หน้าหลัก / โรแมนติก / จองจำรัก / ๒ ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

แชร์

๒ ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว

           

            หลังจากทำเรื่องและบริษัทตอบรับการฝึกงานแล้ว บุณณดาก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการค้นข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ The area group ทำให้ยิ่งทึ่งกับความสามารถของเขามากกว่าเดิม

            แทนไท ทรัพย์พูนทวี นักธุรกิจที่มาแรงเพราะเขาเริ่มต้นสร้างอาณาจักรตั้งแต่ยังอายุได้เพียง 27 ปี โดยเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดกลางก่อนแล้วเริ่มขยับขยายใหญ่ขึ้นจนปัจจุบันมีหลายสาขาพร้อมทั้งเริ่มกิจการทางโรงแรมโดยใช้ชื่อว่า The area hotel (TAH) เน้นที่ต่างจังหวัด มีที่ภูเก็ต เชียงใหม่ โคราชและที่กำลังสร้างคืออุบลราชธานี แต่ละพื้นที่ชื่อจะแตกต่างกันออกไปแต่ยังอยู่ในเครือของ The area hotel

            ส่วนห้างสรรพสินค้าอยู่ในส่วนของ The area shopping (TAS) มีทั้งหมดสี่สาขาที่เมืองหลวง และที่ร่วมทุนกับพัฒนาสยามตั้งเป็นห้างยักษ์ใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว The luxury ถือเป็นสถานที่ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก มีแบรนด์ดังเข้ามาเปิดจนคนแน่นห้างตั้งแต่วันแรก และยังเป็นอย่างนั้นจนถึงปัจจุบัน

            และโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการร่วมทุนกับพัฒนาสยามสร้างห้างสรรพสินค้าตามเมืองใหญ่ของแต่ละภาคในประเทศไทย The diamond ที่จังหวังเชียงใหม่ The victory ที่จังหวัดขอนแก่น และสุดอลังการส่งท้ายคือ Grand paradise อยู่ใจกลางมหานครแห่งนี้ที่จะลงทุนกว่าหมื่นล้านพร้อมดึงต่างชาติเข้ามาร่วมหุ้นด้วย สร้างความตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เห็นภาพของตัวอาคาร

            ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะชายหนุ่มยังมีธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งร่วมทุนกับบริษัทของพี่เขยที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้พี่สาวเขาต้องขึ้นบริหารแทน กิจการนี้เพิ่งสร้างเมื่อห้าปีที่แล้วเพราะต้องการลดต้นทุนในการขนส่งถึงได้ทำขึ้นเองเสียเลยภายใต้ชื่อ The area of leo logistics (TAOL) โดยบริษัทนี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และกำลังมีมูลค่าสูงจนคนทั่วไปไม่ค่อยมีเงินซื้อ ส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจด้วยกันมากกว่าเพราะเห็นว่ามีความมั่นคงและจะสร้างรายได้ในระยะยาว

            การพัฒนามากขึ้นทุกปีสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ร่วมหุ้นและพนักงาน โบนัสที่ได้ สวัสดิการต่างๆ สามารถซื้อใจทุกคนจนภักดีกับเขาไม่แม้แต่คิดจะไปสมัครงานที่อื่นเพราะรู้ดีว่าหากขยันขันแข็งผลตอบแทนที่ได้กลับมาก็ยิ่งมากขึ้น

            และค่อนข้างก้าวหน้าทางการงานถ้าเป็นคนมีความสามารถ เส้นสายไม่ใช่สิ่งที่แทนไทชอบส่วนมากคนที่ทำงานจึงมาจากความสามารถของตนเอง ทำให้บุคคลากรที่อยู่บริษัทนี้สามารถยืดอกได้เลยว่าตนไม่ใช่เด็กเส้น ถึงจะใหญ่มาจากไหนแต่ความรู้ไม่ถึงก็กระเด็นออกไปทันที

            “เก่งจังเลย” บุณณดาเอ่ยชมชายหนุ่มเมื่อได้อ่านประวัติและค้นคว้าข้อมูลของบริษัทจบ อยากเร่งวันคืนให้ถึงโดยเร็วจะได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา

            ไม่ได้เจอหรือคุยกับเขานานเกือบเดือนเพราะชายหนุ่มต้องทำงานสำหรับโปรเจคใหม่จึงทำเพียงนับวันรอมาเริ่มงาน

            ร่างบางลุกขึ้นไปดูชุดที่หล่อนเลือกจะใส่ไปวันแรก ดีที่เขาอนุญาตให้ใส่ชุดทั่วไปไม่ได้สวมเครื่องแบบมหาวิทยาลัย จึงค่อนข้างกลมกลืนไปกับผู้คนไม่ต้องเคอะเขินแต่อย่างใด

            “แล้วเจอกันนะคะคุณแทน” มองเสื้อแบรนด์ดังและกระโปรงเข้าชุดที่เขาซื้อให้เมื่อสองปีก่อนแต่ไม่เคยคิดจะหยิบมาใส่สักครั้งเพราะกลัวมันจะเก่า แต่ครั้งนี้ตัดสินใจจะเลือกใส่เพื่อให้ชายหนุ่มเห็นโดยค่อนข้างลุ้นว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

            หวังว่าจะชอบนะคะ..

            วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้ร่างบางมายืนอยู่หน้าบริษัท The area group ซึ่งเป็นอาคารสี่ชั้นถือเป็นสำนักงานใหญ่มีทุกแผนกอยู่ในนี้ ไว้ใช้สำหรับต้อนรับคู่ค้า หรือนัดประชุมใหญ่เท่านั้นทำให้อาคารไม่ได้สูงมากนักแต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ

            หล่อนสูดลมหายใจเดินเข้าข้างในแต่แล้วมือเรียวกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนทำให้หันไปมองตามแรงดึงก็พบเพื่อนทั้งสองคนที่ยืนส่งยิ้มมาให้จนต้องเบิกตากว้าง

            “มะ มาได้ยังไง แล้วทำไม..” มองชุดที่พร้อมทำงานจนเกิดความสงสัย

            อรวราส่งยิ้มแก้มปริเพราะปิดเอาไว้เสียนานเกี่ยวกับที่ฝึกงาน ตอนแรกหล่อนจะฝึกที่ธุรกิจของทางบ้านแต่เมื่อรู้ว่าเปมทัตทำเรื่องไปฝึกที่เดียวกับบุณณดาก็เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว

            คุณหนูแสนหวานเรียนภาควิชาพาณิชยศาสตร์ และสาขาวิชาเดียวกับเพื่อนชายคนสนิท หล่อนตัวติดเขาด้วยไม่รู้ว่าตนเองอยากเป็นอะไรเพราะสุดท้ายก็ต้องมาช่วยบริหารกิจการที่บ้านอยู่ดี

            ในขณะที่เปมทัตซึ่งรู้เรื่องหญิงในดวงใจมาฝึกงานที่นี่ก็ทำเรื่องอย่างรวดเร็ว มันค่อนข้างยากเนื่องจากแทนไทไม่เคยรับนักศึกษาฝึกงาน และเมื่อมีการประกาศว่าต้องการเปิดรับคนรุ่นใหม่เพื่อฝึกงานทำให้มีผู้สมัครจำนวนมาก ซึ่งเขาไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า

            จึงใช้หนทางสุดท้ายที่รู้ว่าไม่สมควรนั้นคือการใช้เส้น ในเมื่อฝึกแค่สามเดือนไม่ได้เป็นพนักงานประจำการใช้เส้นก็คงไม่ผิด และเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาที่มีเส้นสายเพราะแต่ละคนที่สมัครนั้นก็เส้นใหญ่กันเหลือเกิน โดยเฉพาะบุณณดาที่ได้ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของประธานบริษัท

            ทำเอาเป็นที่กล่าวขานกันเสียยกใหญ่ถึงจะเห็นประวัติที่แนบมาด้วยว่าหล่อนมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ใครเล่าจะห้ามปากคนได้

            “มาฝึกงานไง” คุณหนูคนสวยตอบทันที

            “ไม่เห็นหนูอรบอกเลยว่าจะมาฝึกที่นี่” ถามกลับเพราะเพื่อนไม่เคยพูดถึงเรื่องฝึกงาน หากหล่อนถามก็บอกเพียงแค่น่าจะฝึกกับที่บ้านเพราะครอบครัวหล่อนเปิดร้านอาหารซึ่งมีแฟนไชน์กว่ายี่สิบจังหวัดในประเทศไทย

            “เซอร์ไพรส์ไง” ยิ้มอย่างน่ารักก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนเพื่อนในขณะที่บุณณดาหันมาจ้องเปมทัตที่เอาแต่นิ่งเงียบ

            “นายล่ะ ไหนบอกจะฝึกงานอยู่โรงแรม” มองอย่างเอาเรื่องเมื่อไม่เป็นไปตามที่พูด ทว่าเพื่อนตัวสูงก็ทำเพียงยักไหล่

            “ฝึกมาหลายปีแล้วอยากเปลี่ยนสถานที่บ้าง” จนใจจะพูดจึงไม่ได้ถามอะไรอีกพากันไปรายงานตัวที่แผนกบุคคลโดยบุณณดาทำตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของประธานบริษัทจนคนที่รู้เรื่องพากันมองหญิงสาวเป็นตาเดียว

            การเปิดรับนักศึกษาฝึกงานครั้งแรกแล้วมีคนทำในตำแหน่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดจนอยากรู้พื้นเพของผู้หญิงคนนี้เสียแล้วว่ายิ่งใหญ่มาจากไหนถึงได้รับความไว้วางใจให้ทำในงานที่หนักและใช้ความสามารถรอบด้านขนาดนั้นได้

            ในขณะที่อรวราได้อยู่ฝ่ายธุรการแผนกประชาสัมพันธ์ และเพื่อนสนิทอย่างเปมทัตได้อยู่แผนกคลังสินค้า เมื่อพูดคุยกันเรียบร้อยจึงให้พี่เลี้ยงพาไปยังที่นั่งทำงานของตนเอง ทั้งสามโบกมือลากันก่อนที่บุณณดาจะต้องขึ้นไปยังชั้นผู้บริหาร

            แต่กลับผิดคาดเพราะพี่เลี้ยงของหล่อนพามาหน้าบริษัทอีกครั้งจนคนเดินตามงงเป็นไก่ตาแตก รีบเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย

            “เรามาหน้าบริษัททำไมเหรอคะ” หัวหน้าแผนกบุคคลมาส่งหล่อนเองไม่มีพี่เลี้ยงเหมือนเพื่อนทั้งสอง

            “พี่เลี้ยงเธอจะมารับที่นี่” อันที่จริงอยากถามต่อแต่ใบหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึงของหญิงมากกว่าวัยทำให้จำต้องปิดปากสนิท รอไม่นานก็มีรถยนต์มาจอดเทียบพร้อมกับผู้ชายหน้าตาใจดีเดินลงมาจากรถด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

            ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตผูกเนกไททับด้วยสูทสีเข้ม ดวงตาเรียวมีแว่นตาทาบทับดูแล้วค่อนข้างเป็นคนอัธยาศัยดี หล่อนยิ้มให้เขาเพื่อให้เกิดความประทับใจต่อกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ อย่างไรเสียก็ต้องทำงานด้วยกันไปอีกสามเดือน สร้างมิตรดีกว่าศัตรูและชายหนุ่มก็เป็นพี่เลี้ยงโดยตรง

            “สวัสดีครับ ผมชื่อนนทัชต่อจากนี้จะเป็นพี่เลี้ยงของคุณตลอดการฝึกงาน” ได้ยินอย่างนั้นก็รีบยกมือไหว้ทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน ค่อนข้างดีใจที่คนดูแลตลอดการฝึกงานครั้งนี้ไม่ได้โหดเหมือนที่นึกกลัวเอาไว้

            หัวหน้าแผนกบุคคลฝากฝังหล่อนเสร็จก็เดินเข้าไปข้างในบริษัทปล่อยให้สองหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงก็เปิดประตูให้ร่างบางแล้วบอกให้เข้าไปอย่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน

            “เราจะไปไหนกันคะ” เขาย้ายมาประจำที่คนขับก่อนออกตัวด้วยความเร็วแทบคาดเข็มขัดไม่ทัน ถึงจะดูท่าทางใจเย็นแต่การขับรถนั้นเร็วจนหล่อนท่องบทสวดมนต์ทั้งอ้อนวอนต่อพระพุทธเจ้าให้รอดชีวิตจากการขับแสนหวาดเสียวครั้งนี้

            “คุณแทนต้องไปคุยงานที่ชลบุรีเราต้องตามไปด้วย” งานแรกก็ทำเอาไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากรับรู้เพียงแค่ว่าต้องออกงานนอกสถานที่

            “มีเสื้อผ้ามาอยู่ใช่ไหม” ทว่าคำถามนี้ก็ทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำเสื้อผ้ามาทำงานด้วย

            “มะ ไม่ค่ะ รถค่ะรถ” ตอบเสียงสั่นก่อนจะเห็นว่าเขาเกือบสอยท้ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูจึงร้องบอก เสี้ยววินาทีที่พี่เลี้ยงของเธอหักหลบพร้อมแซงได้อย่างนิ่มนวลเกือบใจหายใจคว่ำ ตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้อยากให้ถึงสถานที่หมายโดยเร็ว

            “ไม่เป็นไรค่อยไปซื้อที่นั่น ชื่อใบข้าวใช่ไหม ผมขอเรียกว่าข้าวได้หรือเปล่า” ระหว่างการเดินทางจึงทำความรู้จักไปในตัว

            “ได้ค่ะ คุณนนทัช” เธอเรียกเขาเต็มยศจนคนฟังรู้สึกแปลกหูต้องหันมามองใบหน้าหวานพลางเปลี่ยนสรรพนามใหม่

            “เรียกผมว่าทัชก็ได้ถ้าเรียกเต็มมันแปลกหูพิกล” พยักหน้ารับคำพลางบอกให้เขาดูทางข้างหน้ามากกว่าจะหันมาดูหล่อน แค่การขับรถสุดฉวัดเฉวียนก็ทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะแทบจะอาเจียนหลายรอบแล้ว

            ต่อจากนี้การขึ้นรถมากับพี่เลี้ยงคงเป็นเรื่องที่หล่อนต้องพยายามหลีกเลี่ยงเสียแล้ว ไม่อยากเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายหรือรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลาเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก หล่อนขอนั่งแบบปลอดภัยดีกว่า

            “ขับรถเป็นใช่ไหม” การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นขณะที่ใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะ เอาแต่จ้องมองถนนตลอดเวลาว่าตนเองจะปลอดภัยหรือไม่

            “เป็นค่ะ” พยักหน้าพลางแต้มรอยยิ้มที่มุมปาก

            “ดี เผื่อผมไม่ว่างคุณจะได้ขับพาคุณแทนไปข้างนอก” ต้องยกความดีความชอบให้เปมทัตที่ฝึกหล่อนกับอรวราขับรถยนต์ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจะได้ช่วยเหลือตนเอง อีกทั้งพาไปสอบใบขับขี่เรียบร้อยทำให้ถึงแม้ไม่มีรถยนต์แต่ก็มีใบอนุญาตในการขับรถมาครอบครอง

            “ทำงานเลิกดึกได้ไหม”

            “ได้ค่ะ” หล่อนเตรียมใจมาอยู่แล้ว ระดับประธานบริษัทคงไม่เลิกตรงเวลาหรอกในเมื่อมีทั้งงานราษฎร์งานหลวงเยอะเต็มไปหมด

            “ดี เร็วสุดคือสองทุ่มช้าสุดตีสาม ทำใจหน่อยนะเพราะช่วงนี้กำลังมีโปรเจคใหญ่เลยต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะข้าวจะได้เงินเดือนและค่าล่วงเวลาแน่นอน” การฝึกงานครั้งนี้มีสวัสดิการและยังได้รับเงินเดือนเหมือนพนักงานทั่วไปทำให้ยิ่งเทิดทูนเขามากกว่าเดิมอีก

            “ค่ะ” รถยนต์เลี้ยวเข้ามาภายในซอยแห่งหนึ่งเมื่อถึงกลางซอยก็มีรั้วสูงใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้ ประตูอัลลอยด์ถูกเปิดออกโดยระบบอัตโนมัติก่อนพาหนะจะเคลื่อนเข้าไป ขึ้นบนเนินสูงแล้วจอดลงที่ชั้นสองของบ้าน

            ระหว่างทางหญิงสาวได้แต่อ้าปากค้างตื่นตาตื่นใจกับบ้านสามชั้นขนาดใหญ่ที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติเหมือนยกป่ามาไว้ในเมืองกรุง

            เปิดประตูออกแล้วเดินตามพี่เลี้ยงไปอย่างรวดเร็วไม่ทันได้สังเกตอะไรมากนัก หล่อนเดินผ่านบันไดไม้ที่ทอดตัวเข้าไปในบ้านซึ่งออกแบบมาให้เข้ากับธรรมชาติ มีต้นไม้สูงใหญ่เจริญเติบโตอยู่กลางบ้านและเขาทำเพียงเว้นที่ให้มันได้แผ่ลำต้นสูงขึ้นไปไม่ตัดออก

            พื้นบ้านปูด้วยไม้และผนังกรุกระจกทำให้มันเห็นบรรยากาศภายนอก ความเย็นที่แผ่ซ่านต้องกายไม่ใช่จากเครื่องปรับอากาศเพราะหน้าต่างถูกเปิดออกรับลมจนมั่นใจว่าต้องเป็นลมธรรมชาติ

            เพียงแค่เห็นหล่อนก็ชอบบ้านหลังนี้เสียแล้ว

            “มาถึงเร็วดีนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ต้องหันไปมองคนมาใหม่ก็พบเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวโคร่งและสวมกางเกงเดนิมสีตุ่นสำหรับใส่อยู่บ้าน ไม่ค่อยเห็นแทนไทในลุคนี้สักเท่าไหร่ทำให้แอบใจพองโตในความพิเศษที่มีเพียงหล่อนคนเดียวได้พบ

            นนทัชเดินเข้าไปหาเจ้านายพร้อมยื่นเอกสารต่างๆ ให้จนหล่อนไม่ทันมองว่าเขาหยิบมาตอนไหน ประธานบริษัทเดินไปนั่งยังกลุ่มโซฟาที่มีเพดานเป็นกระจกส่องสว่างแทนการใช้ไฟฟ้า บ้านหลังนี้แทบจะกลมกลืนกับธรรมชาติทั้งใช้แสงของดวงอาทิตย์ ลมเย็นจากข้างนอก หล่อนนับถือสถาปนิกจริงๆ ที่ออกแบบอย่างดีเยี่ยมขนาดนี้

            “เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเจ้าของที่ว่าเขาสามารถขายให้เราได้ในราคาเท่าไหร่ คุณก็จัดการทางนี้ตามที่ผมบอกแล้วกัน หวังว่าจะไม่ผิดพลาด” ยามอยู่ในเวลางานชายหนุ่มก็ค่อนข้างจริงจังจนดูเหมือนเป็นคนละคนกับตอนพบเจอยามปกติ

            “ครับ” นนทัชรับคำพลางลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าท่านประธานกำลังจะออกเดินทางจนหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวต้องลุกขึ้นด้วย

            “คุณแทนจะกลับวันไหนครับ” เอ่ยถามเพราะหากชายหนุ่มไม่กลับพรุ่งนี้เขาก็จะเลื่อนตารางงานให้

            “พรุ่งนี้ ช่วยเลื่อนตารางงานที่จะประชุมเกี่ยวกับโครงการไดมอนให้เร็วขึ้นด้วย ผมต้องการความคืบหน้า” ชายหนุ่มรับคำพลางเดินออกไปทันทีปล่อยให้สองหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันทำเอาบุณณดาทำตัวไม่ถูกว่าจะปฏิบัติกับเขาอย่างไรดี

            อาการเก้กังของหล่อนทำให้คนมองแอบอมยิ้ม เขาผละออกไปไม่ได้พูดอะไรในขณะที่คนตัวเล็กก็ไม่เอ่ยถาม เธอตัดสินใจนั่งรอเขาอยู่ที่เดิมพลางกวาดสายตาสำรวจโดยรอบ พบว่าชั้นนี้น่าจะเป็นที่พักผ่อนส่วนตัวและรับประทานอาหารเพราะเห็นมีห้องครัว โต๊ะรับประทานอาหารและบาร์ขนาดยาว ส่วนโซนที่หล่อนนั่งอยู่จะเป็นโซฟาขนาดใหญ่ที่มีจอทีวีกว่าห้าสิบนิ้วตั้งอยู่ เดินออกไปอีกหน่อยก็เป็นระเบียงซึ่งวางเก้าอี้นอนไว้ด้วย

            บ้านทั้งหลังมีต้นไม้วางในจุดโปร่งแสงทำให้มันเขียวขจีและเจริญเติบโตแม้อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม ยิ่งสำรวจยิ่งชอบ ยิ่งมองยิ่งหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น

            ไม่ใช่แค่บ้าน..แต่หมายรวมถึงเจ้าของบ้านด้วย

            “พร้อมไปกันหรือยัง” แทนไทเดินออกมาด้วยชุดใหม่คือเสื้อคอปกลายขวางและกางเกงเข้ารูป มือของเขาถือกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมเอาไว้

            “ปะ ไปไหนคะ”

            “ไปสัตหีบ เราต้องไปคุยเรื่องท่าเรือต้องค้างหนึ่งคืนด้วย เอาชุดมาหรือเปล่า” ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมดจนหล่อนตั้งรับไม่ทัน

            “ไม่ค่ะ” เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเรียกแม่บ้านที่พร้อมรอรับคำสั่งตลอดเวลา

            “เจี๊ยบ เดี๋ยวไปเอาชุดสำหรับคุณผู้หญิงให้หน่อยนะ ชุดนอนหนึ่งชุดและก็ชุดทำงานอีกหนึ่งชุด อ้อ แล้วก็ชุดชั้นในด้วย ขอไม่เกินสามสิบนาที” สาวรับใช้รับคำพลางรีบออกไปทำตามคำสั่งปล่อยให้หล่อนอยู่กับเขาเพียงลำพังอีกครั้ง

            ไม่คุ้นเลยสักนิดกับแทนไทในเวอร์ชั่นนี้ หล่อนรู้สึกว่าเขาเป็นอีกคนที่ไม่อาจแตะต้องได้เหมือนไกลเกินเอื้อมจนนึกสงสัยว่าที่ผ่านมาสามารถพูดคุยกับชายหนุ่มแบบปกติได้อย่างไร ทำไมตอนนี้ถึงทำเช่นนั้นไม่ได้

            “ไม่ต้องเกร็งหรอก” เห็นเธอทำหน้าไม่ถูกถึงได้บอก

            “แต่ว่า”

            “ถึงจะอยู่ในเวลาทำงานแต่ก็อยู่กันสองคน ทำตัวตามสบายเถอะ” ได้ยินอย่างนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ หล่อนกลั้นเสียเกือบขาดอากาศหายใจ

            “คุณแทนเวลาเป็นประธานบริษัทดูเฉียบขาด มาดนิ่งจนข้าวรู้สึกกลัวเลยค่ะ” บอกตามความรู้สึกจริงของตนเองที่ได้เจอกับเขาในลุคใหม่

            ไม่สงสัยสักนิดว่าทำไมถึงเป็นประธานบริษัทที่มีอาณาจักรของตัวเองใหญ่ขนาดนี้ได้ทั้งที่อายุเพียงแค่ 42 ปีเท่านั้น แถมสร้างมันเองกับมือเริ่มจากศูนย์ด้วยซ้ำยิ่งทึ่งในความสามารถของผู้ชายคนนี้มากกว่าเดิม

            “ก็ต้องทำให้ลูกน้องยำเกรงหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับเธอรู้สึกอยากเป็นตัวเอง”

            คำพูดของเขาสั่นคลอนจิตใจของหล่อนได้ไม่ยาก ในเมื่อเผลอมอบใจให้เขาไปแล้วทั้งดวงยามได้ยินคำหวานพลันใบหน้าก็ร้อนจนไม่อาจห้ามความรู้สึกภายในใจได้

            “กินอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวจะให้แม่บ้านตั้งโต๊ะให้” มองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาเก้าโมงครึ่งถือเป็นช่วงเข้างานพอดี เธอไปถึงบริษัทตั้งแต่แปดโมงเพื่อรายงานตัวตามที่ฝ่ายบุคคลได้แจ้ง กว่าจะขับรถมาถึงบ้านหลังนี้และคุยธุระเสร็จก็ชั่วโมงครึ่งไปแล้ว

            “เรียบร้อยแล้วค่ะ” เมื่อคำตอบเป็นอย่างนั้นเขาจึงเชิญเธอไปนั่งรอชุด ไม่ถึงสิบห้านาทีแม่บ้านก็กลับมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีชุดตามคำสั่งของเจ้านายจนหล่อนเกิดความสงสัยว่าไปเอาชุดเหล่านั้นมาจากที่ไหน

            “เสื้อผ้าพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ” นั่งเพียงแปบเดียวก้นยังไม่ทันร้อนก็ต้องรีบลุกตามร่างสูงซึ่งก้าวออกไปข้างนอกเสียแล้ว

            ช่วงขาของเขากับหล่อนต่างกันทำให้ต้องสับเท้าโดยเร็วเข้าไปเดินไม่ให้ห่างเจ้านายมากเกินไป กำลังจะก้าวไปยังตำแหน่งคนขับรถแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแทนไทประจำที่ตรงนั้นก่อนตนเองแล้ว ใบหน้าเกิดคำถามจนเขาเดาความคิดได้

            “เดี๋ยวฉันขับเอง”

            “แต่ว่าคุณแทนเป็นเจ้านายนะคะ” คงไม่เป็นการดีแน่ที่จะให้เจ้านายขับรถแล้วลูกน้องอย่างหล่อนนั่งเคียงข้าง

            “ไม่เป็นไรหรอก จะลูกน้องหรือเจ้านายก็คนทั้งนั้น รีบขึ้นไปนั่งเร็วเดี๋ยวจะสายมากกว่านี้” รับคำอย่างเงอะงะค่อยเดินไปนั่งข้างคนขับ

            รถยนต์เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ ก่อนจะทะยานไปตามถนนที่โล่งกว่าปกติ มุ่งไปยังชลบุรีจุดหมายปลายทางคือแหลมฉบังอันเป็นที่ตั้งของท่าเรือบริษัท The area of leo logistics การไปทำงานครั้งนี้เขาต้องการขยายพื้นที่ท่าเรือจึงต้องไปซื้อที่เพิ่ม แต่ดูเหมือนเจ้าของพื้นที่นั้นค่อนข้างคุยยากเคยให้นายหน้าไปเจรจาแต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมขาย ยืนยันจะคุยกับเจ้าของบริษัทก่อนทำให้เรื่องนี้ต้องถึงมือแทนไทจนได้

            ระหว่างทางไม่ได้เงียบเพราะเปิดเพลงคลอ อีกทั้งหล่อนก็เอ่ยถามเกี่ยวกับธุรกิจของเขากระทั่งชายหนุ่มเบื่อจะคุยเรื่องงาน

            “เรื่องงานค่อยพูดตอนเวลางานดีกว่า ฉันอยากรู้เรื่องครอบครัวของเธอ” แต่ละครั้งที่คุยกันแทบไม่เอ่ยถึงครอบครัวเลย หล่อนมักจะขอคำปรึกษาเรื่องเรียนบ้าง การทำงานหรือแม้แต่ปัญหาความเครียดเกี่ยวกับการเงินซึ่งชายหนุ่มสามารถช่วยได้หมดทุกอย่าง

            “ครอบครัวเหรอคะ” ไม่ค่อยแน่ใจในคำถามสักเท่าไหร่เพราะแทนไทไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้     

            “ใช่” ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากจุดไหนดีเพราะชีวิตหล่อนช่างดราม่าเสียเหลือเกิน นึกว่าเป็นละครหลังข่าวจนอยากส่งเรื่องไปให้ผู้จัดทำเป็นละครเหลือเกิน ผิดแต่ที่ยังหาพระเอกไม่เจอ

            หรือบางทีอาจจะเจอแล้วก็ได้...

            “ข้าวเหลือแค่พ่อคนเดียวค่ะ แม่เสียไปตั้งแต่ข้าวห้าปี ส่วนคุณปู่คุณย่าก็เสียตอนข้าวได้เก้าปี เลยเหลือแต่พ่อเป็นครอบครัวคนเดียว” และท่านก็ไม่ค่อยได้อยู่กับหล่อนสักเท่าไหร่ต้องลอยไปลอยมาเพื่อหนีเจ้าหนี้ที่ตามทวงเงินไม่ลดละ

            เว้นแต่ช่วงสี่ปีมานี้ซึ่งไม่เห็นพวกมันเลยสักครั้ง ทว่าบิดาก็ไม่ค่อยกลับบ้านและบอกให้ลูกสาวเพียงคนเดียวไปอาศัยอยู่บ้านของนลินี กังวลว่าพวกนั้นจะย้อนกลับมาอีก

            “เธอคิดถึงแม่ไหม” ไม่รู้ทำไมเขาถึงถามขึ้นแต่หญิงสาวก็อมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานของมารดา

            “ข้าวแทบจำแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำค่ะ แต่ก็พอนึกออกว่าท่านรักข้าวมากแค่ไหน เสียดายที่ท่านจากไปเร็วเหลือเกิน” นึกถึงแล้วก็อยากให้มารดายังอยู่ด้วย บ้านคงเป็นบ้านมากกว่านี้ไม่ใช่พ่อไปทางลูกไปทาง กลับมาเจอกันแต่ละทีท่านก็ขอแต่เงิน

            หมดมาดลูกชายนักธุรกิจหลงเหลือเพียงคุณลุงขับแท็กซี่ที่ขอบตาดำคล้ำอย่างน่าสงสาร

            “นั่นสิ..น่าเสียดาย” พึมพำเสียงเบาจนเธอต้องหันมามองคนข้างกาย

            “คุณแทนว่ายังไงนะคะ” คำถามของหล่อนเหมือนปลุกเขาออกจากภวังค์ต้องรีบส่ายหน้าทันทีพลางแต้มยิ้มที่ริมฝีปาก

            “เสียใจด้วยที่แม่เธอไม่อยู่แล้ว” ใบหน้าคมเคร่งขรึมลงเล็กน้อยในขณะที่แววตาราบเรียบ บุณณดายิ้มพลางส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับเสียงหวาน

            “มันผ่านมานานจนข้าวไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ” เวลาที่ผ่านไปทำให้หล่อนเข้มแข็งมากขึ้น ไม่อยากหวนถึงอดีตมากนักเพราะรังแต่จะทำให้เจ็บปวดเสียเปล่า ในเมื่อความทรงจำครั้งเป็นเด็กมันดีจนไม่อยากโตขึ้นเผชิญความจริงอันแสนโหดร้าย

            แต่ก็ไม่อาจทำดังใจนึกได้ในเมื่อมันคือความจริงไม่ใช่นิยายหรือละครหลังข่าว หล่อนก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ถึงโลกจะโหดร้ายมากแค่ไหนก็ตาม

            “เก่งมาก เด็กน้อย” ชายหนุ่มยกมือข้างซ้ายขึ้นลูบศีรษะหล่อนอย่างปลอบปะโลมทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวนั่งนิ่งตัวแข็งค้างไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับตนเอง

            ความอบอุ่นที่ได้รับยิ่งทำให้หลงรักเขามากขึ้นจนยากจะถอนตัวเสียแล้ว อยากเอ่ยปากบอกความในใจแต่ก็กลัวว่าจะเป็นตัวเองที่รู้สึกไปฝ่ายเดียว ในเมื่อชายหนุ่มเพียบพร้อมขนาดนี้คนธรรมดาเช่นหล่อนจะเอื้อมถึงเขาได้อย่างไร

            พาหนะเคลื่อนไปตามทางกว่าสองชั่วโมงกระทั่งถึงที่หมาย ทะเลเบื้องหน้าสวยงามจนอยากยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพแต่จำได้ว่าตนเองมาทำงานถึงต้องรอให้เขาเสร็จจากการเจรจาซื้อที่เสียก่อน

            เพิ่งเคยมาเห็นท่าเรือของบริษัทเป็นครั้งแรก ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่กว่าร้อยวางเรียงเป็นระเบียบ มีสินค้าเข้าออกต่อวันกว่าพันชิ้นทำให้คนงานวิ่งกันหัวหมุนโดยมีผู้จัดการคอยกำกับดูแลไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น      

            เดินตามหลังคนตัวสูงเพื่อฟังเขาคุยกับผู้จัดการซึ่งค่อนข้างมีอายุและเก่งในงานโลจิสติกส์ โชคดีเหลือเกินที่ได้คนมีความสามารถมาร่วมงานด้วยทำให้การดำเนินงานด้านนี้เป็นไปอย่างไหลลื่นไม่สะดุดถึงแม้จะมีปัญหาให้แก้ไม่เว้นวัน

            หลังจากพูดคุยกันเสร็จก็เดินทางไปยังบ้านเจ้าของที่ใกล้เคียงเพื่อเจรจาขอซื้อที่ ทุกอย่างน่าจะง่ายเพราะฝ่ายนั้นกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจแต่ดูเหมือนว่าราคาที่เสนอไปไม่เป็นที่พึงพอใจสักเท่าไหร่ถึงขนาดขอเจอกับประธานบริษัทโดยตรง

            และแทนไทก็มาถึงบ้านสองชั้นขนาดใหญ่อยู่ในตัวเมือง ระหว่างทางบุณณดาเป็นคนขับรถเพราะไม่อยากให้ผู้จัดการซึ่งนั่งมาด้วยตำหนิหล่อนที่ให้ผู้บริหารขับรถเอง

            กว่าจะคุยธุระเสร็จและเป็นไปตามที่ต้องการก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงรีดพลังไปจากนักธุรกิจหนุ่มพอสมควรในเมื่ออีกฝ่ายเขี้ยวลากดินเสียขนาดนี้ เขาเสียทั้งเงินและบัตรกำนัลในการจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าของตนเองมูลค่ากว่าแสนบาท แต่ก็คุ้มที่ได้ขยายพื้นที่ท่าเรือเพราะของเริ่มมากขึ้นทุกวัน หากมีที่รองรับเยอะเงินที่ตามมาก็งอกเงยเช่นกัน

            “คุณแทนจะไปไหนต่อครับ” มาส่งผู้จัดการก็ประชุมงานต่ออีกสามชั่วโมงจนถึงเวลาพักผ่อน          

            “คงเข้าที่พัก เหนื่อยมาทั้งวัน” อีกฝ่ายเดินหน้าส่งถึงรถยนต์ก่อนจะล่ำลากันพอเป็นพิธี ก่อนที่ผู้ช่วยเลขาจะประจำตำแหน่งคนขับรถเขาก็เดินไปดักไว้เสียก่อน

            “เดี๋ยวฉันขับเอง” หล่อนมีสีหน้าเลิกลักเหลือบมองผู้จัดการซึ่งไม่ได้แสดงท่าทีอะไรก็ค่อยหลบให้เขาแล้วเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ

            “ไปแล้วครับ” บอกลาชายมากกว่าวัยแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็วโดยคนตามอย่างหล่อนไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด อีกอย่างแสนเสียดายที่ตนเองไม่ได้ถ่ายรูปกับตู้คอนเทนเนอร์ยักษ์ซึ่งเรียงกันหลายสิบตู้เหมือนที่เคยเห็นในละคร

            แต่ในเมื่อมาทำงานจึงไม่ได้ร้องงอแงหรือเอ่ยอ้อนวอน ต้องย้ำเตือนตัวเองไม่ให้ลืมว่าชายหนุ่มที่มาด้วยเป็นถึงเจ้าของบริษัทที่ไม่ได้มีเวลามากพอจะทำเรื่องไร้สาระ โดยที่ทั้งหมดนั้นคิดเองเออเองไม่ได้ถามเขาสักคำ

            รถเลี้ยวเข้ามายังบังกะโลแห่งหนึ่งที่ไม่ทันจะได้อ่านชื่อก็จอดยังลานจอดรถเสียแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้คำตอบว่าจะต้องนอนที่นี่ทำให้รีบลงไปหยิบกระเป๋าตนเองที่ด้านหลังแต่ไม่ทันคนตัวสูงซึ่งหยิบมาถือไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

            “เดี๋ยวข้าวถือเองค่ะ” เอ่ยด้วยความเกรงใจแต่เขากลับหลบมือเล็กที่กำลังจะคว้ากระเป๋าของตนเอง

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันถือให้มันไม่หนักเท่าไหร่” ว่าจบก็เดินนำไปยังรีเซฟชั่นทันทีโดยหล่อนไม่อาจต้านทานอะไรเขาได้เลย

            สิ่งที่ทำคือก้าวขายาวๆ ตามร่างสูงเข้าไปติดต่อเรื่องห้องพัก แต่กลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนคอยท่าอยู่แล้วโดยแทนไทรีบเข้าไปทักทายราวรู้จักกันมาก่อน

            “ไม่เจอกันนานเลยนะครับท่านประธานใหญ่ เวลาเป็นเงินเป็นทองจนปลีกตัวมาหาเพื่อนคนนี้ไม่ได้เลย” คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล้อเลียนถึงตำแหน่งของแทนไทในขณะที่อีกคนก็ส่ายหน้าระอากับคำพูดล้อเลียนนั้น

            “นายก็ไม่มีเวลาเหมือนกันนั่นแหละ เห็นว่ามีโครงการสร้างโรงแรมที่ฝรั่งเศสกับเยอรมันไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นชวนให้ร่วมหุ้นเลย” ทั้งสองคนคุยเรื่องธุรกิจที่ต้องใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านราวว่ามันเป็นเพียงแค่เศษเงินจนคนยืนฟังพยายามระงับความตกใจเอาไว้

            คิดเสียว่าเขาคุยเรื่องดินฟ้าอากาศก็สิ้นเรื่อง

            “ขอโทษทีเพื่อน พอดีฉันหุ้นกับครอบครัวของเมียฉันว่ะ เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน” ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสักเท่าไหร่ที่เพื่อนสนิทคนนี้จะมีภรรยาซึ่งมาจากตระกูลร่ำรวยเช่นเดียวกันและเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ ดีที่ไม่ใช่การคลุมถุงชนเพราะทั้งคู่สมัครใจที่จะแต่งงานหลังคบหากันมาหลายปี

            ครอบครัวไม่มีใครขัดเพราะเงินมาต่อเงินก็มีแต่เงินทั้งนั้น ดีใจที่ลูกไม่ลงผิดไปคว้าคนไร้สกุลจนได้ข่าวว่าให้ของขวัญวันแต่งงานเป็นที่ดินราคาแพงแถวสีลมทำให้เพื่อนคนนี้เอาไปต่อยอดเปิดคลับจนชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักท่องราตรี

            “แล้วนี่ใคร..ลูกเหรอ” บุณณดาทำตาโตแต่ก็ไม่ได้ตอบปล่อยเป็นหน้าที่ของแทนไท

            ร่างสูงรีบปฏิเสธทันทีไม่ค่อยชอบใจในสถานะพ่อสักเท่าไหร่ถึงแม้บิดาของหล่อนจะอายุเท่าเขาก็เถอะ

            “ผู้ช่วยเลขา” บอกเสียงเข้มทำเอาเจ้าของบังกะโลหัวเราะเสียงดังก่อนจะชวนเพื่อนไปยังรีเซฟชั่นดูแลอย่างดีทุกขั้นตอน

            ปาณชัย กัณฐาภรณ์ ลูกชายคนโตของตระกูลที่เป็นหนึ่งในเรื่องโรงแรมแถบภาคใต้ตอนนี้กำลังขยับขยายไปสร้างอาณาจักรที่ประเทศแถบยุโรปและดูท่าจะไปได้สวยเสียด้วย

            บังกะโลแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าจึงอยากรักษาไว้ มีแผนกำลังจะปรับปรุงในปีหน้าเพราะมันค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมแล้ว ระหว่างทางเดินก็พูดคุยกับเพื่อนที่ไปรู้จักเพราะเรียนบริหารอยู่อเมริกาที่เดียวกัน พูดคุยสร้างความสัมพันธ์จนสนิทและสามารถสนทนาเรื่องธุรกิจได้

            บางครั้งปาณชัยก็โทรไปขอคำปรึกษาจากแทนไทบ้างซึ่งมักจะได้คำแนะนำที่ดีกลับมาเสมอ

            “ได้ข่าวว่านายกำลังคบกับลูกสาวของเจ้าสัวนิรุชเจ้าพ่อธนาคารยักษ์ใหญ่เหรอ” อดจะกระเซ้าเรื่องความรักของเพื่อนไม่ได้ อายุก็ปาเข้าไปสี่สิบสองแต่ยังไม่ตกลงปลงใจกับใครสักที ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาวเข้ามาให้เลือกเสียเมื่อไหร่

            เยอะจนแอบอิจฉาในความเนื้อหอมของเพื่อนด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนแทนไทจะไม่ได้สนใจใครสักคนเอาแต่มุ่งทำงานเก็บเงินจนเขาล่ะกลัวแทนว่าจะขึ้นคาน

            หรือไม่ก็...ชอบไม้ป่าเดียวกัน

            “ข่าวมั่วทั้งนั้น” คนที่เดินตามและแอบฟังบทสนทนาใจกระตุกทันทีเพราะตนเองก็ได้ข่าวเช่นกันว่าเขากำลังคบหากับลูกสาวของเจ้าสัวใหญ่ที่เป็นถึงเจ้าของธนาคารแห่งประเทศไทย ทรัพย์สินมหาศาลขนาดนั้นหากเป็นทองแผ่นเดียวกับแทนไทไม่ต้องคิดเลยว่าจะพากันร่ำรวยมากแค่ไหน

            แล้วเธอจะเอาอะไรไปสู้กับผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนนั้น แค่คิดก็ท้อจนต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดกับเขามากกว่าเจ้านายลูกน้องทั้งที่รู้ว่าทำได้ยากในเมื่อใจมันรักไปแล้ว

            ยิ่งใกล้เท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะตัดใจยากมากเท่านั้น..

            คิดถูกไหมนะที่ย่นระยะระหว่างกันให้มันสั้นลงจนมายืนเคียงข้างชายหนุ่มแบบนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status