Home / โรแมนติก / จองจำรัก / ๖ หัวใจไม่ใช่กระดาษ

Share

๖ หัวใจไม่ใช่กระดาษ

หัวใจไม่ใช่กระดาษ

           

ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน

            จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น

            จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้

            มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ

            ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู้หญิงคนอื่น

            “ก็แค่ทำให้รัก” พึมพำเสียงเบาขณะที่อยู่ในห้องนอนคนเดียว

            มองตนเองในกระจกก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ ถึงคุณสมบัติจะไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นผู้หญิงแสนเพอร์เฟคอย่างธัญพิชชาแต่คิดว่าเรื่องบนเตียงก็สนองให้เขาได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มจะเข้าหาแทบทุกคืนเหรอ

            นอกจากเสน่ห์ปลายจวักที่ทำให้ผัวรักผัวหลง ลีลาเผ็ดร้อนบนเตียงก็ไม่ต่างกัน ต่อจากนี้จะปฏิวัติตนเองโดยสลัดความเหนียมอายทิ้ง

            ลองเริ่มจะเป็นไรไปในเมื่อเสียให้แทนไทไปทั้งตัวและใจขนาดนี้ สูดลมหายใจเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง คงต้องเริ่มใหม่เสียแล้ว..

            เช้าวันต่อมาเขามีงานต้องไปคุยเกี่ยวกับโปรเจคใหญ่ของห้างสรรพสินค้า ประชุมตั้งแต่เช้าจรดค่ำสร้างความเหนื่อยล้าจนต้องเอนกายลงยังโซฟาหลังส่งแขกเรียบร้อยและนนทัชก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่ได้ไต่ถามผู้ช่วยตนเองว่าต้องการให้ไปส่งไหม

            เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง คนที่จัดการทุกอย่างให้แทนไทก็เป็นเขาเองทำให้รู้ประวัติของบุณณดาตั้งแต่หล่อนยังไม่เข้าทำงานเสียด้วยซ้ำ

            “ข้าวนวดให้นะคะ” ดวงตาคมค่อยลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหวานดังข้างหูพร้อมกับแรงนวดที่ไหล่ เธอใช้แรงได้พอดีไม่หนักหรือเบาเกินไปจนคนมากด้วยวัยเริ่มเคลิ้มกับสัมผัส ปล่อยให้ร่างบางแตะต้องร่างกายไม่ได้หวงแต่อย่างใด

            มือเล็กผละจากไหล่เลื้อยลงมาที่กระดุมเสื้อค่อยปลดออกทีละเม็ดจนหมดรังดุม เธอลูบไล้หน้าท้องลอนสวยงามพลางเลื่อนมาลูบตรงหน้าอกแข็งแล้ววนยังยอดอกสีเข้มจนชายหนุ่มต้องจับมือเอาไว้พลางลืมตาขึ้นมองคนซุกซน

            “เอาใหญ่แล้วนะ” เวลาสามทุ่มแม่บ้านเข้าที่พักทำให้บ้านทั้งหลังค่อนข้างเป็นส่วนตัว หญิงสาวหยิบรีโมทแล้วกดปิดม่านหน้าต่างทำให้บ้านทั้งหลังปลอดสายตาผู้คน ค่อยเดินอ้อมมานั่งบนตักหนาโดยหันหน้าเข้าหาเขา ยกมือขึ้นคล้องคอด้วยความอาจหาญ

            “คุณแทนบอกว่าถ้าข้าวเป็นคนทำ จะเพิ่มทิปให้ใช่ไหมคะ” ย้อนถามก่อนคนตัวสูงจะพยักหน้ายกมือไปวางที่สะโพกมนค่อยบีบอย่างมันมือ เขาชอบร่างกายหล่อนที่ไม่ได้ผอมเกินไป จับแต่ละทียังมีเนื้อหนังพอให้นวดเคล้นอยู่บ้าง

            ดวงตาคมฉายประกายความต้องการเมื่อหล่อนลากมือผ่านหน้าท้องลงไปยังสิ่งที่เริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นจนรู้สึกอึดอัด เหมือนเธอจะจับจุดเขาได้ถึงแอ่นกายเข้าหาพร้อมโยกสะโพกเล็กน้อยสร้างความต้องการแก่แทนไทจนอยากจะคว้ากระต่ายน้อยมาขย้ำ

            แต่หล่อนก็ไม่ยอมเสียทีเดียวกลับเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่พึงพอใจ “เธออยากได้เท่าไหร่” เหยื่อที่คิดว่าตนเองอยู่ในสถานะล่าเริ่มติดกับ

            “สองหมื่น..แล้วข้าวจะทำทุกอย่างที่คุณแทนต้องการ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที

            “แพงเกินไปหรือเปล่า ถ้าฉันไปซื้อข้างนอกอย่างมากก็แค่ห้าพัน” พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติแต่คนฟังนั้นเจ็บปวดเหมือนมีมีดมาตัดขั้วหัวใจ

            ไม่เห็นความรักในดวงตาคมเลยนอกจากความใคร่ที่เขามีต่อหล่อน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันไม่อาจหาคำตอบได้กระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและชื่อคนโทรเข้าทำเอาบุณณดารู้สึกหน้าชา ร่างสูงทำเหมือนจะลุกออกไปคุยข้างนอกแต่เธอไม่ยอมลงจากตักเขา

            “รับตรงนี้สิคะ” แววตาหวานท้าทายซึ่งแทนไทก็บ้าจี้รับคำ เลื่อนกดรับสายจากธัญพิชชาทันทีในขณะที่คนตัวเล็กลุกจากตักเขาค่อยย่อกายนั่งลงบนพื้นแล้วปลดกระดุมค่อยเลื่อนซิปกางเกงสแลคลงทำเอาคนมองเบิกตากว้าง

            “สวัสดีครับ” ปากกล่าวทักทายปลายสายแต่ตามัวแต่สนใจที่ใบหน้าหวานซึ่งเงยขึ้นมองเขาแล้วยักคิ้วให้ราวเหนือกว่า

            ‘แฟชั่นโชว์ของหยาดมีสัปดาห์หน้านะคะ คุณแทนว่างไหม’ สมองขาวโพลนเมื่อมือเล็กจับแท่งที่เริ่มขยายตัวของเขาออกมาข้างนอก มองลิ้นสีหวานที่ค่อยแตะลงตรงปลายทำเอาคนอายุมากกว่าจิกปลายเท้าทันที

            หล่อนไม่เคยปลดปล่อยให้ด้วยปากสักครั้งมีเพียงแทนไทที่มอบความสุขให้แก่หญิงสาว พอเห็นอีกฝ่ายเป็นคนเริ่มสมองก็ขาวโพลนคิดคำพูดไม่ออกอีกทั้งพยายามระงับเสียงที่กำลังจะครางอย่างสุขสม มือข้างที่ว่างจับศีรษะเล็กแล้วดันให้ครอบครองมากกว่าส่วนยอด

            ‘คุณแทนได้ยินไหมคะ’ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบจึงเรียกซ้ำทำเอาชายหนุ่มเพิ่งได้สติ

            “ครับ ผมว่าง อือ” สูดลมหายใจเข้าเมื่อริมฝีปากเล็กเริ่มดูดกลืนไปกว่าครึ่งของความยาวที่เริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากจิ้มลิ้ม ดวงตากลมเงยขึ้นมามองเขาพลางเลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจนกระทั่งชายหนุ่มอดไม่ไหวเผลอครางรับเสียงแผ่ว

            ‘ดีเลยค่ะ เดี๋ยวหยาดจะส่งบัตรเชิญไปให้นะคะ ว่าแต่คุณแทนทำอะไรอยู่คะ หยาดโทรมากวนหรือเปล่า’ เห็นเสียงค่อนข้างตะกุกตะกักจึงถามหลังพูดธุระเสร็จ

            สิ่งที่เขาอยากทำตอนนี้คือวางสายโทรศัพท์แล้วสำเร็จโทษหญิงสาวที่บังอาจกระตุกหนวดเสือแต่ก็ไม่อาจทำได้ในเมื่อยังต้องหาผลประโยชน์จากธัญพิชชาเพราะบ้านหล่อนคือแหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถกู้เงินมาลงทุนในกิจการได้

            อันที่จริงก็มีหลายธนาคารเสนอให้เขากู้เงินแต่ดูเหมือนเจ้าสัวนิรุชจะให้ราคาที่น่าพึงพอใจ อีกทั้งยังเสนอลูกสาวสุดสวยให้ด้วยต่างหาก เขาจึงลองคบดูแต่ต่างคนต่างยุ่งถึงไม่ค่อยได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าคู่นอน

            หล่อนรักสนุกยังไม่ต้องการผูกมัด เขาเองก็เช่นกันจึงตกลงที่จะเป็นเพียงเซ็กเฟรนเท่านั้น ไม่มีใครขัดข้องหากต้องการก็เพียงแค่โทรหาแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่นักเนื่องจากเวลาไม่ตรงกัน

            “ผมกำลังนั่งดูสารคดี” จ้องคนที่เอาแต่ดูดกลืนตัวตนของชายคนรักสร้างความเสียวกระสันจนต้องแหงนหน้าขึ้นแล้วเม้มปากแน่นไม่มองดวงหน้าหวานที่ดูตั้งใจในการทำให้เขาส่งเสียงออกมาเสียเหลือเกิน

            ‘หยาดไม่กวนแล้วค่ะ ไว้เจอกันนะคะ’ วางสายเสร็จเขาไม่รู้ว่าขว้างโทรศัพท์ไว้ตรงไหนเพราะมือทั้งสองข้างจับศีรษะเล็กเอาไว้เป็นมั่นเหมาะแล้วบังคับจังหวะจะโคนให้หล่อน ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกอย่างไม่อายเพราะบ้านหลังนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน

            ลมเย็นพัดผ่านร่างกายแต่บุณณดาที่ยังใส่เสื้อผ้าครบชิ้นไม่ได้รู้สึกสะท้านแต่อย่างใด หล่อนตั้งใจในการทำจนดูเหมือนมันเป็นข้อสอบชิ้นใหญ่ที่ต้องการได้รับคำชมจากอาจารย์ และดูเหมือนร่างสูงจะพึงพอใจกับสิ่งที่เธอมอบให้

            ไม่นานเขาก็ปลดปล่อยออกมาโดยหล่อนไม่ทันตั้งตัวน้ำสีขุ่นจึงได้เข้าปาก เจ้าของร่างตกใจเป็นอย่างยิ่งก่อนพาเธอเข้าไปล้างปากในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง

            “กลืนลงไปทำไม คายออกมา” ถึงจะพะอืดพะอมแต่ก็อยากทำให้เขาประทับใจด้วยการกลืนมันลงไปจนคนตัวโตทำหน้าเคร่งขรึม

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าวไม่ได้รังเกียจคุณแทน” นอกจากตอบแล้วยังบดเบียดกายเข้าหาเหมือนเป็นการเชิญชวนอีก ร่างสูงที่ไวต่อร่างกายของหล่อนตอบรับทันทีด้วยการโอบเอวบางให้แนบชิดมากกว่าเดิมทั้งที่ใบหน้ายังฉายความไม่พอใจ

            “ต่อจากนี้ห้ามกลืนอีก มันสกปรก”

            “ทีคุณแทนยังทำให้ข้าวเลย ทำไมข้าวจะทำให้คุณไม่ได้คะ” เขาเริ่มรู้สึกว่าจากการแก้แค้นมันเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว

            ยาพิษที่เคยคิดว่าจะไม่กินหรือหลงใหลในรสชาติของมันกลับกลายเป็นว่าติดใจจนต้องดื่มทุกวัน เจ้าพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่มีสีหน้าไม่ชอบใจกับความโลเลของตนเอง ปล่อยมือออกจากเอวหล่อนแล้วผละห่างทว่าอีกฝ่ายไม่ยอม

            “วันนี้..ให้ข้าวเริ่มได้ไหมคะ” ทาบมือลงยังหน้าอกหนาพลางเลื่อนลงไปข้างล่างขณะที่สบตาเขาอย่างเชิญชวนทำเอาคนที่คิดจะออกจากจุดตรงนี้ยังยืนนิ่งที่เดิม

            แทนไทไม่ตอบกลับทำหน้าเคร่งขรึม จนในที่สุดทนความต้องการด้านลึกของจิตใจไม่ไหวลากเธอเข้าห้องน้ำที่ชั้นสองก่อนจะลงกลอนแน่นหนา

            ไม่ต้องทำอะไรแล้วคืนนี้..ตัวติดกันทั้งคืนไปเลย

            เช้าวันหยุดที่เจ้าของบ้านไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องมานั่งเซ็นเอกสารทั้งแต่แปดโมงเช้าโดยนนทัชเข้ามาพร้อมแฟ้มจำนวนมหาศาลทำเอาคนนั่งเริ่มกุมขมับ ไหนจะอ่านรายละเอียดกลัวว่าจะเกิดการผิดพลาดโดยดวงตาคมก็คอยแต่จะวนเวียนอยู่ที่ประตู

            เมื่อคืนกว่าจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเกือบรุ่งสางเพราะอย่างไรวันนี้ก็ไม่ได้มีงานที่ต้องออกไปไหน อย่างมากเลขาก็เข้ามาให้เซ็นแฟ้มจึงปล่อยอีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงพร้อมทั้งวางเงินห้าพันไว้ให้เพื่อตอบแทนเซ็กอันสุขสมที่หล่อนเป็นคนเริ่ม

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ” นนทัชเห็นเจ้านายเอาแต่มองไปที่ประตูจึงถามขึ้นแต่กลับได้รับการส่ายหน้ากลับมา

            “เปล่า เอกสารมีแค่นี้ใช่ไหม” เสร็จจนถึงหน้าสุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นและลูกน้องก็ตอบรับ

            “ใช่ครับ”

            “แล้ววันนี้ผมมีงานอีกหรือเปล่า”

            “ไม่มีครับ วันนี้คุณแทนว่างทั้งวัน แต่พรุ่งนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหาร” แสดงว่าพรุ่งนี้คงต้องเข้าบริษัทเพื่อไปประชุมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซึ่งเท่าที่อ่านรายงานกำไรยังไม่ได้เท่าที่หวังเอาไว้ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีไม่ขาดทุนทั้งที่เศรษฐกิจค่อนข้างย่ำแย่

            ลูกค้าของเขาส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น เกาหลี จีนที่มาซื้อของในเมืองไทยเพราะราคาถูกกว่าบ้านตัวเอง บางครั้งก็เป็นเศรษฐีมีเงินของไทยที่มักอุดหนุนกันด้วยราคาเต็มเพื่ออวดอ้างในวงสังคม

            “ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะกลับได้แล้วมั้ง” เห็นผู้ช่วยยังยืนอยู่ที่เดิมก็เอ่ยเตือนจึงได้ค้อมรับคำแล้วเดินออกจากห้องพอดีกับที่เห็นคนคุ้นเคยกำลังตั้งโต๊ะอาหารก่อนจะหันมายิ้มให้เขาแล้วเอ่ยทักทายเป็นกันเอง

            “พี่ทัช กินข้าวเช้าด้วยกันไหมคะ” สรรพนามแสนสนิทสนมทำเอาคนตามมาทีหลังหูผึ่งพลางทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นหล่อนยิ้มให้ชายคนอื่น

            “ไม่ดีกว่า พี่ต้องรีบไปทำงานให้คุณแทน แล้วทำอะไรกินเนี่ย” ถึงจะบอกแบบนั้นก็อดชะโงกมาดูอาหารที่เริ่มลำเลียงขึ้นโต๊ะไม่ได้ สีสันสวยงามน่ารับประทานทั้งนั้นทำเอานนทัชตาวาวอยากร่วมโต๊ะด้วยทว่าเสียงของเจ้านายกลับดังขึ้น         

            “กลับได้แล้วมั้ง ยืนอยู่แบบนี้รถมันคงขับเข้ามารับคุณได้หรอก” รับรู้ถึงรังสีอำมหิตจนนนทัชไม่กล้าจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อ เขาส่งยิ้มให้ท่านประธานก่อนค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปไม่วายหันมาล่ำลารุ่นน้องคนสวย

            “พี่กลับก่อนนะ”

            “ขับรถดีๆ นะคะพี่ทัช” ทำงานด้วยกันมาเดือนกว่าทำให้สนิทสนมจนเรียกขานเป็นพี่น้อง แต่คนฟังอย่างแทนไทก็ไม่ใคร่จะชอบใจอยู่ดี ยิ่งตอนนี้หญิงสาวเข้ามาอยู่ภายในบ้านของตนเองด้วยสถานะตัวขัดดอกก็ไม่อยากให้ใกล้ชิดหรือส่งสายตาหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนไหนอีก

            ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรกับหล่อนแต่เดินไปนั่งยังที่ประจำของตนเองทันที โต๊ะไม้ประดู่ยาวกว่าสองเมตรแต่กลับมีผู้ร่วมโต๊ะเพียงสองคนช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน

            หลายวันก่อนเห็นว่าบัลลพไปโวยวายอยู่หน้าบ่อนเสี่ยทรงภพเพื่อถามเอาที่อยู่ของเขาหวังจะมาชิงตัวลูกสาวแต่กลับได้แผลจากลูกน้องนักเลงที่บังอาจไปท้าทายอำนาจมืด เขาไม่ได้บอกบุณณดากลัวหล่อนเป็นกังวลจึงปล่อยให้มันผ่านไป

            คนแบบนั้นโดนซะบ้างก็ดี จากนี้หน้าที่ของหล่อนคือเป็นแม่พันธุ์ให้เขาทำลูกเพื่อเอาไปเยาะเย้ยอดีตเพื่อนสนิทที่ผันมาเป็นศัตรูคู่อาฆาต ถึงพี่สาวจะบอกไม่ให้จองเวรจองกรรมต่อกันแต่ใครมันจะไปทนได้

            เมื่อเขามีพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและอำนาจขนาดนี้จึงขอแก้แค้นในสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำกับตนหน่อยเถอะ

            “กินเยอะๆ นะคะ ข้าวทำสุดฝีมือเลย” ตักผัดผักให้เขาด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อย่างผัดผักหล่อนก็ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันทั่วไป น้ำมะเขือเทศก็ปั่นสดๆ ให้เขา อันที่จริงก็อยากตื่นมาเอาใจแต่เช้าทว่าเมื่อคืนได้นอนเกือบรุ่งสางทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาปรนนิบัติแทนไทได้

            อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับทำเพียงรับไมตรีของหญิงสาว รับประทานอาหารไปอย่างเงียบเชียบจนคนที่พยายามชวนคุยไปไม่เป็น พุ่งความสนใจไปที่อาหารเช่นกันจนกินอิ่มถึงได้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง บุณณดาต้องทำธีสิสจบและใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าหาชายในดวงใจ

            ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เขารักก็ต้องไปให้สุด ทำทุกวิธีทางเพื่อแทนไทจะได้วางความแค้นแล้วหันมารักเธอให้ได้

            ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้มารยาหญิงทั้งนั้นแหละ..

           

ข่าวบุณณดาที่เป็นเด็กเลี้ยงของแทนไทดังขึ้นอีกครั้งหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นและหญิงสาวตามติดเจ้านายไม่ห่าง ทำข้ามหน้าข้ามตานนทัชด้วยซ้ำทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ทำตามหน้าที่ไม่ได้แสดงกิริยาอย่างที่โดนกล่าวหาเลย

            เปมทัตได้ข่าวก็ออกโรงปกป้องเพื่อนเต็มที่จนเกือบทะเลาะกับกลุ่มขาเม้าของบริษัท โดนหัวหน้าแผนกบุคคลเรียกไปเตือนจนโมโหกลับมาแล้วระบายทุกอย่างให้เพื่อนอีกคนฟังในเวลาเลิกงานซึ่งต้องกลับบ้านทางเดียวกันอยู่แล้ว

            หญิงสาวพยายามปลอบให้ใจเย็นแต่คนอารมณ์ร้อนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะสามารถสงบลงได้ถ้ายังมีเรื่องค้างคาในหัวใจ พาหนะจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ของอรวราทว่ายังไม่ทันได้ลงจากรถกลับมีชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอางเดินออกมาจากบ้านเสียก่อน

            “นั่นใคร” จากที่คิดเรื่องใบข้าวก็กลับมาสนใจคุณหนูแสนหวานทันที เธอถอนหายใจพลางทำหน้าบูดบึ้ง

            “พี่เก่ง เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย เหมือนคุณพ่อกำลังจับคู่เรากับพี่เขาเลย” ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้ตนเองแท้ๆ

            ดูภายนอกเหลาะแหละอย่างไรก็ไม่รู้ จากที่จะส่งแล้วขับรถกลับก็กลายเป็นว่าเปมทัตลงจากรถยนต์ของตนเองออกมาทักทายคนที่ยืนรอน้องสาวซึ่งหมายตาเอาไว้

            “น้องอร กลับจากฝึกงานแล้วเหรอครับ” ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งดวงตาหวานฉ่ำขัดใจชายหนุ่มอีกคนจนต้องเอ่ยขัด

            “ยืนตรงหน้าขนาดนี้คงยังไม่กลับมั้งครับ ถามอะไรของเขาวะ” ประโยคหลังพึมพำกับตนเองทำเอาคนที่โดนค่อนแคะหันมามองชายแปลกหน้าด้วยความไม่พอใจ เหลือบสายตามองคนที่ไม่เคยเห็นพลางเอ่ยถามอรวรา

            “เพื่อนน้องอรเหรอครับ ดูไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไหร่” คนอารมณ์ร้อนที่พร้อมปะทะก็เกิดอาการไม่ชอบใจทันทีทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องแต่ลูกสาวเจ้าของบ้านก็คว้าแขนเพื่อนเอาไว้ก่อน

            “หยุดก่อนเปรม คือนี่เปรมเพื่อนสนิทของอรค่ะ ส่วนนี่พี่เก่ง..”

            “เป็นว่าที่แฟนน้องอรครับ” เธอยังแนะนำสถานะของหนุ่มนักเรียนนอกไม่จบอีกฝ่ายก็เสนอตัวขึ้นมาทันทีพร้อมมองหญิงในดวงใจแล้วยิ้มให้จนคนโดนกล่าวอ้างทำหน้าปุเลี่ยน เธอไม่ค่อยชอบท่าทีแสดงออกมาเกินไปของเขาสักเท่าไหร่ มันรู้สึกขนลุกแปลกๆ ยามที่กรกฎเอาแต่มองหน้าแล้วทำสายตาหวาน

            “เป็นพี่น้องค่ะ พี่น้องดีกว่านะคะ” ย้ำให้เขารู้ถึงความรู้สึกหล่อนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยชอบสถานะนั้นเท่าไหร่ในเมื่อเทียวไล้เทียวขื่อสาวน้อยมาเกือบสัปดาห์แล้ว

            เห็นหน้าหวานพูดจาอ่อนโยนแบบนี้แต่ใจแข็งเป็นบ้า เขาทั้งซื้อของไหนจะชวนไปเที่ยว เสนอกระเป๋าราคาแพงให้เพื่อมัดใจอย่างที่เคยทำกับคนอื่นแต่หล่อนกลับไม่เหลียวแลสักนิด

            “แต่พี่อยากเป็นแฟนนิครับ แล้วค่อยพัฒนาไปเป็นสามีภรรยาก็ได้” เห็นอาการตื้อไม่เลิกของผู้ชายที่เข้ามาติดพันเพื่อนตัวเองก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากชกปากคนเสียเหลือเกิน

            ไม่ค่อยเห็นใครเข้าหาอรวราสักเท่าไหร่จึงวางใจได้ในระดับหนึ่งว่าหล่อนคงไม่โดนหลอก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะคิดผิดเสียแล้ว ไม่เคยมีใช่ว่าจะไม่มีเพราะตอนนี้ดันมีผู้ชายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับหล่อนแล้ว และเขาก็ไม่ชอบใจจนแอบดึงหญิงสาวให้มาชิดกายมากกว่าเดิมสร้างความปลาบปลื้มแก่คนที่แอบชอบเหลือเกิน

            “ก่อนจะเป็นแฟนพี่หาเลี้ยงตัวเองให้รอดดีกว่านะครับ เข้าบ้านไปได้แล้ว” สั่งสอนคนอายุมากกว่าแล้วค่อยหันมาบอกเพื่อนสนิทซึ่งพยักหน้ารับคำอย่างดี ไม่ค่อยเห็นเปมทัตมุมนี้สักเท่าไหร่เพราะส่วนมากเขาจะห่วงแต่บุณณดาและทำเหมือนไม่มีหล่อนอยู่ในสายตา

            พอมาเจอสถานการณ์ตอนนี้ก็อดดีใจไม่ได้ว่าตนเองยังมีความสำคัญกับเขาอยู่เหมือนกันถึงจะในสถานะเพื่อนก็ตาม

            “น้องพูดแบบนี้ได้ไง มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ” เดินเข้าหมายจะหาเรื่องแต่เปมทัตกลับยืดอกแล้วก้าวเข้าไปหาทำเอาอีกฝ่ายเงียบเสียงลงเพราะแค่ขนาดตัวก็แพ้ราบคาบแล้ว

            “จะเอาสักหมัดไหม เผื่อจะเห็นดาวตอนก่อนถึงกลางคืน” ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะหมัดเขาค่อนข้างหนัก เคยแข่งมวยสมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งชนะน็อคมาแล้ว จนกลายเป็นตำนานเล่าขานสู่รุ่นน้องว่ารุ่นพี่ภาคบริหารชกเด็กวิศวะจนน็อคในรอบเดียว

            เมื่อเห็นกรกฎไม่กล้าเข้ามาก็เดินไปขึ้นรถของตนค่อยขับออกไปอย่างรวดเร็ว ที่หมายคือบ้านแทนไทที่ไปสืบมาแล้วว่าบุณณดาพักที่นี่ ตอนแรกที่รู้โกรธหัดฟัดหัวเหวี่ยงจนแทบจะพังข้าวของแต่ก็พยายามใจเย็น คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            อาจจะไปพักเพราะงานที่ต้องทำก็ได้...

            ปลอบใจตนเองทั้งที่รู้ว่ามันไม่เป็นความจริง ผู้ช่วยเลขาที่ไหนจะพักบ้านเจ้านายนานเป็นเดือนขนาดนี้ น้าแพงก็เป็นห่วงหลานสาวแต่เห็นว่าโทรติดต่อมาตลอดด้วยน้ำเสียงสดใสก็พอคลายกังวลได้บ้างผิดกับเปมทัตซึ่งจิตใจร้อนรุ่มกว่าเดิม

            เหยียบคันเร่งจนเกือบมิดเข็มเพื่อไปให้ถึงบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มมากกว่าวัย มือหนากำพวงมาลัยแน่นบังคับให้เลี้ยวเข้าซอยของบ้านซึ่งไหว้วานเลขาพ่อไปสืบจนกระทั่งได้ที่อยู่มาครบ ประตูรั้วปิดสนิทแต่คาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะอยู่ข้างในเพราะไฟเปิดสว่าง

            ร่างสูงลงจากรถยนต์แล้วกดออดด้านหน้ารัวจนคนสวนวิ่งมาเปิด มองแขกด้วยความสงสัยแต่ก็ยิ้มแย้มเป็นการต้อนรับ

            “ผมมาหาใบข้าว” แจ้งเจตนารมณ์ชัดเจนว่าคนที่ต้องการพบคือหญิงในดวงใจหาไม่ใช่เจ้าของบ้านที่ตนไม่ชอบหน้า

            “นัดไว้ก่อนหรือเปล่าครับ”

            “เปล่า ลุงไปเรียกข้าวให้ผมหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวผมจะรออยู่ข้างนอกไม่อยากเข้าไปเหยียบข้างในบ้าน” ไม่ชอบแทนไทจนอาจจะกลายเป็นเกลียดด้วยซ้ำ ผู้ชายด้วยกันมักดูออกว่าอีกฝ่ายเข้าหาบุณณดาด้วยความไม่จริงใจเหมือนมีอะไรแอบแฝง

            พยายามเตือนแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ฟังเพราะอยู่ในช่วงหลงจนหัวปักหัวปำ รอไม่นานใบหน้าหวานที่เฝ้าคิดถึงก็ปรากฏขึ้นแล้วเธอก็ออกมาหาเขาข้างนอกไม่ชวนเข้าไปข้างในเนื่องจากไม่ใช่บ้านตนเอง

            “มาอยู่ที่นี่แล้วเหรอ พัฒนาเร็วดีนะไหนบอกว่าเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง” อยากจะตบปากตัวเองที่พูดไม่ดีกับเธอแต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อคนฟังรับสารที่ส่งและแสดงความไม่พอใจออกทางใบหน้า

            “มันเรื่องของฉันนายไม่ต้องยุ่งหรอก” ไม่กล้าบอกความจริงเปมทัตเพราะคิดว่าตนเองจะทำให้แทนไทหลงรักได้ไม่ยาก เดี๋ยวความแค้นก็คงหมดไปกลายเป็นความรัก

            โดยลืมคิดถึงความจริงที่ว่าเขามีหญิงที่คู่ควรเคียงข้างแล้ว

            “ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกแต่พอดีได้ยินคนที่บริษัทเขาพูดกันว่าเธอมาเป็นเมียน้อยของประธานบริษัทก็เลยอยากมาเตือน ยังไงก็เป็นเพื่อนอยู่แล้ว” ย้ำคำว่าเมียน้อยทั้งที่จริงไม่ได้มีใครตั้งสถานะนี้ให้เธอสักคน

            ส่วนมากก็บอกว่าเป็นเด็กเลี้ยง

            “คุณแทนยังไม่มีเมีย”

            “แต่ก็มีผู้หญิงที่คู่ควรด้วยแล้ว เธอก็เป็นแค่ของเล่นคนรวย” อารามเสียใจทำให้สาดวาจาเผ็ดร้อนใส่เพื่อน ต้องการให้เธอเจ็บเหมือนที่เขารู้สึกบ้างแต่กลับสร้างความโมโหให้แก่บุณณดาจนต้องตอบกลับรุนแรงไม่แพ้กัน

            “ฉันยอมเป็นของเล่นเขา” เปมทัตเสียศูนย์ไปชั่วครู่เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหญิงสาว เขาเสียใจจนหมดสิ้นสติดึงหล่อนเข้ามากอดเอาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มีต่อเธอเพียงคนเดียวมาตลอดหลายปี

            ทำไมถึงไม่เคยหันมองกันบ้าง แค่เศษตาก็ไม่ได้เลยเหรอ

            ร่างหนารัดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นจนหล่อนไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้ ทั้งทุบตีและผลักออกก็ไม่เป็นผลไหนจะกลัวว่าแทนไทจะกลับมาแล้วเห็นภาพนี้อีก ลูกชายเจ้าของโรงแรมชื่อดังไม่ยอมให้เจ้าของหัวใจเป็นอิสระทั้งยังเผยความรู้สึกภายในใจ

            “เป็นเราไม่ได้เหรอ รักเราไม่ได้เหรอข้าว” เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยความในใจซึ่งใบข้าวก็รับรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วแต่ไม่เคยพูดกับเขาตรงๆ สักครั้ง

            “ขอโทษจริงๆ นะเปรม แต่ฉันไม่ได้รักนาย ไม่เคยคิดจะรักหรือพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าเพื่อนสักครั้ง” ใจของคนที่แอบรักมาโดยตลอดพังลงทันทีเมื่อได้ยินความรู้สึกของหล่อนที่ไม่ปิดบังว่าคิดเช่นไรกับเขา

            ค่อยผละออกแล้วมองเข้าไปในดวงตากลมโตเพื่อค้นหาว่ากำลังพูดโกหกอยู่หรือเปล่า แต่กลับพบเพียงความจริงใจถึงได้ก้าวถอยออกห่างด้วยแววตาแดงก่ำ

            สุดท้ายก็ไม่ใช่คนที่เธอเลือก...

            ไม่พูดอะไรให้เจ็บช้ำก็รีบขึ้นรถยนต์ก่อนจะขับออกไปทันทีปล่อยบุณณดามองตามหลังแล้วถอนหายใจเสียงดัง เธอไม่อยากเสียเพื่อนไปจึงทนอยู่ในวังวนรักอันน่าเศร้าแบบนี้ จนสุดท้ายแล้วจำต้องบอกความรู้สึกของตนเองออกไปให้เปมทัตได้ตัดอกตัดใจ

            และพอได้พูดก็รู้สึกว่ามันโล่งเหลือเกิน รู้อย่างนี้บอกไปตั้งแต่แรกก็ดีจะได้ไม่ต้องเจ็บยืดเยื้อ

            “กอดกับผู้ชายหน้าบ้านฉันขนาดนี้ ฉันควรจะทำโทษเธอยังไงดี” เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยดังขึ้นพอหันไปมองก็พบเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดสูทหลังกลับมาจากงานฉลองครบรอบยี่สิบปีที่เปิดนิตยสารของไทยซึ่งยังไม่ปิดตัวเหมือนเล่มอื่นทั้งยังขายได้กำไรดีด้วย

            ใบหน้าหวานซีดเผือดไม่รู้จะแก้ตัวกับเขาว่าอย่างไร แต่แทนไทก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกนอกจากจับจูงเธอเข้าไปภายในบ้านปล่อยให้คนรถขับพาหนะเข้ามาจอดที่โรงรถ

            แล้วหลังจากนั้นคนทั้งสองก็ไม่ออกจากห้องอีกเลยกระทั่งเช้าวันใหม่...

            หลังจากที่เสียใจเปมทัตก็ขับรถมายังคลับหรูใต้โรงแรมชื่อดังซึ่งเป็นคู่แข่งกับโรงแรมของตนเอง เขาไม่สนใจผู้คนรอบข้างเอาแต่ดื่มน้ำสีเข้มจนแทบทรงตัวไม่อยู่ มือหนากำแก้วไว้แน่นไม่รู้สึกถึงความขมของแอลกอฮอล์เลยสักนิดเพราะว่าความเจ็บช้ำจากรักที่กำลังเผชิญอยู่มันขมกว่าเสียอีก

            คิดถึงก็ยิ่งเจ็บใจทั้งที่มาก่อนและอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างดีแท้ๆ ทำไมใบข้าวถึงไม่สนใจเขาบ้าง ผู้ชายคนนั้นมันมีดีอะไรนักหนาถึงได้หลงขนาดยอมเป็นของเล่นละทิ้งศักดิ์ศรีตนเอง

            ไม่เข้าใจเลยสักนิด..

            กรอกเหล้าเข้าปากราวมันคือน้ำเปล่าจนบาริสต้าเริ่มเป็นห่วง กระทั่งมีสาวร่างบางใบหน้าหวานหยดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในคลับก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วแล้วเห็นเพื่อนนั่งฟุบอยู่บาร์ถึงได้รีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

            “คุณคือเพื่อนผู้ชายคนนี้ที่โทรเข้ามาใช่ไหมครับ” เมื่อสักครู่มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของลูกค้าแต่ดูเหมือนคนเมาจะไม่รู้ตัวเขาจึงถือวิสาสะรับให้พร้อมบอกที่อยู่ปลายทางเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของผู้หญิงตรงหน้า

            “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าช่วยเปิดห้องที่นี่ให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันคงพาเขากลับไม่ไหว” กว่าจะออกจากบ้านมาได้ก็แอบบิดามารดากลัวว่าหากท่านรู้จะไม่ยอมให้มาหาเปมทัต

            “ได้ครับ เดี๋ยวผมติดต่อรีเซฟชั่นให้” หล่อนค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ ไม่นานก็มีพนักงานมาหิ้วปีกของร่างสูงไปยังชั้นที่พัก กว่าจะถึงเตียงนอนก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เอาแต่ร้องโวยวายพลางดิ้นให้ปล่อยอยู่นั่นแหละ

            “ปล่อยสิโว้ยฉันจะไปหาใบข้าว ข้าวอยู่ไหน เปรมรักข้าว ได้ยินไหมว่าเปรมรักข้าว” ขนาดเมายังสามารถพูดประโยคแสนยาวที่ทิ่มใจคนฟังได้

            นับถือเขาจริงๆ เลย

            “ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนลงไปเช็คอินเมื่อสักครู่แล้วขึ้นมาทันได้ยินคำบอกรักพอดี หันไปขอบคุณพนักงานที่ช่วยแบกคนเมาขึ้นมาบนห้องแล้วถอนหายใจเมื่อพบว่าตนเองต้องติดแหง็กกับคนที่ไม่ได้สติและเอาแต่เรียกหาผู้หญิงคนอื่น

            มันน่าเจ็บใจจริงๆ ที่หล่อนเลือกจะรักเขาทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยหันมามอง คุณหนูอรวรากล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้แล้วลุกไปหยิบผ้าขนหนูนำไปชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้คนที่นอนไม่ได้สติ

            อยากถามเหลือเกินว่านอกจากใบข้าวแล้วเขามองเห็นเธอบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ก็เฝ้ามองเพียงเขาคนเดียวมาหลายปีเช่นกัน

            หวังลมๆ แล้งๆ ว่าเปมทัตจะหันมาเห็นถึงความจริงใจของตนบ้างแต่ก็ไม่เลยเพราะสายตาชายหนุ่มมีเพียงบุณณดาคนเดียว นึกอิจฉาเพื่อนสาวอีกคนที่ได้หัวใจเขาไปครองแต่ไม่ได้เกลียดหรือโกรธสักนิดเนื่องจากรักและสนิทกันมานาน

            ทั้งยังสงสารในชะตากรรมของใบข้าวซึ่งต้องเผชิญความยากลำบากตั้งแต่เด็ก ยังอดทึ่งไม่ได้ที่อีกฝ่ายอดทนมากขนาดนี้ ถ้าเป็นเธอคงคิดสั้นไปนานแล้ว

            “ข้าว ข้าวใช่ไหม” ขณะที่กำลังจะเอามือออกเขาก็คว้าไว้ก่อนพลางเอ่ยพึมพำเสียงเบา

            “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ใบข้าว” บอกเขาเพราะไม่ต้องการเป็นตัวแทนของใครแต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่รับรู้ เขาใช้แรงทั้งหมดดึงเธอเข้ามาหาก่อนจะพลิกให้คนตัวเล็กอยู่ใต้ร่าง

            “เปรมรักข้าว เป็นเปรมไม่ได้เหรอ รักเปรมไม่ได้เหรอ” อ้อนวอนอย่างน่าสงสารจนคนที่พยายามขัดขืนต้องเม้มปากแน่น

            ใจเริ่มตีกันว่าควรจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเก็บความสุขระหว่างกันเอาไว้ดีไหม แต่อีกใจก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร หล่อนอยากเป็นผู้หญิงที่เขามองด้วยความรักจากใจจริง ไม่ใช่เห็นเพียงภาพซ้อนของคนอื่นเท่านั้น

            “ไม่...อื้อ” แล้วเปมทัตก็ตัดสินใจปิดริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธไม่อยากได้ยินให้เจ็บช้ำไปมากกว่านี้แล้ว

            ห้องนอนที่เคยเย็นฉ่ำกลายเป็นสนามรบซึ่งอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นตามแรงอารมณ์ หญิงสาวผู้ไม่เคยพานพบความหฤหรรษ์กลับกรีดร้องเสียงดังยามที่เขาแทรกกายเข้ามา น้ำตาหยดลงบนที่นอนเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ชายหนุ่มเอ่ยถึง

            “ข้าว เปรมรักข้าว”

            สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนของคนที่เขารัก..

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status