๓
ข้างๆ หัวใจ
เข้าพักบังกะโลติดหาดที่เป็นส่วนตัว หล่อนได้ยินว่าปีหน้ากำลังจะปิดปรับปรุงแต่ดูแล้วที่พักไม่ได้เก่าเลยสักนิด หลังคามุงด้วยหญ้าฝางซึ่งค่อนข้างแข็งแรงมีเพดานฉลุลายดอกไม้ปิดทับอีกชั้น ผนังห้องทำด้วยไม้ขัดเงา ตัวที่พักจะยกสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรทำให้มีชานเรือนสำหรับนั่งรับลมหรือดูวิวทะเล
เดินไปเปิดหน้าต่างรับลมข้างนอกพลางสูดเอากลิ่นทะเลเข้าปอด เธอไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ แต่ละวันผ่านไปด้วยการเรียนและโหมงานหนักจนแทบไม่เคยได้พักผ่อน เคยมีครั้งหนึ่งถึงขั้นเป็นลมจนเพื่อนที่ทำงานด้วยกันต้องปฐมพยาบาล ดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่นอนไม่พอ
ถึงจะทำงานหนักแค่ไหนแต่เงินเก็บก็มีเพียงสองหมื่นเพราะส่วนมากหล่อนจ่ายหนี้ให้บิดาไปจนหมด หรือบางครั้งท่านก็มาหยิบยืมโดยไม่เคยคืนสักบาทจนต้องทำใจเสียแล้วว่าหากให้เงินพ่อก็ไม่หวังจะได้คืน
วางกระเป๋าไว้บนเตียงเสร็จแล้วค่อยรูดซิปสำรวจว่าแม่บ้านเตรียมอะไรให้บ้าง มีชุดชั้นในครบเซ็ตพร้อมทั้งชุดนอนกระโปรงยาวผ้าเนื้อนุ่มที่แค่ได้สัมผัสก็รู้ว่าต้องราคาแพงแน่นอน ชุดทำงานเป็นเสื้อแขนยาวสีชมพูมีลูกเล่นตรงชายเสื้อเป็นระบายแสนน่ารัก คู่กับกระโปรงสอบบานปลาย
ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนนอนลงที่เตียงพลางผ่อนลมหายใจออกมา การได้เข้าใกล้แทนไทเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายจนคิดว่าขอแค่อยู่ตรงนี้ก็คงเพียงพอแล้วกับคนฐานะเช่นหล่อน
ไม่ต้องหวังสูงมากกว่านี้หรอก..
ซ่า
ฟ้าที่เคยสว่างสดใสกลับมีเมฆดำปกคลุมไม่นานฝนจึงตกลงมาหลังจากอบอ้าวทั้งวัน หล่อนสะดุ้งเพราะเผลอนอนหลับหลังจากเหนื่อยในการทำงานทั้งวัน อีกทั้งสิ่งที่ปลุกให้หญิงสาวฟื้นจากนิทราคือน้ำจำนวนหนึ่งที่ตกลงบนที่นอนจนเปียกชุ่ม
“อะไรเนี่ย” รีบลงจากเตียงแล้วคว้ากระเป๋าออกมาด้วยกลัวว่าจะโดนน้ำ
เพดานของบังกะโลที่สร้างมาหลายสิบปีดูท่าจะผุพังตามกาลเวลา น้ำรั่วซึมตกกระทบเตียงจนเปียกไปหมดไม่อาจนอนได้ ใบหน้าหวานฉายแววกังวลก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นต้องรีบรับอย่างรวดเร็ว
“ค่ะคุณแทน”
‘ฉันสั่งรูมเซอร์วิสให้แล้วนะ ฝนตกแบบนี้คงออกไปกินข้างนอกไม่ได้’ หล่อนมีท่าทีกระอักกระอวนไม่รู้จะบอกเขาดีไหม จนตัดสินใจได้ถึงรับคำพร้อมแจ้งเหตุฉุกเฉินที่เกิดเมื่อสักครู่
“คุณแทนคะ ห้องของข้าวดูเหมือนฝ้าจะมีปัญหาตอนนี้น้ำฝนตกใส่ที่นอนเปียกไปหมดเลย” น้ำเสียงค่อนข้างเกรงใจที่เอาปัญหาของตนเองไปบอกชายหนุ่มอีกแล้ว ปลายสายเงียบสักครู่แล้วค่อยตอบกลับ
‘เดี๋ยวฉันเดินไปหา’ เขาวางสายทำให้หล่อนต้องเม้มปากแน่นที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
คนอะไรจะซวยได้ขนาดนี้เนี่ยใบข้าว..
รอไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจึงได้รีบไปเปิดให้ร่างสูงเข้ามาข้างใน ร่มถูกวางไว้ข้างนอกก่อนที่ท่านประธานจะเข้ามาสำรวจความเสียหาย ใบหน้าคมเรียบนิ่งไม่ได้แสดงอาการใดก่อนจะหันมามองหล่อนซึ่งมีท่าทีหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ทุกห้องก็เต็มแล้วด้วย..” พึมพำเสียงเบาแต่เธอก็ได้ยินชัดเจน
“เดี๋ยวข้าวนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาหรอก” ชี้ไปยังโซฟาซึ่งวางไว้ใกล้ระเบียงของห้อง มันมีขนาดเล็กหากนอนทั้งคืนตื่นมาต้องปวดตามเนื้อตัวแน่
“ไปนอนห้องฉันแล้วกัน” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเจ้านายตัดสินใจเช่นนั้น รีบเอ่ยขัดทันทีเพราะไม่ต้องการรบกวนเขาด้วยคิดว่าแทนไทจะย้ายมานอนห้องนี้
“คะ..ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวนอนห้องนี้ได้คุณแทนนอนห้องตัวเองเถอะนะคะ” โบกมือเป็นพัลวันแต่ดูเหมือนคนอายุมากกว่าจะไม่ฟังเสียงทัดทานกลับคว้าแขนเรียวพลางจูงกึ่งลากให้ออกไปข้างนอกด้วยกันไม่วายหันมาถามเสียงเรียบ
“เอาของสำคัญออกมาหมดแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าข้าวนอนห้องนี้ได้..” เขาไม่ฟังที่หล่อนพยายามจะสื่อสารเลยสักนิดกลับพาให้เข้ามาอยู่ในร่มคันเดียวกันแล้วเดินไปบังกะโลหลังที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
บุณณดาเม้มปากให้เงียบสนิทหลังอยู่ใกล้ชายหนุ่มที่หมายปองจนไหล่ชิดกัน มือหนาโอบไหล่มนเอาไว้กลัวว่าคนตัวเล็กจะโดนฝน กระทั่งขึ้นมาบนบังกะโลมีหลังคากันเม็ดฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
มีหยดน้ำตามตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำให้เปียกมาก เขาดันหล่อนเข้าไปข้างในห้องที่เหมือนกันทุกอย่างต่างก็แต่เตียงที่ใหญ่กว่าเท่านั้น
“นอนด้วยกันที่นี่แหละ ห้องมันเต็มหมดแล้วคงเปิดห้องใหม่ให้ไม่ได้”
นอนด้วยกัน!
ตกใจกับคำพูดนั้นจนเผลอแสดงสีหน้าออกไปทำให้คนมองต้องอมยิ้ม หล่อนแสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าทุกครั้งจนสามารถคาดเดาอารมณ์ของนักศึกษาสาวได้โดยง่าย
แม้กระทั่งความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา
“ฉันสาบานว่าจะไม่แตะต้องเธอ วางใจได้” ให้คำมั่นก่อนจะแยกออกไปรับรูมเซอร์วิชที่มากดกริ่งหน้าห้องพอดี หล่อนพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติถึงสีหน้าจะแดงก่ำด้วยเขินอายจากคำพูดที่เขาเอ่ย
อันที่จริงหากแทนไทจะทำอะไรเธอคิดว่าตนเองคงไม่สามารถต้านทานเขาได้ในเมื่อหัวใจมันมอบให้ชายอายุคราวพ่อเสียแล้ว เพียงได้มาอยู่ในห้องเดียวกันใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาเผลอมองคนที่ยกอาหารมาวางไว้ยังโต๊ะกลมสำหรับรับประทานก่อนจะเงยหน้าสบตากัน
“มากินข้าวเย็นสิ” เหมือนทำตามคำสั่งของเขาอัตโนมัติเพราะหล่อนรีบลุกเดินไปนั่งตรงข้ามร่างสูงทันที มองอาหารที่มีสลัดผักและสเต็กปลาแซลม่อน
“พรุ่งนี้คงกลับตอนตีห้าเพราะมีประชุมเช้า” ยกจานสเต็กให้หญิงสาวจนหล่อนต้องค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณแล้วพึมพำบอกเสียงเบา
“ทำงานมาทั้งวันเป็นยังไงบ้าง ชอบไหม” ขณะที่เริ่มลงมือรับประทานอาหารเขาก็ถามไถ่ถึงเรื่องงานที่มาวันแรกก็เจอรับน้องนอกสถานที่เสียแล้ว อันที่จริงหากไม่ใช่บุณณดาเขาก็คงไม่รับนักศึกษาฝึกงานคนไหนมาทำตำแหน่งนี้หรอก
เนื่องจากผู้ช่วยเลขานั้นต้องดูแลงานทุกอย่างเสมือนเป็นเลขาอีกคน ต้องมีความรอบคอบ กระฉับกระเฉง แก้ไขปัญหาและสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ทำงานตั้งแต่สากเบือยันเรือรบตามแต่เจ้านายจะสั่ง เหมือนเป็นกระโถนท้องพระโรงด้วยซ้ำ
แต่ถึงงานจะเยอะหรือหนักแค่ไหนก็ได้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูงคุ้มกับความสามารถ ยิ่งปลายปีโบนัสที่ได้ทำเอายิ้มแก้มปริหายเหนื่อยจากงานที่ตรากตรำทำมาทั้งปี
ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องงานก่อนที่นาฬิกาจะบอกเวลาสองทุ่ม หญิงสาวแยกไปอาบน้ำพยายามทำตัวปกติทั้งที่ความจริงเกร็งจนเกือบจะเป็นตะคริวที่ได้อยู่ห้องกับชายในฝัน ต่างจากแทนไทซึ่งนั่งหน้าเครียดดูกระดานหุ้น
เขาสนใจหุ้นของบริษัท วิจิตร จำกัด(มหาชน) แต่ราคาขายกลับพุ่งสูงจนไม่กล้าซื้อ ดูความมั่นคงในระยะยาวค่อนข้างมั่นใจการบริหารของกองทัพ วิจิตรประภาที่ขึ้นแท่นตำแหน่งผู้บริหารแทนบิดาซึ่งเกษียณการทำงานไปเมื่อปีที่แล้ว ได้ข่าวว่าไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทนี้ทำกำไรได้มากกว่าเดิมถึงสามเท่า น่าสนใจทีเดียว
ประตูห้องน้ำถูกเปิดและหล่อนก็ออกมาในชุดนอน ยังคงเห็นเขานั่งที่เดิม ทำตัวไม่ถูกอีกครั้งแต่ตัดสินใจก้าวไปยังเตียงนอนทันที เลือกที่จะนอนทั้งยังไม่ง่วง หากให้จ้องตากับแทนไทคงทำตัวไม่ถูกกันพอดี
“จะนอนแล้วเหรอ” เงยหน้าจากจอสี่เหลี่ยมแล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ” ตอบพลางพยักหน้าถี่เป็นการยืนยัน
“เดี๋ยวฉันปิดไฟให้” ไม่อยากรบกวนคนบนเตียงจึงลุกขึ้นหมายจะไปปิดไฟแต่หล่อนก็รีบปฏิเสธทันทีเพราะแค่มารบกวนก็เกรงใจจะแย่แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแทนเปิดไฟไว้เลยก็ได้ ข้าวเป็นคนนอนง่ายจะเปิดทั้งห้องสว่างแค่ไหนก็หลับค่ะ” นั่งจ้องตากับเขาหลังพูดจบทำเอาชายหนุ่มแอบอมยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าเข้าใจกับคำพูดแสนยาวเหยียดที่ร่างบางรัวใส่ไม่ยั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็เปิดไฟไว้แล้วกัน” หล่อนตอบรับเสียงเบาก่อนเอนกายลงนอนปล่อยให้ร่างสูงเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายแล้วออกมาด้วยชุดนอนคือเสื้อยืดและกางเกงขายาวผ้านิ่ม
บุณณดาหลับตาสนิททั้งที่ไม่ได้รู้สึกง่วงนอน ฟังเสียงการก้าวเท้าของคนร่วมห้องยิ่งรู้สึกว่าใจเต้นแรงมากขึ้น พยายามห้ามใจตนเองแต่มันก็ไม่สามารถทำได้จนกลัวเขาจะรู้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน
กระทั่งรู้สึกถึงแรงยวบบนเตียงทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงมานอนแล้ว ยิ่งหลับตาแน่นผ่อนลมหายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอเหมือนคนหลับลึก แสงไฟที่เคยแยงตาถูกปิดลงพร้อมกับที่ร่างสูงหัวถึงหมอนก่อนเขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะที่ฝนเริ่มซาลงจนหยุดตกไปนานแล้ว
ถึงอยากจะลืมตาขึ้นมามองใบหน้าคมก็ไม่อาจทำอย่างที่ใจปรารถนาได้ ยังคงปิดตาสนิทกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน และหล่อนยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด
“อ่ะ” จังหวะที่กำลังตัดสินใจจะลืมตานั้นลำตัวก็ถูกคนข้างกายคว้าเข้าไปกอดเสียก่อน เบิกตากว้างทันทีไม่คิดว่าตนเองจะตกอยู่ในอ้อมกอดของชายในดวงใจ
ใบหน้าของเขาที่หลับตาพริ้มอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ขนาดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันสร้างความตระหนกจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เกร็งตัวเสมือนเป็นท่อนไม้พลางเม้มปากแน่นไม่อยากให้แม้แต่อากาศปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากนิทรา
ไม่เคยได้เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน ถึงจะมีคนมาจีบบ้างแต่ก็ถูกเปมทัตส่งสายตาเขม่นจนกระเจิงไปหมด เรียกได้ว่าตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นจนโตเป็นสาวขนาดนี้ยังไม่เคยได้เรียนรู้ความรักผ่านทางร่างกายหรือจิตใจสักครั้ง
และดูเหมือนว่าเจอครั้งแรกก็เป็นของสูงจนเกินเอื้อมเสียแล้ว
หล่อนจ้องมองเขาในยามที่กำลังหลับใหล แสงจากดวงไฟภายนอกส่องผ่านหน้าต่างมากระทบใบหน้าคมที่หล่อเหลาราวรูปปั้น อยากยกมือขึ้นลูบไล้แต่ก็ไม่กล้าทำกลัวว่าชายหนุ่มจะตื่นถึงได้เก็บภาพประทับใจเอาไว้ผ่านทางดวงตาของตน
หล่อนจะมีโอกาสยืนในหัวใจของเขาบ้างไหม..
หรือไม่อย่างนั้นขอแค่เพียงข้างหัวใจก็ยังดี
เช้าวันต่อมาต้องรีบออกจากบังกะโลตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเพื่อให้ทันประชุมเช้าตอนเจ็ดโมงที่รวบรวมนักออกแบบจากทั้งประเทศไทยและต่างชาติซึ่งแทนไทดึงมาร่วมงานตั้งแต่โครงการแรกจนถึงโครงการล่าสุด
ชายหนุ่มเป็นคนขับรถและโชคดีที่เจ้านายไม่ได้ขับฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัวเหมือนนนทัช อีกอย่างคือรถช่วงเช้าไม่ติดเท่าไหร่เรียกได้ว่าถนนโล่งด้วยซ้ำ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมายนั่นคือบ้านสามชั้นของแทนไทนั่นเอง
“เราไม่ไปบริษัทเหรอคะ” ถามด้วยความสงสัยแต่ร่างสูงกลับส่ายหน้า
“เราจะประชุมกันที่บ้านฉัน” เดินตามลงมาอย่างรวดเร็วเข้าไปชั้นสองของบ้านโดยมีแม่บ้านคนเดิมเข้ามารับของจากคุณผู้ชาย
บุณณดาโค้งทักทายอีกฝ่ายแล้วรออยู่ข้างนอกให้แทนไทไปเปลี่ยนชุด แต่ไม่นานนักก็เห็นนนทัชเดินขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง หล่อนรีบเข้าไปเอ่ยสวัสดีก่อนจะได้รับมอบหมายหน้าที่สำหรับการประชุมวันนี้ คือต้องจดทุกอย่างและสรุปออกมาส่งภายในวันพรุ่งนี้
เมื่อถึงเวลานัดก็เดินลงมาชั้นหนึ่งที่เปรียบเสมือนห้องทำงานสำหรับเขา พื้นที่เป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีโซฟาวางเข้าหากัน เพดานสูงห้อยโคมไฟระย้าที่เป็นสไตล์มินิมอลแต่กลับหรูหราในความรู้สึกของคนมอง ถัดมาคือห้องประชุมขนาดใหญ่จุคนได้กว่าสามสิบคน ตรงกลางจะเป็นโต๊ะยาวส่วนด้านข้างวางเก้าอี้สำหรับผู้สังเกตการณ์
เธอเดินแจกเอกสารวางไว้ตามโต๊ะก่อนที่จะมีคนทยอยเข้ามาด้านในทำให้ต้องรีบไปนั่งด้านหลังเพื่อฟังรายงานและจดรายละเอียดในการประชุมครั้งนี้
ประธานบริษัทก้าวมาพร้อมนักธุรกิจชาวออสเตรเลียที่เก่งในเรื่องการออกแบบ วันนี้จะประชุมเกี่ยวกับโปรเจคห้างสรรพสินค้า The diamond ที่สร้างอยู่เชียงใหม่ มีทีมวิศวกรจากต่างประเทศมาควบคุมงานโดยเฉพาะ
บทสนทนาส่วนมากอยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษและเป็นศัพท์ทางเทคนิคทำเอามือใหม่อย่างหล่อนถึงกับขมวดคิ้วหลายรอบ ดีที่อัดเสียงเอาไว้ด้วยไม่ได้จดอย่างเดียว สงสัยคืนนี้คงต้องไปแกะเทปอีกครั้งพร้อมสรุปเพื่อส่งรายงานในวันพรุ่งนี้
เมื่อลงสนามจริงทำให้รู้ว่าการเรียนนั้นสบายที่สุดแล้ว..
กว่าจะประชุมเสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงและเมื่อออกจากห้องประชุมก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเสียแล้ว
ปวดไปทั้งตัวจนต้องยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อ ขนาดทำวันเดียวยังล้าขนาดนี้แต่แทนไททำมานานหลายปีจนรู้สึกทึ่งในความสามารถและความอดทนของเขา แววตาที่มองชายหนุ่มจึงเป็นประกายมากกว่าเดิม
“วันที่สองก็เจองานหนักแล้ว ท้อไหม” หลังส่งแขกหมดเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาถามผู้ช่วยเลขาด้วยรอยยิ้มแต้มริมฝีปาก
“ไม่ค่ะ ข้าวดีใจที่ได้มาเรียนรู้งานกับคุณแทน” ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรกลับยิ้มให้อย่างเดียวแล้วค่อยผละไปคุยกับนนทัชเรื่องงานวันพรุ่งนี้ที่ต้องไปเป็นวิทยากรให้นักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ
กลายเป็นเรื่องปกติเสียแล้วที่แทนไทจะไปให้ความรู้นักศึกษาหรือขึ้นพูดในเวทีระดับประเทศเกี่ยวกับการบริหารงานในเมื่อเขาคือบุคคลซึ่งน่าจับตามองในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก
เธอเก็บเอกสารเรียบร้อยก็เห็นพี่เลี้ยงในการฝึกงานเดินเข้ามาหา “เสร็จงานแล้วจะกลับพร้อมกันไหม” ส่ายหน้าก่อนที่สมองจะสั่งการด้วยซ้ำยิ่งคิดถึงเมื่อวานยามนั่งอยู่บนรถของนนทัช มันช่างน่าหวาดเสียวจนไม่อยากเสี่ยงชีวิตอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่งใบข้าวเอง” เจ้านายแทรกขึ้นมาทันทีลูกน้องจึงค้อมศีรษะรับ
“ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้นะข้าว” โบกมือลาผู้ช่วยของตนเองแล้วหันมาทำความเคารพแทนไทค่อยออกไปข้างนอก
“วันนี้เลิกเร็วหน่อยนะเพราะทำงานมาตั้งแต่เช้า ฉันบอกแม่บ้านทำข้าวเย็นให้เธอกลับไปกินที่บ้าน” ยื่นถุงผ้ามาตรงหน้าหล่อนจนต้องรีบรับพลางขอบคุณเสียยกใหญ่ที่เขามีน้ำใจต่อตนเองมากขนาดนี้
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ตอบแทนที่ทำงานดี” ถึงจะไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ก็ติดตามแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
ร่างสูงเดินนำไปที่รถยนต์แล้วขับไปส่งหล่อนถึงบ้านพักอาศัย ระหว่างทางก็คุยเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ทำงานถึงเพิ่งรู้ว่าส่วนมากเขาไม่ค่อยเข้าบริษัทเพราะยุ่งกับการไปดูงานตามห้างสรรพสินค้า ตึกส่วนกลางทำเพื่อให้พนักงานอยู่เป็นสัดส่วน และต้อนรับคู่ค้าจากต่างประเทศเท่านั้น
“แล้วข้าวต้องทำงานที่ไหนคะ” ในเมื่อเจ้านายอยู่บ้านแล้วหล่อนต้องมาอยู่บ้านเขาหรือเปล่า..
แค่คิดใบหน้าก็แดงเสียแล้วจนต้องรีบสั่งให้สมองหยุดจินตนาการเรื่องของตัวเองทันทีแล้วนิ่งฟังจากปากแทนไท
“ฉันอยู่ไหนเธอก็อยู่นั่นแหละ” คำตอบของเขายิ่งทำให้คนฟังจินตนาการไปไกลกว่าเดิมเสียอีก ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แสดงว่าต้องตัวติดกันตลอดเวลาใช่หรือเปล่า
ร่างบางนั่งตัวตรงนิ่งพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้แต่ก็ยากเสียเหลือเกิน ในเมื่อคำพูดของเขาที่ส่งตรงมามีผลต่อหัวใจจนมันค่อยพองโตขึ้นเรื่อยๆ
ระยะทางจากบ้านของแทนไทมาถึงบ้านหล่อนใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพราะอยู่ในช่วงรถติด เขาจอดลงหน้าบ้านของน้าแพงโดยไม่รู้ว่าบ้านจริงๆ ของหล่อนอยู่เยื้องกันนั่นเอง
มือเล็กเอื้อมมาปลดสายเข็มขัดแล้วหันมายกมือไหว้ขอบคุณร่างสูงซึ่งอุตส่าห์ขับรถส่งหล่อนถึงบ้านทั้งที่ประชุมหนักมาทั้งวัน ประทับใจจนชอบเขามากกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลง
หรือที่จริงเธอก็แค่กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนไป..
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” เปิดประตูลงจากรถพร้อมถือถุงผ้าที่มีอาหารจากบ้านแทนไท ความสุขส่งประกายในดวงตาก่อนจะเห็นว่าเขาลงมาจากรถเช่นเดียวกัน
“พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะ” ใบหน้าหวานยิ้มตอบทันที
“ค่ะ” แต่ไม่ทันที่ประธานบริษัทจะกลับเข้าไปนั่งในรถก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อนเรียกความสนใจจากชายหญิงเป็นอย่างดี
ร่างสูงของหนุ่มวัยรุ่นก้าวเข้ามาทำลายโลกสีชมพูพร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึม ใจมันบีบรัดไปหมดยามที่มองผู้หญิงในดวงใจกำลังส่งยิ้มหวานให้ชายอื่น ขนาดมองจากที่ไกลยังรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่าเจ้านายลูกน้องของคนทั้งคู่
“ผมไม่ยักทราบว่าท่านประธานจะว่างถึงขนาดมาส่งลูกน้องได้” เปมทัตก้าวมายืนเคียงข้างบุณณดาทั้งยังมองไปที่แทนไทอย่างหาเรื่องเต็มที่ ไม่ปิดบังความไม่พอใจของตนเองเพราะรู้สึกว่าเพื่อนที่เขาคิดไม่ซื่อด้วยกำลังจะห่างออกไป
ทั้งที่ปกติก็ไกลเกินเอื้อมอยู่แล้ว ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้เฉียดเข้าไปใกล้หัวใจหล่อนเลย
“เปรม!” เตือนเพื่อนเสียงดังด้วยไม่ชอบใจในวาจาและสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเจ้านายตนเอง
“เวลาของผมมันขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นสำคัญกับเราหรือเปล่า” และคำตอบของเขาที่บอกชายรุ่นลูกก่อนจะหันมามองบุณณดาด้วยแววตาแฝงความหมายก็ทำให้เปมทัตถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของสาวในดวงใจก็ทำเอากำมือแน่น
เขาพยายามแทบตายเพื่อให้ได้หัวใจ แต่ผู้ชายคนนั้นแค่พูดคำหวานก็ดูเหมือนหล่อนจะเคลิ้มไปกับมันเสียแล้ว
“ปกติคุณพูดหวานแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าครับ เห็นว่ามีคนมาตบตีแย่งคุณไม่เว้นวันไม่ใช่เหรอ อย่าเอาเพื่อนของผมไปเป็นผู้หญิงในสต็อคคุณเลย” พูดตรงจนร่างบางต้องปรามเขาเสียงดัง
“พอได้แล้วเปรม! ขอโทษด้วยนะคะคุณแทนสงสัยเขาคงอารมณ์เสียมาจากที่อื่น ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ทั้งจูงทั้งลากเพื่อนสนิทเข้าบ้านไม่ต้องการให้อีกฝ่ายกล่าววาจาก้าวร้าวกับแทนไทอีก ในขณะที่คนสูงกว่าวัยมองตามแล้วขบฟันแน่น
ผ่อนลมหายใจเข้าออกจ้องที่มือของบุณณดาซึ่งจับจูงอีกฝ่ายเข้าบ้าน ความไม่พอใจตีรวนในอกก่อนจะสลัดมันทิ้งแล้วขับรถยนต์ออกไปทันทีสวนกับแท็กซี่ที่เคลื่อนเข้ามาจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก
หล่อนเปิดประตูบ้านน้าแพงที่ถูกล็อคเพราะเจ้าของบ้านไปทำธุระข้างนอกน่าจะกลับค่ำ ชายหนุ่มอีกคนเลยยกมือขึ้นกอดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ใบข้าว” ประตูรั้วถูกเปิดออกทำให้ทั้งสองต้องหันไปมองว่าใครมาก็พบบัลลพที่อยู่ในชุดปฏิบัติงาน ใบหน้าท่านยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าลูกสาวกลับมาถึงบ้านแล้ว
ถึงจะอายุ 42 ปีแต่เพราะตรากตรำทำงานหนักไหนจะปล่อยตัวจนร่างกายที่เคยดูดีกลับอ้วนท้วมด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ซึ่งดื่มหนักในแต่ละวัน หล่อนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินนำสองหนุ่มต่างวัยเข้ามาในบ้าน
น้าแพงไม่ได้หวงพื้นที่ส่วนตัวทั้งยังเคยเอ่ยชวนเพื่อนสนิทของหลานสาวมารับประทานอาหารในบ้าน และอนุญาตให้ใบข้าวพาเพื่อนเข้ามายามนางไม่อยู่
“คุณน้าครับ ข้าวมีผู้ชายเข้ามาติดพันแถมยังดูไม่น่าไว้ใจด้วย” ร่างบางปล่อยให้แขกหนุ่มนั่งลงยังโซฟาห้องรับแขกส่วนตนเองก็เดินเข้าครัวแล้วรินน้ำมาเสิร์ฟทั้งสอง ด้วยบ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักถึงจะอยู่ที่ห้องครัวแต่ก็ได้ยินบทสนทนาของเปมทัตซึ่งเอ่ยกับบิดาของตน
“หยุดพูดเลยนะเปรม” เดินออกมาพร้อมเหยือกน้ำและแก้วสองใบแล้วทำหน้าบึ้งตึงใส่เพื่อน
“ก็มันจริงไหมล่ะ ผู้ชายเจ้าชู้แบบนั้นไม่มีทางจริงจังกับข้าวหรอก” ตอบกลับทันทีพร้อมจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่ยอมแพ้ปล่อยให้บัลลพกลายเป็นคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราว
“คุณแทนไม่ได้เจ้าชู้ ฉันรู้จักเขามานานไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะล่วงเกินหรือพูดในเชิงชู้สาว” เรื่องนี้เปมทัตก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นว่าบุณณดาคุยกับชายรุ่นใหญ่มานานหลายปี ทำทีเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เพื่อจะได้ไม่เจ็บช้ำ
นึกว่าอย่างไรเสียแทนไทก็คงไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิทของตนหรอก ในเมื่อเขามีผู้หญิงให้เลือกตั้งเยอะ จนกระทั่งรู้ว่าใบข้าวได้ฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา
ไม่ธรรมดาเสียแล้ว..
“แล้วผู้ชายที่พูดถึงเนี่ย เขารวยไหม” ดวงตาคนแก่กว่าวัยเป็นประกายขึ้นมาทันทีถึงจะตงิดกับชื่อที่ได้ยินก็รีบปัดความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็ว
“รวยขนาดที่มีอาณาจักรเป็นของตัวเองเลยครับ” ไม่อยากอธิบายไปมากกว่านั้นเพราะในใจลึกๆ ก็อดยอมรับในความสามารถของชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้
การสร้างอาณาจักรเป็นของตัวเองมันไม่ง่ายแต่แทนไทก็ทำออกมาจนประสบความสำเร็จกลายเป็นที่กล่าวขานในวงกว้างของสังคมนักธุรกิจ ถึงจะมีต้นทุนดีเพราะพี่เขยก็เป็นเจ้าของโลจิสติกส์มีสาขาทั่วโลกทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว กลับปลีกตัวออกมาก่อตั้งบริษัทเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็จับเลยสิลูก เขาสนใจข้าวไหม” จากที่ต้องการให้ท่านเข้าข้างแต่ดูเหมือนบัลลพจะชอบใจที่มีคนรวยมาติดพันลูกสาวตัวเอง
“คุณน้า!” เปมทัตเรียกเสียงดังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงสนับสนุนลูกสาวให้รักกับผู้ชายคนนั้นด้วย บุณณดาไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ว่าพ่อตนเองหวังสมบัติของแทนไท
หล่อนไม่เคยเล่าเรื่องชายหนุ่มให้ท่านฟังด้วยไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับหนุ่มนักธุรกิจเพื่อหวังเงินทอง ความรู้สึกเธอที่มีต่อเขามันยิ่งใหญ่มากกว่านั้น
ไม่ได้หวังเงินตราขอเพียงแค่ความรักจากใจจริง...
“ฟังนะทั้งพ่อและเปรม คุณแทนเขาไม่ได้รักข้าวเพราะเขามีคนที่คู่ควรอยู่แล้ว จากนี้เลิกพูดเรื่องคุณแทนได้แล้วไม่อย่างนั้นข้าวจะไม่คุยด้วย” บอกเสียงเฉียบทำให้สองหนุ่มไม่กล้าเอ่ย
คำพูดของเพื่อนทำให้ชายหนุ่มมีความหวังแต่มันก็เล็กน้อยจนแทบจะกลายเป็นแสงอันริบหรี่
สำหรับผู้ชายแล้วถึงไม่ได้รักแต่ก็สามารถมีความสัมพันธ์ทางร่างกายได้ การแยกรักกับเซ็กมันง่ายดายจนเขากลัวเหลือเกินว่าหล่อนจะตกหลุมพรางของราชสีห์ที่ทำตัวเชื่องเป็นแมว ก่อนที่วันหนึ่งมันจะกรางกรงเล็บอันแหลมคมทำให้ลูกกระต่ายตัวน้อยเจ็บ
“ไม่พูดก็ได้..ว่าแต่ลูกมีเงินให้พ่อยืมสักหนึ่งพันไหม” ถึงจะแอบเสียดายว่าที่ลูกเขยแต่ก็ยังเหลือเปมทัตที่แสดงออกชัดเจนว่าชอบลูกสาวเขาทำให้ไม่ค่อยหนักใจกับเรื่องคู่ครองของบุณณดาสักเท่าไหร่
หญิงสาวถอนหายใจแล้วหยิบเงินยื่นให้ตามจำนวนที่ท่านขอยืมซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีทางได้คืน เขารับมาด้วยรอยยิ้มพลางเก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจมากนะลูก ถ้ามีเมื่อไหร่พ่อจะรีบคืนทันที จะว่าไปก็ถึงเวลางานแล้วด้วย พ่อไปทำงานล่ะ” ลุกขึ้นตบบ่าชายหนุ่มรุ่นลูกค่อยออกจากบ้านหลังเล็กปล่อยสองหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
ใบหน้าที่เคยแย้มยิ้มเคร่งขรึมทันทีเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้ของตนเอง บัลลพรีบเข้ามาภายในรถแท็กซี่ไม่ต้องการให้ลูกรู้ว่ายอดเงินที่เขาติดกับบ่อนนั้นมันไม่ใช่เพียงแค่สองสามแสนอีกต่อไปแล้ว
แต่จำนวนทั้งหมดคือ 20 ล้านบาท!
‘ว่าไง..ตอนไหนจะใช้เงินคืน’ แค่เสียงทักทายก็รู้สึกเสียววาบไปทั่วสันหลัง เขายังจำติดตาที่มันเคยตัดนิ้วคนไม่จ่ายเงินต่อหน้าต่อตาลูกหนี้ทั้งหลายจนไม่สามารถลบภาพนั้นออกไปได้
เสี่ยทรงภพ ทวีเดช เปิดบ่อนและปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ลือกันว่าทวงโหดถึงขนาดตัดแขนตัดขาคนที่ไม่คืนเงินก็มีมาแล้ว คราแรกที่เข้าบ่อนก็คิดว่าจะได้เงินมาใช้จ่าย โชคดีที่ได้มาตั้งห้าแสนทำให้ลองเสี่ยงดวงอีกครั้งและก็ได้มาหนึ่งล้าน
คิดว่าเงินช่างได้มาง่ายดายเสียเหลือเกินเขาทุ่มหมดตัวเพื่อเล่นในครั้งต่อไปแต่มันก็มีแต่เลวร้ายลงกว่าเดิม ถึงเงินไม่มีแต่ความอยากกลับมากขึ้นกว่าเดิม
เข้าบ่อนด้วยความหวังว่ามันจะเป็นเหมือนครั้งแรกที่เดินเข้ามา อยากได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ยิ่งเล่นก็เหมือนว่าเงินกลับหมดไปเรื่อยๆ เครียดจนต้องพึ่งน้ำเมากระทั่งหลายปีก่อนเสี่ยทรงภพให้ยืมเงินเพื่อเล่นการพนันโดยไม่คิดดอกเบี้ยสักบาท
เขาดีใจรีบตะครุบเอาไว้และเมื่อเล่นเสียก็ไปขอหยิบยืมอีกจนเงินงอกเงยเป็นยี่สิบล้าน...
มันมากเกินไปจนเริ่มเครียดว่าจะหาจากไหนมาจ่าย
“ผมขอเวลาอีกหน่อยได้ไหมครับเสี่ย” ต่อรองทั้งที่รู้ว่ายาก
‘ถ้าไม่มีเงินก็เอาลูกสาวแกมาขัดดอกก็ได้ ยังเอ๊าะๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ’ เบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าพวกนั้นจะรู้เรื่องลูกของตนเองทั้งที่พยายามปิดบังมาตลอด
ถึงจะเป็นพ่อที่ไม่ดีแต่ก็ไม่เคยคิดขายลูกเพื่อใช้หนี้สักครั้ง
ลูกเกิดมาจากความรักของเขา ถึงผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกจะไม่ได้รักเขาก็ตาม
‘รีบหามาคืนตอนที่ฉันยังปรานีแกอยู่ ภายในเดือนหน้าแกต้องเอาเงินยี่สิบล้านมาคืนฉัน’ สายโทรศัพท์ถูกวางลงอย่างรวดเร็วทำให้คนขับแท็กซี่ที่หากินไปวันๆ ไม่ได้มีเงินเก็บเป็นถุงเป็นถังเริ่มคิดหนักเสียแล้ว
เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายตอนที่ยังหยิบยืมเสี่ยทรงภพได้ลืมคิดว่าถึงมันไม่คิดดอกเบี้ยแต่ใช่ว่าจะไม่ทวงคืน บัลลพทุบพวงมาลัยระบายความอัดอั้นไม่เคยคิดว่าจากชีวิตคุณผู้ชายของบ้านหลังใหญ่จะตกต่ำขนาดนี้เพราะทำตัวเองแท้ๆ
พาหนะเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ก่อนจะจอดยังชั้นสองแล้วยื่นกุญแจให้คนขับรถนำไปเก็บที่โรงจอด ร่างสูงเดินผ่านสะพานไม้เข้าบ้านของตนเอง ปิดหน้าต่างและเปิดเครื่องปรับอากาศค่อยเดินมายังโต๊ะอาหารซึ่งแม่บ้านกำลังจัดขึ้นโต๊ะ
ใบหน้าคมเรียบเฉยไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นจึงกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
‘เสี่ยทรงภพ’
ริมฝีปากหยักยกยิ้มแล้วกรอกเสียงลงไป
“ว่ายังไงครับ”
ใครเล่าจะคิดว่าเจ้าพ่อค้าปลีกขนาดใหญ่จะรู้จักกับคนที่อยู่ในโลกมืดไม่ได้อยู่ท่ามกลางแสงสว่างเช่นเขา
‘ผมจัดการตามที่คุณต้องการแล้ว หวังว่าเงินจะโอนเข้าบัญชีผมในเร็ววันนะครับ’ ความเขี้ยวลากดินของเสี่ยเขารู้ดีจึงตอบกลับ
“ครับ ผมก็หวังว่าจะได้ร่วมธุรกิจกับเสี่ยเช่นกัน แต่ขอเป็นโรงแรมสักแห่งหรือห้างสรรพสินค้าสักที่ในเมืองไทยแล้วกันนะครับ” คุยกันครู่หนึ่งก่อนจะวางสาย เขารู้มาว่าเสี่ยทรงภพกำลังจะสร้างคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอยู่ประเทศกัมพูชา น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่อนุญาตให้เปิดแบบถูกกฎหมายทำให้เม็ดเงินต้องตกไปอยู่กับเพื่อนบ้าน
คนรวยจำนวนหนึ่งถึงกับบินไปเล่นคาสิโนและหอบเงินกลับมาเป็นกอบเป็นกำ หรือบางครั้งก็เสียแต่ไม่ได้หมดตัวเนื่องจากรู้ลิมิตในการเล่น
ต่างจากใครบางคน..
เขาจะทำให้มันได้เจ็บเหมือนที่เขาเคยเจ็บ!
๔ความจริงที่เจ็บปวด ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนที่เหล่านักศึกษาฝึกงานได้ลองใช้ชีวิตในการทำงานจริง ค่อนข้างสะบักสะบอมเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่นึกสักนิด งานก็หนักยิ่งเป็นน้องใหม่ก็ถูกใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอรวราที่ปฏิเสธคนไม่เป็น หน้าที่ประจำของเธอคือการซื้อกาแฟให้พี่ๆ กระทั่งเปมทัตรู้เรื่องหล่อนถึงโดยว่าเสียยกใหญ่เพราะมันไม่ใช่หน้าที่สักนิด เธอไม่อยากมีเรื่องจึงต้องกล่อมให้เพื่อนสนิทใจเย็นพลางบอกว่ามันไม่ได้ลำบากเลย ร้านกาแฟก็อยู่ใกล้บริษัทแค่เดินไม่กี่ก้าวถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว จนร่างสูงอดค่อนแคะไม่ได้ว่าช่างมีความสุขในการรับใช้คนอื่นเสียเหลือเกิน ตอนเที่ยงพวกเขามักมารับประทานอาหารด้วยกัน เลือกจะกินร้านใกล้บริษัทเพราะตอนบ่ายต้องรีบเข้างานเดี๋ยวจะโดนรุ่นพี่พูดใส่อีกว่าเป็นนางสาวสายเสมอ “จริงเหรอ แสดงว่าคนที่มาเป็นผู้ช่วยคุณนนก็คือเด็กเลี้ยงคุณแทน” ขณะที่กำลังนั่งรออาหารก็ได้ยินพี่ที่ทำงานบริษัทเดียวกันพูดถึงประเด็นร้อนแรงซึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วตึก “ฉันได้ยินเขาเล่ากันมา ถามจริงเถอะพวกแกเคยเห็นเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยเลขาหรือไง ถ้า
๕เลือกได้ไหม หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังเขาก็ได้สอบชิงทุนเข้าคณะวิศวกรรมการบินของสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง แทนไทเหลือพี่สาวเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว แม่ของเขาเสียชีวิตตอนชายหนุ่มอายุ 15 ปี ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเขาไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกไม่มีพ่อทั้งหน้าตาค่อนไปทางฝรั่งเลยโดนล้อมาตลอด เขาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเก็บเงินเรียนไม่ต้องการใช้เงินแม่ที่เป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านไม่ทำงานที่มันมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมากกว่านี้ ชายหนุ่มมุมานะในการเรียนจนได้อยู่ในสังคมของคนเก่งและเต็มไปด้วยคนรวย ตอนนั้นเองที่ทำให้ได้รู้จักกับบัลลพ บวรกิตติ์ ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่เข้ามาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่สถาบันเดียวกัน เขาหลงคิดฝันจะได้เพื่อนแท้โดยไม่รู้เลยสักนิดว่างูเห่ามันแฝงตัวอยู่ภายในกายของอีกฝ่าย จนวันที่แฟนสาวเข้ามาบอกพร้อมทั้งน้ำตา ‘เราท้อง..’ ตกใจจนมือไม้ชาเพราะเขาไม่เคยแตะต้องหล่อนไปมากกว่าจับมือ ยิ่งช่วงก่อนหน้า
๖หัวใจไม่ใช่กระดาษความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้ มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู
๗นอกคำสั่ง หลังเลิกงานหญิงสาวขออนุญาตเจ้าชีวิตมาหาน้าสาวที่ดูแลมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อจับตาดูไม่ให้บุณณดาคลาดสายตาจนคนมีแผนในใจเริ่มอึดอัด ที่จริงวันนี้นัดบิดาเอาไว้ที่บ้านนางนลินี พาหนะจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก หล่อนขอบคุณพี่พริกซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดี เป็นคนขับรถบ้านแทนไทมาเกือบสิบปีแล้วรู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี เธอเดินลงจากรถปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้าไปภายในบ้าน น้าแพงนั่งทำงานที่เดิมเมื่อเห็นหลานสาวก็เข้ามากอดพร้อมถามไถ่ด้วยความคิดถึง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากนักแต่เห็นแววตากังวลของหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไม่สามารถบอกให้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาจำกัด “พ่อล่ะคะน้าแพง” หลังถามจบประตูห้องน้ำก็เปิด ซึ่งคนที่ออกมาคือบัลลพนั่นเอง ชายร่างใหญ่เห็นบุตรสาวก็ตรงเข้ามาสำรวจตามร่างกายพลางถามเสียงตระหนก “ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอ้แทนมันทำอะไรข้าวไหม” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีรอยช้ำตามร่างกายก็พอเบาใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่ได้ซ้อมหรือทำร้ายร่างกายอย่างที่
๘คนที่คู่ควร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอรวรามักจะหลบหน้าเพื่อนเสมอและดูเหมือนเปมทัตก็ไม่ได้มาตามหรือตื้อจะคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่รู้เพราะเมาจนเห็นหล่อนเป็นบุณณดา นึกถึงก็ยิ่งเจ็บจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความกังวลนั้นออกไป ช่วงนี้ต้องทำธีสิสจบจึงพยายามพุ่งความสนใจไปยังงานของตนเอง ช่วงเที่ยงก็ห่ออาหารมากินด้วยทำให้คลุกอยู่แต่แผนกของตนไม่ยอมออกไปหาร่างสูงที่แวะเวียนมาถามไถ่แต่กลับได้เพียงคำปฏิเสธ และคนใจร้อนก็ไม่ได้โวยวายแค่พยักหน้าเข้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นใบข้าวเขาจะตื้อหรือเปล่า สับสนกับความคิดของตนเองที่ดูเหมือนจะปล่อยวางแต่ก็ยังคิดเพียงเรื่องของชายที่ตนหมายปอง “หนูอรไม่กลับเหรอ” ถึงเวลาเลิกงานก็ยังนั่งแช่ที่เดิมทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเก็บข้าวของตามรุ่นพี่ออกไปรอลิฟต์ ไม่รู้ว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งหรือเปล่าทำให้เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นคนที่ตนกำลังหลบหน้ายืนอยู่ในนั้น ขาเรียวก้าวถอยหลังจะไม่เข้าไปแต่พอดีสบตากับชายหนุ่มก่อน ถ้าวิ่งหนีตอนนี้คงได้โดนตามไล่
๙หมากในเกมถึงจะพยายามข่มตาให้หลับก็ไม่อาจทำดังใจปรารถนาได้เพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคนซึ่งยังไม่กลับบ้านสักที ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านดูประตูรั้วกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม เม้มปากแน่นเมื่อคิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับธัญพิชชาถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้างหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงคลอเสียงเบากล่อมให้ง่วง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาเหมือนที่ทำมาเกือบค่อนคืน ดวงตาที่แดงช้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากประคบเย็นอยู่นานมองนาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาตีสอง ดวงตาปริ่มน้ำเจียนจะไหลแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ กล่อมตัวเองให้หลับกระทั่งเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในบ้านรีบสะดุ้งผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็วริมฝีปากยิ้มโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ยังหลงรักเหมือนผู้หญิงหน้าโง่จมปลักกับผู้ชายเพียงคนเดียวอีกเหรอเมื่อรู้เวลากลับถึงบ้านของแทนไทก็โล่งอกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายอุรา พยายามไม่คิดว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเอาป่านนี้เพราะรู้เหตุผลอยู่แล้วว่าคงสนุกสนานกับคนที่คู่ควรอย่างลูกสาวเจ้าสัวธนาคารชื่อดังเธอมันก็เป็นได้แค่ตั
๑๐ความแตก ก่อนงานวันเกิดหม่อมหลวงพินทุอรหลานสาวสุดที่รักอย่างธัญพิชชาก็เกณฑ์คนให้มาช่วยงานซึ่งจัดอยู่โรงแรมในเครือ The area hotel ห้องแกรนด์บอลรูมเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จุคนได้เกือบพันถูกจับจองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังเนรมิตให้เหมือนเอาสวนมาไว้ในห้อง มีฉากดอกไม้ น้ำตกจนต้องจ้างนักจัดสวนมาโดยเฉพาะ ร่างบางกำลังยุ่งในการตรวจงานจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เข้ามาใหม่ซึ่งมีท่าทางเก้กังไม่รู้ว่าตนเองต้องทำอะไร บุณณดาไม่อยากมาแต่ไม่อาจคัดคำสั่งของเจ้านายได้ ตื่นเช้ามารับประทานอาหารพร้อมกับที่เขาบอกให้ไปช่วยธัญพิชชาจัดงานวันเกิดหม่อมหลวงที่หล่อนไม่รู้จัก ถึงอยากขัดแต่สิ่งที่ทำได้คือการตอบรับแล้วขับรถยนต์ของชายหนุ่มมายังบริเวณงาน ทุกอย่างแปลกตาไปหมด กระทั่งแม่งานอย่างดีไซเนอร์สาวหันมาพบหล่อนจึงเดินยิ้มเข้าทักทาย “อ้าวมาแล้วเหรอ พอดีเลยกำลังอยากได้คนช่วยงาน” อีกฝ่ายจับมือถือแขนอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มรับด้วยไมตรีจิตจนเธอรู้สึกผิดที่คิดเข้ามาแทรกกลางระหว่างหญิงสาวกับแทนไท แต่ก็ไม่อาจหันหลังกลับได้เพราะเดินมาไกลเกินจะย้อน
๑๑ความแตก บุณณดาตื่นก่อนถึงจะนอนทีหลังจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระกายค่อยเลือกชุดเป็นเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวมาสวมทับ มัดผมหางม้าอย่างลวกๆ ค่อยเติมหน้าพอให้มีสีสันไม่จืดชืดจนเกินไปเพื่อมัดใจเจ้าของบ้าน เธอยังไม่ยอมแพ้เรื่องแผนที่จะทำให้เขารัก ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น ถ้าอีกฝ่ายไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนก็ถือว่าเธอยังมีสิทธิ์ คิดปลุกปลอบใจตนเองแล้วเดินออกจากห้องพยายามเมินเงินค่าตัวราคาห้าพันซึ่งเขาเพิ่มให้เพราะถูกใจในลีลาที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ ของหล่อน หันไปมองชายหนุ่มที่นอนหลับบนเตียงของตนเองคงเพราะเหนื่อยจากงานถึงไม่กลับไปนอนห้องประจำ อมยิ้มเล็กน้อยเพราะปกติถึงจะอยู่ด้วยกันดึกแค่ไหนร่างสูงก็มักจะกลับไปนอนห้องปล่อยให้เธอกอดตัวเองร้องไห้เพียงลำพัง มันเป็นสัญญาณที่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่านะ... คิดแล้วก็ยิ้มมากกว่าเดิมแล้วออกไปข้างนอกเพื่อช่วยเหล่าแม่บ้านเตรียมอาหาร แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโต๊ะเต็มไปด้วยมื้อเช้าจนรีบเดินลงไปเพื่อสอบถามว่าเหตุใดถึงตั้งโต๊ะเช้ากว่าปกติ ทว่าเมื่อเห็นแม่ครัวจำเป็นคำถามที่เกิดขึ้นก็