แชร์

๑ ผู้มีพระคุณ

ผู้มีพระคุณ

           

            แสงไฟสาดส่องไปที่นางแบบสาวหน้าใหม่ซึ่งโพสท่าราวมืออาชีพ ตากล้องตะโกนชมไม่ขาดปากทำเอาหล่อนใจพองโตที่สามารถทำให้งานเดินไปโดยไม่ติดขัดทั้งที่ก่อนจะมาถ่ายแบบนั้นกังวลทั้งคืนด้วยค่อนข้างใหม่กับวงการนี้แต่รู้ว่าได้เงินดี

            เหล่าบุคลากรเดินไปมาเพื่อทำงานในหน้าที่ของตนเอง เมื่อช่างภาพสั่งเติมหน้าเหล่าสาวประเภทสองก็เข้ามาซับใบหน้าหวานที่เริ่มชื้นเหงื่อพลางพูดคุยอย่างออกอรรถรส ทำให้ร่างบางคลายความเกร็งแล้วยิ้มรับคำพูดเอ่ยแซว

            นิตยสารที่หล่อนขึ้นปกไม่ได้โด่งดังมากนักกลับตีตลาดวัยรุ่นเน้นการแต่งตัวแนวสตรีท ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกเครื่องสำอางสีสันสดใสบดบังแทบจะกลายเป็นคนละคนด้วยซ้ำ ร่างโปร่งบางเข้ากับกางเกงยีนส์ราคาแพงและเสื้อฮู้ดตัวใหญ่ ผมยาวถูกถักเปียรอบศีรษะจนคิดว่าหากปล่อยออกคงต้องหยิกฟูแน่นอน

            บุณณดานักศึกษาชั้นปีที่สี่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งประเทศไทย หล่อนเลือกเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และบัญชี ภาควิชาการตลาดเนื่องด้วยเห็นว่าสายงานนี้ไม่มีทางตกงานทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย การเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีจึงได้รับทุนมาตลอดช่วงระยะเวลากว่าสี่ปี แต่ทุนนั้นไม่ได้รวมถึงค่าใช้จ่ายประจำวันทำให้ต้องหาเงินด้วยตนเอง

            “ขอบคุณพี่ๆ มากเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ” เสร็จสิ้นภารกิจก็ยกมือไหว้แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดเป็นนักศึกษาอีกครั้ง หล่อนเดินมาไหว้ทุกคนตั้งแต่ช่างหน้าช่างไฟ คนดูแลเสื้อผ้าและพนักงานส่วนต่างๆ ที่ขับเคลื่อนให้งานแล้วเสร็จก่อนเวลากำหนด

            เธอเดินไปรับเงินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเก็บใส่ในกระเป๋าไม่ลืมบอกว่าหากมีงานอะไรสามารถเรียกใช้ได้เสมอ งานง่ายและสบายแถมได้เงินเยอะแบบนี้ไม่ค่อยถึงมือสักเท่าไหร่ ส่วนมากก็ต้องยืนหลังขดหลังแข็งเป็นพนักงานแคชเชียร์หรือไม่ก็จัดของตามร้านซูเปอร์มาเก็ต

            เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี ไม่อาจหวังกับทางบ้านได้เพราะแค่บิดายังเอาตัวแทบไม่รอด ตอนนี้เธอต้องอาศัยอยู่กับน้าที่อยู่บ้านเยื้องกันเช่นเดิมถึงพวกนั้นจะไม่มาทวงหนี้แต่ก็ไม่กล้าไปอยู่คนเดียว ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกมันจะบุกเข้ามาวันไหน

            คนตัวเล็กเดินออกจากอาคารสูงเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วกลับบ้าน โชคดีที่มหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านมากนักจึงไม่ต้องออกมาเช่าหอให้เปลืองเงิน อีกทั้งอาหารคุณน้าก็ใจดีทำให้ตลอดทั้งเช้าและเย็น มีแค่ช่วงเที่ยงต้องหาซื้อกินเองซึ่งหล่อนก็ไม่ได้รับประทานแพงมากนัก

            “ใบข้าว” เดินอยู่ริมฟุตบาธกำลังจะขึ้นสะพานลอยข้ามถนนไปอีกฝั่งก็ได้ยินเสียงเรียกเสียก่อน หล่อนเห็นรถยนต์คันหรูจอดเทียบ แล้วกระจกค่อยเลื่อนลงมาเผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมที่กำลังส่งยิ้มทำเอาใจสั่นได้ไม่ยาก

            ริมฝีปากสวยยิ้มตอบอย่างดีใจพลางเดินเข้าไปหาเขาทันที ไม่รู้ว่าปฏิกิริยาที่แสดงออกนั้นเกินงามไหมเพราะหล่อนไม่ได้สำรวมอาการเลยสักนิด

            “คุณแทนไท มาได้ยังไงคะ” น้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมท่าเกาะขอบกระจกทำให้เขาต้องอมยิ้มแล้วเอ่ยชวนให้หญิงสาวขึ้นมาบนรถ

            “จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปส่งขึ้นมาสิ” หากเป็นเมื่อก่อนสาวน้อยคงมีท่าทีเหนียมอายกับคำชวนนั้นแต่เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกและยังติดต่อกันเรื่อยมาจนตอนนี้หล่อนกำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วอาการเหล่านั้นจึงไม่หลงเหลือ

            ร่างบางรีบเปิดประตูนั่งประจำข้างคนขับอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้เขาก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะได้นั่งรถหรูอีกหรือเปล่าในเมื่อหนี้สินกองท่วมหัวขนาดนี้

            เครื่องปรับอากาศเย็นช่ำค่อนข้างต่างจากบรรยากาศข้างนอกทำให้นักศึกษาสาวอมยิ้มมีความสุข แต่นอกเหนือจากการนั่งบนรถยนต์สัญชาติยุโรปแล้วยังมีคนขับกิตติมศักดิ์นั่นคือ..

            แทนไท ทรัพย์พูนทวี เจ้าของกิจการ The area group กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีห้างสรรพสินค้าในเครือกว่าสี่สาขาและที่ร่วมลงทุนกับพัฒนาสยามอีกหนึ่งแห่ง ไหนจะโปรเจคในอนาคตที่กำลังจะสร้างให้เป็นที่กล่าวขาน รวยจนไม่รู้จะใช้ชาตินี้หมดหรือเปล่า

            “ทำไมคุณแทนถึงมาแถวนี้คะ” ระหว่างนั่งบนรถก็หันไปเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ หล่อนชอบมองใบหน้าคมยามอมยิ้มมันชวนให้ใจเต้นแปลกจังหวะพิกล หรือบางทีเธออาจจะเป็นโรคหัวใจยามอยู่ใกล้เขา

            ชายหนุ่มผู้ซึ่งได้รับฉายา ‘ดวงตาราชสีห์’ เพราะไม่ใช่เพียงแค่เก่งทางด้านธุรกิจที่หยิบจับอะไรก็รุ่งไปหมด เขาซื้อหุ้นตัวไหนก็ได้กำไรดีทุกตัวถึงขนาดที่มีคนติดตามว่าวันนี้เจ้าของ The area shopping จะซื้อหุ้นของบริษัทใดในตลาดหลักทรัพย์จะได้รีบซื้อตาม

            ทว่าเขายังมีสายตาพิฆาตที่ทำเอานารีหลงแทบไม่เป็นอันทำอะไรเพียงแค่ได้สบตาเท่านั้น มันแฝงความเจ้าเล่ห์ เชิญชวนจนเกือบจะหลงเข้าไปในวังวนของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

            “มีเด็กบางคนงอแงกลัวถ่ายแบบออกมาไม่ดี ก็เลยกะว่าจะมาให้กำลังใจสักหน่อย แต่ติดประชุมกว่าจะได้ออกมาเธอก็เลิกงานแล้ว” ขณะที่มือจับพวงมาลัยเขาก็เหลือบตามามองหล่อนพร้อมยกยิ้มมุมปากทำให้คนอายุน้อยกว่าใบหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มให้ความสนใจตนเอง

            ไม่รู้จะโต้ตอบกลับไปว่าอย่างไรด้วยไม่ทันตั้งตัวกับการถูกจู่โจมเร็วขนาดนี้ หล่อนพยายามปิดบังว่าคิดไม่ซื่อกับชายอายุคราวพ่อแต่ดูเหมือนจะถูกจับได้เสียแล้ว

            คิดว่าแทนไทคงรู้ว่าเธอคิดเช่นไรกับเขา ถึงไม่ได้บอกเป็นคำพูดแต่แววตาของหล่อนก็มองเพียงผู้ชายคนนี้มาตลอดตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่เป็นเหมือนความบังเอิญ

            และในบางครั้งความบังเอิญก็ทำให้เราหลงคิดว่ามันคือพรหมลิขิต..

            สวรรค์ส่งเขามาให้เธอเพื่อเป็นของขวัญที่เคยทำชีวิตหล่อนพังตั้งแต่อายุ 13 ปี แทนไทเข้ามาเติมเต็มทุกอย่าง ช่วยเหลือในเรื่องการเรียน หางานพิเศษให้ที่โรงแรมและยังมีงานถ่ายแบบเล็กน้อยเขาก็เป็นคนแนะนำหล่อน เวลามีปัญหาชีวิตก็สามารถปรึกษาได้ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นหลุมหลบภัยขนาดใหญ่ของเธอไปเสียแล้ว

            เวลากว่า 4 ปีที่รู้จักกันพูดได้เต็มปากว่ามันมากกว่าคำว่าชอบ เพราะหล่อนหลงรักผู้ชายคนนี้ยากที่จะถอนตัวเสียแล้ว

            ทว่าไม่รู้เขาคิดเหมือนกันไหมดูท่าทีไม่ออกเลย ไหนจะผู้หญิงที่เข้ามาหาร่างสูงอีก ด้วยความที่เขาฐานะดี ร่ำรวยเงินทอง สถานะโสด ญาติไม่ค่อยมี คุณสมบัติเหล่านี้เป็นที่ต้องการของหญิงสาวจนเห็นว่าบางครั้งก็มีสายโทรเข้ามาบ่อยและเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้

            “ไม่ต้องมาก็ได้นะคะ ข้าวเกรงใจ” เมื่อวานหล่อนตื่นเต้นมากเพราะเป็นการถ่ายแบบครั้งแรกโดยคนที่แนะนำก็คือแทนไท เจ้าของนิตยสารรู้จักกับชายหนุ่มและต้องการหานางแบบหน้าใหม่เขาเลยเสนอบุณณดาฝ่ายนั้นก็ตอบตกลงทันที

            เธอกังวลว่าจะทำออกมาไม่ดีจึงโทรไปปรึกษาคนที่งานยุ่งทั้งวันแต่ก็ปลีกตัวมาคุยโทรศัพท์และให้กำลังใจหล่อน

            ‘ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังเพราะใบข้าวของฉันเก่งที่สุด’ คำว่าใบข้าวของฉันทำให้หล่อนนอนแทบไม่หลับ คำหวานที่ชายหนุ่มพูดมันช่วยปลอบปะโลมหัวใจที่แห้งแล้งให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง และเธอทำมันออกมาอย่างดีเพื่อให้เขาภูมิใจ

            “จะไม่มาได้ยังไง ว่าจะพาคนเก่งไปเลี้ยงสักหน่อย” ได้ยินอย่างนั้นก็ตาโต

            “คุณแทนจะเลี้ยงข้าวเหรอคะ” เพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาถึงจะรู้จักกันมานานแต่การจะเจอหน้าหรือไปรับประทานอาหารเพียงสองคนนั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย

            เวลาของชายคนนี้เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นแค่เขาสละเวลามาหาก็ทำให้เธอดีใจมากแล้ว แถมเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายจะพาไปกินข้าวอีก

            ไม่น่าเล่าทำไมทางกลับบ้านถึงแปลกตากว่าทุกที ที่แท้ก็แวะเข้าไปยัง The area shopping สาขาที่สองในกรุงเทพมหานครนี่เอง

            ห้างสรรพสินค้าของเขาออกแบบเป็นตึกสูงหกชั้นโดยใช้อิฐเป็นผนังเหมือนอยู่ยุโรป คนชอบมาถ่ายรูปและเช็คอินพร้อมทั้งแต่งตัวหนาเหมือนอยู่ต่างประเทศให้เข้ากับบรรยากาศ มีต้นไม้รอบบริเวณให้ความสดชื่นและร่มรื่น

            “ใช่ ฉันจะเลี้ยงข้าวสำหรับนางแบบคนเก่งที่ชื่อใบข้าวโดยเฉพาะ” หมุนพวงมาลัยเข้ามายังลานจอดรถก่อนจะขึ้นไปที่ชั้นวีไอพีสำหรับผู้บริหาร

            หล่อนตาโตกว่าเดิมไม่เคยขึ้นมายังชั้นนี้ ไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งคุณหนูอีกครั้งทำให้ยิ่งมองแทนไทด้วยสายตาเทิดทูนมากขึ้นว่าเดิม

            เขาเป็นเหมือนชายขี่ม้าขาวเข้ามาในชีวิตอันแสนมืดมนของหล่อน

            แทนไทมีธุรกิจในเครือค่อนข้างหลากหลายทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรมและโลจิสติกส์ทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่สร้างฐานะได้ด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็ว อาจเพราะคลุกคลีกับวงการนี้ตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย พี่เขยของเขาก็เป็นเจ้าพ่อโลจิสติกส์ของประเทศอเมริกา เคยช่วยงานหลายครั้งไหนจะเข้าฝึกงานที่บริษัทตลาดหลักทรัพย์ New York Stock exchange ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกจึงไม่แปลกที่ร่างสูงจะมีสายตาแหลมคมในเรื่องของการเล่นหุ้นจนเคยขึ้นพูดบนเวทีระดับนานาชาติเกี่ยวกับเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน

            The area shopping คือห้างสรรพสินค้าในเครือ the area group ที่แทนไทยถือหุ้นกว่าครึ่งทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีอายุน้อยซึ่งติด 20 อันดับแรกคนรวยในประเทศไทย ทรัพย์สินที่เขาถือครองมีมูลค่ากว่าพันล้านยิ่งทำให้หนุ่มคนนี้กลายเป็นหนุ่มเนื้อทองที่สาวๆ ต่างหมายปอง

            จอดพาหนะยังชั้นบนซึ่งเป็นสถานที่ของระดับผู้บริหารก่อนเขาจะเลือกลงลิฟต์แก้วไปที่ชั้นอาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้

            บุณณดาตื่นตาตื่นใจไปหมดถึงจะเคยมาเดินห้างนี้บ้างแต่เพราะคนข้างกายหล่อนเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมากนักเรียกได้ว่ามันแทบจะเป็นความฝันด้วยซ้ำจนต้องแอบหยิกแขนตัวเองว่าไม่ได้กำลังหลับ

            โอ้ย..เจ็บแบบนี้น่าจะเป็นความจริง

            ร่างสูงเดินเข้ามาภายในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่มีพนักงานต้อนรับหน้าตายิ้มแย้ม ข้างในแทบไม่มีคนและการตกแต่งร้านก็ค่อนข้างทึบแต่กลับหรูหราเหมือนอยู่ในประเทศต้นตำรับ หล่อนอ่านป้ายชื่อร้านที่เป็นภาษาอิตาลีก็ไม่ออกจนต้องถามคนพามา

            “ร้านอะไรคะ” ขณะที่มาถึงโต๊ะก็เอ่ยขึ้นแล้วเหลียวมองรอบร้าน

            “Delizioso The Altin” ภาษาประหลาดที่เอ่ยออกมาหล่อนไม่สามารถทำความเข้าใจได้แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นภาษาอิตาลี ทำเพียงพยักหน้าและขานรับเสียงเบาก่อนบริกรจะยื่นเมนูพร้อมรอรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่สร้างความกดดันให้คนโดนมอง

            เห็นเมนูอาหารและราคาที่เริ่มต้นตั้งแต่ห้าร้อยหล่อนก็แทบจะวางลง ถูกสุดคือสปาเก็ตตี้ที่สนนราคา 439 บาท ซึ่งเธอสามารถใช้เงินจำนวนนี้ได้ตั้งสามวัน แต่ชายหนุ่มกลับจ่ายภายในมื้อเดียว

            “สั่งได้เลยนะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” เห็นหล่อนทำสีหน้าไม่ถูกก็บอกด้วยเสียงราบเรียบ

            “ข้าวกินอะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณแทนเลย” ลอบกลืนน้ำลายเมื่อยิ่งเปิดหน้าถัดไปก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าความตกใจในราคาอาหารได้จึงเลือกตัดปัญหาให้เขาเป็นคนสั่งจะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงราคาแสนแพง

            “Pizza Napoletana, Lasagna, Ossobuco alla Milanese, Panzanella” ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็อยากเลือกเรียนวิชาเสรีเป็นภาษาอิตาลีแทนที่จะเรียนจีนและฝรั่งเศส เพราะหล่อนชอบสำเนียงของแทนไทยามเอ่ยกับบริกรเหลือเกินจนเผลอมองด้วยแววตาชื่นชม

            เขาเก่งรอบด้านแม้แต่การสั่งอาหารที่หลายคนมองเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับบุณณดาแล้วไม่ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรก็ดีไปเสียหมด

            “สั่งเยอะขนาดนั้น จะกินหมดเหรอคะ” อดถามไม่ได้เพราะมากันแค่สองคนแต่ชายหนุ่มกลับสั่งตั้งสี่เมนู

            “วันนี้ฉันไม่ได้กินข้าวเที่ยงเพราะมัวแต่ประชุม อีกอย่างก็เป็นชีทเดย์ไม่ต้องควบคุมอาหาร” ด้วยอายุมากขึ้นปีนี้ก็เข้า 42 ปีแล้วจึงค่อนข้างจะต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ

            เขาเลือกกินอาหารคลีนและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้คนภายนอกแทบไม่รู้อายุจริงเวลาเห็นหน้า แถมหุ่นยังฟิตกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก

            ชีทเดย์ที่แทนไทพูดถึงนั้นหมายถึงวันที่สามารถรับประทานอาหารได้ตามใจอยากหลังจากที่กินคลีนมากว่าสัปดาห์ เขาสามารถจะกินขนมปังหรือพิซซ่ามากเท่าไหร่ก็ได้ก่อนที่วันพรุ่งนี้ต้องกลับไปกินคลีนเหมือนเดิม

            อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟพร้อมไวน์ขาวที่ชายหนุ่มสั่งเอาไว้ นักศึกษาตื่นเต้นกับทุกสิ่งแต่พยายามเก็บอาการทว่าเมื่อมองดวงตากลมโตที่ส่องประกายสดใสก็ทำให้คนตัวสูงแอบอมยิ้มกับความเด็กน้อยของหล่อน

            “ดื่มไวน์ได้ไหม”

            “น่าจะได้ค่ะ” ยกแก้วสูงขึ้นดมก่อนจะค่อยจิบแล้วยิ้มออกมา

            “อร่อยดีค่ะ” เพราะไม่เคยดื่มแค่เห็นราคาก็ไม่กล้าเดินเข้าใกล้แล้ว จำได้ว่าเคยเห็นคุณปู่ดื่มขณะที่ท่านยังมีชีวิตและหล่อนอยู่ในสถานะคุณหนูของบ้านแต่ตอนนั้นยังเด็กมากจึงไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องของมึนเมาถึงไดไม่เคยดื่มสักครั้ง

            พอโตมาราคามันก็สูงจนไม่กล้าฝันจะชิม ขอแค่น้ำสไปรท์ที่สีใกล้เคียงกันก็พอ ทว่าวันนี้กลับมีผู้ใจดีหยิบยื่นของดีมาให้มีหรือจะปฏิเสธ

            “การดื่มไวน์ที่ถูกต้องทำยังไงรู้ไหม อันดับแรกเราต้องจับที่ก้านแก้วแล้วหมุนเล็กน้อยให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศจะทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น เขาเรียกว่าปฏิกิริยา oxidation” การมารับประทานอาหารครั้งนี้นอกจากความอิ่มแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย

            “หลังจากนั้นให้ยกขึ้นจรดจมูกแล้วสูดดม ค่อยจิบเล็กน้อยแล้วอมไว้เพื่อแยกรสแล้วค่อยกลืน ขั้นตอนยุ่งยากไหม” คนตั้งใจฟังพยักหน้ารับทันที

            “ยากค่ะ ทำไมการดื่มไวน์มันต้องมีขั้นตอนมากมายแบบนี้ด้วยคะ เราดื่มเข้าไปเลยไม่ได้เหรอ”

            “การทำไวน์ใช้เวลาค่อนข้างนาน กว่าจะหมักหรือบ่มให้ออกมารสชาติดีแบบนี้ได้เขาก็ต้องการให้เราได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาเหล่านั้น และยิ่งได้ดื่มกับคนพิเศษด้วยแล้วก็จะกลายเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขเลยล่ะ”

            ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมผู้ชายตรงหน้าจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วไป เขาช่างพูดและทำให้มื้ออาหารแสนพิเศษนี้ยิ่งพิเศษมากกว่าเดิมเพียงแค่โดนมองด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้มก็ตกเข้าไปในหลุมพรางทั้งที่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ขุดด้วยซ้ำ

            หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วขึ้นจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน และช่างโชคดีเหลือเกินที่บริกรเริ่มเสิร์ฟอาหารเริ่มต้นด้วยพิซซ่าร้อนจากเตา เป็นพิซซ่าเก่าแก่ต้นตำรับอิตาเลี่ยนของแท้ที่ถูกปากคนไทย ขอบพิซซ่าจะบางและค่อนข้างกรอบ จุดเด่นจะอยู่ที่มะเขือเทศและชีสซึ่งทำออกมาได้ถูกปากชาวเอเชียยิ่งนัก

            ตามมาด้วยพาสต้าสูตรอิตาเลี่ยนขนานแท้ที่นำเนื้อ พาสต้าชีสและมะเขือแทนมาวางเป็นชั้นสลับกันได้อย่างน่าอร่อย ต่อมาคือสเต็กเนื้อที่ปรุงรสด้วยไวน์ขาว น้ำซุปและผักซึ่งเมนูนี้มีมานานตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ทว่าไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ในหมู่คนเชีย มันโด่งดังและเป็นอาหารพื้นเมืองของคนมิลาน ปิดท้ายที่สลัดขนมปังโดยส่วนผสมหลักคือขนมปังและมะเขือเทศ ส่วนผักชนิดอื่นก็จะเป็นไปตามฤดูกาล

            แค่มองก็รับรู้ได้ถึงความอร่อยและเพียงอาหารเข้าปากดวงตาก็เป็นประกายทันที หล่อนจัดการทุกอย่างโดยไม่ห่วงสวยหรือมีมาดต่อหน้าผู้ชายที่ตัวเองชอบสักนิด

            “ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็ติดคอ” เตือนด้วยความหวังดีกลัวอาหารจะติดคอคนที่กินอย่างเอร็ดอร่อย เห็นเธอชอบเขาก็ดีใจที่ตัวเองเลือกร้านไม่ผิด

            ถึงขนาดปิดร้านเพื่อมาดินเนอร์กับหญิงสาวสองคนด้วยไม่อยากตกเป็นข่าวในวงสังคมไปมากกว่านี้ แค่เรื่องมีผู้หญิงตบตีกันไม่เว้นวันเพราะเขาก็น่าหนักใจมากแล้ว ไม่ต้องการให้มีข่าวลือว่าเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กอีก

            ทั้งยังเป็นเด็กรุ่นลูกเสียด้วย..

            “อร่อยมากเลยค่ะ” ชมพร้อมกับยิ้มจนตาปิด หล่อนเพลิดเพลินกับอาหารจนไม่เห็นสายตาที่เขามองมายังตนเอง

            “เห็นว่าใกล้ฝึกงานแล้ว จะไปฝึกที่ไหน” คนที่พามากินแต่ไม่ค่อยแตะอาหารนอกจากพิซซ่าหนึ่งชิ้นเอ่ยถามขึ้น หล่อนรีบกลืนเนื้อลงไปแล้วตอบเขาอย่างรวดเร็ว

            “ถ้าขอไปฝึกที่บริษัทคุณแทนได้ไหมคะ” ได้โอกาสก็ขอร้องทันที เธอคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากไปศึกษาการตลาดในเครือ The area group ที่เติบโตได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

            ระยะเวลา 15 ปีเขามีอาณาจักรเป็นของตัวเองที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรง มีคนรอซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่น่าเสียดายที่แทนไทไม่ได้นำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่ดูจากเมกะโปรเจคที่กำลังจะทำในอนาคต เดาได้ไม่ยากว่าผู้บริหารหนุ่มมีแนวโน้มจะนำเครือของตนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินทุนในการสร้างห้างสรรพสินค้าและโรงแรมที่เชื่อได้ว่าคงสร้างผลกำไรอย่างมหาศาล

            “กำลังจะชวนพอดี ฉันอยากให้เธอเข้าไปฝึกที่บริษัทของฉัน” เหมือนถูกหวยทำให้หญิงสาวอยากลุกขึ้นไชโยแต่ก็ต้องสำรวมกิริยาเอาไว้

            ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้ เคยถามรุ่นพี่หลายคนที่ยื่นเรื่องไปก็ต้องเสียใจกลับมาทุกครั้งเพราะเขาไม่รับนักศึกษาฝึกงาน

            “แบบนี้เรียกว่าใช้เส้นไหมคะ เห็นรุ่นพี่หลายคนบอกคุณแทนไม่รับนักศึกษาฝึกงาน”

            “โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันก็อยากได้คนรุ่นใหม่มาช่วยคิดเหมือนกัน บอกตามตรงว่าบางครั้งก็ไม่ทันเทคโนโลยีหรือความคิดอ่านของคนรุ่นเธอ ได้นักศึกษาฝึกงานมาช่วยเผื่อจะมีแนวทางใหม่ๆ บ้าง”

            คนฟังยิ้มแก้มปริไม่คิดว่าตนเองจะได้สถานที่ฝึกงานเร็วขนาดนี้ เหนือกว่าความรักหล่อนเริ่มจะเทิดทูนและบูชาเขาเสียแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาหลอกหรือเปล่าแต่เพราะความสม่ำเสมอและไม่คิดเข้าหาเชิงชู้สาวสักครั้งทำเอาบุณณดาเริ่มวางใจในตัวเขา

            และค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ฝังรากลึกเสียแล้ว

            “ขอบคุณมากเลยนะคะ เดี๋ยวข้าวจะรีบทำเรื่องขอฝึกงานให้เร็วที่สุด” ที่จริงเธอก็ฝึกงานช่วงปิดเทอมปีที่สามแล้ว ส่วนปีที่สี่จะเป็นฝึกงานใหญ่ที่นำมาทำสารนิพนธ์จบจึงอยากเลือกสถานที่ตนเองสนใจและใฝ่ฝันจะเข้าไปทำงานสักครั้งอย่าง the area group

            “แต่ฉันไม่ได้อยากให้เธออยู่แผนการตลาด” ขณะที่ดีใจเขาก็เอ่ยขึ้นทำให้คนตัวเล็กชะงักไปครู่หนึ่ง

            “คุณแทนหมายความว่ายังไงคะ”

            “ฉันอยากให้เธอมาเป็นผู้ช่วยเลขาของฉัน” เหมือนได้โชคสองชั้นหรือโบนัสใหญ่ประจำปี เสียงพลุดังขึ้นจนหูอื้ออึง ไม่คิดว่าตนเองจะโชคดีมากขนาดนี้ เพราะนอกจากได้ใกล้ชิดหนุ่มในฝันแล้วยังได้รับประสบการณ์ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้แล้ว

            ผู้บริหารระดับใหญ่ขนาดนี้มีผู้ช่วยเลขาเป็นนักศึกษาฝึกงาน แค่คิดก็เกินเอื้อมจนไม่กล้าจะรับไว้ทั้งที่ใจตื่นเต้นกับประโยคของเขา

            “แต่ว่ามันจะเกิดข้อครหาไหมคะ ข้าวเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน” ไม่อยากโดนเขม่นตั้งแต่วันแรกที่ไปทำงานจึงต้องเอ่ยถามคนชวนเสียก่อน

            “ดูจากความสามารถของเธอแล้ว จะไม่มีใครกังขาได้เลย” เก่งระดับได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกเทอม ไหนจะไปฝึกงานกับบริษัทใหญ่ทั้งยังมีประสิทธิภาพถึงขนาดวางแผนกลยุทธ์ของบริษัทได้อย่างเฉียบคม ใครจะกล้าพูดหรือสงสัยในความสามารถ

            “คุณแทนมั่นใจในตัวข้าวขนาดนั้นเลยเหรอคะ” หล่อนยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่

            “ฉันมั่นใจ ว่าใบข้าวของฉันเก่งที่สุด” ได้รับคำชมก็ยิ้มแก้มปริไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนคำคนและมุ่งฝึกงานเพื่อให้ได้รับความรู้จากผู้บริหารระดับสูงคนนี้มากที่สุด

            อนาคตจะได้ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของใครเหมือนตอนนี้ที่ต้องหาเงินใช้หนี้แทนพ่อแทบไม่ได้พักผ่อน

            อีกไม่นานเธอจะผงาดขึ้นมาให้ได้ ด้วยมันสมองและสองมือของตนเอง..

            หลังลงจากรถยนต์คันหรูหล่อนก็เดินเข้าบ้านของคุณน้าที่ใจดีให้ที่พักอาศัยทั้งที่บ้านตนเองก็ไม่ได้อยู่ห่างกันเลย ท่านเอ็นดูเหมือนเธอเป็นลูกสาวคนหนึ่งอาจเพราะไม่มีครอบครัวเหลือเพียงตัวคนเดียวจึงรักบุณณดามากนัก

            บ้านสองชั้นขนาดกลางล้อมรอบด้วยต้นไม้ดูอบอุ่นสบายตาเปิดต้อนรับนักศึกษาสาว เข้ามาภายในบ้านก็เห็นหญิงวัยสามสิบแปดหุ่นท้วมนั่งเย็บผ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์ นางเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ก่อนจะยกยิ้มให้

            “ใครมาส่งจ๊ะ” น้าแพง หรือนางนลินี โชติชนิด มีอาชีพเย็บผ้าพอมีรายได้ประทังชีวิต เธอไม่มีสามีเพราะเคยผิดหวังจากรักครั้งแรกจนฝังใจจึงไม่เชื่อในความรัก แต่ไม่เคยปิดกั้นยามบุณณดากำลังคบหาดูใจกับใครสักครั้ง

            นางไม่เข้าไปก้าวก่ายในชีวิตของผู้อื่นมีเพียงรับฟังและให้คำแนะนำเท่านั้นจึงกลายเป็นที่รักของหลานสาวคนนี้ได้ไม่ยาก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่หล่อนอายุ 16 ปีจนใกล้จะเรียนจบได้ทำงาน นอกจากพ่อที่จะต้องตอบแทนในฐานะบิดาก็มีเพียงน้าแพงเท่านั้นแหละที่เธออยากตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูมาตลอดจนคิดว่าท่านเป็นแม่ตนเอง

            “คุณแทนค่ะ” โทรศัพท์บอกว่าเธอจะกินข้าวข้างนอกนางจึงไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้เหมือนทุกครั้ง

            ร่างบางเดินมานั่งข้างคุณน้าพลางหยิบนิตติ้งที่วางอยู่ตะกร้าบนโต๊ะเล็กขึ้นมาถักต่อ ริมฝีปากบางระบายยิ้มไม่ปิดบังว่าตนเองมีความสุขมากแค่ไหนจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้

            “ไม่เล่าให้น้าฟังเหรอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้หลานสาวคนนี้ยิ้มไม่หุบ” เอ่ยกระเซ้าทำเอาคนโดนล้อต้องเม้มปากแน่น

            “น้าแพงน่ะ ล้อข้าวตลอดเลย”

            “ก็ข้าวทำตัวให้น่าล้อทำไมล่ะ ดูสิแก้มแดงตาเป็นประกายขนาดนี้ ชอบเขามากใช่ไหม” มือเล็กกำลังถักนิตติ้งชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่เคยเป็นประกายหม่นลงแล้วหันไปถามน้าแพงที่คอยให้คำแนะนำหล่อนทุกเรื่อง

            “น้าแพงว่ามันจะเป็นไปได้ไหมคะ มันเกินเอื้อมหรือเปล่า คุณแทนเขาเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงจะมาสนใจเด็กกะโปโลอย่างข้าวจริงเหรอคะ” ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นที่สนใจของชายหนุ่มเพราะดูจากฐานะแล้วไม่น่าจะเจอกันได้

            อีกทั้งยังยากที่เขาจะเข้ามาทำดีด้วยโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่กว่าสี่ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าแทนไทไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝง ชายหนุ่มปฏิบัติกับเธอสม่ำเสมอไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

            หากจะมีคนเปลี่ยนก็คงเป็นหล่อนที่ไม่ได้คิดกับเขาแค่ผู้มีพระคุณ

            ตอบได้อย่างไม่อายว่าหลงรักคนสูงศักดิ์เสียแล้ว..

            “ความรักมันไม่แบ่งชนชั้นวรรณะหรอกนะลูก ขนาดคนอินเดียที่เขาแบ่งแยกชัดเจนขนาดนั้นยังมีคนที่ยอมเป็นจัณฑาลเพื่อให้มารักกับคนที่ต่างชั้นกันเลย” ได้ฟังแล้วความกังวลก็ไม่หมดไป หล่อนถามอีกทันทีจนคนเป็นน้าต้องวางมือจากงานที่กำลังทำ

            “เขาจะมาเล่นๆ กับข้าวหรือเปล่าคะ ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาก็เยอะ” หล่อนรู้ข่าวบ้างเรื่องผู้หญิงที่เข้าหาแทนไทไม่ขาด ทั้งลูกสาวของนักธุรกิจ ดารามีชื่อเสียง ไฮโซฐานะทางบ้านดี ล้วนเหมาะสมกับชายหนุ่มทั้งนั้น

            ไม่เหมือนเธอ...ที่มีแค่ตัว

            “เรื่องนี้น้าตอบไม่ได้เพราะไม่ได้คลุกคลีกับเขา แต่การที่คุณแทนไทสม่ำเสมอกับข้าวมากว่าสี่ปีมันก็บอกทุกอย่างแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะกังวลอะไรอีกจ๊ะ น้าว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เขาแล้วมั้ง”

            ปัญหามันคือความกลัวของเธอต่างหาก

            บุณณดาไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร หล่อนคิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นจนพาลทำให้ไม่กล้าจะก้าวข้ามความสัมพันธ์ครั้งนี้สักที

            แต่แทนไทก็ไม่ได้พูดหรือเอ่ยถึงเรื่องระหว่างเราสักครั้งทำให้คนอายุน้อยกว่าไม่กล้าฝันไกลกลัวตกลงมาแล้วมันจะเจ็บ

            ชายหนุ่มไม่ได้ดีแค่กับเธอเพราะขนาดกับน้าแพงฝ่ายนั้นก็เคยเข้ามาทักทายแต่ไม่บ่อยเพราะงานที่รัดตัว แต่ก็ยังฝากของกินและของใช้มาให้ยามมีโอกาสจนดูเหมือนว่าน้าสาวจะปลื้มเขาเสียเหลือเกิน คนรวยที่นิสัยเอื้อเฟื้อโดยเนื้อแท้แบบนี้หายาก

            “ถ้าข้าวยังกลัวก็ดูกันไปก่อน เรื่องความรักไม่ต้องเร่งรีบหรอกลูก ถึงเวลาเมื่อไหร่คำตอบมันก็จะมาเองอย่าไปคิดมากนักเลย แค่เรื่องเรียนก็ปวดหัวมากแล้วไม่ใช่เหรอ” ลูบศีรษะหลานสาวพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

            หลังจากนั้นหล่อนก็เล่าเรื่องที่จะไปฝึกงานอยู่ The area group ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาให้ฟังทันที พร้อมตื่นเต้นใหญ่ที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งหาได้ยากจากคนระดับนั้น เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างหล่อนจะได้เคียงข้างประธานบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่

            พูดคุยกันเสร็จก็ขอตัวขึ้นมาบนห้อง เปิดประตูไม้สีทึบถูกเปิดออกแล้วปิดลงเสียงเบา เข้ามาข้างในก็เป็นเตียงนอนที่อยู่ติดหน้าต่าง ข้างกันเป็นโต๊ะเขียนหนังสือโดยปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้า ห้องขนาดสี่เหลี่ยมไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่แต่ก็อยู่ได้ไม่อึดอัด

            เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาชาร์ตเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแบตเหลือน้อยเต็มที พบสายที่ไม่ได้รับกว่าสิบสายและเมื่อดูชื่อก็ต้องถอนหายใจทันที

            ยังไม่ทันจะโทรกลับเสียงร้องของเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นเสียก่อน “ว่าไงเปรม” เป็นเพื่อนชายคนสนิทนั่นเอง

            ‘โทรไปตั้งหลายรอบทำไมไม่รับ’ ถามเสียงเข้มเพราะเพียรกดหาหล่อนจนสายแทบไหม้แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับเสียที

            “ฉันไปถ่ายแบบเพิ่งกลับถึงบ้าน นายมีอะไรหรือเปล่า”

เดินไปนั่งลงบนเตียงพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อย ดูเหมือนเปมทัตจะรุกหนักขึ้นทุกวันถึงแม้จะเรียนคณะเดียวกันแต่คนละภาควิชาเพราะเขาเลือกภาคพาณิชยศาสตร์สำหรับบริหารธุรกิจทางบ้านโดยเฉพาะ

            ที่จริงบิดาของเปมทัตอยากให้ไปต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศแต่ชายหนุ่มไม่ยอม ยืนยันว่าอย่างไรก็จะเรียนที่ไทยจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับหล่อนได้ เขาตามติดจนเหมือนเป็นเงาตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างอึดอัดแต่ในเมื่อฝ่ายนั้นไม่ได้ขอพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนจึงจำต้องปล่อยผ่าน ขอเพียงแค่ไม่ล้ำเส้นที่ขีดไว้ก็พอ

            ‘ไปกับใคร’

            “คนเดียว แค่นี้ก่อนได้ไหมฉันเหนียวตัวอยากไปอาบน้ำ” ตอบเสร็จก็รีบหาข้ออ้างเพื่อวางสาย

            ‘เดี๋ยวก่อนสิข้าว เอ่อ ถ้าอย่างนั้นฝันดีนะ’ โทรมาเพียงเพื่อบอกฝันดีก่อนที่หญิงสาวจะตัดสายโดยไม่ได้ตอบกลับ

            อันที่จริงไม่อยากให้ความหวังเพื่อนด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าฝ่ายชายจะเจ็บมากหากถูกปฏิเสธ อย่างไรเขาก็คอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด เคยคิดอยากตอบกลับความรักแต่ความรู้สึกที่มีต่อเปมทัตมันชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น

            อีกอย่างหล่อนไม่กล้าทำร้ายจิตใจอรวราที่หลงรักฝ่ายชายมาตลอด ถึงแม้ไม่พูดออกมาแต่แววตาบอกหมดทุกอย่าง เธออยากให้ทั้งสองลงเอยกันทว่าไม่กล้าเป็นกามเทพกลัวเรื่องจะยิ่งบานปลาย

            คำว่าเพื่อนมันช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status