๑๕เริ่มต้นใหม่เหมือนโดนตีหัวซ้ำหลายรอบจนมึนงง แต่เหนือสิ่งอื่นใดความรู้สึกที่เด่นชัดคือดีใจ เหมือนกับว่าได้รับโอกาสอีกครั้งเพื่อให้ได้แก้ตัวจากเรื่องเลวร้ายที่ตนเองกระทำต่อหญิงสาว ดวงตาคมจ้องสองแม่ลูกไม่วางแล้วค่อยยกยิ้มขึ้นแต้มริมฝีปากมือหนาถือโทรศัพท์เอาไว้เพื่อรับฟังเรื่องราวทุกอย่างจากผู้ร่วมแผนการ และเป็นคนคอยช่วยเหลือบุณณดากระทั่งหาที่พักให้หล่อนกับลูก ไม่ใช่ในฐานะคนแอบรัก แต่ทำเพราะใบข้าวคือเพื่อนสนิทจึงไม่อยากเห็นอีกฝ่ายตกระกำลำบาก‘ผมเป็นคนบอกข้าวให้เอารถไปติดแก๊สถึงจะมีข้ออ้างให้รถไหม้ทั้งคันได้อย่างรวดเร็ว’ อันที่จริงก็สงสัยว่ารถยนต์ของตนทุกคันไม่ได้ติดแก๊ส แล้วทำไมคันที่หล่อนขับถึงถังแก๊สแต่นนทัชมาบอกว่าหญิงสาวเอาไปทำเองเนื่องจากอยากประหยัดเงินค่าน้ำมันจึงไม่สงสัยและหาคำตอบเกี่ยวกับการตายที่มีช่องโหว่ ปล่อยให้มันผ่านไปและจมอยู่กับความรู้สึกผิด‘ทิ้งของทุกอย่างไว้บนนั้นและก่อนที่รถจะระเบิดก็ต้องรีบออกมาจากเบาะหลังเพื่อให้ไม่มีคนเห็น แผนการต่างๆ มันค่อนข้างเสี่ยงแต่ข้าวก็ยอม คุณรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร’ ยกยิ้มทันทีเมื่อได้ฟังคำถาม ไม่ต้องคาดเดาเลยสักนิดเพราะทุกอย่างมันชัดเจ
๑๖ดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยว ไร่ภูเทพเปิดบ้านต้อนรับนักธุรกิจจากเมืองหลวงที่มาเยือนแต่เช้า เจ้าช่อฟ้าตาโตไม่คิดจะได้พบเขาเพราะอีกฝ่ายงานยุ่งมาก ต้องขยี้ตาซ้ำกลัวจะตาฝาก แต่เมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้ก็รีบยิ้มกลับทันที ทำไมหนุ่มอายุเข้าเลขสี่ถึงได้หล่อเหลาขนาดนี้ มองด้วยความชื่นชมทั้งใบหน้าและรูปร่างที่อีกฝ่ายดูแลอย่างดี ถ้าแต่งงานก็อยากได้สามีแบบเขานี่แหละ ตรงตามความต้องการทุกอย่างทั้งหน้าตาดี ฐานะร่ำรวย มีสมองอันชาญฉลาดไม่อดตายแน่ หม่อมแม่จะต้องไฟเขียวถ้าจะได้ดองกับตระกูลทรัพย์พูนทวี เจ้าชะครามเห็นท่าทีของพี่สาวก็ได้แต่ถอนหายใจเอ่ยเชิญอีกฝ่ายเข้ามาภายในห้องรับแขก บ้านไม้หลังนี้ถูกสร้างตั้งแต่สมัยปู่ย่าจนตกทอดมายังรุ่นหลาน เมื่อหลายปีก่อนเพิ่งรีโนเวทและต่อเติมในบางส่วนทำให้ดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้าง “ขอโทษที่มารบกวนนะครับ แต่ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณคราม” เคยบอกไม่ให้แทนไทเรียกเจ้านำหน้าเพราะคนอายุน้อยกว่าอย่างชะครามไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เขาชอบให้เรียกคุณนำหน้ามากกว่าเจ้าที่ดูสูงเกินเอื้อม เจ้าช่อฟ้าได้ยินอย่างนั้นก็ทำทีเป็นขอต
๑๗ใจแลกใจ เด็กน้อยเดินขยี้ตาลงมาจากบนบ้านพร้อมกอดผ้าขนหนูสีหม่น ไม่เรียกหาแม่เพราะรู้ว่าท่านคงไปเปิดร้าน ปกติหนูน้อยจะเดินไปหามารดาแต่วันนี้กลับเห็นคุณลุงซูเปอร์ฮีโร่นั่งรออยู่โต๊ะอาหารใต้ถุนบ้าน ดวงตาที่ลืมไม่ขึ้นเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นเฝือกสีขาวขนาดใหญ่ วิ่งทึกทักเข้าไปหาพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุงลุงมีเกาะด้วย ผมอยากมีเกาะบ้าง” อ้อนด้วยการพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนตักหนา แต่เพราะมีพุงทำให้ขึ้นอย่างทุลักทุเลถ้าไม่ได้คนอายุมากกว่าช่วยก็คงไม่สามารถมานั่งบนนี้ได้ ดวงตาคมมองลูกชายอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะบอกว่ามันไม่ใช่เกราะแต่คุณลุงตกสะพานจนกระดูกแขนหักคุณหมอเลยให้ใส่เฝือกเพื่อสมานแผล อีกสามเดือนถึงจะเอาออกได้ “คุงลุงไม่สบาย คุงลุงเจ๊ะไหม” แตะเฝือกอย่างแผ่วเบาพลางก้มลงไปเป่าให้ “แม่บอกว่าถ้าเจ๊ะให้เป่า ผมเป่าให้แล้วเด๋วลุงกะหาย” คนฟังอมยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพลางก้มลงไปจุมพิตกระหม่อมเล็ก เสียดายช่วงเวลาที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการของลูกตั้งแต่แรกเกิด อยากบันทึกความทรงจำนั้นเอาไว้ทว่าไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ ในเมื่ออด
๑๘เมื่อไหร่จะเข้าใจ หลังจากวันนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากหล่อน สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงหยอดภรรยาทุกวันแล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ดีที่มีลูกชายคอยช่วยเหลือเห็นด้วยทุกอย่างจนต้องยกนิ้วโป้งให้พร้อมของแถมคือลูกอมรสโปรด เด็กน้อยชอบคุณลุงมากติดหนึบไม่ไปไหน หากเห็นแทนไทที่ไหนก็จะเห็นน้องคิมหันต์ที่นั่นเหมือนเป็นฝาแฝด ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แต่ดูท่าบุณณดาจะยังไม่ยอมกลับไปด้วย เขาเริ่มคิดหนักเพราะไม่สามารถละทิ้งหน้าที่การงานมาได้นานกว่านี้ เอกสารสำคัญก็ให้ส่งทางอีเมล์แล้วค่อยอนุมัติ แต่ก็ไม่เหมือนไปดูหน้างานเอง อีกทั้งคู่ค้าจากต่างประเทศสนใจจะเข้ามาเปิดร้านในห้างของเขา สงสัยต้องรีบเคลียร์ปัญหาหัวใจให้จบโดยเร็วเพื่อจะได้หันไปมุ่งการทำงานสร้างอาณาจักรตนเอง เขามีโครงการสร้างรีสอร์ทที่น่าน สงสัยกลับไปคงต้องรีบนัดสถาปนิกมาประชุมอย่างจริงจังเสียแล้ว โปรเจคผุดขึ้นไม่หยุดจนต้องบอกตนเองให้พอก่อน แค่นี้ก็ยุ่งไม่มีเวลาพักแล้ว “คุงลุง หยักเล่งน้ำ” เดินเข้ามาหาร่างสูงพลางบอกความต้องการของตนเอง แต่ก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะโดนปฏิเสธ “เกราะของลุงลงน
บทส่งท้าย หลังจากคืนดีกันเป็นที่เรียบร้อยบ้านก็กลับมาสดชื่นขึ้น ไม่มีคนที่เคร่งเครียดกับงานมีเพียงชายหนุ่มผู้หลงภรรยาและลูกชายจนไม่เป็นอันทำงาน หากประชุมอยู่บ้านก็พาลูกชายเข้าไปนั่งตักแล้ววางขนมไว้ให้ แน่นอนแค่มีของกินน้องคิมก็สามารถอยู่ได้เป็นชั่วโมงก่อนที่คนเป็นแม่จะเข้ามารับลูกไปนอน ข่าวลือเรื่องหนุ่มนักบริหารมีลูกเข้าหูนักข่าวและเหล่าคณะกรรมการบริษัทจนเขาต้องประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบ และใช้เวลาในการจัดงานเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นสร้างความตกใจแก่คนในบริษัทและคู่ค้าเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งบุณณดาก็เช่นกัน เธอต้องเป็นแม่งานคอยควบคุมทุกอย่างภายในเวลาอันจำกัด แต่หญิงสาวก็ทำได้ดีจนมีแต่คนออกปากชื่นชม งานแต่งของพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์เพราะเจ้าสาวไม่ใช่คนร่ำรวยอย่างที่คิด กลับเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่มัดใจหนุ่มใหญ่อยู่หมัด แต่สิ่งที่น่าตกใจคือทุกคนเข้าใจว่าหล่อนตายไปแล้ว จึงถูกแก้ไขใหม่ว่าเธอรอดตายมาได้แต่ความจำเสื่อมจึงอาศัยอยู่ทางภาคเหนือ ถึงไม่น่าเชื่อแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรในเมื่อเจ้าตัวสะดวกใจจะตอบแค่นั้น
ตอนพิเศษหนูอรและเพื่อนชายของเธอชื่อเปมทัต หลังเหตุการณ์จากไปของบุณณดาทุกคนต่างตกอยู่ในความเศร้าเสียใจยกเว้นก็แต่ชายคนหนึ่งซึ่งขึ้นเหนือมาเพื่อสร้างรีสอร์ทในที่ดินที่พ่อได้มอบให้ เขาทุ่มเททำงานหนักจนไม่มีใครสงสัยว่าร่างสูงแอบซ่อนใครอีกคนเอาไว้ ใครบางคนซึ่งควรจะตายไปในกองเพลิง... “เป็นไงบ้าง อยู่ได้ใช่ไหม” ช่วงแรกก็สร้างบ้านพักหลังเล็กไว้ให้หญิงสาวขณะที่รอบ้านหลังใหญ่สร้างเสร็จ ใบหน้าหวานพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้คนที่ช่วยเหลือมาตลอดจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรดี กระทั่งสินใจอย่างเด็ดขาด ถึงได้บอกเรื่องสำคัญ “ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายยังไง เลยจะบอกเรื่องที่สำคัญมากๆ กับนายแทน” บุณณดา..หญิงสาวที่ทุกคนคิดว่าลาจากโลกไปแล้วกลับยืนอยู่บนแผ่นดินทางภาคเหนือ หล่อนจ้องเพื่อนสนิทที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เรื่องสำคัญเหรอ เรื่องอะไร” เธอเม้มปากแน่นแล้วขอโทษหญิงสาวอีกคนในใจ ‘ขอโทษนะหนูอรที่ผิดสัญญา แต่ฉันทำเพื่อเธอจริงๆ’ สูดลมหายใจเข้าปอดพลางจ้องชายหนุ่มตรงหน้าแล้วตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ “หนูอรท้อง...” พูดเ
ตอนพิเศษปีใหม่ที่แรงร้อนรีสอร์ทที่ชายหนุ่มมาสร้างไว้อยู่อำเภอท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดน่านได้มีผู้เข้าพักเป็นจำนวนมากทั้งที่มีจำนวนบ้านเพียงสิบหลังเท่านั้น อาจเป็นเพราะการโปรโมทจากคนเข้าพักเอง หรือละครที่มาถ่ายทำช่วยสร้างเม็ดเงินให้แก่นักธุรกิจครั้งนี้เขาพาภรรยากับเจ้าตัวน้อยมาพักผ่อนแบบส่วนตัว จัดการให้พี่เลี้ยงพาบุตรชายเข้านอนอีกห้องตั้งแต่หัววันทำให้ตอนนี้เหลือเพียงสองสามีภรรยานั่งดื่มไวน์อยู่ตรงระเบียงที่มองเห็นภูเขาทับซ้อนและผืนท้องฟ้ากว้างใหญ่อันมีดาวส่องประกายระยิบระยับเต็มไปหมด“ไวน์รสชาติดีนะคะ” ทำตามวิธีซึ่งเขาเคยสอนเอาไว้ก่อนเอ่ยชม“คอแข็งขึ้นหรือเปล่า ไปแอบดื่มที่ไหนแล้วไม่บอกฉัน หือ” เห็นดื่มหมดไปเกือบขวดก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเมาเหมือนเมื่อก่อน เธอยกยิ้มมุมปากแล้วไหวไหล่เล็กน้อย“ก็ต้องฝึกไว้บ้างสิคะ เวลาเข้าสังคมจะได้ไม่อายใคร” ช่วงนี้เริ่มเข้าสังคมไปงานสังสรรค์มากขึ้น ก็ได้อรวรานั่นแหละที่คอยบอกคอยสอนและไปเป็นเพื่อนตลอด จนสนิทกับคุณหญิงคุณนายบางคนที่เข้ามาทำความรู้จักหวังร่วมค้าขายกับ The area group“ดีแล้ว” เขาหั่นเนื้อวัวเกรดเอแล้วละเลียดกินช้าๆ บรรยากาศในฤดูหนาวปีนี้ค
ตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ ในวันที่ดอกกุหลาบขึ้นราคา ร้านค้ามีโปรโมชั่นสำหรับคู่รัก และเสื้อคู่ขายดิบขายดีทว่าชายหนุ่มผู้เป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่กลับต้องนั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้กลับบ้านหาคนรัก ใบหน้าคมเคร่งขรึมจนเลขาไม่กล้าทำเสียงดัง เขามองนาฬิกาบ่อยภาวนาให้เลิกประชุมโดยเร็วแต่เหมือนทุกอย่างจะยืดเยื้อเพราะโครงการที่กรรมการบริหารคนอื่นเสนอขึ้น มือหนากำเข้าหากันแน่นแล้วพูดเสียงเฉียบขาด “พรุ่งนี้ไว้พูดกันใหม่ครับ วันนี้ผมขอปิดประชุม” สามทุ่มสิบห้านาทีห้องประชุมถูกเปิดออก แต่ละแผนกเดินออกมาด้วยใบหน้าโล่งใจ ตอนแรกก็คิดว่าจะนานกว่านี้ดีที่ท่านประธานยอมให้กลับบ้าน “ทำไมวันนี้คุณแทนให้เลิกเร็วครับ ปกติห้าทุ่มไม่ใช่เหรอ” ธีปถามรุ่นพี่ซึ่งทำงานมานานกว่า และนนทัชก็กระซิบบอกพลางอมยิ้ม “จะรีบไปฉลองกับเมียไง วันวาเลนไทน์ทั้งทีใครจะมาเหงาเหมือนเราสองคน จริงไหมไอ้น้อง” กอดคอถามแล้วยักคิ้วแต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าค่อยปลดมือของนนทัชออก “ผมมีนัดกับแฟนเหมือนกันครับ ต้องขอโทษด้วยที่พี่คงต้องเหงาคนเดียว” เลขามากฝีมือหน้าเหวอทันทีเมื่