Share

บทที่ 4: การพบพานกับอาจารย์เฒ่าและการเปิดเผยความลับ

หลังจากการผจญภัยในวิหารโบราณที่ทำให้หลงเซิงและหวางหลงได้ค้นพบพลังที่แฝงอยู่ในลูกแก้วสีดำ พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจที่สามารถผนึกพลังอันตรายไว้ได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความลับและอุปสรรคอีกมากมาย

เส้นทางที่พวกเขาเลือกในครั้งนี้นำไปสู่ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ มีตำนานเล่าขานกันว่าบนยอดเขาสูงนี้มีอาจารย์เฒ่าผู้ทรงปัญญาที่สามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบและโชคชะตา หลงเซิงและหวางหลงจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าสู่ยอดเขานั้น ด้วยความหวังว่าจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นหา

การเดินทางสู่ยอดเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชันทำให้พวกเขาต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการปีนป่าย หมอกที่หนาทึบปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทุกก้าวที่พวกเขาเดินขึ้นไปดูเหมือนจะยิ่งทำให้หมอกหนาแน่นขึ้น

หลงเซิงและหวางหลงต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น โดยเชื่อว่าการเดินทางนี้จะนำพวกเขาไปสู่ความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ในที่สุด หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงของการปีนป่าย พวกเขาก็มาถึงพื้นที่ราบเล็กๆ บนยอดเขา ที่นั่นพวกเขาพบว่าหมอกเริ่มบางลง และพวกเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภูมิทัศน์รอบข้างดูสงบและเงียบสงบ ราวกับว่าพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง

ที่กลางพื้นที่ราบนั้น พวกเขาพบกระท่อมไม้เล็กๆ ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว กระท่อมดูเรียบง่ายและเก่าแก่ แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกของการต้อนรับ หลงเซิงและหวางหลงมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กระท่อม

เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ประตูของกระท่อม ประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชายชราผู้หนึ่งที่ดูแก่ชราแต่ยังคงมีความสง่าผ่าเผย เขามีดวงตาที่แหลมคมและแฝงไปด้วยปัญญา ชายชรายิ้มให้พวกเขาด้วยความอบอุ่นและเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้ามาภายในกระท่อม

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะมา” ชายชรากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่ก้องกังวาน “ข้าเฝ้ารอการมาของพวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าคงมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ”

หลงเซิงและหวางหลงมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์เฒ่าผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา และเขาอาจจะรู้มากกว่าที่พวกเขาคิด

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?” หลงเซิงถามด้วยความสงสัย

อาจารย์เฒ่ายิ้มและพยักหน้า “ข้ามองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่าที่ตาจะมองเห็น ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังค้นหาความจริงและความหมายของโชคชะตา และข้ารู้ว่าดาบแห่งวิญญาณสลายอยู่ในมือของเจ้า”

หลงเซิงรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยอมรับความจริง “ใช่ ข้าเป็นผู้ครอบครองดาบแห่งวิญญาณสลาย แต่ข้ายังไม่เข้าใจถึงพลังของมัน ข้ายังไม่รู้ว่าข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป”

อาจารย์เฒ่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดาบแห่งวิญญาณสลายเป็นดาบที่ทรงพลังและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องโลกจากความมืดมิด และพลังของมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองมัน เจ้าเป็นผู้ถูกเลือก แต่เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมและใช้พลังของมันอย่างชาญฉลาด”

หลงเซิงฟังคำพูดของอาจารย์เฒ่าด้วยความสนใจ เขารู้สึกว่าคำตอบที่เขาตามหาอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกวางอยู่บนบ่าของเขา

“ข้าพร้อมที่จะเรียนรู้” หลงเซิงกล่าวด้วยความมุ่งมั่น “ข้าต้องการรู้ว่าจะใช้พลังของดาบนี้เพื่อปกป้องโลกได้อย่างไร”

อาจารย์เฒ่ายิ้มอย่างพึงพอใจ “ความมุ่งมั่นของเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก มีสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับดาบแห่งวิญญาณสลาย และเกี่ยวกับชะตากรรมของเจ้าเอง”

อาจารย์เฒ่าหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่ในมุมของกระท่อม หนังสือเล่มนี้ดูเก่าแก่และถูกประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนบนหน้าปก “นี่คือหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์และความลับของดาบแห่งวิญญาณสลาย ข้าได้รับหน้าที่ในการเก็บรักษาและถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้แก่ผู้ที่คู่ควร”

หลงเซิงรับหนังสือจากมือของอาจารย์เฒ่าด้วยความเคารพ เขาเปิดหนังสือออกและเริ่มอ่านเนื้อหาที่บันทึกอยู่ภายใน หน้าแรกของหนังสือเป็นคำบอกเล่าเกี่ยวกับการสร้างดาบแห่งวิญญาณสลาย และผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างมัน

ในยุคโบราณ มีการต่อสู้ระหว่างกองทัพแห่งแสงสว่างและกองทัพแห่งความมืดมิด นักรบผู้กล้าหาญและทรงพลังที่สุดในยุคนั้นได้ร่วมมือกันสร้างดาบแห่งวิญญาณสลายขึ้นมาเพื่อใช้ในการต่อสู้กับความมืด ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ และพลังของมันสามารถทำลายหรือปกป้องได้ ขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองมัน

แต่ในขณะเดียวกัน ดาบแห่งวิญญาณสลายก็มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้ครอบครองได้ หากผู้ที่ถือครองดาบนี้ถูกครอบงำด้วยความมืดมิด ดาบนี้ก็อาจกลายเป็นอาวุธที่ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า

หลงเซิงอ่านเนื้อหานี้ด้วยความตั้งใจ เขาเริ่มเข้าใจว่าทำไมดาบแห่งวิญญาณสลายถึงมีความสำคัญและทรงพลังขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ดาบนี้อาจนำมา

“ข้าต้องระวังและใช้ดาบนี้อย่างมีสติ” หลงเซิงกล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์เฒ่า “ดาบนี้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้ารู้ว่ามันก็มีความเสี่ยงเช่นกัน”

อาจารย์เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย “เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว ดาบแห่งวิญญาณสลายไม่ใช่เพียงแค่อาวุธ แต่เป็นเครื่องมือที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เจ้าเป็นผู้ถูกเลือก แต่เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังของมัน และใช้มันเพื่อประโยชน์ของทุกคน”

หลงเซิงพยักหน้าและปิดหนังสือเล่มนั้น เขารู้สึกได้ว่าการพบกับอาจารย์เฒ่าในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับความรู้และความเข้าใจที่สำคัญ แต่เขาก็รู้ว่าการเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุด ยังมีสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้และทำอีกมากมาย

“ท่านอาจารย์ ข้าขอถามท่านอีกคำถามหนึ่ง” หลงเซิงกล่าวด้วยความเคารพ “ดาบแห่งวิญญาณสลายนี้จะพาข้าไปที่ไหน? ข้าต้องทำอะไรต่อไป?”

อาจารย์เฒ่ามองหลงเซิงด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความลึกซึ้ง “เจ้าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่แล้ว ดาบนี้จะพาเจ้าไปสู่สถานที่ที่เจ้าไม่เคยคาดคิด และเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้ว่ามันจะพาเจ้าไปที่ไหน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าเองต้องค้นพบ”

หวางหลงที่เงียบฟังมาตลอดก็พูดขึ้นบ้าง “ท่านอาจารย์ ข้าเองก็อยากรู้ว่าข้าควรทำอย่างไรต่อไป ข้าได้รับคำสั่งให้ปกป้องผู้ที่ถูกเลือก แต่ข้าไม่แน่ใจว่าข้าควรจะทำอย่างไรในอนาคต”

อาจารย์เฒ่ายิ้มให้หวางหลง “เจ้ามีความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้ปกป้อง เจ้าจะต้องยืนหยัดเคียงข้างผู้ถูกเลือก และช่วยเหลือเขาในทุกๆ ทางที่เจ้าทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของหัวใจเจ้าเอง และปฏิบัติตามมัน”

หวางหลงพยักหน้าและขอบคุณอาจารย์เฒ่าสำหรับคำแนะนำ เขารู้สึกว่าเขาได้รับความมั่นใจและความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการเดินทางครั้งนี้

หลังจากการสนทนาสิ้นสุดลง อาจารย์เฒ่าก็ให้ทั้งสองคนพักอยู่ในกระท่อมของเขาในคืนนี้ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจสำหรับการเดินทางต่อไป หลงเซิงและหวางหลงยอมรับข้อเสนอด้วยความยินดี พวกเขารู้สึกว่าการพักผ่อนนี้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเตรียมตัวเผชิญกับสิ่งที่จะมาถึง

ในค่ำคืนนั้น หลงเซิงนั่งอยู่ที่หน้ากระท่อม มองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ เขารู้สึกถึงความสงบและความเงียบสงัดที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของเขา แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำพาเขาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ

หวางหลงเดินออกมาจากกระท่อมและนั่งลงข้างๆ หลงเซิง เขามองดูท้องฟ้าและกล่าวขึ้น “ข้ารู้สึกว่าพวกเราได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว ทุกก้าวที่เราก้าวไปนั้นมีความสำคัญยิ่ง ข้ารู้สึกว่าเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง”

หลงเซิงพยักหน้า “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ข้าเชื่อว่าพวกเราจะสามารถผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้ด้วยกัน เรามีมิตรภาพและความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ตามที่รอเราอยู่”

ทั้งสองคนต่างเงียบฟังเสียงลมที่พัดผ่านหมอกและต้นไม้ ราวกับเป็นเสียงที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น หลงเซิงและหวางหลงเตรียมตัวที่จะออกเดินทางต่อไป พวกเขาได้รับอาหารและน้ำจากอาจารย์เฒ่า รวมทั้งคำแนะนำสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง

“ขอให้พวกเจ้ามีความกล้าหาญและความมั่นคงในจิตใจ จงเชื่อมั่นในตนเองและในกันและกัน การเดินทางครั้งนี้จะเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้” อาจารย์เฒ่ากล่าวพร้อมกับยิ้มให้พวกเขา

หลงเซิงและหวางหลงขอบคุณอาจารย์เฒ่าสำหรับความช่วยเหลือและคำแนะนำ พวกเขารู้สึกถึงความเคารพและความกตัญญูต่ออาจารย์เฒ่าผู้นี้ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนเฒ่าที่อาศัยอยู่ในกระท่อมไม้เล็กๆ บนยอดเขา แต่ความรู้และปัญญาของเขาก็ลึกซึ้งยิ่งนัก

หลังจากกล่าวอำลา อาจารย์เฒ่า หลงเซิงและหวางหลงก็ออกเดินทางลงจากยอดเขา เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินในครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและท้าทายยิ่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาคำตอบและปกป้องโลกนี้จากภัยอันตรายได้

การเดินทางของพวกเขายังอีกยาวไกล และยังมีสิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้อีกมากมาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นในกันและกัน

และนี่คือเพียงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น ที่รอคอยพวกเขาอยู่ในอนาคต

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status