๖
หัวใจไม่ใช่กระดาษ
ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน
จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น
จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้
มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ
ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู้หญิงคนอื่น
“ก็แค่ทำให้รัก” พึมพำเสียงเบาขณะที่อยู่ในห้องนอนคนเดียว
มองตนเองในกระจกก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ ถึงคุณสมบัติจะไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นผู้หญิงแสนเพอร์เฟคอย่างธัญพิชชาแต่คิดว่าเรื่องบนเตียงก็สนองให้เขาได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มจะเข้าหาแทบทุกคืนเหรอ
นอกจากเสน่ห์ปลายจวักที่ทำให้ผัวรักผัวหลง ลีลาเผ็ดร้อนบนเตียงก็ไม่ต่างกัน ต่อจากนี้จะปฏิวัติตนเองโดยสลัดความเหนียมอายทิ้ง
ลองเริ่มจะเป็นไรไปในเมื่อเสียให้แทนไทไปทั้งตัวและใจขนาดนี้ สูดลมหายใจเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง คงต้องเริ่มใหม่เสียแล้ว..
เช้าวันต่อมาเขามีงานต้องไปคุยเกี่ยวกับโปรเจคใหญ่ของห้างสรรพสินค้า ประชุมตั้งแต่เช้าจรดค่ำสร้างความเหนื่อยล้าจนต้องเอนกายลงยังโซฟาหลังส่งแขกเรียบร้อยและนนทัชก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่ได้ไต่ถามผู้ช่วยตนเองว่าต้องการให้ไปส่งไหม
เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง คนที่จัดการทุกอย่างให้แทนไทก็เป็นเขาเองทำให้รู้ประวัติของบุณณดาตั้งแต่หล่อนยังไม่เข้าทำงานเสียด้วยซ้ำ
“ข้าวนวดให้นะคะ” ดวงตาคมค่อยลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหวานดังข้างหูพร้อมกับแรงนวดที่ไหล่ เธอใช้แรงได้พอดีไม่หนักหรือเบาเกินไปจนคนมากด้วยวัยเริ่มเคลิ้มกับสัมผัส ปล่อยให้ร่างบางแตะต้องร่างกายไม่ได้หวงแต่อย่างใด
มือเล็กผละจากไหล่เลื้อยลงมาที่กระดุมเสื้อค่อยปลดออกทีละเม็ดจนหมดรังดุม เธอลูบไล้หน้าท้องลอนสวยงามพลางเลื่อนมาลูบตรงหน้าอกแข็งแล้ววนยังยอดอกสีเข้มจนชายหนุ่มต้องจับมือเอาไว้พลางลืมตาขึ้นมองคนซุกซน
“เอาใหญ่แล้วนะ” เวลาสามทุ่มแม่บ้านเข้าที่พักทำให้บ้านทั้งหลังค่อนข้างเป็นส่วนตัว หญิงสาวหยิบรีโมทแล้วกดปิดม่านหน้าต่างทำให้บ้านทั้งหลังปลอดสายตาผู้คน ค่อยเดินอ้อมมานั่งบนตักหนาโดยหันหน้าเข้าหาเขา ยกมือขึ้นคล้องคอด้วยความอาจหาญ
“คุณแทนบอกว่าถ้าข้าวเป็นคนทำ จะเพิ่มทิปให้ใช่ไหมคะ” ย้อนถามก่อนคนตัวสูงจะพยักหน้ายกมือไปวางที่สะโพกมนค่อยบีบอย่างมันมือ เขาชอบร่างกายหล่อนที่ไม่ได้ผอมเกินไป จับแต่ละทียังมีเนื้อหนังพอให้นวดเคล้นอยู่บ้าง
ดวงตาคมฉายประกายความต้องการเมื่อหล่อนลากมือผ่านหน้าท้องลงไปยังสิ่งที่เริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นจนรู้สึกอึดอัด เหมือนเธอจะจับจุดเขาได้ถึงแอ่นกายเข้าหาพร้อมโยกสะโพกเล็กน้อยสร้างความต้องการแก่แทนไทจนอยากจะคว้ากระต่ายน้อยมาขย้ำ
แต่หล่อนก็ไม่ยอมเสียทีเดียวกลับเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่พึงพอใจ “เธออยากได้เท่าไหร่” เหยื่อที่คิดว่าตนเองอยู่ในสถานะล่าเริ่มติดกับ
“สองหมื่น..แล้วข้าวจะทำทุกอย่างที่คุณแทนต้องการ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที
“แพงเกินไปหรือเปล่า ถ้าฉันไปซื้อข้างนอกอย่างมากก็แค่ห้าพัน” พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติแต่คนฟังนั้นเจ็บปวดเหมือนมีมีดมาตัดขั้วหัวใจ
ไม่เห็นความรักในดวงตาคมเลยนอกจากความใคร่ที่เขามีต่อหล่อน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันไม่อาจหาคำตอบได้กระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและชื่อคนโทรเข้าทำเอาบุณณดารู้สึกหน้าชา ร่างสูงทำเหมือนจะลุกออกไปคุยข้างนอกแต่เธอไม่ยอมลงจากตักเขา
“รับตรงนี้สิคะ” แววตาหวานท้าทายซึ่งแทนไทก็บ้าจี้รับคำ เลื่อนกดรับสายจากธัญพิชชาทันทีในขณะที่คนตัวเล็กลุกจากตักเขาค่อยย่อกายนั่งลงบนพื้นแล้วปลดกระดุมค่อยเลื่อนซิปกางเกงสแลคลงทำเอาคนมองเบิกตากว้าง
“สวัสดีครับ” ปากกล่าวทักทายปลายสายแต่ตามัวแต่สนใจที่ใบหน้าหวานซึ่งเงยขึ้นมองเขาแล้วยักคิ้วให้ราวเหนือกว่า
‘แฟชั่นโชว์ของหยาดมีสัปดาห์หน้านะคะ คุณแทนว่างไหม’ สมองขาวโพลนเมื่อมือเล็กจับแท่งที่เริ่มขยายตัวของเขาออกมาข้างนอก มองลิ้นสีหวานที่ค่อยแตะลงตรงปลายทำเอาคนอายุมากกว่าจิกปลายเท้าทันที
หล่อนไม่เคยปลดปล่อยให้ด้วยปากสักครั้งมีเพียงแทนไทที่มอบความสุขให้แก่หญิงสาว พอเห็นอีกฝ่ายเป็นคนเริ่มสมองก็ขาวโพลนคิดคำพูดไม่ออกอีกทั้งพยายามระงับเสียงที่กำลังจะครางอย่างสุขสม มือข้างที่ว่างจับศีรษะเล็กแล้วดันให้ครอบครองมากกว่าส่วนยอด
‘คุณแทนได้ยินไหมคะ’ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบจึงเรียกซ้ำทำเอาชายหนุ่มเพิ่งได้สติ
“ครับ ผมว่าง อือ” สูดลมหายใจเข้าเมื่อริมฝีปากเล็กเริ่มดูดกลืนไปกว่าครึ่งของความยาวที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากจิ้มลิ้ม ดวงตากลมเงยขึ้นมามองเขาพลางเลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจนกระทั่งชายหนุ่มอดไม่ไหวเผลอครางรับเสียงแผ่ว
‘ดีเลยค่ะ เดี๋ยวหยาดจะส่งบัตรเชิญไปให้นะคะ ว่าแต่คุณแทนทำอะไรอยู่คะ หยาดโทรมากวนหรือเปล่า’ เห็นเสียงค่อนข้างตะกุกตะกักจึงถามหลังพูดธุระเสร็จ
สิ่งที่เขาอยากทำตอนนี้คือวางสายโทรศัพท์แล้วสำเร็จโทษหญิงสาวที่บังอาจกระตุกหนวดเสือแต่ก็ไม่อาจทำได้ในเมื่อยังต้องหาผลประโยชน์จากธัญพิชชาเพราะบ้านหล่อนคือแหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถกู้เงินมาลงทุนในกิจการได้
อันที่จริงก็มีหลายธนาคารเสนอให้เขากู้เงินแต่ดูเหมือนเจ้าสัวนิรุชจะให้ราคาที่น่าพึงพอใจ อีกทั้งยังเสนอลูกสาวสุดสวยให้ด้วยต่างหาก เขาจึงลองคบดูแต่ต่างคนต่างยุ่งถึงไม่ค่อยได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าคู่นอน
หล่อนรักสนุกยังไม่ต้องการผูกมัด เขาเองก็เช่นกันจึงตกลงที่จะเป็นเพียงเซ็กเฟรนเท่านั้น ไม่มีใครขัดข้องหากต้องการก็เพียงแค่โทรหาแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่นักเนื่องจากเวลาไม่ตรงกัน
“ผมกำลังนั่งดูสารคดี” จ้องคนที่เอาแต่ดูดกลืนตัวตนของชายคนรักสร้างความเสียวกระสันจนต้องแหงนหน้าขึ้นแล้วเม้มปากแน่นไม่มองดวงหน้าหวานที่ดูตั้งใจในการทำให้เขาส่งเสียงออกมาเสียเหลือเกิน
‘หยาดไม่กวนแล้วค่ะ ไว้เจอกันนะคะ’ วางสายเสร็จเขาไม่รู้ว่าขว้างโทรศัพท์ไว้ตรงไหนเพราะมือทั้งสองข้างจับศีรษะเล็กเอาไว้เป็นมั่นเหมาะแล้วบังคับจังหวะจะโคนให้หล่อน ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกอย่างไม่อายเพราะบ้านหลังนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ลมเย็นพัดผ่านร่างกายแต่บุณณดาที่ยังใส่เสื้อผ้าครบชิ้นไม่ได้รู้สึกสะท้านแต่อย่างใด หล่อนตั้งใจในการทำจนดูเหมือนมันเป็นข้อสอบชิ้นใหญ่ที่ต้องการได้รับคำชมจากอาจารย์ และดูเหมือนร่างสูงจะพึงพอใจกับสิ่งที่เธอมอบให้
ไม่นานเขาก็ปลดปล่อยออกมาโดยหล่อนไม่ทันตั้งตัวน้ำสีขุ่นจึงได้เข้าปาก เจ้าของร่างตกใจเป็นอย่างยิ่งก่อนพาเธอเข้าไปล้างปากในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง
“กลืนลงไปทำไม คายออกมา” ถึงจะพะอืดพะอมแต่ก็อยากทำให้เขาประทับใจด้วยการกลืนมันลงไปจนคนตัวโตทำหน้าเคร่งขรึม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าวไม่ได้รังเกียจคุณแทน” นอกจากตอบแล้วยังบดเบียดกายเข้าหาเหมือนเป็นการเชิญชวนอีก ร่างสูงที่ไวต่อร่างกายของหล่อนตอบรับทันทีด้วยการโอบเอวบางให้แนบชิดมากกว่าเดิมทั้งที่ใบหน้ายังฉายความไม่พอใจ
“ต่อจากนี้ห้ามกลืนอีก มันสกปรก”
“ทีคุณแทนยังทำให้ข้าวเลย ทำไมข้าวจะทำให้คุณไม่ได้คะ” เขาเริ่มรู้สึกว่าจากการแก้แค้นมันเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว
ยาพิษที่เคยคิดว่าจะไม่กินหรือหลงใหลในรสชาติของมันกลับกลายเป็นว่าติดใจจนต้องดื่มทุกวัน เจ้าพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่มีสีหน้าไม่ชอบใจกับความโลเลของตนเอง ปล่อยมือออกจากเอวหล่อนแล้วผละห่างทว่าอีกฝ่ายไม่ยอม
“วันนี้..ให้ข้าวเริ่มได้ไหมคะ” ทาบมือลงยังหน้าอกหนาพลางเลื่อนลงไปข้างล่างขณะที่สบตาเขาอย่างเชิญชวนทำเอาคนที่คิดจะออกจากจุดตรงนี้ยังยืนนิ่งที่เดิม
แทนไทไม่ตอบกลับทำหน้าเคร่งขรึม จนในที่สุดทนความต้องการด้านลึกของจิตใจไม่ไหวลากเธอเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองก่อนจะลงกลอนแน่นหนา
ไม่ต้องทำอะไรแล้วคืนนี้..ตัวติดกันทั้งคืนไปเลย
เช้าวันหยุดที่เจ้าของบ้านไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องมานั่งเซ็นเอกสารทั้งแต่แปดโมงเช้าโดยนนทัชเข้ามาพร้อมแฟ้มจำนวนมหาศาลทำเอาคนนั่งเริ่มกุมขมับ ไหนจะอ่านรายละเอียดกลัวว่าจะเกิดการผิดพลาดโดยดวงตาคมก็คอยแต่จะวนเวียนอยู่ที่ประตู
เมื่อคืนกว่าจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเกือบรุ่งสางเพราะอย่างไรวันนี้ก็ไม่ได้มีงานที่ต้องออกไปไหน อย่างมากเลขาก็เข้ามาให้เซ็นแฟ้มจึงปล่อยอีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงพร้อมทั้งวางเงินห้าพันไว้ให้เพื่อตอบแทนเซ็กอันสุขสมที่หล่อนเป็นคนเริ่ม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” นนทัชเห็นเจ้านายเอาแต่มองไปที่ประตูจึงถามขึ้นแต่กลับได้รับการส่ายหน้ากลับมา
“เปล่า เอกสารมีแค่นี้ใช่ไหม” เสร็จจนถึงหน้าสุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นและลูกน้องก็ตอบรับ
“ใช่ครับ”
“แล้ววันนี้ผมมีงานอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ วันนี้คุณแทนว่างทั้งวัน แต่พรุ่งนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหาร” แสดงว่าพรุ่งนี้คงต้องเข้าบริษัทเพื่อไปประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซึ่งเท่าที่อ่านรายงานกำไรยังไม่ได้เท่าที่หวังเอาไว้ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีไม่ขาดทุนทั้งที่เศรษฐกิจค่อนข้างย่ำแย่
ลูกค้าของเขาส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีนที่มาซื้อของในเมืองไทยเพราะราคาถูกกว่าบ้านตัวเอง บางครั้งก็เป็นเศรษฐีมีเงินของไทยที่มักอุดหนุนกันด้วยราคาเต็มเพื่ออวดอ้างในวงสังคม
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะกลับได้แล้วมั้ง” เห็นผู้ช่วยยังยืนอยู่ที่เดิมก็เอ่ยเตือนจึงได้ค้อมรับคำแล้วเดินออกจากห้องพอดีกับที่เห็นคนคุ้นเคยกำลังตั้งโต๊ะอาหารก่อนจะหันมายิ้มให้เขาแล้วเอ่ยทักทายเป็นกันเอง
“พี่ทัช กินข้าวเช้าด้วยกันไหมคะ” สรรพนามแสนสนิทสนมทำเอาคนตามมาทีหลังหูผึ่งพลางทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นหล่อนยิ้มให้ชายคนอื่น
“ไม่ดีกว่า พี่ต้องรีบไปทำงานให้คุณแทน แล้วทำอะไรกินเนี่ย” ถึงจะบอกแบบนั้นก็อดชะโงกมาดูอาหารที่เริ่มลำเลียงขึ้นโต๊ะไม่ได้ สีสันสวยงามน่ารับประทานทั้งนั้นทำเอานนทัชตาวาวอยากร่วมโต๊ะด้วยทว่าเสียงของเจ้านายกลับดังขึ้น
“กลับได้แล้วมั้ง ยืนอยู่แบบนี้รถมันคงขับเข้ามารับคุณได้หรอก” รับรู้ถึงรังสีอำมหิตจนนนทัชไม่กล้าจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ เขาส่งยิ้มให้ท่านประธานก่อนค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปไม่วายหันมาล่ำลารุ่นน้องคนสวย
“พี่กลับก่อนนะ”
“ขับรถดีๆ นะคะพี่ทัช” ทำงานด้วยกันมาเดือนกว่าทำให้สนิทสนมจนเรียกขานเป็นพี่น้อง แต่คนฟังอย่างแทนไทก็ไม่ใคร่จะชอบใจอยู่ดี ยิ่งตอนนี้หญิงสาวเข้ามาอยู่ภายในบ้านของตนเองด้วยสถานะตัวขัดดอกก็ไม่อยากให้ใกล้ชิดหรือส่งสายตาหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนไหนอีก
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรกับหล่อนแต่เดินไปนั่งยังที่ประจำของตนเองทันที โต๊ะไม้ประดู่ยาวกว่าสองเมตรแต่กลับมีผู้ร่วมโต๊ะเพียงสองคนช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน
หลายวันก่อนเห็นว่าบัลลพไปโวยวายอยู่หน้าบ่อนเสี่ยทรงภพเพื่อถามเอาที่อยู่ของเขาหวังจะมาชิงตัวลูกสาวแต่กลับได้แผลจากลูกน้องนักเลงที่บังอาจไปท้าทายอำนาจมืด เขาไม่ได้บอกบุณณดากลัวหล่อนเป็นกังวลจึงปล่อยให้มันผ่านไป
คนแบบนั้นโดนซะบ้างก็ดี จากนี้หน้าที่ของหล่อนคือเป็นแม่พันธุ์ให้เขาทำลูกเพื่อเอาไปเยาะเย้ยอดีตเพื่อนสนิทที่ผันมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต ถึงพี่สาวจะบอกไม่ให้จองเวรจองกรรมต่อกันแต่ใครมันจะไปทนได้
เมื่อเขามีพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและอำนาจขนาดนี้จึงขอแก้แค้นในสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำกับตนหน่อยเถอะ
“กินเยอะๆ นะคะ ข้าวทำสุดฝีมือเลย” ตักผัดผักให้เขาด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อย่างผัดผักหล่อนก็ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันทั่วไป น้ำมะเขือเทศก็ปั่นสดๆ ให้เขา อันที่จริงก็อยากตื่นมาเอาใจแต่เช้าทว่าเมื่อคืนได้นอนเกือบรุ่งสางทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาปรนนิบัติแทนไทได้
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับทำเพียงรับไมตรีของหญิงสาว รับประทานอาหารไปอย่างเงียบเชียบจนคนที่พยายามชวนคุยไปไม่เป็น พุ่งความสนใจไปที่อาหารเช่นกันจนกินอิ่มถึงได้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง บุณณดาต้องทำธีสิสจบและใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าหาชายในดวงใจ
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เขารักก็ต้องไปให้สุด ทำทุกวิธีทางเพื่อแทนไทจะได้วางความแค้นแล้วหันมารักเธอให้ได้
ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้มารยาหญิงทั้งนั้นแหละ..
ข่าวบุณณดาที่เป็นเด็กเลี้ยงของแทนไทดังขึ้นอีกครั้งหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นและหญิงสาวตามติดเจ้านายไม่ห่าง ทำข้ามหน้าข้ามตานนทัชด้วยซ้ำทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ทำตามหน้าที่ไม่ได้แสดงกิริยาอย่างที่โดนกล่าวหาเลย
เปมทัตได้ข่าวก็ออกโรงปกป้องเพื่อนเต็มที่จนเกือบทะเลาะกับกลุ่มขาเม้าของบริษัท โดนหัวหน้าแผนกบุคคลเรียกไปเตือนจนโมโหกลับมาแล้วระบายทุกอย่างให้เพื่อนอีกคนฟังในเวลาเลิกงานซึ่งต้องกลับบ้านทางเดียวกันอยู่แล้ว
หญิงสาวพยายามปลอบให้ใจเย็นแต่คนอารมณ์ร้อนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะสามารถสงบลงได้ถ้ายังมีเรื่องค้างคาในหัวใจ พาหนะจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ของอรวราทว่ายังไม่ทันได้ลงจากรถกลับมีชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอางเดินออกมาจากบ้านเสียก่อน
“นั่นใคร” จากที่คิดเรื่องใบข้าวก็กลับมาสนใจคุณหนูแสนหวานทันที เธอถอนหายใจพลางทำหน้าบูดบึ้ง
“พี่เก่ง เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย เหมือนคุณพ่อกำลังจับคู่เรากับพี่เขาเลย” ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้ตนเองแท้ๆ
ดูภายนอกเหลาะแหละอย่างไรก็ไม่รู้ จากที่จะส่งแล้วขับรถกลับก็กลายเป็นว่าเปมทัตลงจากรถยนต์ของตนเองออกมาทักทายคนที่ยืนรอน้องสาวซึ่งหมายตาเอาไว้
“น้องอร กลับจากฝึกงานแล้วเหรอครับ” ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งดวงตาหวานฉ่ำขัดใจชายหนุ่มอีกคนจนต้องเอ่ยขัด
“ยืนตรงหน้าขนาดนี้คงยังไม่กลับมั้งครับ ถามอะไรของเขาวะ” ประโยคหลังพึมพำกับตนเองทำเอาคนที่โดนค่อนแคะหันมามองชายแปลกหน้าด้วยความไม่พอใจ เหลือบสายตามองคนที่ไม่เคยเห็นพลางเอ่ยถามอรวรา
“เพื่อนน้องอรเหรอครับ ดูไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไหร่” คนอารมณ์ร้อนที่พร้อมปะทะก็เกิดอาการไม่ชอบใจทันทีทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องแต่ลูกสาวเจ้าของบ้านก็คว้าแขนเพื่อนเอาไว้ก่อน
“หยุดก่อนเปรม คือนี่เปรมเพื่อนสนิทของอรค่ะ ส่วนนี่พี่เก่ง..”
“เป็นว่าที่แฟนน้องอรครับ” เธอยังแนะนำสถานะของหนุ่มนักเรียนนอกไม่จบอีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมาทันทีพร้อมมองหญิงในดวงใจแล้วยิ้มให้จนคนโดนกล่าวอ้างทำหน้าปุเลี่ยน เธอไม่ค่อยชอบท่าทีแสดงออกมาเกินไปของเขาสักเท่าไหร่ มันรู้สึกขนลุกแปลกๆ ยามที่กรกฎเอาแต่มองหน้าแล้วทำสายตาหวาน
“เป็นพี่น้องค่ะ พี่น้องดีกว่านะคะ” ย้ำให้เขารู้ถึงความรู้สึกหล่อนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยชอบสถานะนั้นเท่าไหร่ในเมื่อเทียวไล้เทียวขื่อสาวน้อยมาเกือบสัปดาห์แล้ว
เห็นหน้าหวานพูดจาอ่อนโยนแบบนี้แต่ใจแข็งเป็นบ้า เขาทั้งซื้อของไหนจะชวนไปเที่ยว เสนอกระเป๋าราคาแพงให้เพื่อมัดใจอย่างที่เคยทำกับคนอื่นแต่หล่อนกลับไม่เหลียวแลสักนิด
“แต่พี่อยากเป็นแฟนนิครับ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นสามีภรรยาก็ได้” เห็นอาการตื้อไม่เลิกของผู้ชายที่เข้ามาติดพันเพื่อนตัวเองก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากชกปากคนเสียเหลือเกิน
ไม่ค่อยเห็นใครเข้าหาอรวราสักเท่าไหร่จึงวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าหล่อนคงไม่โดนหลอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดผิดเสียแล้ว ไม่เคยมีใช่ว่าจะไม่มีเพราะตอนนี้ดันมีผู้ชายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับหล่อนแล้ว และเขาก็ไม่ชอบใจจนแอบดึงหญิงสาวให้มาชิดกายมากกว่าเดิมสร้างความปลาบปลื้มแก่คนที่แอบชอบเหลือเกิน
“ก่อนจะเป็นแฟนพี่หาเลี้ยงตัวเองให้รอดดีกว่านะครับ เข้าบ้านไปได้แล้ว” สั่งสอนคนอายุมากกว่าแล้วค่อยหันมาบอกเพื่อนสนิทซึ่งพยักหน้ารับคำอย่างดี ไม่ค่อยเห็นเปมทัตมุมนี้สักเท่าไหร่เพราะส่วนมากเขาจะห่วงแต่บุณณดาและทำเหมือนไม่มีหล่อนอยู่ในสายตา
พอมาเจอสถานการณ์ตอนนี้ก็อดดีใจไม่ได้ว่าตนเองยังมีความสำคัญกับเขาอยู่เหมือนกันถึงจะในสถานะเพื่อนก็ตาม
“น้องพูดแบบนี้ได้ไง มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ” เดินเข้าหมายจะหาเรื่องแต่เปมทัตกลับยืดอกแล้วก้าวเข้าไปหาทำเอาอีกฝ่ายเงียบเสียงลงเพราะแค่ขนาดตัวก็แพ้ราบคาบแล้ว
“จะเอาสักหมัดไหม เผื่อจะเห็นดาวตอนก่อนถึงกลางคืน” ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะหมัดเขาค่อนข้างหนัก เคยแข่งมวยสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งชนะน็อคมาแล้ว จนกลายเป็นตำนานเล่าขานสู่รุ่นน้องว่ารุ่นพี่ภาคบริหารชกเด็กวิศวะจนน็อคในรอบเดียว
เมื่อเห็นกรกฎไม่กล้าเข้ามาก็เดินไปขึ้นรถของตนค่อยขับออกไปอย่างรวดเร็ว ที่หมายคือบ้านแทนไทที่ไปสืบมาแล้วว่าบุณณดาพักที่นี่ ตอนแรกที่รู้โกรธหัดฟัดหัวเหวี่ยงจนแทบจะพังข้าวของแต่ก็พยายามใจเย็น คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาจจะไปพักเพราะงานที่ต้องทำก็ได้...
ปลอบใจตนเองทั้งที่รู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ผู้ช่วยเลขาที่ไหนจะพักบ้านเจ้านายนานเป็นเดือนขนาดนี้ น้าแพงก็เป็นห่วงหลานสาวแต่เห็นว่าโทรติดต่อมาตลอดด้วยน้ำเสียงสดใสก็พอคลายกังวลได้บ้างผิดกับเปมทัตซึ่งจิตใจร้อนรุ่มกว่าเดิม
เหยียบคันเร่งจนเกือบมิดเข็มเพื่อไปให้ถึงบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มมากกว่าวัย มือหนากำพวงมาลัยแน่นบังคับให้เลี้ยวเข้าซอยของบ้านซึ่งไหว้วานเลขาพ่อไปสืบจนกระทั่งได้ที่อยู่มาครบ ประตูรั้วปิดสนิทแต่คาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะอยู่ข้างในเพราะไฟเปิดสว่าง
ร่างสูงลงจากรถยนต์แล้วกดออดด้านหน้ารัวจนคนสวนวิ่งมาเปิด มองแขกด้วยความสงสัยแต่ก็ยิ้มแย้มเป็นการต้อนรับ
“ผมมาหาใบข้าว” แจ้งเจตนารมณ์ชัดเจนว่าคนที่ต้องการพบคือหญิงในดวงใจหาไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ตนไม่ชอบหน้า
“นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”
“เปล่า ลุงไปเรียกข้าวให้ผมหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวผมจะรออยู่ข้างนอกไม่อยากเข้าไปเหยียบข้างในบ้าน” ไม่ชอบแทนไทจนอาจจะกลายเป็นเกลียดด้วยซ้ำ ผู้ชายด้วยกันมักดูออกว่าอีกฝ่ายเข้าหาบุณณดาด้วยความไม่จริงใจเหมือนมีอะไรแอบแฝง
พยายามเตือนแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ฟังเพราะอยู่ในช่วงหลงจนหัวปักหัวปำ รอไม่นานใบหน้าหวานที่เฝ้าคิดถึงก็ปรากฏขึ้นแล้วเธอก็ออกมาหาเขาข้างนอกไม่ชวนเข้าไปข้างในเนื่องจากไม่ใช่บ้านตนเอง
“มาอยู่ที่นี่แล้วเหรอ พัฒนาเร็วดีนะไหนบอกว่าเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง” อยากจะตบปากตัวเองที่พูดไม่ดีกับเธอแต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อคนฟังรับสารที่ส่งและแสดงความไม่พอใจออกทางใบหน้า
“มันเรื่องของฉันนายไม่ต้องยุ่งหรอก” ไม่กล้าบอกความจริงเปมทัตเพราะคิดว่าตนเองจะทำให้แทนไทหลงรักได้ไม่ยาก เดี๋ยวความแค้นก็คงหมดไปกลายเป็นความรัก
โดยลืมคิดถึงความจริงที่ว่าเขามีหญิงที่คู่ควรเคียงข้างแล้ว
“ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกแต่พอดีได้ยินคนที่บริษัทเขาพูดกันว่าเธอมาเป็นเมียน้อยของประธานบริษัทก็เลยอยากมาเตือน ยังไงก็เป็นเพื่อนอยู่แล้ว” ย้ำคำว่าเมียน้อยทั้งที่จริงไม่ได้มีใครตั้งสถานะนี้ให้เธอสักคน
ส่วนมากก็บอกว่าเป็นเด็กเลี้ยง
“คุณแทนยังไม่มีเมีย”
“แต่ก็มีผู้หญิงที่คู่ควรด้วยแล้ว เธอก็เป็นแค่ของเล่นคนรวย” อารามเสียใจทำให้สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เพื่อน ต้องการให้เธอเจ็บเหมือนที่เขารู้สึกบ้างแต่กลับสร้างความโมโหให้แก่บุณณดาจนต้องตอบกลับรุนแรงไม่แพ้กัน
“ฉันยอมเป็นของเล่นเขา” เปมทัตเสียศูนย์ไปชั่วครู่เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหญิงสาว เขาเสียใจจนหมดสิ้นสติดึงหล่อนเข้ามากอดเอาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มีต่อเธอเพียงคนเดียวมาตลอดหลายปี
ทำไมถึงไม่เคยหันมองกันบ้าง แค่เศษตาก็ไม่ได้เลยเหรอ
ร่างหนารัดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นจนหล่อนไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้ ทั้งทุบตีและผลักออกก็ไม่เป็นผลไหนจะกลัวว่าแทนไทจะกลับมาแล้วเห็นภาพนี้อีก ลูกชายเจ้าของโรงแรมชื่อดังไม่ยอมให้เจ้าของหัวใจเป็นอิสระทั้งยังเผยความรู้สึกภายในใจ
“เป็นเราไม่ได้เหรอ รักเราไม่ได้เหรอข้าว” เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยความในใจซึ่งใบข้าวก็รับรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วแต่ไม่เคยพูดกับเขาตรงๆ สักครั้ง
“ขอโทษจริงๆ นะเปรม แต่ฉันไม่ได้รักนาย ไม่เคยคิดจะรักหรือพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าเพื่อนสักครั้ง” ใจของคนที่แอบรักมาโดยตลอดพังลงทันทีเมื่อได้ยินความรู้สึกของหล่อนที่ไม่ปิดบังว่าคิดเช่นไรกับเขา
ค่อยผละออกแล้วมองเข้าไปในดวงตากลมโตเพื่อค้นหาว่ากำลังพูดโกหกอยู่หรือเปล่า แต่กลับพบเพียงความจริงใจถึงได้ก้าวถอยออกห่างด้วยแววตาแดงก่ำ
สุดท้ายก็ไม่ใช่คนที่เธอเลือก...
ไม่พูดอะไรให้เจ็บช้ำก็รีบขึ้นรถยนต์ก่อนจะขับออกไปทันทีปล่อยบุณณดามองตามหลังแล้วถอนหายใจเสียงดัง เธอไม่อยากเสียเพื่อนไปจึงทนอยู่ในวังวนรักอันน่าเศร้าแบบนี้ จนสุดท้ายแล้วจำต้องบอกความรู้สึกของตนเองออกไปให้เปมทัตได้ตัดอกตัดใจ
และพอได้พูดก็รู้สึกว่ามันโล่งเหลือเกิน รู้อย่างนี้บอกไปตั้งแต่แรกก็ดีจะได้ไม่ต้องเจ็บยืดเยื้อ
“กอดกับผู้ชายหน้าบ้านฉันขนาดนี้ ฉันควรจะทำโทษเธอยังไงดี” เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้นพอหันไปมองก็พบเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดสูทหลังกลับมาจากงานฉลองครบรอบยี่สิบปีที่เปิดนิตยสารของไทยซึ่งยังไม่ปิดตัวเหมือนเล่มอื่นทั้งยังขายได้กำไรดีด้วย
ใบหน้าหวานซีดเผือดไม่รู้จะแก้ตัวกับเขาว่าอย่างไร แต่แทนไทก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกนอกจากจับจูงเธอเข้าไปภายในบ้านปล่อยให้คนรถขับพาหนะเข้ามาจอดที่โรงรถ
แล้วหลังจากนั้นคนทั้งสองก็ไม่ออกจากห้องอีกเลยกระทั่งเช้าวันใหม่...
หลังจากที่เสียใจเปมทัตก็ขับรถมายังคลับหรูใต้โรงแรมชื่อดังซึ่งเป็นคู่แข่งกับโรงแรมของตนเอง เขาไม่สนใจผู้คนรอบข้างเอาแต่ดื่มน้ำสีเข้มจนแทบทรงตัวไม่อยู่ มือหนากำแก้วไว้แน่นไม่รู้สึกถึงความขมของแอลกอฮอล์เลยสักนิดเพราะว่าความเจ็บช้ำจากรักที่กำลังเผชิญอยู่มันขมกว่าเสียอีก
คิดถึงก็ยิ่งเจ็บใจทั้งที่มาก่อนและอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างดีแท้ๆ ทำไมใบข้าวถึงไม่สนใจเขาบ้าง ผู้ชายคนนั้นมันมีดีอะไรนักหนาถึงได้หลงขนาดยอมเป็นของเล่นละทิ้งศักดิ์ศรีตนเอง
ไม่เข้าใจเลยสักนิด..
กรอกเหล้าเข้าปากราวมันคือน้ำเปล่าจนบาริสต้าเริ่มเป็นห่วง กระทั่งมีสาวร่างบางใบหน้าหวานหยดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในคลับก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วแล้วเห็นเพื่อนนั่งฟุบอยู่บาร์ถึงได้รีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“คุณคือเพื่อนผู้ชายคนนี้ที่โทรเข้ามาใช่ไหมครับ” เมื่อสักครู่มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของลูกค้าแต่ดูเหมือนคนเมาจะไม่รู้ตัวเขาจึงถือวิสาสะรับให้พร้อมบอกที่อยู่ปลายทางเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของผู้หญิงตรงหน้า
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าช่วยเปิดห้องที่นี่ให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันคงพาเขากลับไม่ไหว” กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็แอบบิดามารดากลัวว่าหากท่านรู้จะไม่ยอมให้มาหาเปมทัต
“ได้ครับ เดี๋ยวผมติดต่อรีเซฟชั่นให้” หล่อนค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ ไม่นานก็มีพนักงานมาหิ้วปีกของร่างสูงไปยังชั้นที่พัก กว่าจะถึงเตียงนอนก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เอาแต่ร้องโวยวายพลางดิ้นให้ปล่อยอยู่นั่นแหละ
“ปล่อยสิโว้ยฉันจะไปหาใบข้าว ข้าวอยู่ไหน เปรมรักข้าว ได้ยินไหมว่าเปรมรักข้าว” ขนาดเมายังสามารถพูดประโยคแสนยาวที่ทิ่มใจคนฟังได้
นับถือเขาจริงๆ เลย
“ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนลงไปเช็คอินเมื่อสักครู่แล้วขึ้นมาทันได้ยินคำบอกรักพอดี หันไปขอบคุณพนักงานที่ช่วยแบกคนเมาขึ้นมาบนห้องแล้วถอนหายใจเมื่อพบว่าตนเองต้องติดแหง็กกับคนที่ไม่ได้สติและเอาแต่เรียกหาผู้หญิงคนอื่น
มันน่าเจ็บใจจริงๆ ที่หล่อนเลือกจะรักเขาทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยหันมามอง คุณหนูอรวรากล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้แล้วลุกไปหยิบผ้าขนหนูนำไปชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้คนที่นอนไม่ได้สติ
อยากถามเหลือเกินว่านอกจากใบข้าวแล้วเขามองเห็นเธอบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ก็เฝ้ามองเพียงเขาคนเดียวมาหลายปีเช่นกัน
หวังลมๆ แล้งๆ ว่าเปมทัตจะหันมาเห็นถึงความจริงใจของตนบ้างแต่ก็ไม่เลยเพราะสายตาชายหนุ่มมีเพียงบุณณดาคนเดียว นึกอิจฉาเพื่อนสาวอีกคนที่ได้หัวใจเขาไปครองแต่ไม่ได้เกลียดหรือโกรธสักนิดเนื่องจากรักและสนิทกันมานาน
ทั้งยังสงสารในชะตากรรมของใบข้าวซึ่งต้องเผชิญความยากลำบากตั้งแต่เด็ก ยังอดทึ่งไม่ได้ที่อีกฝ่ายอดทนมากขนาดนี้ ถ้าเป็นเธอคงคิดสั้นไปนานแล้ว
“ข้าว ข้าวใช่ไหม” ขณะที่กำลังจะเอามือออกเขาก็คว้าไว้ก่อนพลางเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ใบข้าว” บอกเขาเพราะไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใครแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่รับรู้ เขาใช้แรงทั้งหมดดึงเธอเข้ามาหาก่อนจะพลิกให้คนตัวเล็กอยู่ใต้ร่าง
“เปรมรักข้าว เป็นเปรมไม่ได้เหรอ รักเปรมไม่ได้เหรอ” อ้อนวอนอย่างน่าสงสารจนคนที่พยายามขัดขืนต้องเม้มปากแน่น
ใจเริ่มตีกันว่าควรจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเก็บความสุขระหว่างกันเอาไว้ดีไหม แต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร หล่อนอยากเป็นผู้หญิงที่เขามองด้วยความรักจากใจจริง ไม่ใช่เห็นเพียงภาพซ้อนของคนอื่นเท่านั้น
“ไม่...อื้อ” แล้วเปมทัตก็ตัดสินใจปิดริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธไม่อยากได้ยินให้เจ็บช้ำไปมากกว่านี้แล้ว
ห้องนอนที่เคยเย็นฉ่ำกลายเป็นสนามรบซึ่งอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นตามแรงอารมณ์ หญิงสาวผู้ไม่เคยพานพบความหฤหรรษ์กลับกรีดร้องเสียงดังยามที่เขาแทรกกายเข้ามา น้ำตาหยดลงบนที่นอนเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ชายหนุ่มเอ่ยถึง
“ข้าว เปรมรักข้าว”
สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนของคนที่เขารัก..
๗นอกคำสั่ง หลังเลิกงานหญิงสาวขออนุญาตเจ้าชีวิตมาหาน้าสาวที่ดูแลมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อจับตาดูไม่ให้บุณณดาคลาดสายตาจนคนมีแผนในใจเริ่มอึดอัด ที่จริงวันนี้นัดบิดาเอาไว้ที่บ้านนางนลินี พาหนะจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก หล่อนขอบคุณพี่พริกซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดี เป็นคนขับรถบ้านแทนไทมาเกือบสิบปีแล้วรู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี เธอเดินลงจากรถปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้าไปภายในบ้าน น้าแพงนั่งทำงานที่เดิมเมื่อเห็นหลานสาวก็เข้ามากอดพร้อมถามไถ่ด้วยความคิดถึง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากนักแต่เห็นแววตากังวลของหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไม่สามารถบอกให้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาจำกัด “พ่อล่ะคะน้าแพง” หลังถามจบประตูห้องน้ำก็เปิด ซึ่งคนที่ออกมาคือบัลลพนั่นเอง ชายร่างใหญ่เห็นบุตรสาวก็ตรงเข้ามาสำรวจตามร่างกายพลางถามเสียงตระหนก “ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอ้แทนมันทำอะไรข้าวไหม” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีรอยช้ำตามร่างกายก็พอเบาใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่ได้ซ้อมหรือทำร้ายร่างกายอย่างที่
๘คนที่คู่ควร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอรวรามักจะหลบหน้าเพื่อนเสมอและดูเหมือนเปมทัตก็ไม่ได้มาตามหรือตื้อจะคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่รู้เพราะเมาจนเห็นหล่อนเป็นบุณณดา นึกถึงก็ยิ่งเจ็บจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความกังวลนั้นออกไป ช่วงนี้ต้องทำธีสิสจบจึงพยายามพุ่งความสนใจไปยังงานของตนเอง ช่วงเที่ยงก็ห่ออาหารมากินด้วยทำให้คลุกอยู่แต่แผนกของตนไม่ยอมออกไปหาร่างสูงที่แวะเวียนมาถามไถ่แต่กลับได้เพียงคำปฏิเสธ และคนใจร้อนก็ไม่ได้โวยวายแค่พยักหน้าเข้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นใบข้าวเขาจะตื้อหรือเปล่า สับสนกับความคิดของตนเองที่ดูเหมือนจะปล่อยวางแต่ก็ยังคิดเพียงเรื่องของชายที่ตนหมายปอง “หนูอรไม่กลับเหรอ” ถึงเวลาเลิกงานก็ยังนั่งแช่ที่เดิมทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเก็บข้าวของตามรุ่นพี่ออกไปรอลิฟต์ ไม่รู้ว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งหรือเปล่าทำให้เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นคนที่ตนกำลังหลบหน้ายืนอยู่ในนั้น ขาเรียวก้าวถอยหลังจะไม่เข้าไปแต่พอดีสบตากับชายหนุ่มก่อน ถ้าวิ่งหนีตอนนี้คงได้โดนตามไล่
๙หมากในเกมถึงจะพยายามข่มตาให้หลับก็ไม่อาจทำดังใจปรารถนาได้เพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคนซึ่งยังไม่กลับบ้านสักที ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านดูประตูรั้วกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม เม้มปากแน่นเมื่อคิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับธัญพิชชาถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้างหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงคลอเสียงเบากล่อมให้ง่วง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาเหมือนที่ทำมาเกือบค่อนคืน ดวงตาที่แดงช้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากประคบเย็นอยู่นานมองนาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาตีสอง ดวงตาปริ่มน้ำเจียนจะไหลแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ กล่อมตัวเองให้หลับกระทั่งเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในบ้านรีบสะดุ้งผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็วริมฝีปากยิ้มโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ยังหลงรักเหมือนผู้หญิงหน้าโง่จมปลักกับผู้ชายเพียงคนเดียวอีกเหรอเมื่อรู้เวลากลับถึงบ้านของแทนไทก็โล่งอกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายอุรา พยายามไม่คิดว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเอาป่านนี้เพราะรู้เหตุผลอยู่แล้วว่าคงสนุกสนานกับคนที่คู่ควรอย่างลูกสาวเจ้าสัวธนาคารชื่อดังเธอมันก็เป็นได้แค่ตั
๑๐ความแตก ก่อนงานวันเกิดหม่อมหลวงพินทุอรหลานสาวสุดที่รักอย่างธัญพิชชาก็เกณฑ์คนให้มาช่วยงานซึ่งจัดอยู่โรงแรมในเครือ The area hotel ห้องแกรนด์บอลรูมเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบพันถูกจับจองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังเนรมิตให้เหมือนเอาสวนมาไว้ในห้อง มีฉากดอกไม้ น้ำตกจนต้องจ้างนักจัดสวนมาโดยเฉพาะ ร่างบางกำลังยุ่งในการตรวจงานจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เข้ามาใหม่ซึ่งมีท่าทางเก้กังไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอะไร บุณณดาไม่อยากมาแต่ไม่อาจคัดคำสั่งของเจ้านายได้ ตื่นเช้ามารับประทานอาหารพร้อมกับที่เขาบอกให้ไปช่วยธัญพิชชาจัดงานวันเกิดหม่อมหลวงที่หล่อนไม่รู้จัก ถึงอยากขัดแต่สิ่งที่ทำได้คือการตอบรับแล้วขับรถยนต์ของชายหนุ่มมายังบริเวณงาน ทุกอย่างแปลกตาไปหมด กระทั่งแม่งานอย่างดีไซเนอร์สาวหันมาพบหล่อนจึงเดินยิ้มเข้าทักทาย “อ้าวมาแล้วเหรอ พอดีเลยกำลังอยากได้คนช่วยงาน” อีกฝ่ายจับมือถือแขนอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มรับด้วยไมตรีจิตจนเธอรู้สึกผิดที่คิดเข้ามาแทรกกลางระหว่างหญิงสาวกับแทนไท แต่ก็ไม่อาจหันหลังกลับได้เพราะเดินมาไกลเกินจะย้อน
๑๑ความแตก บุณณดาตื่นก่อนถึงจะนอนทีหลังจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระกายค่อยเลือกชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวมาสวมทับ มัดผมหางม้าอย่างลวกๆ ค่อยเติมหน้าพอให้มีสีสันไม่จืดชืดจนเกินไปเพื่อมัดใจเจ้าของบ้าน เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องแผนที่จะทำให้เขารัก ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนก็ถือว่าเธอยังมีสิทธิ์ คิดปลุกปลอบใจตนเองแล้วเดินออกจากห้องพยายามเมินเงินค่าตัวราคาห้าพันซึ่งเขาเพิ่มให้เพราะถูกใจในลีลาที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ ของหล่อน หันไปมองชายหนุ่มที่นอนหลับบนเตียงของตนเองคงเพราะเหนื่อยจากงานถึงไม่กลับไปนอนห้องประจำ อมยิ้มเล็กน้อยเพราะปกติถึงจะอยู่ด้วยกันดึกแค่ไหนร่างสูงก็มักจะกลับไปนอนห้องปล่อยให้เธอกอดตัวเองร้องไห้เพียงลำพัง มันเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่านะ... คิดแล้วก็ยิ้มมากกว่าเดิมแล้วออกไปข้างนอกเพื่อช่วยเหล่าแม่บ้านเตรียมอาหาร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโต๊ะเต็มไปด้วยมื้อเช้าจนรีบเดินลงไปเพื่อสอบถามว่าเหตุใดถึงตั้งโต๊ะเช้ากว่าปกติ ทว่าเมื่อเห็นแม่ครัวจำเป็นคำถามที่เกิดขึ้นก็
๑๒เธอจากไปตลอดกาล บุณณดาไปโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์เพียงลำพังเพราะพ่อของเด็กไม่ว่าง มีคนขับรถรออยู่ข้างนอก ทำให้เป็นการดีที่จะนัดใครสักคนมาพูดคุยและปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งคนคนนั้นคือเพื่อนสนิทที่อยู่ไทยเพียงคนเดียวของหล่อน ...เปมทัต เมื่อทำธุระเรียบร้อยจึงโทรหาอีกฝ่ายโดยนัดพบกันยังแผนกเด็ก หลบเลี่ยงสายตาของผู้คนใช้เด็กที่วิ่งไปมาและส่งเสียงดังเป็นกันชน รอสักพักก็เห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมที่เดี๋ยวนี้ใส่สูทผูกเนกไทจนกลายเป็นผู้บริหารไปเสียแล้ว อดชื่นชมไม่ได้จนอยากให้อรวราเห็นเหมือนกับหล่อนว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอได้รับรูปจากคนที่อยู่โอ๊คแลนด์ว่าคลอดลูกสาวออกมาแล้ว โดยบิดามารดาไม่รู้เพราะคุณน้าช่วยปิดเอาไว้ แต่ก็คิดว่าจะปิดได้อีกนานแค่ไหน เดี๋ยวเรื่องก็แดงขึ้นจนเข้าหูชายหนุ่มเหมือนเดิม ร่างสูงนั่งลงข้างหล่อนพลางหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ เสร็จจากประชุมก็วิ่งมาทันทีกลัวว่าเพื่อนจะรอนานและอีกอย่างคือเขามีงานอื่นต้องไปทำหลังจากพูดคุยกับบุณณดาเสร็จ “มีอะไรหรือเปล่าเรียกเราออกมาคุยที่นี่ คนของข้าวไม่ว่าหรื
๑๓เหนือตะวันสถานที่ซึ่งชายหนุ่มไม่อยากมาแต่จำต้องเหยียบเข้าภายในวัดที่มีรูปใบหน้าของหญิงสาวที่เขากกกอดอยู่ทุกคืนตั้งเอาไว้ หลบวูบเมื่อสบเข้ากับภาพของหล่อน ไม่อยากเชื่อว่าบุณณดาได้จากเขาไปตลอดกาล ทิ้งเอาไว้เพียงร่องรอยที่ทำให้คนอยู่เจ็บปวดทุกครั้งยามได้มองเสื้อผ้าของเธอ สมุดโน้ต เครื่องใช้ในห้อง ภาพยามที่ร่างบางเดินวนเวียนอยู่ในบ้าน องค์ประกอบทุกอย่างของเธอทำให้แทนไทจมปลักอยู่ในอดีต กระทั่งรับรู้ว่าต้องลุกเพื่อมาบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายขายาวก้าวไปยังบริเวณเมรุ มีเพื่อนร่วมคณะหลายคนเข้ามาไว้อาลัยในการจากไปอย่างกะทันหัน คนเป็นพ่อร้องไห้จนตาบวมก่อนที่จะหันมาเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ บัลลพตรงเข้าไปหาหนุ่มนักบริหารอย่างรวดเร็วพลางชี้หน้าด่าเพราะไม่กล้าทำร้ายร่างกาย“มึงมาทำไมไอ้ฆาตกร มึงฆ่าลูกสาวกู” ยังไม่หยุดกล่าวหาทั้งที่รู้ว่าความจริงมันเป็นอุบัติเหตุและใบข้าวก็โชคร้ายที่เข้าไปอยู่ในรถคันนั้นพอดีไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหญิงสาวเป็นที่รักของคนรอบข้างด้วยความมีน้ำใจทั้งยังหน้าตาสะสวย อาจารย์มหาวิทยาลัยมาร่วมแสดงความอาลัยค่อนข้างเยอะเนื่องจากเธอคือศิษย์รักใบหน้าคมไม่ได้แสดงอาการใดออกมานอกจา
๑๔วันที่ฉันพบเธอ เจ้าของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่กลับมาโหมงานหนักอีกครั้ง ห้างสรรพสินค้า The victory เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยทำให้ตอนนี้ต้องลุยงานใหญ่อย่าง Grand paradise ห้างใหญ่ใจกลางกรุงที่ระดมวิศวกรจำนวนมากเพื่อเสกให้ห้างแห่งนี้เสร็จตามกำหนดการณ์ และวิศวกรที่ได้รับเลือกให้ทำโครงการใหญ่คือวิจิตร จำกัด(มหาชน) ซึ่งกองทัพลงมาดูแลด้วยตัวเองพร้อมน้องชายอย่างนักรบเป็นหัวหน้าทีมวิศวกร พวกเขาต้องหามรุ่งหามค่ำประชุมดึกดื่นจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไหนจะต้องคุยเกี่ยวกับร้านค้าในแต่ละชั้นของห้างสรรพสินค้า มีลานน้ำพุใหญ่กลางห้างเนรมิตให้เหมือนสวน คัดสรรต้นไม้ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกับอาคารเหมือนที่บ้านของตนเอง แทนไทเปิดรับเลขาอีกคนเพราะเพียงแค่นนทัชอาจจะหนักกับอีกฝ่ายมากเกินไป สิ่งที่ชายหนุ่มย้ำนักหนาคือต้องการเลขาผู้ชายเนื่องจากสะดวกในการเดินทาง อีกอย่างจะได้ไม่ตกเป็นข้อครหาของคนอื่นที่จ้องมองและพร้อมนำเรื่องซึ่งไม่สนใจว่าเป็นความจริงหรือไม่ไปพูดต่อ “ขอบคุณทุกคนมากครับ” เสร็จงานที่เวลาหกทุ่มทำให้ผู้ช่วยต่างแยกย้ายกลับบ้าน นนทัชลุกขึ้นเก็บเอ