๕
เลือกได้ไหม
หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังเขาก็ได้สอบชิงทุนเข้าคณะวิศวกรรมการบินของสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง แทนไทเหลือพี่สาวเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว แม่ของเขาเสียชีวิตตอนชายหนุ่มอายุ 15 ปี ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเขาไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ
ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกไม่มีพ่อทั้งหน้าตาค่อนไปทางฝรั่งเลยโดนล้อมาตลอด เขาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเก็บเงินเรียนไม่ต้องการใช้เงินแม่ที่เป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านไม่ทำงานที่มันมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมากกว่านี้
ชายหนุ่มมุมานะในการเรียนจนได้อยู่ในสังคมของคนเก่งและเต็มไปด้วยคนรวย ตอนนั้นเองที่ทำให้ได้รู้จักกับบัลลพ บวรกิตติ์ ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่เข้ามาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด
กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่สถาบันเดียวกัน เขาหลงคิดฝันจะได้เพื่อนแท้โดยไม่รู้เลยสักนิดว่างูเห่ามันแฝงตัวอยู่ภายในกายของอีกฝ่าย
จนวันที่แฟนสาวเข้ามาบอกพร้อมทั้งน้ำตา ‘เราท้อง..’ ตกใจจนมือไม้ชาเพราะเขาไม่เคยแตะต้องหล่อนไปมากกว่าจับมือ ยิ่งช่วงก่อนหน้านั้นทุ่มเทอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อต้องการขอทุนไปเรียนต่างประเทศอยากขยับฐานะตนเองให้ดีกว่าเดิม
‘เราขอโทษนะแทน เราผิดไปแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจ’ เธอกล่าวพร้อมน้ำตาไหลไม่ขาดสายแต่คนมองกลับมีท่าทีนิ่งสงบก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ใครเป็นพ่อของเด็ก” เขาพลาดตรงไหนทำไมเธอถึงได้ทรยศกันอย่างเลือดเย็นขนาดนี้ เมื่อถามจบก็มีบุคคลที่สามเดินเข้ามาพร้อมโอบไหล่บางเอาไว้
“กูเป็นพ่อเด็กในท้องเอง กูขอโทษจริงๆ แทนที่หักหลังมึง แต่กูรักปาน พวกกูรักกัน” มือหนากำหมัดแน่นเมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้รักของเขาขาดสะบั้นเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจฝากหล่อนให้มันดูแลแต่กลับโดนคนทั้งสองทรยศอย่างเลือดเย็น
เขาผิดเองที่ไว้ใจคนผิด..
แต่นั่นมันยังไม่ทำให้แค้นเท่าการที่บัลลพขับรถชนพี่สาวเขาจนหล่อนแท้งลูกซึ่งมารู้ทีหลังว่าพ่อของเด็กในท้องก็คือมันนั่นแหละ!
เขาตั้งปณิธานว่าอย่างไรต้องแก้แค้นให้ได้ถึงพี่จะบอกว่าเลิกแล้วต่อกันและไม่ควรจองเวรก็ตาม
ในเมื่อกรรมมันส่งผลไม่สาสมแก่ใจทำให้เขาต้องเป็นคนลงมือเอง
“แล้วกูจะเอาหลานมาให้มึงเลี้ยง” ดึงผมอดีตเพื่อนรักขึ้นจนมันร้องเสียงดังแล้วผลักแบบไม่ออมแรงค่อยละสายตามาจ้องที่หญิงสาวซึ่งนิ่งเงียบไปแล้วเพราะตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เหมือนรู้ชะตากรรมของตนเองว่าจะเจออะไรจึงได้มองใบหน้าคมด้วยแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ผู้ชายที่หลงรักและเทิดทูนกลับกลายเป็นซาตานร้ายมาทวงความแค้นที่เคยเป็นฝ่ายถูกกระทำ
แต่อยากถามเหลือเกินว่าเธอเกี่ยวอะไร..
“อย่าทำลูกกู”
“แล้วตอนที่มึงทำพี่กูล่ะ!” หันกลับมามองพลางถามเสียงเข้มตามแรงอารมณ์ หายใจเข้าออกเสียงดังก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาบุณณดาซึ่งนั่งนิ่งอยู่กับที่ มือหนาคว้าแขนเรียวแล้วฉุดให้ลุกขึ้นยืนก่อนกระชากเอวเล็กเข้าใกล้ค่อยประทับริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนเบิกตากว้างไม่คิดว่าเขาจะกระทำการอุกอาจต่อหน้าผู้คนเช่นนี้จึงดิ้นรนไม่ยอมให้ถูกรังแก ได้ยินเสียงบิดาร้องตะโกนห้าม
แทนไทรุกรานโดยไม่ออมแรงเลย เขาบดขยี้จนริมฝีปากจิ้มลิ้มจนเลือดออก มันเป็นจูบแรกที่ไม่น่าจดจำสำหรับเธอสักนิด พยายามผลักร่างสูงออกห่างแต่ก็ไม่อาจทำได้กระทั่งชายหนุ่มเป็นฝ่ายผละออกไปเอง
“กูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึงไอ้เหี้ย!” ตะโกนลั่นในขณะที่แทนไทยกยิ้มมุมปากอย่างสมเพช ขนาดลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้แต่กล้าที่จะขู่ฆ่าเขา
“มึงยืนให้ได้ก่อนเถอะ” ว่าจบก็หันไปมองลูกน้องของเสี่ยทรงภพก่อนจะจ้องหญิงสาวที่มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ คงโกรธน่าดูแต่ไม่สามารถทำอะไรแม้แต่จะด่า ทำให้นักธุรกิจใหญ่ต้องก้าวเข้าไปหาเธอพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง หนึ่ง..จะให้ซ้อมพ่อเธอจนมันตาย หรือสอง..จะเอาตัวเธอมาขัดดอก” นั่นไม่ได้เรียกว่าทางเลือกสำหรับหล่อนแต่มันคือการบังคับให้รักษาชีวิตบิดาเอาไว้ต่างหาก
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเอาตนเองไปขัดดอกยอมเป็นเบี้ยล่างให้ผู้ชายคนนี้
หล่อนเม้มปากแน่นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่แสนกดดัน มองใบหน้าคมที่เคยหลงรักก่อนค้นพบความจริงว่าทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นเพียงการแสดงละครฟอร์มยักษ์โดยมีหล่อนเป็นเหยื่อ
“ข้าวจะไปกับคุณแทน” เอ่ยเสียงแผ่วแต่ทุกคนในที่นั้นก็ได้ยินชัดเจน บัลลพส่ายหน้าพลางร้องห้ามเสียงหลง อดีตเขาเคยทำกับเพื่อนคนนี้เอาไว้มากหากมันทำเช่นเดียวกันกับบุตรสาวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจจะทำเช่นไร
“อย่าไปข้าว อย่าไปกับมัน” ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเจ้าของธุรกิจใหญ่โตคว้าข้อมือเล็กพลางจับจูงออกไปข้างนอกไม่วายหันมาสั่งลูกของที่เหลือของเสี่ยใหญ่
“ปล่อยมันไป ยังไงก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว” ร่างบางได้แต่ตามเขาออกจากบ้านหลังเล็กไม่ลืมหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่บนพื้นไปด้วย หันมองบิดาว่าไม่ถูกทำร้ายก็ใจชื้นมาเล็กน้อยแล้วเข้าไปภายในรถยนต์ของร่างสูง
จากที่เคยนึกอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้บัดนี้มันไม่ใช่แล้ว เธออึดอัดกับบรรยากาศที่แสนอึมครึม อยากโพล่งถามให้รู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมถึงทำกันได้เจ็บแสบขนาดนี้แต่ก็เก็บเงียบเอาไว้ปล่อยให้ชายหนุ่มขับไปตามทางจนถึงบ้านสามชั้น
ไม่มีแม่บ้านมาต้อนรับ ไร้ซึ่งผู้คนอยู่ในชั้นส่วนตัวก่อนเขาจะลากเธอมานั่งตรงโซฟาพักผ่อนแล้วยืนกอดอกจ้องดวงหน้าหวานนิ่ง
“มีอะไรจะถามไหม”
“ที่คุณแทนเข้ามาหาข้าว เพราะต้องการแก้แค้นพ่อเหรอคะ” เข้าสู่ประเด็นสำคัญโดยไม่อ้อมค้อมให้มากความและแทนไทก็ตอบตามความจริงเช่นเดียวกัน
“ใช่” สั้นและได้ใจความแต่สะท้านไปทั่วทรวงอก หล่อนก้มหน้ายิ้มเยาะตนเองที่หลงคิดว่าเขาก็สนใจในตัวหล่อนแท้จริงมันไม่ใช่สักนิด
ปล่อยให้ตัวเองหลงงมงายอยู่ได้ตั้งนาน เธอมันโง่จริงๆ ใบข้าว
“แล้วต่อจากนี้คุณแทนต้องการให้ข้าวทำอะไรคะ ทำงานบ้านหรือเรื่องบนเตียงอย่างเดียว” เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยท้าทายเขาเมื่อผิดหวังในตัวของผู้ที่ตนเองเคยเคารพ
เขาเหมือนเป็นแทนไทอีกคนซึ่งหล่อนไม่รู้จัก อะไรเป็นแรงผลักดันให้ชายหนุ่มคนนี้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้
“สำหรับเธอแค่เซ็กก็พอ”
แค่เซ็กที่ปราศจากความรัก..
หล่อนแค่นยิ้มก่อนจะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ เจ็บปวดเหมือนโดนบีบหัวใจจากคนที่หล่อนไว้ใจมากสุด เขาที่เปรียบเสมือนแสงสว่างและน้ำทิพย์มาชโลมลงบนหัวใจอันแห้งแล้ง แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น
แทนไทคือปีศาจร้ายในคราบนักบุญ ทำให้หล่อนตายใจก่อนจะกลับมาทำร้ายกันจนไม่เหลือลมหายใจให้ใช้ชีวิตต่อ
“ถ้าทำใจเสร็จแล้วก็ตามฉันขึ้นไปบนห้อง” เหนื่อยมาทั้งวันไหนจะเพิ่งผ่านสนามอารมณ์กับศัตรูทำให้ค่อนข้างล้าจึงเดินขึ้นไปชั้นสามซึ่งเป็นห้องนอนของตนเอง ปล่อยร่างบางนั่งอยู่เพียงลำพังเพื่อทำใจกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง
ไม่ว่าจะหลีกหนีอย่างไรก็คงไม่พ้น
ตอนเช้าทำงานร่วมกันทั้งพูดคุยเหมือนไม่มีเรื่องบาดหมางแต่ตกเย็นกลับกลายเป็นคนละเรื่อง ทำไมแทนไทถึงได้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วขนาดนี้
มือที่กุมกันอยู่บนหน้าตักถูกบีบแน่นกว่าเดิม น้ำสีใสเม็ดใหญ่ไหลออกจากหน่วยตาลงมาที่ใบหน้าหวานซึ้ง ร่างบางตัวสั่นพลางสะอื้นไห้เจ็บใจกับโชคชะตาที่เผชิญ
ทุกอย่างมันยากลำบากไปหมด กระทั่งตัดสินใจได้ว่าทำวันนี้ให้มันจบเร็วๆ ค่อยคิดหาทางใหม่วันรุ่งขึ้น บุณณดาลุกจากโซฟาเดินไปยังชั้นบนที่ไม่เคยได้ย่างกรายมาสักครั้ง
ชั้นสามค่อนข้างโปร่งและโล่งสบาย พื้นทำด้วยไม้ขัดเงาอย่างดีมีต้นไม้ประดับอยู่ตามเสา เดินมาห้องแรกที่ประตูใหญ่กว่าอีกสองห้องก็คิดว่าต้องเป็นห้องนอนสำหรับเจ้าของบ้าน เธอเคาะประตูแล้วค่อยเปิดออกก็เห็นร่างสูงนั่งรอบนเตียง
“ชุดของเธออยู่ในห้องน้ำ ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย” สั่งเสียงเรียบเหมือนเรื่องงานทั้งที่คนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
หล่อนอดจินตนาการถึงครั้งแรกของตัวเองไม่ได้ว่ามันจะเป็นเช่นไร ยิ่งผู้ชายคนนั้นคือแทนไทที่เป็นรักแรกด้วยแล้วความตื่นเต้นก็เพิ่มมากกว่าเดิมโดยเกือบลืมไปเสียสนิทว่ามาบ้านหลังนี้ในตำแหน่งใด
เธอไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาแต่คือตัวขัดดอก...
ถอนหายใจค่อยเดินเข้าไปภายในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองตามที่อีกฝ่ายบอก และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจกับชุดที่เห็น ไม่คิดว่าจะต้องสวมมันจริงๆ หลังใช้เวลาเตรียมใจอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานก็เดินออกมาข้างนอกด้วยชุดนอนซีทรูซึ่งไม่ปกปิดร่างกายด้วยซ้ำ ค่อนข้างเขินอายแต่ก็จำต้องหยุดยืนตรงหน้าชายที่มองหล่อนด้วยสายตาราวกำลังประเมินราคาของชิ้นหนึ่ง
หัวใจกระตุกวูบไม่คิดว่าจะเป็นได้แค่เครื่องบำบัดความใคร่ เพราะความจริงแล้วหวังสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นแต่มันคงเป็นไปไม่ได้
“เคยหรือยัง” คำถามแรกหลุดออกจากปากของเจ้านายที่เคยเคารพและเทิดทูน แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อได้รับรู้ว่าเขาเข้ามาหาหล่อนเพราะมีเหตุผลใดแอบแฝง
“ไม่ค่ะ”
ร่างสูงพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วค่อยถอดเสื้อผ้าของตนเองออกจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ทำให้ใบหน้าหวานต้องรีบหลบภาพตรงหน้าทันที เธอถูกเขาดึงเข้าไปหาจัดการผลักลงบนเตียงนอนก่อนที่ชายหนุ่มจะทาบทับลงมา
ริมฝีปากหยักขบลงที่ยอดปทุมถันผ่านผ้าซีทรูสีดำจนมันตั้งชัน รู้สึกขนลุกซู่พร้อมส่งเสียงครางยามถูกแตะต้องไปตามร่างกาย ความไม่เคยทำให้ราชสีห์ซึ่งชอบควบคุมสัตว์ตัวเล็กแอบยกยิ้มก่อนฉีกชุดราคาแพงออกจนกลายเป็นเศษผ้า
ร่างขาวผุดผ่องปรากฏแก่สายตาโดยไม่มีอาภรณ์มาปกปิด อดยอมรับไม่ได้ว่าหล่อนสวยจนมองอย่างหลงใหล หน้าอกสล้างไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไปแต่มันกลับพอดีมือจนนวดเคล้นเมามัน เสียงหอบหายใจกระเส่ายิ่งเพิ่มความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าคมก้มลงเลียบริเวณฐานอกแล้วย้ายมาที่ยอดสีหวาน ตวัดลิ้นอย่างชำนาญจนคนอ่อนประสบการณ์เริ่มหลงเข้าไปในห้วงอารมณ์ที่เขาเป็นผู้นำพา
“อ่ะ คุณแทน” เรียกชื่อคนที่อยู่ด้านบนอย่างเผลอไผลทั้งที่มือยังคงกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นด้วยไม่กล้าแตะต้องกายของเขาจนคนมากกว่าวัยต้องยกมือหล่อนมาลูบไล้ที่แผงอกตนเอง
“ลองจับดูสิ” จับที่หน้าอกแข็งก่อนจะเลื่อนไปยังซิกแพคเป็นลอนช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน เขาบังคับมือเล็กให้ล้วงเข้าไปภายในบ็อกเซอร์ที่งูซึ่งเคยสงบได้ตื่นพร้อมสำหรับศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
คนไม่เคยค่อนข้างตื่นเต้นจนมือสั่น หล่อนยังใหม่กับเรื่องนี้มากนักทำอะไรก็ดูเงอะงะไปหมด อีกทั้งแสงไฟของห้องส่องสว่างจนรู้สึกอับอายกับการกระทำของตนเองในขณะที่ชายอีกคนนั้นเริ่มหลงใหลในกลิ่นกายสาวเสียแล้ว
ผิวของหล่อนขาวนวลเสียยิ่งกว่าดวงจันทร์จนอดฝากรอยสีกุหลาบเอาไว้ไม่ได้ทั้งที่ปกติไม่เคยจะแสดงความเป็นเจ้าของกับคู่นอนคนไหนเลย แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเหตุใดถึงทำแบบนั้น
อยากเป็นเจ้าของคนใต้ร่างจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
แต่ถ้าสอดใส่โดยปราศจากการเล้าโลมมันจะเร็วเกินไป เขาต้องการให้หญิงสาวมีความยินยอมพร้อมใจมากกว่านี้ ถึงจะเป็นตัวขัดดอกไว้สำหรับบำเรอความใคร่แต่อย่างไรก็ควรที่จะอ่อนโยนกับครั้งแรกของหล่อนเสียหน่อย
มือเล็กยังคงถูกบังคับให้จับอวัยวะที่เริ่มขยายขนาดใหญ่โตมากกว่าเดิม ด้วยเพราะเขามีบิดาเป็นชาวต่างชาติทำให้ขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าชายไทยปกติจนต้องสั่งถุงยางอนามัยมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะ
“ชอบไหม” ผละออกจากทรวงอกนุ่มแล้วเอ่ยถามเสียงแหบพร่า ไม่ใช่เพียงแค่หล่อนที่อ่อนไหวไปกับการใกล้ชิดครั้งนี้แต่เขาก็ไม่ต่างกันมากนัก
“อย่าทำเลยนะคะ” ถึงแม้ว่าจะต้านทานแทบไม่ไหวแต่ก็เอ่ยออกไปหวังว่าชายหนุ่มจะเมตตาและหยุดการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความรัก มันคือความใคร่และความแค้นที่แทนไททำไปเพราะต้องการให้พ่อเธอเจ็บเหมือนที่อีกฝ่ายเคยเจ็บ
“แต่ดูเธอต้องการมันนะ จะปฏิเสธไปทำไมในเมื่อเธอหลงรักฉันไม่ใช่เหรอ” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นไม่คิดว่าแทนไทจะรู้ถึงความรู้สึกหล่อนที่มีต่อเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลงมือหนาก็หยัดกายลุกขึ้นจากเตียงแล้วถอดกางเกงของตัวเองออกจนเผยให้เห็นแท่งมหึมาซึ่งคนมองรีบเสหน้าหลบอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อคิดว่ามันจะต้องเข้าไปในช่องทางใดของหล่อน เขาจัดการแยกขาของเธอออกกว้างแล้วซุกหน้าลงไปที่กลีบดอกไม้ซึ่งไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน มันสดใหม่และสีสวยจนค่อยก้มลงไปดอมดมพร้อมกับใช้ลิ้นที่แสนชำนาญมอบความสุขให้กับหล่อน
จุดอ่อนของหญิงสาวเขาเดาได้ทันทีว่าคือที่ใด เพราะเพียงแค่ถูกลิ้นแตะก็ได้ยินเสียงครางไม่เป็นศัพท์ดังขึ้นทั่วห้องจนต้องแอบยิ้มมุมปาก
“อ่ะ อย่าค่ะ อือ” ถึงปากจะห้ามแต่การกระทำกลับสวนทางเมื่อหล่อนแอ่นกายเข้าหามากกว่าเดิม ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะปากไม่ตรงกับใจขนาดนี้มาก่อน
ร่างกายดูเหมือนว่าจะตอบรับสัมผัสจากเขาเป็นอย่างดีจนนึกก่นด่าตนเองที่กลายเป็นหญิงใจง่ายขนาดนี้ ชายหนุ่มที่ชั่วโมงบินสูงเริ่มให้ความสุขกับร่างบางด้วยการรัวลิ้นก่อนจะค่อยไต่ขึ้นไปตามหน้าท้องแบนราบวนแอ่งสะดือค่อยไล่สูงถึงดอกบัวคู่งาม
ระหว่างนั้นก็ฝากทั้งรอยบีบจากฝ่ามือและสีช้ำเหมือนกลีบกุหลาบเอาไว้ มือข้างหนึ่งก็ยังคงจับที่กึ่งกลางกายสาวพลางใช้นิ้วแหย่เข้าไปค่อยเพิ่มจำนวนจนตอนนี้หล่อนไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกันแน่
มันทั้งสุขสมกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอและระทมเมื่อคิดได้ว่าที่เขาทำไปก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้น หล่อนไม่ได้มีความหมายมากกว่าไปของเล่นเลยสักนิด
จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าหล่อนพร้อมร่างหนาก็ลุกขึ้นแล้วแยกขาเรียวออกจากกันมากกว่าเดิมค่อยสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปในกายของหล่อน เข้าไปยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำใบหน้าหวานก็เหยเกพลางส่ายไปมาจนผมกระจายทั่วเตียงนอนสีขาว
“จะ เจ็บค่ะคุณแทน ข้าวเจ็บ” ยันอกหนาเอาไว้แล้วบอกเพื่อให้เขาหยุดการกระทำแต่เพราะอารมณ์มาถึงจุดนี้แล้วร่างสูงไม่สามารถที่จะหยุดกลางคันได้จึงตัดสินใจแยกขาเรียวให้กว้างกว่าเดิมพลางปลอบปะโลม
“ทนอีกนิด แล้วเธอจะมีความสุข” ถึงเขาจะบอกแบบนั้นแต่หล่อนก็ไม่เชื่อสักนิด ใบหน้าสวยส่ายไปมาขณะที่แทนไทค่อยเข้าไปในกายสาวกระทั่งความเป็นชายจมหายเข้าในกลีบดอกไม้งาม แช่ค้างไว้อย่างนั้นจนหล่อนเริ่มปรับตัวได้ค่อยขยับตามจังหวะ
ความเจ็บที่เคยกลัวกลับเริ่มหายไปถูกแทนที่ด้วยอารมณ์เสียวกระสันจนต้องเปล่งเสียงร้องออกมายามเขาพาหล่อนโจนทะยานไปสู่หนทางอันมืดดำ ยอมรับว่าชายหนุ่มเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากถึงขนาดนำพาคนที่ไม่ประสาเริ่มสอดประสานเคลื่อนกายไปพร้อมกัน
เสียงกระทบของเนื้อดังก้องห้องที่เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มเปิดหน้าต่างเพดานทำให้สามารถเห็นดาวบนท้องฟ้าจนหล่อนจ้องมันตาไม่กระพริบ
“ใกล้แล้ว อีกนิดใบข้าว”
“คะ คุณแทน ข้าวจะไม่ไหวแล้ว” เสียงหวานแหบพร่าด้วยร้องมาหลายนาทีไม่ได้หยุด หล่อนเคลื่อนกายไปตามจังหวะที่คนตัวสูงนำพาก่อนที่เขาจะกระแทกเข้ามาอย่างแรงจนเห็นดาวหลายดวงซ้อนกันไปหมด
สุขสมอารมณ์หมายเป็นเช่นไรหล่อนเพิ่งจะได้รู้ตอนนี้เอง หอบหายใจเหนื่อยเหมือนผ่านการวิ่งมาราธอนทั้งที่เท้ายังไม่ได้แตะพื้น เหงื่อไหลซึมกายทั้งที่ยังเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนร่างสูงจะค่อยทาบทับลงมาแล้วซุกใบหน้าที่ทรงอกนุ่มด้วยความหลงใหล
มือหนาสะกิดยอดสีหวานจนมันชูชันอีกครั้ง
“พอแล้วค่ะ” เหมือนรับรู้ว่าเขากำลังจะเริ่มเกมแห่งอารมณ์อีกรอบถึงได้เอ่ยขัดแต่มีหรือที่ราชสีห์จะฟังเสียงทัดทานจากหนูตัวเล็ก
หลังจากนั้นหล่อนไม่รับรู้เลยว่าตัวเองได้พักตอนไหนหรือหลับเมื่อไหร่เพราะสลบคาแผงอกหนาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นเพียงแบงค์สีแดงห้าใบวางอยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงพร้อมโน้ตซึ่งเขียนเอาไว้แทนคนที่กกกอดหล่อนทั้งคืน
‘ค่าตัวของเธอเมื่อคืน’
แค่นยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง
สุดท้ายก็เป็นได้แค่เครื่องบำบัดความใคร่ที่เขาใช้ระบายอารมณ์เท่านั้น
วันต่อมาบุณณดาถูกแม่บ้านนำมาที่ห้องนอนสำหรับแขกซึ่งมีไว้ต้อนรับเพื่อนหรือคนสนิทของแทนไท ทว่าคราวนี้มันเปิดต้อนรับหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งตัวขัดดอก ตัวเธอเองทราบถึงความจริงข้อนี้ดีแต่ไม่ได้ป่าวประกาศและแทนไทก็ไม่ได้พูดหรือแนะนำว่าหล่อนจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฐานะอะไรให้แม่บ้านฟัง
ทุกคนรับรู้เพียงแค่ว่าหล่อนจะมาอยู่ในฐานะผู้ช่วยเลขา ถึงจะมีข้อสงสัยหรือกังขาก็ไม่กล้าจะถามเจ้านายด้วยเป็นเรื่องส่วนตัว ข้าวของสำคัญบางชิ้นชายหนุ่มให้คนไปเอามาไว้ที่ห้องแล้ว ทว่าส่วนมากเสื้อผ้าก็เป็นชุดใหม่ที่เขาซื้อให้หล่อน
น้าแพงโทรมาถามเรื่องที่คนของแทนไทมาขนข้าวของออกจากบ้าน ก็ตอบได้แค่ว่ามีโปรเจคใหญ่ต้องทำจึงอาศัยที่บ้านชายหนุ่มเพื่อประหยัดเวลา เหมือนนางจะรู้ว่ามันคงไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงทว่าไม่เซ้าซี้หรือถามต่อ กลับบอกให้หลานดูแลตนเองดีๆ แล้วค่อยวางสายจนคนตัวเล็กน้ำตาซึม
เธอจะต้องเข้มแข็งมากแค่ไหนถึงจะไม่เจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ ถึงหัวใจจะแข็งแกร่งดังหินผาก็ไม่รู้ว่าจะรับเรื่องราวตอนนี้ได้หรือเปล่า
จากผู้ช่วยเลขาต้องกลายมาเป็นตัวขัดดอกไว้บำเรอความใคร่ให้แก่ร่างสูง อยากเมื่อไหร่ก็แค่เข้ามาหาโดยเธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ คิดแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ยอมรับชะตากรรมที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหมดไปเสียที
อีกนานไหมถึงจะได้พบกับความสุข
หรือหล่อนจะไม่ได้เจอกับมันอีกเลยตลอดชีวิต..
วันเริ่มทำงานมาถึงอีกครั้งและเธอก็ต้องอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ลุกขึ้นแต่งตัวสายกว่าปกติเพราะเมื่อคืนแทนไทเข้ามาตักตวงหาเศษหาเลยจนเกือบรุ่งสาง ตามร่างกายมีร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้จนต้องใส่ชุดที่ค่อนข้างมิดชิด
เธอมีที่นั่งเป็นของตัวเองอยู่อีกห้องหนึ่งในขณะที่เจ้าของบริษัทใหญ่ทำงานที่ห้องหนังสือของเขาเป็นส่วนมาก บุณณดาเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามาด้วยท่าทีหวาดเกรง
ไม่รู้ทำไมหล่อนถึงไม่กล้าสู้สายตาของชายหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่กลางห้องได้เลย มือเล็กที่ถือเอกสารเข้ามาด้วยสั่นอย่างเห็นได้ชัดและค่อนข้างบังคับยาก ใบหน้าคมเงยขึ้นมามองคนมาใหม่พลางจ้องหล่อนนิ่งกระทั่งแฟ้มเอกสารวางตรงหน้า
เธอตัดสินใจจะเดินออกไปแต่เขาก็เอ่ยขัดเสียก่อน “แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเซ็นหน้าไหน” ปกติถ้างานด่วนและต้องเซ็นทั้งเล่มเลขาจะติดโพสอิทคั่นหน้ามาให้ด้วย แต่แฟ้มนี้กลับว่างเปล่าถึงได้ถามขึ้นทำให้หล่อนต้องอ้อมมาฝั่งที่นั่งผู้บริหารแล้วเปิดให้ทีล่ะหน้า
แต่ไม่ทันตั้งตัวมือหนาก็คว้าเอวหล่อนแล้วบังคับให้มานั่งตักก่อนจะรุกรานด้วยการจูบแสนดุดัน ยกมือเชยค้างมนทั้งเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของเธอโดยใช้มือเพียงข้างเดียวอย่างเชี่ยวชำนาญ คนโดนกระทำแทบไม่รับรู้ว่าร่างกายท่อนบนถูกเปิดเผยให้เห็นเนื้อตัวมากเพียงใด
แยกสาปเสื้อออกจากกันแล้วบีบเคล้นทรวงอกนุ่มขณะที่ริมฝีปากยังไม่ห่างจากปากหยัก เขาใช้ตอนที่หล่อนเผลอเปิดปากเข้าไปชิมความหวานแล้วเกี้ยวกระหวัดลิ้นสวยเอาไว้ด้วยความรู้สึกสนุกสนาน
เสียงครางดังภายในลำคอก่อนที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระค่อยผละลงมายังลาดไหล่สวยฝากรอยเอาไว้ซ้ำรอยเดิมที่เหลือเพียงสีจาง ห้องทำงานแปรเลี่ยนเป็นสนามรบที่มีความร้อนระอุของสองร่างดำเนินไปตามอารมณ์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้หน้าที่การงานในตักตวงความสุขจากเธอ ทว่าถึงมันจะเกิดหลายครั้งก็ไม่เคยชินกับแทนไทในรูปแบบนี้ หลังผ่านค่ำคืนแรกด้วยกันและเขามอบเงินห้าร้อยบาททุกครั้งยามร่วมรักก็ทำให้มีครั้งต่อไปจนเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“อ่ะ มันห้องทำงาน อือ นะคะคุณแทน” พยายามเตือนเขาทั้งที่ยังนั่งบนตักหนาทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพราะห้องทำงานอยู่ในเขตของบ้านตนเอง
เวลาเช่นนี้ไม่มีใครมาขัดโดยเฉพาะแม่บ้านซึ่งรู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดีว่าถ้าเข้ามาจะโดนอะไรบ้าง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเก่งทั้งยังผูกเนกไทเพราะตอนบ่ายต้องออกไปยังห้างสรรพสินค้ารีบจัดการกับหญิงสาวที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ทุกครั้งที่มองหน้า
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นคนมีความต้องการสูงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยทำแบบนี้สักครั้ง เขาแยกชัดเจนว่าเวลาไหนควรทำอะไรแต่กับผู้หญิงคนนี้เหมือนมีแรงดึงดูดจนหลงลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ควรทำอะไร
เผลอรังแกหล่อนในเวลางานและดูท่าว่าจะหยุดได้ยากเสียด้วย ปลดชุดชั้นในของเธอออกแล้วถอดจนช่วงบนหญิงสาวไม่มีสิ่งใดปิด เขาเลิกกระโปรงตัวเก่งขึ้นแล้วดึงชั้นในลงมาโดยปากยังไม่ห่างจากลำคอระหงส์ทั้งมืออีกข้างก็ขยี้ปทุมถันสีสวย
เหลือบไปมองเวลาแล้วคำนวณการเซ็นเอกสารก็คิดว่าไม่สามารถอ้อยอิ่งได้จึงจับหล่อนลุกขึ้นยืนพลางกวาดทุกอย่างบนโต๊ะที่เกะกะออกไปค่อยวางหญิงสาวให้นอนหงายแล้วรูดซิปกางเกงตนเองทันที ปลดปล่อยความแข็งขืนให้ออกมาภายนอก เขายกขาหล่อนขึ้นพลางดันส่วนแข็งขืนเข้าไปข้างในกายสาวอย่างรวดเร็วจนเธอร้องเสียงหลง
ไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันเพราะเขาต้องการให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้น โดยที่บุณณดาหลงลืมไปเสียสนิทว่าตนเองอาจจะท้องได้หากเขายังไม่ระวังเช่นนี้
ไม่ได้ทัดทานอะไรอีกปล่อยให้ร่างสูงมอบความหฤหรรษ์ให้ รู้ดีว่าถึงห้ามไปก็ไม่อาจต้านแรงของเขาได้ อีกอย่างคือส่วนลึกในใจหล่อนก็ชอบเช่นเดียวกัน ความแปลกใหม่ที่ได้พานพบสร้างอาการตื่นเต้นจนเผลอหลงละเมอว่าบางทีความสัมพันธ์แนบชิดนี้จะทำให้เขาลืมความแค้นแล้วหันมารักเธอจริงๆ
เขากระแทกเร็วจนร่างบางตัวสั่นโยนไปตามแรงที่ถูกชายหนุ่มควบคุม อากาศหนาวเย็นต้องกายจนขนลุกชันพลางไขว้คว้าต้องการหลักยึดตอนที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุด และดูเหมือนคนคุมเกมจะรับรู้ถึงได้เอื้อมมือจับมือหล่อนไว้ก่อนส่งแรงครั้งสุดท้ายทำเอาดวงดาวพร่างพราวในแววตาหวานแล้วหอบหายใจถี่
แต่ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้นานเจ้านายก็คว้าคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนเสียก่อน สวมชั้นในให้ราวหล่อนเป็นเด็กน้อย เขายังอยู่ในชุดทำงานครบเซ็ทแม้ว่ามันจะยับไปบ้างก็ไม่ได้น่าเกลียดหากสวมเสื้อสูททับไว้
“เดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้ห้าร้อยเป็นค่าตัว” พูดขณะที่กลัดกระดุมให้หล่อน
และประโยคนั้นเหมือนเป็นการตบหน้าบุณณดาให้ตื่นจากฝันอันแสนหวานว่าเขาจะหลงรักผู้หญิงที่เป็นลูกของศัตรูได้ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันก็แค่บำบัดความใคร่ไร้ซึ่งความรู้สึกรักที่เธอต้องการจากคนตรงหน้า
ร่างบางผละออกจากเขาแล้วกลัดกระดุมเองโดยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมาเพื่อประจานว่าตอนนี้อ่อนแอเพียงใด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้าวไม่อยากได้”
“ให้ฟรีอย่างนั้นเหรอ หรือว่ารักฉันจนอยากอยู่ด้วยกันไปนานๆ อย่าลืมสิว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ความรักกับเซ็กมันต่างกันรู้ใช่ไหม” เดินเข้าไปใกล้หล่อนพลางจับที่หน้าอกซึ่งตอนนี้มีชุดชั้นในสวมปกปิดไว้
“ฉันแค่อยากให้เธอมีลูกเร็วๆ พ่อของเธอมันจะได้อกแตกตาย”
เธอจะไม่มีทางทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงเด็ดขาด
“แล้วข้าวมีค่าแค่ห้าร้อยเหรอคะ” ถามด้วยความอัดอั้นแล้วปัดมือเขาออกห่างจากร่างกายของตนเอง
“อยากได้มากกว่านั้นก็ลองเป็นคนเริ่มดูสิแล้วฉันจะพิจารณาว่าเธอควรได้เท่าไหร่ ยิ่งได้เงินเยอะก็ใช้หนี้แทนพ่อได้เร็ว ลองกลับไปคิดดูแล้วกันนะ” ว่าจบก็คว้าใบหน้าหวานมาจูบพลางกัดริมฝีปากล่างของหล่อนจนรู้สึกเจ็บค่อยผละออกไป
แสยะยิ้มมุมปากแล้วเดินไปหยิบแฟ้มมาเซ็นพร้อมทำเหมือนเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวเจ็บใจจนต้องกำมือแน่น อยากกรีดร้องระบายอารมณ์แต่ไม่เคยทำแบบนั้นสักครั้งเพราะถึงชีวิตจะตกต่ำแค่ไหนก็ทำเพียงกลั้นใจแล้วยิ้มรับเหตุการณ์ที่ตนเองต้องเผชิญ
แต่เรื่องนี้มันหนักเกินไป แทนไททำกับหล่อนเหมือนไม่มีหัวใจ
เขาต้องการเพียงแค่แก้แค้นบิดาของเธอและอยากได้เด็กที่จะเกิดมาจากความแค้นเป็นเครื่องมือ ซึ่งหล่อนจะไม่มีวันให้เด็กคนนั้นเกิดมาเด็ดขาด
เด็กต้องไม่มีพ่อที่นิสัยร้ายกาจเช่นนี้
๖หัวใจไม่ใช่กระดาษความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้ มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู
๗นอกคำสั่ง หลังเลิกงานหญิงสาวขออนุญาตเจ้าชีวิตมาหาน้าสาวที่ดูแลมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อจับตาดูไม่ให้บุณณดาคลาดสายตาจนคนมีแผนในใจเริ่มอึดอัด ที่จริงวันนี้นัดบิดาเอาไว้ที่บ้านนางนลินี พาหนะจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก หล่อนขอบคุณพี่พริกซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดี เป็นคนขับรถบ้านแทนไทมาเกือบสิบปีแล้วรู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี เธอเดินลงจากรถปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้าไปภายในบ้าน น้าแพงนั่งทำงานที่เดิมเมื่อเห็นหลานสาวก็เข้ามากอดพร้อมถามไถ่ด้วยความคิดถึง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากนักแต่เห็นแววตากังวลของหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไม่สามารถบอกให้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาจำกัด “พ่อล่ะคะน้าแพง” หลังถามจบประตูห้องน้ำก็เปิด ซึ่งคนที่ออกมาคือบัลลพนั่นเอง ชายร่างใหญ่เห็นบุตรสาวก็ตรงเข้ามาสำรวจตามร่างกายพลางถามเสียงตระหนก “ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอ้แทนมันทำอะไรข้าวไหม” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีรอยช้ำตามร่างกายก็พอเบาใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่ได้ซ้อมหรือทำร้ายร่างกายอย่างที่
๘คนที่คู่ควร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอรวรามักจะหลบหน้าเพื่อนเสมอและดูเหมือนเปมทัตก็ไม่ได้มาตามหรือตื้อจะคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่รู้เพราะเมาจนเห็นหล่อนเป็นบุณณดา นึกถึงก็ยิ่งเจ็บจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความกังวลนั้นออกไป ช่วงนี้ต้องทำธีสิสจบจึงพยายามพุ่งความสนใจไปยังงานของตนเอง ช่วงเที่ยงก็ห่ออาหารมากินด้วยทำให้คลุกอยู่แต่แผนกของตนไม่ยอมออกไปหาร่างสูงที่แวะเวียนมาถามไถ่แต่กลับได้เพียงคำปฏิเสธ และคนใจร้อนก็ไม่ได้โวยวายแค่พยักหน้าเข้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นใบข้าวเขาจะตื้อหรือเปล่า สับสนกับความคิดของตนเองที่ดูเหมือนจะปล่อยวางแต่ก็ยังคิดเพียงเรื่องของชายที่ตนหมายปอง “หนูอรไม่กลับเหรอ” ถึงเวลาเลิกงานก็ยังนั่งแช่ที่เดิมทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเก็บข้าวของตามรุ่นพี่ออกไปรอลิฟต์ ไม่รู้ว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งหรือเปล่าทำให้เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นคนที่ตนกำลังหลบหน้ายืนอยู่ในนั้น ขาเรียวก้าวถอยหลังจะไม่เข้าไปแต่พอดีสบตากับชายหนุ่มก่อน ถ้าวิ่งหนีตอนนี้คงได้โดนตามไล่
๙หมากในเกมถึงจะพยายามข่มตาให้หลับก็ไม่อาจทำดังใจปรารถนาได้เพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคนซึ่งยังไม่กลับบ้านสักที ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านดูประตูรั้วกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม เม้มปากแน่นเมื่อคิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับธัญพิชชาถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้างหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงคลอเสียงเบากล่อมให้ง่วง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาเหมือนที่ทำมาเกือบค่อนคืน ดวงตาที่แดงช้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากประคบเย็นอยู่นานมองนาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาตีสอง ดวงตาปริ่มน้ำเจียนจะไหลแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ กล่อมตัวเองให้หลับกระทั่งเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในบ้านรีบสะดุ้งผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็วริมฝีปากยิ้มโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ยังหลงรักเหมือนผู้หญิงหน้าโง่จมปลักกับผู้ชายเพียงคนเดียวอีกเหรอเมื่อรู้เวลากลับถึงบ้านของแทนไทก็โล่งอกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายอุรา พยายามไม่คิดว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเอาป่านนี้เพราะรู้เหตุผลอยู่แล้วว่าคงสนุกสนานกับคนที่คู่ควรอย่างลูกสาวเจ้าสัวธนาคารชื่อดังเธอมันก็เป็นได้แค่ตั
๑๐ความแตก ก่อนงานวันเกิดหม่อมหลวงพินทุอรหลานสาวสุดที่รักอย่างธัญพิชชาก็เกณฑ์คนให้มาช่วยงานซึ่งจัดอยู่โรงแรมในเครือ The area hotel ห้องแกรนด์บอลรูมเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบพันถูกจับจองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังเนรมิตให้เหมือนเอาสวนมาไว้ในห้อง มีฉากดอกไม้ น้ำตกจนต้องจ้างนักจัดสวนมาโดยเฉพาะ ร่างบางกำลังยุ่งในการตรวจงานจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เข้ามาใหม่ซึ่งมีท่าทางเก้กังไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอะไร บุณณดาไม่อยากมาแต่ไม่อาจคัดคำสั่งของเจ้านายได้ ตื่นเช้ามารับประทานอาหารพร้อมกับที่เขาบอกให้ไปช่วยธัญพิชชาจัดงานวันเกิดหม่อมหลวงที่หล่อนไม่รู้จัก ถึงอยากขัดแต่สิ่งที่ทำได้คือการตอบรับแล้วขับรถยนต์ของชายหนุ่มมายังบริเวณงาน ทุกอย่างแปลกตาไปหมด กระทั่งแม่งานอย่างดีไซเนอร์สาวหันมาพบหล่อนจึงเดินยิ้มเข้าทักทาย “อ้าวมาแล้วเหรอ พอดีเลยกำลังอยากได้คนช่วยงาน” อีกฝ่ายจับมือถือแขนอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มรับด้วยไมตรีจิตจนเธอรู้สึกผิดที่คิดเข้ามาแทรกกลางระหว่างหญิงสาวกับแทนไท แต่ก็ไม่อาจหันหลังกลับได้เพราะเดินมาไกลเกินจะย้อน
๑๑ความแตก บุณณดาตื่นก่อนถึงจะนอนทีหลังจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระกายค่อยเลือกชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวมาสวมทับ มัดผมหางม้าอย่างลวกๆ ค่อยเติมหน้าพอให้มีสีสันไม่จืดชืดจนเกินไปเพื่อมัดใจเจ้าของบ้าน เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องแผนที่จะทำให้เขารัก ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนก็ถือว่าเธอยังมีสิทธิ์ คิดปลุกปลอบใจตนเองแล้วเดินออกจากห้องพยายามเมินเงินค่าตัวราคาห้าพันซึ่งเขาเพิ่มให้เพราะถูกใจในลีลาที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ ของหล่อน หันไปมองชายหนุ่มที่นอนหลับบนเตียงของตนเองคงเพราะเหนื่อยจากงานถึงไม่กลับไปนอนห้องประจำ อมยิ้มเล็กน้อยเพราะปกติถึงจะอยู่ด้วยกันดึกแค่ไหนร่างสูงก็มักจะกลับไปนอนห้องปล่อยให้เธอกอดตัวเองร้องไห้เพียงลำพัง มันเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่านะ... คิดแล้วก็ยิ้มมากกว่าเดิมแล้วออกไปข้างนอกเพื่อช่วยเหล่าแม่บ้านเตรียมอาหาร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโต๊ะเต็มไปด้วยมื้อเช้าจนรีบเดินลงไปเพื่อสอบถามว่าเหตุใดถึงตั้งโต๊ะเช้ากว่าปกติ ทว่าเมื่อเห็นแม่ครัวจำเป็นคำถามที่เกิดขึ้นก็
๑๒เธอจากไปตลอดกาล บุณณดาไปโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์เพียงลำพังเพราะพ่อของเด็กไม่ว่าง มีคนขับรถรออยู่ข้างนอก ทำให้เป็นการดีที่จะนัดใครสักคนมาพูดคุยและปรึกษาปัญหาชีวิต ซึ่งคนคนนั้นคือเพื่อนสนิทที่อยู่ไทยเพียงคนเดียวของหล่อน ...เปมทัต เมื่อทำธุระเรียบร้อยจึงโทรหาอีกฝ่ายโดยนัดพบกันยังแผนกเด็ก หลบเลี่ยงสายตาของผู้คนใช้เด็กที่วิ่งไปมาและส่งเสียงดังเป็นกันชน รอสักพักก็เห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมที่เดี๋ยวนี้ใส่สูทผูกเนกไทจนกลายเป็นผู้บริหารไปเสียแล้ว อดชื่นชมไม่ได้จนอยากให้อรวราเห็นเหมือนกับหล่อนว่าเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอได้รับรูปจากคนที่อยู่โอ๊คแลนด์ว่าคลอดลูกสาวออกมาแล้ว โดยบิดามารดาไม่รู้เพราะคุณน้าช่วยปิดเอาไว้ แต่ก็คิดว่าจะปิดได้อีกนานแค่ไหน เดี๋ยวเรื่องก็แดงขึ้นจนเข้าหูชายหนุ่มเหมือนเดิม ร่างสูงนั่งลงข้างหล่อนพลางหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ เสร็จจากประชุมก็วิ่งมาทันทีกลัวว่าเพื่อนจะรอนานและอีกอย่างคือเขามีงานอื่นต้องไปทำหลังจากพูดคุยกับบุณณดาเสร็จ “มีอะไรหรือเปล่าเรียกเราออกมาคุยที่นี่ คนของข้าวไม่ว่าหรื
๑๓เหนือตะวันสถานที่ซึ่งชายหนุ่มไม่อยากมาแต่จำต้องเหยียบเข้าภายในวัดที่มีรูปใบหน้าของหญิงสาวที่เขากกกอดอยู่ทุกคืนตั้งเอาไว้ หลบวูบเมื่อสบเข้ากับภาพของหล่อน ไม่อยากเชื่อว่าบุณณดาได้จากเขาไปตลอดกาล ทิ้งเอาไว้เพียงร่องรอยที่ทำให้คนอยู่เจ็บปวดทุกครั้งยามได้มองเสื้อผ้าของเธอ สมุดโน้ต เครื่องใช้ในห้อง ภาพยามที่ร่างบางเดินวนเวียนอยู่ในบ้าน องค์ประกอบทุกอย่างของเธอทำให้แทนไทจมปลักอยู่ในอดีต กระทั่งรับรู้ว่าต้องลุกเพื่อมาบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายขายาวก้าวไปยังบริเวณเมรุ มีเพื่อนร่วมคณะหลายคนเข้ามาไว้อาลัยในการจากไปอย่างกะทันหัน คนเป็นพ่อร้องไห้จนตาบวมก่อนที่จะหันมาเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ บัลลพตรงเข้าไปหาหนุ่มนักบริหารอย่างรวดเร็วพลางชี้หน้าด่าเพราะไม่กล้าทำร้ายร่างกาย“มึงมาทำไมไอ้ฆาตกร มึงฆ่าลูกสาวกู” ยังไม่หยุดกล่าวหาทั้งที่รู้ว่าความจริงมันเป็นอุบัติเหตุและใบข้าวก็โชคร้ายที่เข้าไปอยู่ในรถคันนั้นพอดีไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหญิงสาวเป็นที่รักของคนรอบข้างด้วยความมีน้ำใจทั้งยังหน้าตาสะสวย อาจารย์มหาวิทยาลัยมาร่วมแสดงความอาลัยค่อนข้างเยอะเนื่องจากเธอคือศิษย์รักใบหน้าคมไม่ได้แสดงอาการใดออกมานอกจา