๔
ความจริงที่เจ็บปวด
ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนที่เหล่านักศึกษาฝึกงานได้ลองใช้ชีวิตในการทำงานจริง ค่อนข้างสะบักสะบอมเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่นึกสักนิด งานก็หนักยิ่งเป็นน้องใหม่ก็ถูกใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอรวราที่ปฏิเสธคนไม่เป็น หน้าที่ประจำของเธอคือการซื้อกาแฟให้พี่ๆ กระทั่งเปมทัตรู้เรื่องหล่อนถึงโดยว่าเสียยกใหญ่เพราะมันไม่ใช่หน้าที่สักนิด
เธอไม่อยากมีเรื่องจึงต้องกล่อมให้เพื่อนสนิทใจเย็นพลางบอกว่ามันไม่ได้ลำบากเลย ร้านกาแฟก็อยู่ใกล้บริษัทแค่เดินไม่กี่ก้าวถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว จนร่างสูงอดค่อนแคะไม่ได้ว่าช่างมีความสุขในการรับใช้คนอื่นเสียเหลือเกิน
ตอนเที่ยงพวกเขามักมารับประทานอาหารด้วยกัน เลือกจะกินร้านใกล้บริษัทเพราะตอนบ่ายต้องรีบเข้างานเดี๋ยวจะโดนรุ่นพี่พูดใส่อีกว่าเป็นนางสาวสายเสมอ
“จริงเหรอ แสดงว่าคนที่มาเป็นผู้ช่วยคุณนนก็คือเด็กเลี้ยงคุณแทน” ขณะที่กำลังนั่งรออาหารก็ได้ยินพี่ที่ทำงานบริษัทเดียวกันพูดถึงประเด็นร้อนแรงซึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วตึก
“ฉันได้ยินเขาเล่ากันมา ถามจริงเถอะพวกแกเคยเห็นเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยเลขาหรือไง ถ้าไม่ใช่...” เว้นวรรคแล้วมองตากันก่อนจะหัวเราะเสียงดังเหมือนเป็นเรื่องขบขันทำให้คนที่ทนนั่งฟังอยู่นานทุบโต๊ะเสียงดังพลางลุกขึ้นมองด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
อรวราพยายามจับแขนเพื่อนเอาไว้ไม่ให้พุ่งเข้าไปตะบันหน้าผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวแม่ ได้ทำหน้าที่การงานดีแต่กลับทำตัวเหมือนแม่ค้าปากตลาดคอยพูดเรื่องคนอื่นทั้งที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร
“หนวกหู มากินข้าวก็ยัดข้าวเข้าปากเถอะป้า” ดวงตาเอาเรื่องเต็มที่ทำให้คนที่โดนเรียกว่าป้าทั้งที่อายุยังไม่ถึงเลขสี่ต้องโต้ตอบด้วยความโมโห
“มีสิทธิ์อะไรมาเรียกฉันว่าป้า”
“แล้วป้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินคนอื่นวะ รู้จักเขาดีแล้วเหรอ เป็นเห็บหมัดใต้เตียงเขาหรือไง ถ้ารู้อะไรไม่จริงก็อย่าพูด หยุดส่งกลิ่นเหม็นเน่าจากปากทีเหอะ ผมอยากกินข้าวไม่ใช่ขยะจากปากป้า” เปมทัตตอกกลับพลางต่อว่าเสียยืดยาวเหมือนเป็นการสั่งสอนคนที่อายุมากกว่า
สร้างความอับอายให้ยิ่งนักจนไม่กล้าจะกินข้าวต่อรีบควักเงินมาวางไว้โดยมีสายตาของคนทั้งร้านมองด้วยความสนใจ
“ฉันไม่กินแล้วนะป้า เงินนี่ไม่ต้องทอน” คนกลุ่มนั้นเดินออกไปทันทีทำให้อรวราถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่มีเหตุการณ์ปะทะเหมือนที่นึกกังวล ร่างสูงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วนั่งลงที่เดิมหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มดับความหัวร้อนของตนเอง
คำพูดคนพวกนั้นวิ่งวนในหัวไม่หยุด ถึงจะพูดว่ามันไม่จริงแต่ลึกในใจก็แอบกังวลเรื่องนี้เพราะบุณณดาตัวติดกับเจ้านายเหลือเกิน ไม่ได้เข้ามาที่บริษัทเพราะต้องไปทำงานนอกสถานที่ตลอด
อีกทั้งเขาเพิ่งรู้ว่าแทนไททำงานที่บ้าน..
มันคงไม่มีเรื่องนอกเหนือจากงานเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลจนหลังเลิกงานต้องรีบกลับไปดักรอหญิงสาวอยู่หน้าบ้านน้าแพง เวลาเลิกงานผ่านไปเกือบสามชั่วโมงเพิ่งเห็นนางในดวงใจเดินมาถึงหน้าบ้านจนต้องรีบลงจากรถยนต์
“ทำไมกลับค่ำ” เข้าไปหยุดยืนตรงหน้าพลางเอ่ยถามอย่างหาเรื่องจนหล่อนถอนหายใจใส่เขาบอกให้รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหนกับการถูกจู่โจมแบบนี้
“งานเพิ่งเสร็จ” ตอบแล้วก็เดินเลี่ยงไปเปิดประตูรั้วทว่าชายหนุ่มคว้าแขนหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“รู้ไหมว่าที่ทำงานเขาพูดเรื่องข้าวกับผู้ชายคนนั้นว่ายังไง” ที่มาวันนี้ก็เพื่อต้องการเตือนสติให้ใบข้าวรับรู้ถึงความจริงและเว้นระยะห่างจากแทนไทสักทีก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เขาบอกว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของหมอนั่น” ย้ำชัดให้หล่อนได้รับรู้ถึงคำพูดคนอื่น หวังให้บุณณดามีสติแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่รู้สึกอะไรเพราะทำหน้าเรียบเฉยก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงค่อยปลดมือหนาออกจากแขนของตนเอง
“รู้แล้ว ขอบคุณที่เอาข่าวมาบอก” หากจะพูดว่าไม่สนใจก็คงไม่ใช่
คิดไว้อยู่แล้วว่าคงมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ใครเล่าจะห้ามปากคนได้ในเมื่อหล่อนเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่กลับได้ทำตำแหน่งผู้ช่วยเลขา เคยพูดกับแทนไทเรื่องนี้แต่ชายหนุ่มก็บอกให้หล่อนทำหน้าที่ของตนเองไม่ต้องไปสนใจคำของคนหรอก
หลังจากนั้นข่าวพวกนี้ก็ไม่มีความหมายสำหรับเธออีก
“ข้าว! หมอนั่นมันคิดไม่ซื่อกับข้าวนะ เลิกรักมันสักที” ใบหน้าหวานหันมามองคนที่ขึ้นเสียงใส่ตนเอง หล่อนไม่ได้โกรธที่เขาพูดเสียงดังแต่ตกใจที่เปมทัตรู้ว่าตนรักแทนไทต่างหาก
“นายรู้..”
“มีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก แล้วเราก็รู้ว่าเขาไม่ได้รักข้าวเลยสักนิด เขาก็แค่คบข้าวเล่นๆ ไว้แก้เบื่อเท่านั้น” พูดใส่ไฟหวังให้หญิงสาวตาสว่างแต่หล่อนกลับเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าเพื่อนได้ตัดสินแทนไททั้งที่ยังไม่รู้จักชายหนุ่มดีด้วยซ้ำ
เธอรู้ว่าเขาจะไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ผู้ชายที่จริงจังกับเรื่องงานและอ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยคนรอบข้างน่ะหรือจะทำร้ายหล่อน
ไม่มีทาง
“ถึงเขาจะคบเราเล่นๆ เราก็ยอมเป็นของเล่นเขา เพราะว่าเรารักเขา” สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เพื่อนพร้อมทั้งเดินเข้าไปภายในบ้านแล้วปิดประตูรั้วทันทีไม่คิดจะต้อนรับชายหนุ่มที่คบหากันมานานและคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
เปมทัตมองแผ่นหลังบางที่หายเข้าไปในบ้านก็สูดลมหายใจลึกพลางกลั้นน้ำตาเอาไว้จนดวงตาแดงก่ำ เสยผมอย่างหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรเป็นดังใจสักอย่าง จะบอกรักก็กลัวเสียเพื่อนทั้งที่อยากบอกให้มันจบไม่ต้องมาค้างคาแบบนี้
แต่เขารู้ดีว่าถึงพูดความรู้สึกออกไปหล่อนก็คงปฏิเสธในเมื่อหัวใจที่เคยว่างเปล่ากลับมีคนมาจับจองพื้นที่แล้ว
ผู้ชายที่เขาไม่อาจสู้ได้เลยสักทาง..ถึงจะมาก่อนแต่บุณณดาก็เลือกอีกฝ่ายอยู่ดี
วันต่อมาคำพูดของเปมทัตยังติดอยู่ในหัวถึงจะพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่ออกไปเสียที ยอมรับว่าที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำจะได้เลิกมายุ่งกับหล่อนเสียที นับวันเขายิ่งก้าวข้ามเส้นที่หล่อนขีดเอาไว้
จนตัดสินใจจะพูดหวังให้เขารู้สึกตัวเสียทีว่าเธอให้ได้แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น ถึงจะรู้สึกผิดแต่ถ้ามันแลกมาด้วยการที่ชายหนุ่มยอมถอยก็ต้องยอม
“เป็นอะไรหรือเปล่า” วันนี้เขาต้องออกไปคุยงานกับนักธุรกิจจากญี่ปุ่นที่ต้องการมาเปิดร้านยังห้างสรรพสินค้าของแทนไทจึงต้องพาไปดูสถานที่ในการขายของทั้งสี่แห่ง แน่นอนว่าหล่อนต้องตามไปด้วยและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน
“เปล่าค่ะ” ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วแย้มยิ้มให้เจ้านายเหมือนปกติแต่แววตากลับหม่นแสงทำเอาคนที่กำลังสวมสูทต้องหันมาเผชิญหน้ากับหล่อน
“มีอะไรก็บอกฉัน อย่าเก็บไว้คนเดียว” มือหน้าเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตากันแล้วจ้องเข้าไปในนั้นราวต้องการค้นหาความจริงที่ทำให้คนสดใสต้องหงอยแบบนี้
จากที่คิดจะเก็บเงียบไม่บอกก็ต้องเอ่ยกับเขาเสียงเครียด พยายามคิดว่าการนินทาเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ส่วนหนึ่งที่เขาพูดมันก็เกิดจากกระทำของเราที่ทำให้อีกฝ่ายนำไปคิดต่อยอดจนผูกเป็นเรื่องราวก่อนจะขยายต่อแล้วใส่ความรู้สึกของคนเล่าลงไปด้วย
“มีคนพูดว่าข้าวเป็นเด็กเลี้ยงของคุณแทน” ค่อนข้างเป็นกังวลกลัวว่าชายหนุ่มจะเสียหายแต่เขากลับหัวเราะในลำคอพลางยกมือขึ้นมาลูบศีรษะหล่อนอย่างอ่อนโยน
“จะไปสนใจอะไรกับคำพูดของคนอื่น ในเมื่อความจริงเธอก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” สองดวงตาประสานกันหลังจากที่เขาพูดจบ
หัวใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะอยากถอนสายตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เหมือนมันถูกตรึงไว้ให้มองเพียงเขาคนเดียวจนมือไม้เริ่มจะอ่อนแรง
ขนาดแทนไทไม่ได้ทำอะไรมากกว่ามองหล่อนยังเป็นได้มากขนาดนี้ หากถึงวันที่เขาบอกรักหรือทำมากกว่านั้นจะไม่เป็นลมเลยเหรอ คิดฝันไปไกลจนต้องรีบดึงสติตนเองเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นขึ้นมายังเนินชั้นสองของบ้านสามชั้น
“คุณทัชน่าจะมาแล้ว” จบคำพูดนั้นพ่อมดแห่งการค้าก็ปล่อยให้เธอได้เป็นอิสระ ก่อนที่จะรีบผละห่างอย่างรวดเร็ว คำพูดของเขายังติดค้างในหัว
แล้วเราเป็นอะไรกัน...
เธอไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียวแต่ดูเหมือนแทนไทก็อาจจะมีใจให้กันบ้างไม่อย่างนั้นคงไม่ใส่ใจมากขนาดนี้หรอก
ชายหนุ่มมักจะจ้องมองในเวลาที่หล่อนเผลอ ตอนแรกก็ไม่รู้แต่เริ่มสงสัยเพราะมองเขาทีไรก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองตนอยู่ก่อนหน้าแล้ว พอลองทำเหมือนมองทางอื่นแต่แท้จริงก็เหลือบสายตาไปทางเขารอจับพิรุธก็รู้ทันทีว่าเจ้านายหนุ่มหล่อแอบมองหล่อนจริงๆ
หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาพองโตขึ้นมายามรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นเดียวกัน คงต้องรอเวลาให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้และเขาเอ่ยขึ้นมาเอง
จะได้ไม่ดูเหมือนเธอเป็นสาวใจง่ายทั้งที่ความจริงมอบหัวใจให้แทนไทตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเมื่อสี่ปีก่อนด้วยซ้ำ
การทำงานเริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าเสร็จอีกทีสองทุ่มเพราะต้องไปรับประทานอาหารเย็นกับนักธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่น พูดคุยกันเสร็จก็ต้องไปงานเปิดตัวนิตยสารชื่อดังจากอเมริกาซึ่งมาตีตลาดเอเชีย หล่อนเดินตามเขาที่ทักทายไปทั่วกระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์
“ไม่เจอกันนานนะคะคุณแทน” หากจำไม่ผิดหล่อนคือธัญพิชชา ผกายฤทธิ์หรือคุณหยาดฝนซึ่งทำธุรกิจห้องเสื้อร่วมกับเพื่อนสนิท
ที่สำคัญคือเธอเป็นลูกสาวเจ้าสัวนิรุชเจ้าของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งประเทศ มีข่าวว่ากำลังคบหากับแทนไททว่าไม่เคยมีใครจับภาพทั้งสองยามอยู่ด้วยกันได้เลย ส่วนมากจะเป็นภาพจากมุมไกลหรือเบลอจนมองไม่ชัดว่าเป็นใคร
บุณณดาพยายามปลอบใจตนเองตลอดว่าข่าวไม่จริงแต่เมื่อได้เห็นสายตาของคนทั้งสองยามมองกันก็อดกลัวไม่ได้
หล่อนไม่มีอะไรเทียบเท่าธัญพิชชาสักอย่าง หากเอ่ยถึงฐานะก็ข้ามไปได้เลยเพราะจนแทบไม่มีจะกิน ขนาดบ้านยังอาศัยคนอื่นอยู่ เรื่องหน้าตาก็ต้องผ่านไปอีกเช่นกันในเมื่อหยาดฝนรูปร่างสูงโปร่งราวนางแบบ ใบหน้าสวยคมจนชายหนุ่มหลายคนหมายปอง หรือหากจะเป็นความสามารถก็ไม่อาจเทียบกับคนที่มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองได้หรอก
สรุปแล้วว่าหล่อนแพ้ทุกทาง..
“ช่วงนี้งานผมค่อนข้างเยอะ” ตอบกลับพร้อมอมยิ้มเล็กน้อย
“หยาดเห็นคุณงานเยอะตลอด ไม่มีเวลาว่างให้กันบ้างเลย” การที่สองหนุ่มสาวพูดคุยกันเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง ถ้าแทนไทคบกับธัญพิชชาจริงคงไม่ต้องคิดเลยว่าอาณาจักรทั้งคู่จะใหญ่มากแค่ไหน ในเมื่ออีกคนเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า ส่วนครอบครัวสาวเจ้าก็ครอบครองอาณาจักรเงินตราขนาดใหญ่
แค่คิดภาพเงินก็ลอยเต็มหัวจนอดอิจฉาไม่ได้ จิตใจหล่อนช่างอ่อนไหวเสียเหลือเกินแต่ก็พยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ยามเห็นแทนไทยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
“คุณก็ไม่ค่อยว่างเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เห็นว่ากำลังจะทำแฟชั่นโชว์”
“ติดตามข่าวกันตลอดแต่กลับไม่มาหา หยาดน้อยใจนะคะ” ก้าวเข้าไปใกล้เขาพลางกระซิบที่หูให้ได้ยินกันสองคน หลังจากนั้นก็เห็นหัวเราะอย่างมีความสุขทำเอาบุณณดาที่ยืนอยู่ข้างหลังต้องผ่อนลมหายใจหวังเอาความรู้สึกขมุกขมัวออกไปจากตนเอง
หากไม่ติดที่ว่าเป็นเลขาต้องตามเจ้านายตลอดคงขอตัวไปยืนสงบสติอารมณ์ข้างนอกแล้ว
ยอมรับว่าหึงเขาในเมื่อไม่ค่อยเห็นชายหนุ่มอยู่กับผู้หญิงคนอื่น จากที่ฟังคนเล่าว่ามีหญิงหลายคนมาตบตีแย่งเจ้าของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่นั้นค่อนข้างเกินความจริงไปมากเพราะทั้งวันเขายุ่งจนแทบไม่ได้เจอเพศตรงข้ามนอกจากจะเป็นนักธุรกิจหรือคู่ค้า
คนที่เข้าใกล้แทนไทมากสุดคงต้องยอมรับว่าเป็นหล่อน..
แล้ววันนี้เมื่อเห็นธัญพิชชาได้รับความพิเศษนั้นก็เกิดความขุ่นมัวขึ้นภายในจิตใจจนไม่อาจระงับใบหน้าเอาไว้ได้
กระทั่งงานเลิกและขึ้นมาอยู่บนรถตู้ที่ใช้ในบางวันเท่านั้น มีคนขับรถของที่บ้านมาอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งยังมีเก้าอี้นวดส่วนตัวอีกด้วย ประตูรถปิดลงร่างสูงก็ถอนหายใจพลางเอนกายอย่างเหนื่อยล้าเพราะทำงานทั้งวันไม่มีพัก
ความเงียบโอบล้อมจนดวงตาคมต้องหันมองหญิงสาวที่นั่งข้างกายก่อนจะเห็นว่าหล่อนเหม่อลอยเหมือนมีอะไรในใจ
เขาค่อยสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทแล้วหยิบดอกไม้ที่แอบขโมยมาจากงานเมื่อสักครู่ก่อนยื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็กที่สะดุ้งตกใจยามได้เห็นดอกกุหลาบสีแดง
“ฉันให้เธอเป็นการขอบคุณที่เหนื่อยด้วยกันทั้งวัน” รอยยิ้มแต้มริมฝีปากหยักยามจ้องมองใบหน้าหวานที่ทำหน้าไม่ถูก เธอยื่นมือมารับพลางสูดดมความหอมของมันเข้าปอดค่อยเงยหน้ามาสบตากับคนให้ด้วยประกายสดใสกว่าเมื่อสักครู่
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ฉันเต็มใจให้เธอ” ไม่รู้ทำไมถึงชอบมองเวลาเธอยิ้ม ดวงตากลมโตจะเหลือเพียงขีดเดียวมันช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
เขารีบสลัดความคิดนั้นออกเมื่อนึกได้ว่ากำลังจะตกหลุมพรางที่ตัวเองเป็นคนขุด
อย่างไรเสียลูกของศัตรูก็คือยาพิษที่ไม่ควรดื่ม
อีกไม่นานหรอกรอยยิ้มของหล่อนคงจะหายไป และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่หรือบางทีความสุขของบุณณดาอาจจะหายไปตลอดกาล...
ห้องพักของโรงแรมในเครือ The area group กลายเป็นสงครามที่แสนเผ็ดร้อนของชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเมื่อเข้ามาภายในห้องก็ไม่ได้ห่างจากกันอีกเลย หญิงสาวแอ่นอกเข้าหาคนตัวสูงอย่างไม่นึกอายพลางปลดกระดุมเสื้อของเขาจนเผยให้เห็นมัดกล้ามที่ทำเอาคนมองอดลูบไล้ไม่ได้
ร่างกายร้อนระอุเหมือนอยู่บนกองเพลิงทั้งที่เปิดแอร์เพียงแค่สิบเจ็ดองศาเท่านั้น ผมยาวสวยที่เคยรวบถูกปลดลงจนสยายเต็มแผ่นหลัง มือหนาเอื้อมไปปลดชั้นในตัวบนจนหลุดออกจากร่างบางแล้วซุกไซ้ทรวงอกคู่งามทันทีก่อนจะดูดจนมันชูชันสู้ศึกที่กำลังจะเริ่ม
เสียงหอบหายใจดังไปทั่วห้องค่อยพากันเดินไปที่เตียงกว้างแล้วล้มตัวลงนอนก่อนฝ่ายชายจะลุกขึ้นคร่อมหญิงสาวแล้วรูดชั้นในตัวล่างลงทำให้กายสาวไร้อาภรณ์ปกปิดกาย
“คิดถึงกันมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถามเสียงกระเส่าเมื่อโดนร่างสูงซุกไซ้ที่ลำคอระหงส์
“ดูที่การกระทำผมแล้วกัน” หลังจากนั้นเขาก็ตอบคำถามของหล่อนด้วยการโถมกายเข้าหาจนหญิงสาวร้องไม่เป็นศัพท์ ดีที่ห้องเก็บเสียงจึงสามารถปลดปล่อยความเสียวกระสันออกมาได้ตามอารมณ์ในช่วงเวลานั้น
เวลาเคลื่อนคล้อยไปและทั้งคู่มีงานรัดตัวก็ต้องรีบทำเวลาด้วยเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นอารมณ์หมายแล้วต่างแยกย้ายไปสวมเสื้อผ้าของตนเองไม่มีการเอ้อระเหยหรือนอนกกกอดอย่างคนรักพึงกระทำต่อกัน ในเมื่อพวกเขาเป็นเพียงแค่คู่นอน
มันก็แค่เซ็กเท่านั้น..
“คุณมีงานที่ไหนเหรอคะ” หยิบชั้นในขึ้นมาสวมก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งมอบความหฤหรรษ์ให้หล่อน
“ผมต้องไปคิดบัญชีกับเพื่อนเก่า..” ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์แล้วติดกระดุมเสื้อจนหมดค่อยเดินไปหยิบของสำคัญแล้วออกจากห้องไปพร้อมหญิงสาว เขาเชื่อมั่นในความปลอดภัยโรงแรมของตนว่าจะไม่มีภาพหลุดเล็ดลอดออกไปเด็ดขาด
เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคนที่จะเดือดร้อนคือพนักงานที่ไม่ทำหน้าที่ตนเองจนสร้างความเดือดร้อนให้เจ้านาย
แทนไทขึ้นไปบนรถยนต์ของตนเองก่อนจะขับออกจากโรงแรมมุ่งตรงไปยังบ้านของใครบางคนที่ไม่รู้ว่ามันจะยังจำเขาได้หรือเปล่า ความเคียดแค้นส่งออกทางแววตาที่แทบจะเผาถนนตรงหน้าให้มอดไหม้ ค่อยเคลื่อนพาหนะไปตามทางโดยรับสายจากลูกน้องของเสี่ยทรงภพ
‘ผมจัดการให้บางส่วนแล้วครับ’ หัวเราะในลำคอยามได้ยินรายงาน ที่จริงเขาไม่ค่อยชอบใช้ความรุนแรงสักเท่าไหร่แต่กับบางคนมันก็อดไม่ได้จริงๆ
ต้องสั่งสอนให้รู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง
“ผมใกล้จะถึงแล้ว สั่งสอนมันอีกสักหน่อยแล้วกันจนกว่าผมจะไปถึงบ้าน แต่อย่าแตะต้องลูกสาวของมันเด็ดขาด”
เพราะผู้หญิงคนนั้น..เขาจะเป็นคนทำลายเอง
หลังจากงานวันนั้นผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์บุณณดายุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก เพิ่งจะมีวันนี้ที่เจ้านายอนุญาตให้กลับบ้านเร็วจึงได้ซื้อกับข้าวมาฝากน้าแพงเต็มไปหมด แต่ขณะที่จะเลี้ยวเข้าบ้านของคุณน้าที่ให้ความเคารพกลับเห็นรถยนต์หลายคันจอดที่หน้าบ้านตนเอง
ไม่ทันได้คิดก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในทันทีกลัวว่าบิดาของตนจะเป็นอันตราย และก็จริงดังคาดเพราะท่านนอนอยู่บนพื้นกลางห้องโถงโดยมีชายฉกรรจ์ล้อมรอบพลางมองด้วยแววตาสมเพช
“พ่อ!” ถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้หน้าบ้านไม่ได้สนใจสักนิด ตอนนี้เธอต้องช่วยพ่อที่ใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำและเลือดเต็มไปหมดเสียก่อน
“ออกไป นังนี่ไม่ใช่ลูกฉันนะ มันเป็นใครก็ไม่รู้” รีบบอกทันทีกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายไปด้วย ในขณะที่ชายกว่าสี่คนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดังทำเอาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเริ่มกลัวและก่นด่าตัวเองที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อนเข้ามา
ถ้าพวกมันทำมิดีมิร้ายจะทำเช่นไร..
“มึงคิดว่าพวกกูโง่ไม่สืบประวัติมึงเลยเหรอวะไอ้บัลลพ นังนี่เป็นลูกสาวคนเดียวของมึงที่ไปอยู่กับคนข้างบ้านพวกกูรู้มานานแล้วเว้ย” ในเมื่อเห็นว่าพวกเขาโง่ก็ต้องบอกความจริงให้มันฉลาดเสียหน่อย
สองพ่อลูกตกใจที่อีกฝ่ายรับรู้ความจริงมาโดยตลอดแต่ก็ปล่อยผ่านไม่เข้ามาหาเรื่อง เกิดความสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ทันได้ถามชายคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าก็ย่อตัวลงมานั่งตรงหน้าหล่อนพลางเชยคางมนขึ้นมองให้เต็มตา
“สวยนี่หว่า สนใจไปทำงานใช้หนี้แทนพ่อไหมน้องสาว” บุณณดาปัดมือมันออกอย่างนึกรังเกียจในขณะที่บิดาก็รีบร้องขึ้นทันที
“อย่ายุ่งกับลูกกู ถ้าจะทำมาทำที่กู” ปกป้องลูกสาวเต็มที่ทั้งที่จะเอาตัวเองไม่รอด ร่างบางน้ำตาซึมยามเห็นสภาพของบิดาจนต้องกอดท่านเอาไว้กลัวว่าจะเสียครอบครัวเพียงคนเดียวไป
“คนแบบมึงห่วงลูกเป็นด้วยเหรอวะ ฮ่าๆๆ”
“กูจะหาเงินมาใช้พวกมึง แต่อย่าเอาลูกสาวกูไปเลย” ร่างบางได้ฟังอย่างนั้นก็สงสารพ่อของตนเองจับหัวใจ เชิดหน้าขึ้นเพื่อเผชิญกับคนที่มารุมรังแกพวกตนถึงแม้ว่าใจจะสั่นก็พยายามนึกถึงหน้าแทนไทเอาไว้
เขาคือกำลังใจชั้นดีของหล่อนจนนึกอยากให้มายืนด้วยกันยามคับขันเช่นนี้
“ฉันจะหาเงินใช้หนี้ให้พ่อเอง อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะ” ต่อรองด้วยไม่รู้ว่าเงินที่บัลลพติดค้างพวกนั้นมันคือจำนวนเท่าไหร่ และเมื่ออีกฝ่ายตอกกลับมาหล่อนก็อ้าปากค้างแล้วหันไปมองบิดาด้วยแววตาอึ้ง
“เงินทั้งหมดยี่สิบล้านหามาคืนภายในสามเดือน จะทำได้จริงเหรอน้องสาว” พากันหัวเราะร่วนด้วยเชื่อว่าไม่มีทางที่หล่อนจะทำได้
เงินจำนวนนั้นมันมากเกินกำลังของเธอจนรู้สึกเหมือนแขนขาไร้เรี่ยวแรง นึกว่าท่านหยุดเล่นการพนันแล้วเสียอีกทำไมถึงมีเงินงอกเงยขึ้นมาได้หลายสิบล้านขนาดนี้ ต่อให้หาทั้งชาติก็คงหาไม่ได้จนเริ่มเครียดเสียแล้ว
“จริงเหรอคะพ่อ” หันมาถามบิดาที่หลบสายตาบุตรสาวเป็นพัลวันด้วยความละอายใจ ท่านไม่นึกว่าตนเองจะเล่นเสียจนเงินที่หยิบยืมเสี่ยมันจะพอกพูนมาได้มากขนาดนี้ เริ่มกังวลว่ามันจะเอาบุณณดาไปเป็นตัวขัดดอกเหมือนที่เคยทำกับลูกหนี้คนอื่น
บัลลพกอดลูกสาวเอาไว้แน่นอย่างหวงแหน ท่านไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหล่อนเป็นอันขาดถึงแม้เรี่ยวแรงที่เหลือจะน้อยนิดก็ตาม
“พ่อขอโทษ”
คำพูดนั้นตอบได้เป็นอย่างดีว่าพวกมันไม่ได้โกหก พ่อติดหนี้กว่ายี่สิบล้านเป็นเรื่องจริงจนมือไม้หล่อนอ่อนแรง
จากที่คิดจะลืมตาอ้าปากได้คงหมดหวังแล้ว.. หนทางมืดมนจนหาแสงสว่างไม่เจอด้วยซ้ำกระทั่งมีชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาภายในบ้าน
เธอมองตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาจนเห็นดวงหน้าคมซึ่งรู้จักเป็นอย่างดี รอยยิ้มแต้มริมฝีปากนึกดีใจที่เขามาช่วยแล้ว กลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตาถึงได้เรียกเสียงดังราวกับว่าชีวิตที่ปลิดปลิวได้กลับเข้าสู่ร่างอีกครั้งหนึ่ง
“คุณแทนช่วยข้าวด้วยค่ะ” กอดบิดาเอาไว้พลางร้องบอกเขาเสียงหลง ชายฉกรรจ์หันมองตามเสียงเรียกของหล่อนก็พบชายแปลกหน้าที่เข้ามาใหม่
ร่างสูงอยู่ในชุดทำงานมาดค่อนข้างเข้มขรึมน่ายำเกรง เพียงกวาดสายตามองก็ทำเอาคนถูกจ้องผวาต้องรีบหลบอย่างรวดเร็ว ทุกคนเปิดทางให้คนมาใหม่จนสองพ่อลูกเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
บุณณดารับรู้ถึงบรรยากาศประหลาดที่เกิดขึ้นแต่ก็พยายามไม่คิดไปในทางลบ หล่อนสลัดความกลัวภายใต้จิตใจของตนออกทันที แทนไทที่รู้จักไม่ได้มีแววตานิ่งลึกยากจะคาดเดาแบบนี้ ใบหน้าคมเรียบเฉยราวไม่รู้สึกกับภาพตรงหน้า
ทำให้เธอนึกกลัวเขาขึ้นมาเสียแล้ว..
“จำกันได้ไหม เพื่อนรัก” เจ้าของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่เมินคำพูดของสาวรุ่นลูกแล้วหันไปสนใจบัลลพซึ่งค่อยยันกายลุกขึ้นมาสบตากับคนถาม อันที่จริงเขาก็สงสัยตั้งแต่ชื่อที่ลูกสาวเรียกแล้วยิ่งเมื่อได้จ้องใบหน้าที่ลืมเลือนไปก็อ้าปากค้าง
เวลาผ่านไปกว่ายี่สิบปีแต่เหตุใดมันถึงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด อดีตหน้าตาอย่างไรปัจจุบันกลับยิ่งหล่อเหลามากกว่าเดิม
“ไอ้แทน!” ได้ยินอย่างนั้นก็แสยะยิ้มสมใจก่อนจะย่อกายลงมาให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน เขากวาดตามองอดีตเพื่อนรักที่เคยรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคายจนสาวหลงใหลแต่มาวันนี้กลับกลายเป็นตาแก่พุงพลุ้ยที่แม้แต่หมายังไม่เหลียวมอง
ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน
“ขอบใจที่มึงยังจำเพื่อนเก่าคนนี้ได้ แล้วมึงจำได้ไหมว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง” หล่อนกลายเป็นตัวประกอบได้แต่นั่งฟังชายที่แอบรักพูดคุยกับพ่อเหมือนสนิทสนมกันมานาน
พยายามจับใจความสำคัญทั้งที่ตอนนี้เริ่มคิดไปไกลแล้วว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นฝีมือของเขาหรือเปล่า
“กูไม่ได้ทำอะไร” แทนไทลุกขึ้นยืนก่อนจะหัวเราะเสียงดังยามเพื่อนตอบว่าไม่เคยทำอะไรให้ตนเจ็บช้ำ ดวงตาคมหันไปมองลูกน้องของเสี่ยทรงภพพลางสั่งทางสายตาแต่ก็รับรู้ดีว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร
ชายสองคนเข้าไปจับตัวบุณณดาออกมาทันทีจนหญิงสาวต้องร้องโวยวาย “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะอยู่กับพ่อ อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ คุณแทนคะช่วยพ่อของข้าวด้วย”
เวลานี้หล่อนก็ยังจะร้องขอความช่วยเหลือจากเขาในขณะที่บัลลพหันมองลูกสาวสลับกับแทนไทด้วยแววตาตกตะลึงพลันคิดถึงเรื่องที่เปมทัตบอกเมื่อเดือนก่อน
“คุณน้าครับ ข้าวมีผู้ชายเข้ามาติดพันแถมยังดูไม่น่าไว้ใจด้วย”
หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็น..ไอ้แทนไท!
“มึง มึงทำอะไรลูกสาวกู” ถึงแรงจะน้อยนิดแต่ด้วยความห่วงลูกก็พยายามยันกายลุกขึ้นทว่าสังขารไม่เอื้ออำนวยจนต้องลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง
แทนไทเห็นอย่างนั้นก็อดสังเวชใจไม่ได้เดินเข้าไปใกล้อดีตเพื่อนรักพลางใช้เท้าเหยียบลงบนหน้าท้องของมันก่อนจะขยี้ซ้ำแผลที่ถูกรุมกระทืบจนได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังไปทั่วบ้าน
“คุณแทนอย่าทำพ่อของข้าวนะ!” พยายามจะสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะชายทั้งสองจับไว้แน่นเสียเหลือเกิน
น้ำตาไหลเปื้อนใบหน้าหวานเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาหล่อนถูกเขาหลอกด้วยภาพลักษณ์ผู้ชายแสนดีมาโดยตลอด ถึงยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้แทนไทแค้นพ่อของตนเองก็ตาม
ร่างสูงไม่ได้หันมาสนใจลูกสาวของศัตรูด้วยซ้ำในเมื่อภาพในหัวมันกำลังจมอยู่ในอดีตที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้เลย ภาพที่เพื่อนรักของเขาแย่งผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักไปเสวยสุขด้วยกัน
“มึงอยากรู้ไหมว่ากูจะทำอะไรลูกสาวมึง” ถามกลับเสียงเหี้ยมพลางยกเท้าออกมาเหยียบบนพื้นเหมือนเดิมขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาของคนเจ็บ
“กูก็จะทำลูกมึงให้เหมือนกับที่มึงทำพี่สาวกู” ความเจ็บแค้นผ่านทางสีหน้าและแววตาของแทนไทยิ่งสร้างความสงสัยให้แก่คนที่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ และวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้น
เธอพยายามตั้งสติคิดตามคำพูดของชายหนุ่มที่มีต่อบิดาตนเอง มันหมายความทั้งคู่เคยมีอดีตไม่ดีต่อกัน และที่แทนไททำมาทั้งหมดก็เพื่อต้องการแก้แค้นเหมือนละครหลังข่าวที่หล่อนเคยดู แต่ทำไมถึงต้องถักทอเรื่องราวให้มันยืดเยื้อมากว่าสี่ปี
หล่อนไม่เข้าใจ..
“กูไม่ได้ทำ” ปฏิเสธอีกครั้งและสร้างความโมโหจนร่างหนาต้องนั่งลงไปกระชากคอเสื้อคนเจ็บ
“มึงขับรถชนพี่สาวกู! มึงฆ่าเด็กในท้องของพี่กูที่เป็นลูกมึง มึงยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกเหรอไอ้ระยำ!” ชกใบหน้าคนที่ทำไม่รู้สึกรู้สาด้วยความโมโหจนบุณณดาต้องร้องห้ามกลัวว่าบิดาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ หล่อนตะโกนเสียงดังเพื่อห้ามเขาทั้งที่รู้ว่าเป็นไปได้ยาก
“อย่าทำพ่อข้าวนะคะคุณแทน ข้าวขอร้อง อยากทำพ่อเลย” ทรุดตัวลงนั่งจนคนที่จับต้องยอมปล่อยหญิงสาว
หล่อนยกมือขึ้นพนมเพื่ออ้อนวอนไม่ให้ชายหนุ่มที่ตนหลงรักทำร้ายบิดาไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ท่านก็เจ็บมากพอแล้ว
“นี่ใช่ไหมลูกสาวของมึงกับผู้หญิงที่ทรยศความรักของกู” ชี้ไปยังใบข้าวที่นั่งร้องไห้ทั้งยังยกมือไหว้อ้อนวอนชายหนุ่มจนคนเป็นพ่อเริ่มสงสารลูก
“มึงอย่าทำอะไรข้าวเลยนะ เห็นแก่ปานก็ได้ มึงเคยรักปานไม่ใช่เหรอ อย่าทำอะไรลูกของพวกกูเลย” ไม่มีแม้แต่แรงจะสู้หรือขัดขืนจึงทำได้เพียงขอร้องไม่ให้แทนไทไปยุ่งกับลูกสาวของตนเอง
ในขณะที่คนซึ่งวางแผนเป็นอย่างดีแสยะยิ้มมุมปากร้ายกาจ ชื่อของผู้หญิงทรยศหลุดออกมาจากปากมันหวนนึกถึงใบหน้าหวานยามแย้มยิ้ม ที่คนเป็นลูกถอดแบบแม่ออกมาไม่มีผิด
ปานตา ปานดวงใจ
ชื่อของอดีตคนรักที่เขาไม่มีวันลืมว่าหล่อนทำเจ็บแสบกับตนมากแค่ไหน!
“กูจะเอาลูกมึงไปเป็นตัวขัดดอก กูจะย่ำยีลูกมึงจนกว่าจะพอใจแล้วปล่อยให้ท้องไม่มีพ่อเหมือนที่มึงเคยทำไง สะใจดีไหมล่ะ” คนที่ได้ยินต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง
ที่แท้เขาเข้าหาหล่อนก็เพราะอย่างนี้เองเหรอ เพราะแค้นบิดาจึงได้ต้องการดึงเธอที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเข้าไปในสนามอารมณ์ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น
ไม่นึกเลยว่าคนที่หลงเทิดทูนบูชาจะคิดแผนการต่ำช้าและสกปรกได้ขนาดนี้ แววตาที่มองเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นธาตุแท้ ความรักเผลอนึกว่าชายหนุ่มคิดเช่นเดียวกันมันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น
เธอคิดไปเองฝ่ายเดียว เพราะแทนไทยังรักแม่ของเธออยู่
คุณแทนรักแม่ปานตา
ไม่ได้รักเธอ..ใบข้าว
๕เลือกได้ไหม หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังเขาก็ได้สอบชิงทุนเข้าคณะวิศวกรรมการบินของสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง แทนไทเหลือพี่สาวเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว แม่ของเขาเสียชีวิตตอนชายหนุ่มอายุ 15 ปี ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเขาไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกไม่มีพ่อทั้งหน้าตาค่อนไปทางฝรั่งเลยโดนล้อมาตลอด เขาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเก็บเงินเรียนไม่ต้องการใช้เงินแม่ที่เป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านไม่ทำงานที่มันมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมากกว่านี้ ชายหนุ่มมุมานะในการเรียนจนได้อยู่ในสังคมของคนเก่งและเต็มไปด้วยคนรวย ตอนนั้นเองที่ทำให้ได้รู้จักกับบัลลพ บวรกิตติ์ ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่เข้ามาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่สถาบันเดียวกัน เขาหลงคิดฝันจะได้เพื่อนแท้โดยไม่รู้เลยสักนิดว่างูเห่ามันแฝงตัวอยู่ภายในกายของอีกฝ่าย จนวันที่แฟนสาวเข้ามาบอกพร้อมทั้งน้ำตา ‘เราท้อง..’ ตกใจจนมือไม้ชาเพราะเขาไม่เคยแตะต้องหล่อนไปมากกว่าจับมือ ยิ่งช่วงก่อนหน้า
๖หัวใจไม่ใช่กระดาษความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้ มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู
๗นอกคำสั่ง หลังเลิกงานหญิงสาวขออนุญาตเจ้าชีวิตมาหาน้าสาวที่ดูแลมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อจับตาดูไม่ให้บุณณดาคลาดสายตาจนคนมีแผนในใจเริ่มอึดอัด ที่จริงวันนี้นัดบิดาเอาไว้ที่บ้านนางนลินี พาหนะจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก หล่อนขอบคุณพี่พริกซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดี เป็นคนขับรถบ้านแทนไทมาเกือบสิบปีแล้วรู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี เธอเดินลงจากรถปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้าไปภายในบ้าน น้าแพงนั่งทำงานที่เดิมเมื่อเห็นหลานสาวก็เข้ามากอดพร้อมถามไถ่ด้วยความคิดถึง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากนักแต่เห็นแววตากังวลของหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไม่สามารถบอกให้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาจำกัด “พ่อล่ะคะน้าแพง” หลังถามจบประตูห้องน้ำก็เปิด ซึ่งคนที่ออกมาคือบัลลพนั่นเอง ชายร่างใหญ่เห็นบุตรสาวก็ตรงเข้ามาสำรวจตามร่างกายพลางถามเสียงตระหนก “ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอ้แทนมันทำอะไรข้าวไหม” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีรอยช้ำตามร่างกายก็พอเบาใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่ได้ซ้อมหรือทำร้ายร่างกายอย่างที่
๘คนที่คู่ควร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอรวรามักจะหลบหน้าเพื่อนเสมอและดูเหมือนเปมทัตก็ไม่ได้มาตามหรือตื้อจะคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่รู้เพราะเมาจนเห็นหล่อนเป็นบุณณดา นึกถึงก็ยิ่งเจ็บจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความกังวลนั้นออกไป ช่วงนี้ต้องทำธีสิสจบจึงพยายามพุ่งความสนใจไปยังงานของตนเอง ช่วงเที่ยงก็ห่ออาหารมากินด้วยทำให้คลุกอยู่แต่แผนกของตนไม่ยอมออกไปหาร่างสูงที่แวะเวียนมาถามไถ่แต่กลับได้เพียงคำปฏิเสธ และคนใจร้อนก็ไม่ได้โวยวายแค่พยักหน้าเข้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นใบข้าวเขาจะตื้อหรือเปล่า สับสนกับความคิดของตนเองที่ดูเหมือนจะปล่อยวางแต่ก็ยังคิดเพียงเรื่องของชายที่ตนหมายปอง “หนูอรไม่กลับเหรอ” ถึงเวลาเลิกงานก็ยังนั่งแช่ที่เดิมทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเก็บข้าวของตามรุ่นพี่ออกไปรอลิฟต์ ไม่รู้ว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งหรือเปล่าทำให้เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นคนที่ตนกำลังหลบหน้ายืนอยู่ในนั้น ขาเรียวก้าวถอยหลังจะไม่เข้าไปแต่พอดีสบตากับชายหนุ่มก่อน ถ้าวิ่งหนีตอนนี้คงได้โดนตามไล่
๙หมากในเกมถึงจะพยายามข่มตาให้หลับก็ไม่อาจทำดังใจปรารถนาได้เพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคนซึ่งยังไม่กลับบ้านสักที ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านดูประตูรั้วกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม เม้มปากแน่นเมื่อคิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับธัญพิชชาถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้างหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงคลอเสียงเบากล่อมให้ง่วง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาเหมือนที่ทำมาเกือบค่อนคืน ดวงตาที่แดงช้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากประคบเย็นอยู่นานมองนาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาตีสอง ดวงตาปริ่มน้ำเจียนจะไหลแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ กล่อมตัวเองให้หลับกระทั่งเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในบ้านรีบสะดุ้งผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็วริมฝีปากยิ้มโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ยังหลงรักเหมือนผู้หญิงหน้าโง่จมปลักกับผู้ชายเพียงคนเดียวอีกเหรอเมื่อรู้เวลากลับถึงบ้านของแทนไทก็โล่งอกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายอุรา พยายามไม่คิดว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเอาป่านนี้เพราะรู้เหตุผลอยู่แล้วว่าคงสนุกสนานกับคนที่คู่ควรอย่างลูกสาวเจ้าสัวธนาคารชื่อดังเธอมันก็เป็นได้แค่ตั
๑๐ความแตก ก่อนงานวันเกิดหม่อมหลวงพินทุอรหลานสาวสุดที่รักอย่างธัญพิชชาก็เกณฑ์คนให้มาช่วยงานซึ่งจัดอยู่โรงแรมในเครือ The area hotel ห้องแกรนด์บอลรูมเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบพันถูกจับจองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังเนรมิตให้เหมือนเอาสวนมาไว้ในห้อง มีฉากดอกไม้ น้ำตกจนต้องจ้างนักจัดสวนมาโดยเฉพาะ ร่างบางกำลังยุ่งในการตรวจงานจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เข้ามาใหม่ซึ่งมีท่าทางเก้กังไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอะไร บุณณดาไม่อยากมาแต่ไม่อาจคัดคำสั่งของเจ้านายได้ ตื่นเช้ามารับประทานอาหารพร้อมกับที่เขาบอกให้ไปช่วยธัญพิชชาจัดงานวันเกิดหม่อมหลวงที่หล่อนไม่รู้จัก ถึงอยากขัดแต่สิ่งที่ทำได้คือการตอบรับแล้วขับรถยนต์ของชายหนุ่มมายังบริเวณงาน ทุกอย่างแปลกตาไปหมด กระทั่งแม่งานอย่างดีไซเนอร์สาวหันมาพบหล่อนจึงเดินยิ้มเข้าทักทาย “อ้าวมาแล้วเหรอ พอดีเลยกำลังอยากได้คนช่วยงาน” อีกฝ่ายจับมือถือแขนอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มรับด้วยไมตรีจิตจนเธอรู้สึกผิดที่คิดเข้ามาแทรกกลางระหว่างหญิงสาวกับแทนไท แต่ก็ไม่อาจหันหลังกลับได้เพราะเดินมาไกลเกินจะย้อน
๑๑ความแตก บุณณดาตื่นก่อนถึงจะนอนทีหลังจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระกายค่อยเลือกชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวมาสวมทับ มัดผมหางม้าอย่างลวกๆ ค่อยเติมหน้าพอให้มีสีสันไม่จืดชืดจนเกินไปเพื่อมัดใจเจ้าของบ้าน เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องแผนที่จะทำให้เขารัก ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนก็ถือว่าเธอยังมีสิทธิ์ คิดปลุกปลอบใจตนเองแล้วเดินออกจากห้องพยายามเมินเงินค่าตัวราคาห้าพันซึ่งเขาเพิ่มให้เพราะถูกใจในลีลาที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ ของหล่อน หันไปมองชายหนุ่มที่นอนหลับบนเตียงของตนเองคงเพราะเหนื่อยจากงานถึงไม่กลับไปนอนห้องประจำ อมยิ้มเล็กน้อยเพราะปกติถึงจะอยู่ด้วยกันดึกแค่ไหนร่างสูงก็มักจะกลับไปนอนห้องปล่อยให้เธอกอดตัวเองร้องไห้เพียงลำพัง มันเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่านะ... คิดแล้วก็ยิ้มมากกว่าเดิมแล้วออกไปข้างนอกเพื่อช่วยเหล่าแม่บ้านเตรียมอาหาร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโต๊ะเต็มไปด้วยมื้อเช้าจนรีบเดินลงไปเพื่อสอบถามว่าเหตุใดถึงตั้งโต๊ะเช้ากว่าปกติ ทว่าเมื่อเห็นแม่ครัวจำเป็นคำถามที่เกิดขึ้นก็
๑๒เธอจากไปตลอดกาล บุณณดาไปโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์เพียงลำพังเพราะพ่อของเด็กไม่ว่าง มีคนขับรถรออยู่ข้างนอก ทำให้เป็นการดีที่จะนัดใครสักคนมาพูดคุยและปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งคนคนนั้นคือเพื่อนสนิทที่อยู่ไทยเพียงคนเดียวของหล่อน ...เปมทัต เมื่อทำธุระเรียบร้อยจึงโทรหาอีกฝ่ายโดยนัดพบกันยังแผนกเด็ก หลบเลี่ยงสายตาของผู้คนใช้เด็กที่วิ่งไปมาและส่งเสียงดังเป็นกันชน รอสักพักก็เห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมที่เดี๋ยวนี้ใส่สูทผูกเนกไทจนกลายเป็นผู้บริหารไปเสียแล้ว อดชื่นชมไม่ได้จนอยากให้อรวราเห็นเหมือนกับหล่อนว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอได้รับรูปจากคนที่อยู่โอ๊คแลนด์ว่าคลอดลูกสาวออกมาแล้ว โดยบิดามารดาไม่รู้เพราะคุณน้าช่วยปิดเอาไว้ แต่ก็คิดว่าจะปิดได้อีกนานแค่ไหน เดี๋ยวเรื่องก็แดงขึ้นจนเข้าหูชายหนุ่มเหมือนเดิม ร่างสูงนั่งลงข้างหล่อนพลางหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ เสร็จจากประชุมก็วิ่งมาทันทีกลัวว่าเพื่อนจะรอนานและอีกอย่างคือเขามีงานอื่นต้องไปทำหลังจากพูดคุยกับบุณณดาเสร็จ “มีอะไรหรือเปล่าเรียกเราออกมาคุยที่นี่ คนของข้าวไม่ว่าหรื