ในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงเหนือขอบฟ้า หลงเซิงยังคงเดินทางผ่านป่าและภูเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้านหย่งเฉิง ดาบแห่งวิญญาณสลายซึ่งเขาเพิ่งค้นพบได้ถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนาในฝักดาบที่สะพายอยู่บนหลัง มันเป็นดาบที่เปล่งพลังเยือกเย็นออกมาแม้จะอยู่ในฝัก และพลังนั้นกลับทำให้เขารู้สึกถึงความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อน
เส้นทางที่เขาเลือกเดินพาเขาลึกเข้าไปในป่าที่ปกคลุมด้วยเงามืด แม้ว่าแสงแดดจะสาดส่องลงมาผ่านทิวไม้ แต่ป่ากลับเงียบงันราวกับซ่อนเร้นความลับบางอย่าง เสียงนกร้องหรือเสียงสัตว์ในป่าดูเหมือนจะหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของหลงเซิงที่ก้องกังวานไปทั่ว
ความเงียบสงัดนั้นทำให้หลงเซิงรู้สึกไม่สบายใจ ความเงียบที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งใดที่เป็นอันตราย มันเหมือนกับว่าเงามืดในป่ากำลังจับตามองเขาอยู่ แต่ไม่แสดงตัวออกมา
เมื่อเวลาเริ่มล่วงเข้าสู่บ่าย หลงเซิงเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นไปตามเนินเขา ที่นั่นเขาได้ยินเสียงที่แว่วมาเบาๆ มันเป็นเสียงของการต่อสู้ เสียงโลหะกระทบกัน เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
หลงเซิงหยุดนิ่งและเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และมันมาจากทิศทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไป หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความกังวล แต่เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถมองข้ามสิ่งนี้ไปได้
เขารีบเร่งเดินตามเสียงนั้นไปจนมาถึงลานโล่งกลางป่าที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ที่นั่น เขาเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายเสือดำ แต่มีกรงเล็บและเขี้ยวที่แหลมคมกว่า
ชายหนุ่มผู้นั้นดูเหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังคงต่อสู้อย่างสุดกำลัง หลงเซิงสังเกตเห็นแผลหลายแห่งที่ปรากฏบนร่างกายของชายหนุ่ม แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ
ไม่รอช้า หลงเซิงชักดาบออกจากฝักและพุ่งเข้าไปในลานต่อสู้เพื่อช่วยเหลือชายหนุ่มคนนั้น ทันทีที่เขาเข้าใกล้สัตว์ร้าย มันก็หันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาของมันเปล่งประกายด้วยความโกรธเกรี้ยวและความกระหายเลือด มันคำรามเสียงดังจนพื้นดินสั่นสะเทือน
หลงเซิงกระชับดาบในมือของเขา เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ศัตรูธรรมดา แต่เป็นสัตว์ร้ายที่ถูกครอบงำด้วยพลังบางอย่างที่ชั่วร้าย มันไม่ใช่เพียงการต่อสู้เพื่อป้องกันตัว แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีที่หลงเซิงก้าวเข้าสู่ลานต่อสู้ เขาใช้ดาบป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงของสัตว์ร้าย ดาบแห่งวิญญาณสลายทำให้เขารู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกการเคลื่อนไหว แต่สัตว์ร้ายก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มันโจมตีกลับด้วยความดุร้าย
หลงเซิงและชายหนุ่มที่ไม่รู้จักต่อสู้เคียงข้างกัน พวกเขาสลับกันโจมตีและป้องกัน จนในที่สุดสัตว์ร้ายก็เริ่มแสดงอาการอ่อนแรง หลงเซิงใช้โอกาสนี้ปล่อยพลังจากดาบของเขา พลังเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากดาบทำให้สัตว์ร้ายหยุดชะงัก และนั่นคือช่วงเวลาที่หลงเซิงฟันดาบเข้าใส่ มันล้มลงกับพื้นและหมดลมหายใจ
หลังจากที่สัตว์ร้ายพ่ายแพ้ ลานต่อสู้ก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง ชายหนุ่มผู้รอดชีวิตหันมามองหลงเซิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณและความประหลาดใจ
“ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้าช่วย ข้าคงไม่รอดมาได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มออกมา แม้จะยังมีอาการเหนื่อยล้าอยู่ก็ตาม
หลงเซิงยิ้มตอบและเก็บดาบกลับเข้าในฝัก “ข้าเห็นเจ้ากำลังลำบาก จึงไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ เจ้าคือใคร? ทำไมถึงมาต่อสู้กับสัตว์ร้ายเช่นนี้ในป่าอันเงียบสงัดนี้?”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบ “ข้าคือ หวางหลง ข้าเดินทางมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ทางทิศใต้ ข้าได้รับภารกิจจากครูฝึกในหมู่บ้านให้มาตามล่าสัตว์ร้ายที่ทำร้ายชาวบ้าน แต่มันกลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าคาดคิด”
หลงเซิงพยักหน้าเข้าใจ “ข้าชื่อหลงเซิง ข้ากำลังเดินทางเพื่อค้นหาความจริงบางอย่าง และเพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับชะตากรรมของข้าเอง ข้าไม่รู้ว่ามันจะพาข้าไปที่ไหน แต่ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจหันหลังกลับได้”
หวางหลงมองหลงเซิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ “เจ้ามีพลังที่ไม่ธรรมดา ดาบของเจ้าแผ่พลังที่ข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน เจ้าคงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก”
หลงเซิงยิ้มเล็กน้อย “ข้าก็เพิ่งพบดาบนี้เมื่อไม่นานมานี้ ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าพลังของมันคืออะไร แต่ข้ารู้ว่ามันคือกุญแจสำคัญที่จะพาข้าไปสู่ความจริง”
ทั้งสองหนุ่มยืนคุยกันอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปด้วยกัน หวางหลงบอกว่าทางทิศเหนือของป่ามีหมู่บ้านเล็กๆ ที่เขาพักอยู่ และที่นั่นพวกเขาสามารถหาที่พักและพักฟื้นได้ หลงเซิงเห็นด้วยและพวกเขาจึงเริ่มเดินทางไปพร้อมกัน
หมู่บ้านเล็กๆ ที่หวางหลงกล่าวถึงนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลมาจากภูเขา หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างจากไม้และฟาง ชาวบ้านที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย การทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก แต่สิ่งที่ทำให้หลงเซิงประทับใจคือความอบอุ่นและเป็นกันเองของชาวบ้านที่นี่
เมื่อทั้งสองมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่สงสัย แต่เมื่อหวางหลงทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ทุกคนก็กลับมาทำกิจวัตรประจำวันของตนเองอย่างรวดเร็ว หวางหลงพาหลงเซิงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มันเป็นบ้านไม้เล็กๆ ที่ดูเรียบง่ายแต่ก็มีบรรยากาศที่อบอุ่น
“นี่คือบ้านพักของข้าเอง เจ้าสามารถพักที่นี่ได้ตามสบาย” หวางหลงกล่าวพร้อมกับเชิญหลงเซิงเข้ามาภายในบ้าน
หลงเซิงรู้สึกขอบคุณและเข้าไปนั่งพักภายในบ้าน หวางหลงเดินไปหยิบน้ำและอาหารมาให้ เขาบอกว่าชาวบ้านที่นี่เป็นคนใจดีและยินดีต้อนรับแขกที่เดินทางผ่านมา
“ข้าอยากถามเจ้าเกี่ยวกับการเดินทางของเจ้า เจ้ากำลังตามหาสิ่งใดหรือ?” หวางหลงถามในขณะที่เขานั่งลงตรงข้ามกับหลงเซิง
หลงเซิงนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ข้าไม่แน่ใจนัก ข้ารู้เพียงว่าข้ามีชะตากรรมบางอย่างที่ต้องเผชิญ และดาบนี้คือกุญแจสำคัญที่จะนำข้าไปสู่ความจริง ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องค้นหามัน”
หวางหลงพยักหน้าเข้าใจ “ข้าเองก็มีชะตากรรมที่ข้าต้องเผชิญเช่นกัน ข้าได้รับคำสั่งจากครูฝึกให้มาตามล่าสัตว์ร้ายที่ทำร้ายชาวบ้าน และข้ารู้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีสิ่งที่ข้าต้องเรียนรู้อีกมาก”
การสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนเริ่มรู้จักกันมากขึ้น หลงเซิงพบว่าหวางหลงเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความหวัง แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าชะตากรรมของเขาคืออะไร แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน
หลังจากการสนทนา หวางหลงบอกหลงเซิงว่าเขาสามารถพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้สักระยะเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางต่อไป หลงเซิงยินดีรับข้อเสนอนั้น เขารู้ว่าการได้พักฟื้นและฝึกฝนทักษะของตนเองจะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเดินทางครั้งนี้
วันต่อมา หวางหลงพาหลงเซิงไปยังลานฝึกที่ตั้งอยู่ด้านนอกหมู่บ้าน มันเป็นลานกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ มีอุปกรณ์ฝึกซ้อมต่างๆ ถูกจัดวางไว้เรียงราย หวางหลงบอกว่าที่นี่คือที่ที่เขาใช้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของตนเอง
“ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากฝึกฝนทักษะของเจ้าเช่นกัน” หวางหลงกล่าวพร้อมกับยิ้ม “เราอาจจะฝึกฝนร่วมกันได้ และเรียนรู้จากกันและกัน”
หลงเซิงยิ้มตอบและตอบรับข้อเสนอของหวางหลง พวกเขาเริ่มต้นการฝึกฝนด้วยการวอร์มร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่การฝึกซ้อมจริง หวางหลงสอนทักษะการต่อสู้พื้นฐานที่เขาเรียนรู้มาจากครูฝึกของเขา และหลงเซิงก็สอนทักษะการใช้ดาบที่เขาได้เรียนรู้มาด้วยตนเอง
การฝึกฝนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวันพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างหนักหน่วง แต่ละคนต่างผลัดกันสอนและเรียนรู้จากกันและกัน ทักษะของพวกเขาเริ่มพัฒนาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
เมื่อการฝึกฝนสิ้นสุดลง ทั้งสองคนต่างนั่งพักอยู่ที่ลานฝึก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าแต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลงเซิงรู้สึกได้ว่าทักษะของเขาเริ่มพัฒนาขึ้น และเขาก็รู้สึกขอบคุณหวางหลงที่ทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
“ข้ารู้สึกว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นมากตั้งแต่ได้ฝึกฝนร่วมกับเจ้า” หลงเซิงกล่าวพร้อมกับยิ้ม “ข้าคิดว่าเราสามารถก้าวไปได้ไกลกว่านี้หากเราร่วมมือกัน”
หวางหลงพยักหน้าและยิ้มตอบ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เราสามารถพัฒนาทักษะของเราไปได้ไกลกว่านี้ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะมาถึง”
หลังจากนั้น พวกเขาตัดสินใจที่จะพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนในวันต่อไป หลงเซิงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เขารู้ว่าเขากำลังก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ด้วยความรู้และทักษะที่เขาได้เรียนรู้
ในช่วงกลางคืน หลงเซิงนอนอยู่ในห้องพักของหวางหลง เขาหลับตาลงและพยายามพักผ่อน แต่ในจิตใจของเขายังคงมีความคิดมากมายเกี่ยวกับการเดินทางและชะตากรรมที่เขากำลังเผชิญ
ในความเงียบสงัดของคืนหนึ่ง หลงเซิงได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังมาจากนอกบ้าน มันเป็นเสียงที่แว่วมาเบาๆ เหมือนกับเสียงของผู้คนที่กำลังสนทนากัน เขาลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกไปดูว่าเสียงนั้นมาจากไหน
เมื่อเขาออกมานอกบ้าน เขาเห็นเงาร่างของคนสองคนที่กำลังยืนสนทนากันอยู่ที่ลานฝึก ร่างหนึ่งคือหวางหลง และอีกร่างหนึ่งคือชายชราที่ดูเหมือนจะเป็นครูฝึกของเขา
“เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม หวางหลง” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็ง “การเดินทางของเจ้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากลำบาก”
หวางหลงพยักหน้า “ข้ารู้ ครู ข้าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ข้าได้พบสหายที่มีความสามารถมาก และข้าคิดว่าเราสามารถร่วมมือกันเพื่อผ่านพ้นอุปสรรคได้”
ชายชรายิ้มเล็กน้อย “นั่นคือสิ่งที่ดี เจ้าต้องจำไว้ว่ามิตรภาพและการร่วมมือกันคือสิ่งที่จะทำให้เจ้าผ่านพ้นความยากลำบากได้ แต่เจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย เพราะเส้นทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้”
หลังจากสนทนาสิ้นสุดลง หวางหลงและชายชราก็เดินแยกย้ายกัน หลงเซิงที่ยืนฟังอยู่ห่างๆ ค่อยๆ กลับไปที่ห้องของเขา ความคิดที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาทำให้เขาตัดสินใจบางอย่าง
เขารู้ดีว่าการเดินทางของเขาและหวางหลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า และมันจะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ด้วยความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลงเซิงและหวางหลงตัดสินใจออกเดินทางไปยังหมู่บ้านถัดไปที่ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านนี้ไปทางทิศตะวันออก พวกเขารู้ว่าการเดินทางนี้จะเป็นการทดสอบครั้งแรกของพวกเขา และมันจะเป็นบททดสอบที่ยากลำบาก
พวกเขาเดินผ่านป่าและข้ามเนินเขาหลายแห่ง เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินไม่ใช่เส้นทางที่สะดวกสบาย มันเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตราย แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ หลงเซิงและหวางหลงต่างช่วยเหลือกันในทุกๆ ก้าวที่พวกเขาเดินไป
การเดินทางทำให้พวกเขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย การฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับความลับที่ซ่อนอยู่ในป่า พวกเขาได้พบกับคนใหม่ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำ
ในระหว่างการเดินทาง พวกเขายังได้พบกับศัตรูที่น่ากลัวและผู้ที่มีเจตนาร้าย แต่พวกเขาก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยความกล้าหาญและความร่วมมือกัน
เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้านถัดไป พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านที่นั่น หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและล้อมรอบไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวสด ชาวบ้านที่นี่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง
หลงเซิงและหวางหลงได้รับการต้อนรับเข้าสู่หมู่บ้าน และได้รับที่พักในบ้านของชาวบ้านผู้หนึ่งที่ยินดีให้พวกเขาอยู่ร่วมกับครอบครัว
ในคืนหนึ่งที่หมู่บ้านนี้ หลงเซิงและหวางหลงได้รับการเชิญจากหัวหน้าหมู่บ้านให้เข้าร่วมการประชุมลับที่จัดขึ้นในศาลาหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการพูดคุยกับพวกเขา
เมื่อพวกเขามาถึงศาลา หัวหน้าหมู่บ้านและผู้อาวุโสหลายคนกำลังนั่งรออยู่ พวกเขาถูกเชิญให้นั่งลง และหัวหน้าหมู่บ้านก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
“พวกเราได้รับข่าวมาว่ามีกลุ่มคนที่มีพลังลึกลับกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่างในป่า และพวกเขามีเจตนาร้ายต่อหมู่บ้านของเรา” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
หลงเซิงและหวางหลงต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดถึงคืออะไร แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้าน
“พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวต่อ “พวกเจ้ามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา และพวกเราต้องการให้พวกเจ้าช่วยปกป้องหมู่บ้านจากภัยที่กำลังจะมาถึง”
หลงเซิงและหวางหลงต่างพยักหน้าและยอมรับข้อเสนอของหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขารู้ว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะทดสอบทักษะของพวกเขา และพวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายที่กำลังจะมาถึง
วันต่อมา หลงเซิงและหวางหลงเริ่มต้นการเตรียมตัวสำหรับการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง พวกเขาฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และร่วมมือกับชาวบ้านในการวางแผนป้องกันหมู่บ้าน
พวกเขาได้พบกับชาวบ้านที่มีความสามารถพิเศษหลายคนที่ยินดีร่วมมือกับพวกเขาในการปกป้องหมู่บ้าน รวมถึงนักรบที่มีความสามารถในการใช้พลังลึกลับ และนักธนูที่มีฝีมือในการยิงธนูที่แม่นยำ
เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวของภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึงก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยและความกลัวที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้ย่อท้อ พวกเขาร่วมมือกันในการเตรียมตัวและวางแผนป้องกันหมู่บ้านอย่างเต็มที่
ในคืนหนึ่งที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและไร้ดวงดาว หลงเซิงและหวางหลงได้รับข่าวว่ากลุ่มคนลึกลับได้เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หมู่บ้าน พวกเขารู้ว่าการเผชิญหน้าใกล้จะมาถึงแล้ว
พวกเขาตัดสินใจออกไปสอดแนมและตรวจสอบสถานการณ์ พวกเขาเดินผ่านป่าไปยังจุดที่กลุ่มคนลึกลับน่าจะเข้ามาใกล้ และพบว่ากลุ่มคนนั้นกำลังเคลื่อนตัวมาอย่างเงียบๆ แต่ทว่าพลังที่แผ่ออกมาจากพวกเขากลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
การเผชิญหน้าครั้งนี้จะเป็นการทดสอบที่แท้จริงสำหรับหลงเซิงและหวางหลง พวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องใช้ทุกสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้มาเพื่อปกป้องหมู่บ้านและชีวิตของชาวบ้านที่นี่
เมื่อกลุ่มคนลึกลับเข้ามาใกล้หมู่บ้าน หลงเซิงและหวางหลงพร้อมด้วยชาวบ้านที่มีความสามารถพิเศษได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ พวกเขาวางกับดักและเตรียมอาวุธไว้รอบๆ หมู่บ้าน และซุ่มรอให้กลุ่มคนลึกลับเข้ามาใกล้
การต่อสู้ที่ดุเดือดเริ่มขึ้นทันทีที่กลุ่มคนลึกลับเข้ามาในหมู่บ้าน หลงเซิงใช้ดาบแห่งวิญญาณสลายในการต่อสู้ เขาปล่อยพลังจากดาบออกมาเพื่อสร้างคลื่นพลังที่แผ่ออกไปทำลายศัตรู
หวางหลงและชาวบ้านคนอื่นๆ ต่อสู้เคียงข้างกัน พวกเขาใช้ทักษะและความสามารถพิเศษของตนเองในการโจมตีและป้องกันหมู่บ้านจากศัตรูที่แข็งแกร่ง
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แต่ด้วยความกล้าหาญและความร่วมมือกัน หลงเซิงและหวางหลงสามารถเอาชนะศัตรูได้ในที่สุด
หลังจากที่การต่อสู้สิ้นสุดลง หมู่บ้านก็กลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง หลงเซิงและหวางหลงได้รับการยกย่องจากชาวบ้านในฐานะผู้ปกป้องหมู่บ้าน และพวกเขารู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยปกป้องชีวิตของผู้คนที่นี่
เมื่อการเผชิญหน้าสิ้นสุดลง หลงเซิงและหวางหลงตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้สักระยะเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางต่อไป พวกเขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันด้วยความกล้าหาญและความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ
หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มคนลึกลับที่มุ่งทำลายหมู่บ้าน หลงเซิงและหวางหลงก็ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านในฐานะผู้ปกป้องหมู่บ้าน แม้จะผ่านการเผชิญหน้ากับอันตรายที่น่ากลัว แต่พวกเขาทั้งสองกลับรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพักฟื้นและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการต่อสู้ หลงเซิงและหวางหลงก็ตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป พวกเขาได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าหมู่บ้านว่าไม่ไกลจากหมู่บ้านนี้มีวิหารโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ที่นั่นอาจมีคำตอบสำหรับคำถามที่พวกเขากำลังค้นหาเส้นทางที่นำไปสู่วิหารโบราณเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย ป่าลึกที่พวกเขาต้องข้ามผ่านเต็มไปด้วยพืชพรรณหนาทึบและสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หลงเซิงและหวางหลงต้องใช้ทักษะการต่อสู้และความชำนาญในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทว่าทั้งสองก็ไม่ย่อท้อ พวกเขาเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ แม้ว่าป่าจะดูมืดมนและน่ากลัว แต่พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในวิหารโบราณก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจพวกเขาอย่างมาก หลงเซิงรู้สึกได้ว่าคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่ใกล้แค่เอื้อมก
หลังจากการผจญภัยในวิหารโบราณที่ทำให้หลงเซิงและหวางหลงได้ค้นพบพลังที่แฝงอยู่ในลูกแก้วสีดำ พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจที่สามารถผนึกพลังอันตรายไว้ได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความลับและอุปสรรคอีกมากมายเส้นทางที่พวกเขาเลือกในครั้งนี้นำไปสู่ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ มีตำนานเล่าขานกันว่าบนยอดเขาสูงนี้มีอาจารย์เฒ่าผู้ทรงปัญญาที่สามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบและโชคชะตา หลงเซิงและหวางหลงจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าสู่ยอดเขานั้น ด้วยความหวังว่าจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นหาการเดินทางสู่ยอดเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชันทำให้พวกเขาต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการปีนป่าย หมอกที่หนาทึบปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทุกก้าวที่พวกเขาเดินขึ้นไปดูเหมือนจะยิ่งทำให้หมอกหนาแน่นขึ้นหลงเซิงและหวางหลงต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น โดยเชื่อว่าการเดินทางนี้จะนำพวกเขาไปสู่ความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในที่สุด หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง
หลังจากที่หลงเซิงและหวางหลงออกจากกระท่อมของอาจารย์เฒ่า พวกเขามุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่ทิศตะวันตก เส้นทางนี้นำพวกเขาไปยังภูมิประเทศที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ทิวเขาที่สูงชัน ทะเลทรายที่แห้งแล้ง และป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยเงามืด ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าในการเดินทางเพื่อค้นหาความจริงและชะตากรรมของพวกเขาในวันหนึ่งที่ดวงอาทิตย์แผดเผาอยู่กลางท้องฟ้า หลงเซิงและหวางหลงพบว่าตนเองเดินอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ทรายร้อนระอุใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา และความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไป โดยเชื่อว่าปลายทางจะนำพวกเขาไปสู่คำตอบที่พวกเขาต้องการในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในทะเลทราย หลงเซิงเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา ความคิดที่เคยชัดเจนกลับเริ่มมืดมัว ความมั่นใจที่เคยมีมากกลับเริ่มสั่นคลอน"ข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างกำลังควบคุมจิตใจของข้า" หลงเซิงพูดพลางมองไปรอบๆ ทะเลทรายที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดหวางหลงหยุดเดินและหันมามองหลงเซิงด้วยความกังวล "เจ้าเป็นอะไรหรือ? มีอะไรผิ
รุ่งอรุณใหม่ที่เริ่มปรากฏบนขอบฟ้าเป็นสัญญาณของวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง ลำแสงแรกของดวงอาทิตย์แทรกผ่านเมฆหมอกที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ส่องแสงลงมาบนค่ายพักของหลงเซิงและหวางหลง เสียงนกร้องในยามเช้าสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่นั่นเป็นเพียงความเงียบสงบชั่วคราว เพราะพวกเขารู้ดีว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและความท้าทายหลังจากที่ตื่นขึ้นมาและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางต่อ หลงเซิงและหวางหลงตัดสินใจที่จะเดินทางไปทางทิศเหนือ ซึ่งตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง พื้นที่นี้ถูกปกครองโดยกลุ่มผู้ทรงพลังที่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุธรรมชาติ และใช้พลังนั้นในการปกครองขุนเขาเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินเต็มไปด้วยความยากลำบากและท้าทาย ทิวเขาที่สูงเสียดฟ้าถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทะเลหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ สร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่ากลัว แต่พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อในระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบกับการทดสอบต่างๆ ที่ต้องใช้ทั้งทักษะการต่อสู้และความฉลาดในการแก้ปัญหา เช่น การข้ามผ่านสะพานน้ำแข็งที่แคบและลื่นไหล การเผชิญหน้ากับสัตว์ร
หมู่บ้านหย่งเฉิงตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงเสียดฟ้าที่ซึ่งผืนดินถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบเงียบ สายน้ำใสสะอาดไหลรินผ่านกลางหมู่บ้าน เสียงน้ำไหลเบาๆ เป็นเสมือนเสียงดนตรีที่คอยกล่อมชาวบ้านให้รู้สึกสงบใจ ภูมิทัศน์รอบๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยทิวเขาและต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกป้องหมู่บ้านจากลมพายุและภัยธรรมชาติ แม้จะห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หมู่บ้านนี้กลับมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขมานานหลายศตวรรษทว่าในความสงบสุขนั้น กลับมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นมานาน ความลับที่ไม่มีใครในหมู่บ้านล่วงรู้ และความลับนี้กำลังจะถูกเปิดเผย เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงหลงเซิง เด็กหนุ่มวัยสิบหกปี เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านหย่งเฉิง เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากที่พ่อแม่ของเขาหายสาบสูญไปอย่างลึกลับในคืนหนึ่งที่หมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ไม่มีใครในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลงเซิงจึงถูกชาวบ้านเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นเหมือนเป็นลูกหลานของตัวเองหลงเซิงเป็นเด็กหนุ่มที่เฉลียวฉลาดและมีจิตใจเมตตา เขามักจะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวข้าว หรือการดูแลสัตว์ในฟาร์ม เขาเป็นที่รักใคร่ของ
รุ่งอรุณใหม่ที่เริ่มปรากฏบนขอบฟ้าเป็นสัญญาณของวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง ลำแสงแรกของดวงอาทิตย์แทรกผ่านเมฆหมอกที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ส่องแสงลงมาบนค่ายพักของหลงเซิงและหวางหลง เสียงนกร้องในยามเช้าสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่นั่นเป็นเพียงความเงียบสงบชั่วคราว เพราะพวกเขารู้ดีว่าวันนี้จะเป็นอีกวันหนึ่งที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและความท้าทายหลังจากที่ตื่นขึ้นมาและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางต่อ หลงเซิงและหวางหลงตัดสินใจที่จะเดินทางไปทางทิศเหนือ ซึ่งตามคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง พื้นที่นี้ถูกปกครองโดยกลุ่มผู้ทรงพลังที่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุธรรมชาติ และใช้พลังนั้นในการปกครองขุนเขาเส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินเต็มไปด้วยความยากลำบากและท้าทาย ทิวเขาที่สูงเสียดฟ้าถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทะเลหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ สร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่ากลัว แต่พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อในระหว่างการเดินทาง พวกเขาพบกับการทดสอบต่างๆ ที่ต้องใช้ทั้งทักษะการต่อสู้และความฉลาดในการแก้ปัญหา เช่น การข้ามผ่านสะพานน้ำแข็งที่แคบและลื่นไหล การเผชิญหน้ากับสัตว์ร
หลังจากที่หลงเซิงและหวางหลงออกจากกระท่อมของอาจารย์เฒ่า พวกเขามุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่ทิศตะวันตก เส้นทางนี้นำพวกเขาไปยังภูมิประเทศที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ทิวเขาที่สูงชัน ทะเลทรายที่แห้งแล้ง และป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยเงามืด ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าในการเดินทางเพื่อค้นหาความจริงและชะตากรรมของพวกเขาในวันหนึ่งที่ดวงอาทิตย์แผดเผาอยู่กลางท้องฟ้า หลงเซิงและหวางหลงพบว่าตนเองเดินอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ทรายร้อนระอุใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา และความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไป โดยเชื่อว่าปลายทางจะนำพวกเขาไปสู่คำตอบที่พวกเขาต้องการในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในทะเลทราย หลงเซิงเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา ความคิดที่เคยชัดเจนกลับเริ่มมืดมัว ความมั่นใจที่เคยมีมากกลับเริ่มสั่นคลอน"ข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างกำลังควบคุมจิตใจของข้า" หลงเซิงพูดพลางมองไปรอบๆ ทะเลทรายที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดหวางหลงหยุดเดินและหันมามองหลงเซิงด้วยความกังวล "เจ้าเป็นอะไรหรือ? มีอะไรผิ
หลังจากการผจญภัยในวิหารโบราณที่ทำให้หลงเซิงและหวางหลงได้ค้นพบพลังที่แฝงอยู่ในลูกแก้วสีดำ พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจที่สามารถผนึกพลังอันตรายไว้ได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความลับและอุปสรรคอีกมากมายเส้นทางที่พวกเขาเลือกในครั้งนี้นำไปสู่ภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ มีตำนานเล่าขานกันว่าบนยอดเขาสูงนี้มีอาจารย์เฒ่าผู้ทรงปัญญาที่สามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังค้นหาคำตอบและโชคชะตา หลงเซิงและหวางหลงจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าสู่ยอดเขานั้น ด้วยความหวังว่าจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นหาการเดินทางสู่ยอดเขานั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก เส้นทางที่คดเคี้ยวและสูงชันทำให้พวกเขาต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการปีนป่าย หมอกที่หนาทึบปกคลุมไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทุกก้าวที่พวกเขาเดินขึ้นไปดูเหมือนจะยิ่งทำให้หมอกหนาแน่นขึ้นหลงเซิงและหวางหลงต่างรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาไม่ย่อท้อ พวกเขามุ่งหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น โดยเชื่อว่าการเดินทางนี้จะนำพวกเขาไปสู่ความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในที่สุด หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง
หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มคนลึกลับที่มุ่งทำลายหมู่บ้าน หลงเซิงและหวางหลงก็ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านในฐานะผู้ปกป้องหมู่บ้าน แม้จะผ่านการเผชิญหน้ากับอันตรายที่น่ากลัว แต่พวกเขาทั้งสองกลับรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพักฟื้นและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการต่อสู้ หลงเซิงและหวางหลงก็ตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อไป พวกเขาได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าหมู่บ้านว่าไม่ไกลจากหมู่บ้านนี้มีวิหารโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ที่นั่นอาจมีคำตอบสำหรับคำถามที่พวกเขากำลังค้นหาเส้นทางที่นำไปสู่วิหารโบราณเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย ป่าลึกที่พวกเขาต้องข้ามผ่านเต็มไปด้วยพืชพรรณหนาทึบและสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หลงเซิงและหวางหลงต้องใช้ทักษะการต่อสู้และความชำนาญในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทว่าทั้งสองก็ไม่ย่อท้อ พวกเขาเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ แม้ว่าป่าจะดูมืดมนและน่ากลัว แต่พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในวิหารโบราณก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจพวกเขาอย่างมาก หลงเซิงรู้สึกได้ว่าคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่ใกล้แค่เอื้อมก
ในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงเหนือขอบฟ้า หลงเซิงยังคงเดินทางผ่านป่าและภูเขาที่ล้อมรอบหมู่บ้านหย่งเฉิง ดาบแห่งวิญญาณสลายซึ่งเขาเพิ่งค้นพบได้ถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนาในฝักดาบที่สะพายอยู่บนหลัง มันเป็นดาบที่เปล่งพลังเยือกเย็นออกมาแม้จะอยู่ในฝัก และพลังนั้นกลับทำให้เขารู้สึกถึงความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อนเส้นทางที่เขาเลือกเดินพาเขาลึกเข้าไปในป่าที่ปกคลุมด้วยเงามืด แม้ว่าแสงแดดจะสาดส่องลงมาผ่านทิวไม้ แต่ป่ากลับเงียบงันราวกับซ่อนเร้นความลับบางอย่าง เสียงนกร้องหรือเสียงสัตว์ในป่าดูเหมือนจะหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของหลงเซิงที่ก้องกังวานไปทั่วความเงียบสงัดนั้นทำให้หลงเซิงรู้สึกไม่สบายใจ ความเงียบที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ทุกครั้งที่เขามองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งใดที่เป็นอันตราย มันเหมือนกับว่าเงามืดในป่ากำลังจับตามองเขาอยู่ แต่ไม่แสดงตัวออกมาเมื่อเวลาเริ่มล่วงเข้าสู่บ่าย หลงเซิงเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นไปตามเนินเขา ที่นั่นเขาได้ยินเสียงที่แว่วมาเบาๆ มันเป็นเสียงของการต่อสู้ เสียงโลหะกระทบกัน เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวหลงเซิงหยุดนิ่งแ
หมู่บ้านหย่งเฉิงตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงเสียดฟ้าที่ซึ่งผืนดินถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบเงียบ สายน้ำใสสะอาดไหลรินผ่านกลางหมู่บ้าน เสียงน้ำไหลเบาๆ เป็นเสมือนเสียงดนตรีที่คอยกล่อมชาวบ้านให้รู้สึกสงบใจ ภูมิทัศน์รอบๆ หมู่บ้านเต็มไปด้วยทิวเขาและต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกป้องหมู่บ้านจากลมพายุและภัยธรรมชาติ แม้จะห่างไกลจากเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หมู่บ้านนี้กลับมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขมานานหลายศตวรรษทว่าในความสงบสุขนั้น กลับมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นมานาน ความลับที่ไม่มีใครในหมู่บ้านล่วงรู้ และความลับนี้กำลังจะถูกเปิดเผย เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงหลงเซิง เด็กหนุ่มวัยสิบหกปี เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านหย่งเฉิง เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากที่พ่อแม่ของเขาหายสาบสูญไปอย่างลึกลับในคืนหนึ่งที่หมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ไม่มีใครในหมู่บ้านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หลงเซิงจึงถูกชาวบ้านเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นเหมือนเป็นลูกหลานของตัวเองหลงเซิงเป็นเด็กหนุ่มที่เฉลียวฉลาดและมีจิตใจเมตตา เขามักจะช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวข้าว หรือการดูแลสัตว์ในฟาร์ม เขาเป็นที่รักใคร่ของ