูเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้านหย่งเฉิง ดาบแห่งวิญญาณสลายซึ่งเขาเพิ่งค้นพบได้ถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนาในฝักดาบที่สะพายอยู่บนหลัง มันเป็นดาบที่เปล่งพลังเยือกเย็นออกมาแม้จะอยู่ในฝัก และพลังนั้นกลับทำให้เขารู้สึกถึงความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อนเส้นทางที่เขาเลือกเดินพาเขาลึกเข้าไปในป่าที่ปกคลุมด้วยเงามืด แม้ว่าแสงแดดจะสาดส่องลงมาผ่านทิวไม้ แต่ป่ากลับเงียบงันราวกับซ่อนเร้นความลับบางอย่าง เสียงนกร้องหรือเสียงสัตว์ในป่าดูเหมือนจะหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของหลงเซิงที่ก้องกังวานไปทั่วความเงียบสงัดนั้นทำให้หลงเซิงรู้สึกไม่สบายใจ ความเงียบที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งใดที่เป็นอันตราย มันเหมือนกับว่าเงามืดในป่ากำลังจับตามองเขาอยู่ แต่ไม่แสดงตัวออกมาเมื่อเวลาเริ่มล่วงเข้าสู่บ่าย หลงเซิงเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นไปตามเนินเขา ที่นั่นเขาได้ยินเสียงที่แว่วมาเบาๆ มันเป็นเสียงของการต่อสู้ เสียงโลหะกระทบกัน เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหลงเซิงหยุดนิ่งแ
หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มคนลึกลับที่มุ่งทำลายหมู่บ้าน หลงเซิงและหวางหลงก็ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านในฐานะผู้ปกป้องหมู่บ้าน แม้จะผ่านการเผชิญหน้ากับอันตรายที่น่ากลัว แต่พวกเขาทั้งสองกลับรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพักฟื้นและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการต่อสู้ หลงเซิงและหวางหลงก็ตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป พวกเขาได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าหมู่บ้านว่าไม่ไกลจากหมู่บ้านนี้มีวิหารโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ที่นั่นอาจมีคำตอบสำหรับคำถามที่พวกเขากำลังค้นหาเส้นทางที่นำไปสู่วิหารโบราณเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย ป่าลึกที่พวกเขาต้องข้ามผ่านเต็มไปด้วยพืชพรรณหนาทึบและสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หลงเซิงและหวางหลงต้องใช้ทักษะการต่อสู้และความชำนาญในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทว่าทั้งสองก็ไม่ย่อท้อ พวกเขาเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ แม้ว่าป่าจะดูมืดมนและน่ากลัว แต่พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในวิหารโบราณก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจพวกเขาอย่างมาก หลงเซิงรู้สึกได้ว่าคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่ใกล้แค่เอื้อมก