บทนำ
ช่วงเวลาสิบหกนาฬิกา ณ โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนและผู้ปกครองที่มารับบุตรหลาน ใบหน้าหัวเราะยิ้มแย้มของเหล่าวัยรุ่นบ่งบอกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้กลับบ้าน บางคนก็นัดเพื่อนเพื่อไปสังสรรค์กันช่วงเย็น บ้างก็นั่งคุยสัพเพเหระกับคนสนิทไม่ต้องการจะกลับบ้าน
เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ใส่ชุดมัธยมปลายปีที่สาม หล่อนกำลังจะเรียนจบในไม่กี่เดือนข้างหน้าเตรียมพร้อมจะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะสอบได้ทุนของสถานอุดมศึกษารัฐบาลแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและโด่งดังพอสมควร
ใบหน้าหวานไม่ได้แต้มรอยยิ้มกลับมีท่าทีกังวลจนเพื่อนอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มมีส่วนสูงมากกว่าเพื่อนผู้ชายรุ่นเดียวกันอาจเพราะมีบิดาเป็นชาวต่างชาติจึงโตเร็ว อีกทั้งท่าทีขึงขัง ดวงตาคมยามจ้องมองทำให้หากไม่ใส่ชุดนักเรียนก็อาจเข้าใจผิดว่าเรียนมหาวิทยาลัย
เขากำลังจะเอ่ยปากถามแต่ก็โดนเพื่อนผู้หญิงอีกคนซึ่งมีกิริยาอ่อนหวานนุ่มนิ่มจนรู้สึกขัดตาทุกครั้งเวลาเห็นอีกฝ่ายทำอะไรเชื่องช้า ผิวขาวราวหยวกกล้วยอย่างคุณหนูลูกผู้ดีไม่เคยต้องแสงแดด หยิบจับอะไรที่หนักก็ดูเหมือนจะล้มทำให้เพื่อนคนสนิทต้องออกโรงช่วยทุกครั้ง
“ข้าวเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นถอนหายใจหลายรอบแล้ว” ถามขณะที่มือก็ตักไอศกรีมขึ้นมากินอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา มันกลายเป็นที่ประจำสำหรับพวกเธอไปเสียแล้วจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามานั่งเพราะกลัวจะโดนสายตาคมดุของรุ่นพี่ร่างสูงหุ่นหมี
ถึงจะหล่อคมเข้มเป็นหนุ่มในฝันของสาวหลายคนแต่ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จักสักเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายไม่ต้อนรับหญิงใดเข้ามาในห้องหัวใจเลย
สายตาของเขาเอาแต่มองไปที่ผู้หญิงคนเดียว
“กินเข้าไป ผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว” บอกหล่อนพลางยื่นลูกชิ้นปิ้งและผักจำนวนมากไปตรงหน้าคนที่ตนเองมีใจให้
บุณณดา บวรกิตติ์ หรือใบข้าว สาวหน้าสวยหวานเป็นที่หมายปองของรุ่นน้องแต่ไม่มีใครได้เข้าใกล้หล่อนเลยเนื่องจากมีสุนัขตัวใหญ่เฝ้าไม่ห่าง นั่นคือ เปมทัต ป้องเกียรติหรือเปรม ผู้ซึ่งได้รับฉายาหมาเฝ้าดอกฟ้า เพราะไม่เพียงแค่ดูแลหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจแต่ยังต้องดูแลเพื่อนสนิทอีกคน อรวรา บุญญานนท์หรือหนูอร คุณหนูแสนหวานที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ค่อยได้
พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนประถมจนมาถึงชั้นมัธยมก็อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดจะมีแยกจากกันก็ช่วงมัธยมต้นทว่าพอมัธยมปลายก็กลับมารวมตัวกัน และมีบางที่เปมทัตไปเล่นกับเพื่อนผู้ชายแต่ส่วนมากก็กลับมาหาเพื่อนสนิททั้งสองเหมือนเดิม
อาจเพราะหัวใจเขาอยู่ที่นี่ จะให้ไปไกลได้อย่างไร
“เปล่าหรอก แค่เบื่อๆ ไม่อยากกลับบ้าน” ดวงตากลมโตหม่นลงเมื่อคิดถึงบ้านที่ควรจะอบอุ่น แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้นและไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
บิดาติดการพนันจนสร้างหนี้สินจำนวนมากต้องให้เจ้าหนี้มาทวงแทบทุกวัน ส่วนท่านก็หนีหัวซุกหัวซุนจะมาหาหล่อนบ้างในบางครั้ง ชีวิตพ่อลูกไม่ค่อยได้พบกันสักเท่าไหร่ บุณณดาอยู่กับน้าข้างบ้านที่ครองตัวโสดทำทีเป็นลูกสาวท่านไม่ให้พวกนั้นรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นใคร กลัวว่ามันจะเอาตัวเธอไปใช้หนี้แทนพ่อ
ส่วนมารดาก็เสียชีวิตด้วยโรคร้ายตั้งแต่หล่อนอายุได้เพียงห้าขวบ จำใบหน้าของท่านไม่ได้ด้วยซ้ำหากไม่ได้ตั้งรูปครอบครัวไว้บนหัวเตียง
แต่ก่อนหล่อนมีบ้านหลังใหญ่โตให้อาศัย คนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังแต่เพราะพ่อโดนโกงจนสิ้นเนื้อประดาตัวทั้งยังต้องขึ้นโรงขึ้นศาลจ่ายเงินจ้างทนายจนบ้านที่เคยมั่งมีกลับกลายเป็นแทบไม่เหลือแม้แต่ข้าวจะประทังชีวิต
จำได้ว่าตอนนั้นอายุสิบสามปีเรียนชั้นมัธยมต้นอยู่ที่โรงเรียนเอกชนได้แค่สองสัปดาห์ก็ต้องย้ายมาโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านแทน ตอนแรกก็ปรับตัวไม่ได้เพราะสังคมค่อนข้างต่างกันจนกระทั่งเริ่มชิน หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ไม่มีเงินจะส่งจนหล่อนต้องถีบตัวเองขยันมากขึ้นเพื่อให้ได้รับทุน
เพื่อนที่เคยสนิทก็ห่างหายจะมีเพียงสองคนที่คอยอยู่เคียงข้าง
เปมทัตและอรวรา..
สองคนคือเพื่อนแท้ของหล่อนที่จะไม่มีทางเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่น
“พวกนั้นไม่รู้ว่าข้าวเป็นใครไม่ใช่เหรอ อย่าคิดมากเลย” หล่อนหันไปมองอรวราที่ไม่เคยคิดมากกับเรื่องอะไรเพราะครอบครัวมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว
หล่อนซึ้งใจวันที่เพื่อนทั้งสองบอกจะสอบเข้ามัธยมปลายที่โรงเรียนรัฐชื่อดังด้วยกัน จะได้อยู่พร้อมหน้ากลุ่มสามคนทั้งที่ความจริงแล้วสามารถเรียนต่อเอกชนที่โรงเรียนเดิมได้แท้ๆ
“เดี๋ยวไปส่ง จะได้แน่ใจว่ากลับบ้านปลอดภัย” ที่จริงช่วงนี้พวกมันก็ไม่ค่อยมาแถวบ้านหล่อนแล้วไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ก็ยังอาศัยบ้านน้าที่อยู่เยื้องกันเหมือนเดิมด้วยท่านเป็นห่วงเธอกลัวจะโดนคนพวกนั้นเข้ามาทำมิดีมิร้าย
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” สูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตของตนเองแล้วลุกขึ้นกระชับกระเป๋าสะพาย
“ไปด้วย” เปมทัตรีบเก็บของพร้อมจะตามหญิงสาวไปทันทีแต่ก็โดนถามกลับ
“นายต้องไปฝึกงานที่โรงแรมพ่อไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงชะงักขาพลางสบถในลำคอด้วยไม่ค่อยอยากไปฝึกเป็นเด็กล้างจานสักเท่าไหร่
พ่อของเขาเปิดโรงแรมมีสาขาทั่วประเทศไทย ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเพราะราคาไม่สูงมากนักแต่บริการมีระดับจนกลายเป็นขาประจำ หากมาไทยเมื่อไหร่ก็ต้องแวะมาพักที่โรงแรมนี้เมื่อนั้น
เปมทัตที่เป็นลูกชายก็ถูกคาดหวังให้มาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ต้องเข้าไปเรียนรู้งานตั้งแต่พนักงานต้อนรับ เด็กขนกระเป๋าและตอนนี้เลื่อนมาล้างจานในครัวที่ทำเอาปวดหลังจนกลับมาบ้านต้องให้คนรับใช้นวดให้ทุกครั้ง
“ฉันกลับเองได้ไม่ต้องห่วงหรอก ไปแล้วไว้เจอกันพรุ่งนี้” โบกมือลาพลางเดินไปหน้าโรงเรียนปล่อยเพื่อนทั้งสองมองตามจนลับสายตาแต่ทำอะไรไม่ได้
ทางไปโรงแรมและบ้านของบุณณดาอยู่คนละฟากเลย เจ็บใจจนอยากบอกบิดาให้มาเปิดกิจการใกล้บ้านหล่อนเพื่อจะได้เห็นหญิงสาวอยู่ในสายตาทุกเมื่อ
“จะกลับไหมบ้าน จะให้ติดรถไปด้วย” หันกลับมาถามเพื่อนอีกคนที่เอาแต่นั่งกินไม่ยอมลุกทำเอาหล่อนต้องรีบพยักหน้าเช็ดไม้เช็ดมือกลัวเขาไม่รอตัวเอง
“กลับๆ” เพราะบ้านอยู่ใกล้กันบางวันก็มาโรงเรียนด้วยกัน คนส่วนมากจึงคิดว่าเปมทัตคบกับอรวราทั้งที่ความจริงไม่ใช่สักนิด
ในเมื่อมีแต่ฝ่ายหญิงที่ปันใจให้เพื่อนสนิทเพียงฝ่ายเดียวตลอดมา
หล่อนเดินออกจากโรงเรียนเพียงลำพังก่อนจะแวะซื้อของกินใกล้โรงเรียนค่อยเดินไปรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน เหม่อลอยคิดไปถึงช่วงชีวิตที่มีพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ถูกเรียกว่าคุณหนูใบข้าว อยากได้อะไรเพียงแค่เอ่ยปากบิดาก็หามาให้
ผิดจากตอนนี้ลิบลับ หากต้องการอะไรก็ทำเพียงแค่ฝัน
แค่ฝันก็ดูเหมือนจะไกลตัวเสียแล้ว..
ปิ๊บๆๆๆ
เสียงบีบแตรทำให้สะดุ้งหันไปมองถนนพบว่าตนเองกำลังจะข้ามทั้งที่มีรถขับไปมา ร่างบางสะดุ้งตกใจจนรีบขึ้นไปบนฟุตบาธแต่ไม่ทันมองจึงสะดุดขาตัวเองล้มลงบนพื้นท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองด้วยความสนใจ
อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ที่ทำได้คือกลั้นใจยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลกระทั่งมีมือมาประคองหล่อนเอาไว้จึงได้เงยหน้าไปมอง
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่บีบแตรรีบลงมาจากรถแล้วถามอาการนักเรียนที่มีท่าทีตกใจด้วยความเป็นห่วง ดีที่เบรกรถทันตอนที่เห็นใบหน้าหวานเหมือนกำลังเหม่อลอยจะก้าวลงมาทั้งที่พาหนะของเขากำลังแล่นไปตรงหน้าเธอ
“ปะ เปล่า ไม่ค่ะ ไม่เป็นอะไรเลย สบายดีค่ะ” อับอายจนพูดตะกุกตะกักแล้วค่อยผละออกจากเขา ดวงหน้าหวานเงยขึ้นไปสบตาคมที่มองอย่างเป็นห่วงพลันหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
โอ้โห..หล่อจัง
แอบชื่นชมใบหน้าคมอยู่ภายในใจ ดวงตาเรียวยามจ้องมองทำเอาใจสะท้านได้ไม่ยาก จมูกโด่งเป็นสันทั้งริมฝีปากบางเฉียบราวอิสตรีนั้นอีก มีเสน่ห์จนทำให้คนที่ไม่เคยชายตามองใครอย่างหล่อนเพ้อขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะ” ค้อมศีรษะพร้อมแสดงความรู้สึกผิดที่ทำให้ชายตรงหน้าเสียเวลากับหล่อน นึกกลัวว่าเขาจะโมโหแต่ดูท่าทีเป็นห่วงเป็นใยก็พอเบาใจว่าคงไม่โดนฝ่ายชายเอาเรื่องที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ
“ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คราวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน” เตือนด้วยความหวังดีไม่มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด หล่อนยกมือไหว้เขาแล้วมองร่างสูงเดินกลับไปนั่งบนรถค่อยเคลื่อนตัวออกช้าๆ อยากมองจนลับสายตาทว่าเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ต้องหันไปเสียก่อน
ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นแล้วมองซ้ายขวาทันทีค่อยพาชายมากกว่าวัยเข้ามาหลบคุยกันเพียงลำพังอยู่ด้านหลังป้ายรถเมล์ ค่อนข้างตระหนกเพราะไม่เจออีกฝ่ายหลายเดือนและเมื่อพบกันวันนี้สภาพของบิดากลับทรุดโทรมลงกว่าเดิม แทบไม่เชื่อว่าท่านอายุสามสิบแปดปีแต่ร่างกายกลับเหมือนคนห้าสิบกว่า อาจเนื่องจากพิษสุราที่ดื่มแทนน้ำแทบทุกวันทั้งที่แทบไม่มีเงินกินข้าว ปล่อยปะละเลยตนเองจนไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนนี้เคยดูดีมากขนาดไหนในอดีต
“พ่อมาได้ไง” กระซิบถามกลัวคนอื่นได้ยินบทสนทนา
“มีเงินให้พ่อสักหนึ่งพันไหม” กลิ่นที่ออกจากปากทำเอาหล่อนต้องย่นจมูกทันที
“พ่อดื่มเหล้าอีกแล้วเหรอ ข้าวบอกว่าให้เลิกไงมันไม่ดีต่อสุขภาพ ไหนพ่อบอกจะอยู่กับข้าวไปนานๆ ช่วยรักษาสัญญาหน่อยไม่ได้เหรอ” ถามเสียงเว้าวอนทำเอาคนกินเหล้าแทนน้ำอดรู้สึกผิดกับลูกสาวไม่ได้
เขามีสีหน้าจืดเจื่อนแต่เพียงไม่นานก็รีบยิ้มรับคำถามเป็นมั่นเป็นเหมาะ “พ่อสัญญา พ่อจะเลิกเหล้าแต่ตอนนี้ขอเงินหน่อยสิ” ไม่วายเอ่ยถึงเรื่องที่บากหน้ามาหาลูกสาวทั้งที่คอยหลบซ่อนตัวตลอดเวลา
ท่านทำงานขับแท็กซี่ทั้งยังใช้รถยนต์เป็นสถานที่หลับนอน กลับบ้านบางวันเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำกลัวเจ้าหนี้ตามมาหาเรื่อง ตอนนี้มันก็พังข้าวของในบ้านแทบไม่มีชิ้นดี บ้านพวกเขาเหมือนบ้านร้างที่โดนตัดน้ำตัดไฟ ปล่อยเลยตามเลยทำเหมือนไม่มีคนอยู่พวกมันจะได้คิดว่าเขาตัวคนเดียวไม่มีลูก
บุณณดาทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟและแคชเชียร์ในช่วงวันหยุด หาเงินเลี้ยงชีพตนเองทุกทางหวังพึ่งพ่อไม่ได้ แค่น้าที่ไม่ใช่ญาติสนิทแต่เพราะอยู่บ้านใกล้กันเห็นหญิงสาวขยันขันแข็งจึงเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ด้วยก็เกรงใจจะแย่แล้ว
เธอไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นเลี้ยง ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมั่นคงมากกว่าจึงยึดความคิดนี้เอาไว้ตลอด
“ข้าวมีเท่านี้” ควักแบงค์ห้าร้อยยื่นให้บุพการีที่ตาลุกวาว ที่จริงหากท่านไม่ดื่มสุราและมัวเมากับการพนันป่านนี้คงมีเงินเก็บแล้ว
พยายามบอกและเตือนใช้ไม้อ่อนไม้แข็งแต่สุดท้ายพ่อก็กลับไปเล่นการพนันอยู่ดี ในเมื่อท่านติดมันเสียงอมแงมใครบอกใครเตือนก็ไม่ฟังสักคน
ญาติฝั่งบิดาเสียชีวิตไปหมดแล้วหล่อนจึงไม่อาจพึ่งใครได้ ส่วนมารดาก็เป็นกำพร้าตั้งแต่เด็กจึงไม่มีตายายให้เธอไปหา โลกใบใหญ่ที่แสนโหดร้ายมีเพียงพ่อเป็นครอบครัวที่หล่อนเหลืออยู่
บางทีก็อยากตัดพ่อตัดลูกแต่ก็ทำไม่เคยได้
แค่เห็นแววตาท่านหม่นหล่อนก็ใจอ่อนยอมให้เงินทุกครั้งทั้งที่ตัวเองต้องทำงานหนักเพิ่มเป็นสองเท่า
“ขอบใจมากลูก พ่อต้องรีบไปทำงานแล้ว” กอดบุตรสาวก่อนจะรีบเดินไปยังรถแท็กซี่ที่ใช้หากินของตนเอง มีเพียงบุณณดาที่มองบิดาจนท่านลับสายตาค่อยผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ
เหลือเงินกลับบ้านแค่ยี่สิบบาท..
เป็นค่ารถเมล์พอดี
ดวงตาคมจ้องมองคนทั้งคู่ผ่านกระจกก่อนได้ยินเสียงบีบแตรให้เคลื่อนรถจึงค่อยขับออกไปอย่างเชื่องช้าขณะที่สมองก็ทำการประมวลผลทันที ใบหน้าคมเคร่งขรึมมากกว่าปกติแผ่ไอเย็นรอบห้องโดยสารที่มีเขาเพียงผู้เดียว
มือหนาเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะใช้ความคิดก่อนจะกดโทรศัพท์หาเลขาของตนซึ่งวันนี้เขาให้พักผ่อนก่อนจะลุยงานใหญ่
“ช่วยตรวจประวัติของบัลลพ บวรกิตติ์ให้ฉันที” สั่งเสียงเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกและเมื่อปลายสายรับคำก็จัดการวางเครื่องมือสื่อสารทันที
จากที่คิดจะปล่อยวางให้เวรกรรมหมุนไปตามล้อของมัน
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันใจ คงต้องช่วยกระตุ้นให้กรรมหมุนเร็วขึ้นเสียแล้ว
๑ผู้มีพระคุณ แสงไฟสาดส่องไปที่นางแบบสาวหน้าใหม่ซึ่งโพสท่าราวมืออาชีพ ตากล้องตะโกนชมไม่ขาดปากทำเอาหล่อนใจพองโตที่สามารถทำให้งานเดินไปโดยไม่ติดขัดทั้งที่ก่อนจะมาถ่ายแบบนั้นกังวลทั้งคืนด้วยค่อนข้างใหม่กับวงการนี้แต่รู้ว่าได้เงินดี เหล่าบุคลากรเดินไปมาเพื่อทำงานในหน้าที่ของตนเอง เมื่อช่างภาพสั่งเติมหน้าเหล่าสาวประเภทสองก็เข้ามาซับใบหน้าหวานที่เริ่มชื้นเหงื่อพลางพูดคุยอย่างออกอรรถรส ทำให้ร่างบางคลายความเกร็งแล้วยิ้มรับคำพูดเอ่ยแซว นิตยสารที่หล่อนขึ้นปกไม่ได้โด่งดังมากนักกลับตีตลาดวัยรุ่นเน้นการแต่งตัวแนวสตรีท ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกเครื่องสำอางสีสันสดใสบดบังแทบจะกลายเป็นคนละคนด้วยซ้ำ ร่างโปร่งบางเข้ากับกางเกงยีนส์ราคาแพงและเสื้อฮู้ดตัวใหญ่ ผมยาวถูกถักเปียรอบศีรษะจนคิดว่าหากปล่อยออกคงต้องหยิกฟูแน่นอน บุณณดานักศึกษาชั้นปีที่สี่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งประเทศไทย หล่อนเลือกเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และบัญชี ภาควิชาการตลาดเนื่องด้วยเห็นว่าสายงานนี้ไม่มีทางตกงานทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย การเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีจึงได้รับทุนมาตลอดช่วงระยะเวลากว่าสี่ปี แต
๒ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว หลังจากทำเรื่องและบริษัทตอบรับการฝึกงานแล้ว บุณณดาก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการค้นข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ The area group ทำให้ยิ่งทึ่งกับความสามารถของเขามากกว่าเดิม แทนไท ทรัพย์พูนทวี นักธุรกิจที่มาแรงเพราะเขาเริ่มต้นสร้างอาณาจักรตั้งแต่ยังอายุได้เพียง 27 ปี โดยเปิดห้างสรรพสินค้าขนาดกลางก่อนแล้วเริ่มขยับขยายใหญ่ขึ้นจนปัจจุบันมีหลายสาขาพร้อมทั้งเริ่มกิจการทางโรงแรมโดยใช้ชื่อว่า The area hotel (TAH) เน้นที่ต่างจังหวัด มีที่ภูเก็ต เชียงใหม่ โคราชและที่กำลังสร้างคืออุบลราชธานี แต่ละพื้นที่ชื่อจะแตกต่างกันออกไปแต่ยังอยู่ในเครือของ The area hotel ส่วนห้างสรรพสินค้าอยู่ในส่วนของ The area shopping (TAS) มีทั้งหมดสี่สาขาที่เมืองหลวง และที่ร่วมทุนกับพัฒนาสยามตั้งเป็นห้างยักษ์ใหญ่เมื่อสองปีที่แล้ว The luxury ถือเป็นสถานที่ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก มีแบรนด์ดังเข้ามาเปิดจนคนแน่นห้างตั้งแต่วันแรก และยังเป็นอย่างนั้นจนถึงปัจจุบัน และโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการร่วมทุนกับพัฒนาสยามสร้างห้างสรรพสินค้าตามเมืองใหญ่ของแต่ละภาคในประ
๓ข้างๆ หัวใจ เข้าพักบังกะโลติดหาดที่เป็นส่วนตัว หล่อนได้ยินว่าปีหน้ากำลังจะปิดปรับปรุงแต่ดูแล้วที่พักไม่ได้เก่าเลยสักนิด หลังคามุงด้วยหญ้าฝางซึ่งค่อนข้างแข็งแรงมีเพดานฉลุลายดอกไม้ปิดทับอีกชั้น ผนังห้องทำด้วยไม้ขัดเงา ตัวที่พักจะยกสูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรทำให้มีชานเรือนสำหรับนั่งรับลมหรือดูวิวทะเล เดินไปเปิดหน้าต่างรับลมข้างนอกพลางสูดเอากลิ่นทะเลเข้าปอด เธอไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ แต่ละวันผ่านไปด้วยการเรียนและโหมงานหนักจนแทบไม่เคยได้พักผ่อน เคยมีครั้งหนึ่งถึงขั้นเป็นลมจนเพื่อนที่ทำงานด้วยกันต้องปฐมพยาบาล ดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่นอนไม่พอ ถึงจะทำงานหนักแค่ไหนแต่เงินเก็บก็มีเพียงสองหมื่นเพราะส่วนมากหล่อนจ่ายหนี้ให้บิดาไปจนหมด หรือบางครั้งท่านก็มาหยิบยืมโดยไม่เคยคืนสักบาทจนต้องทำใจเสียแล้วว่าหากให้เงินพ่อก็ไม่หวังจะได้คืน วางกระเป๋าไว้บนเตียงเสร็จแล้วค่อยรูดซิปสำรวจว่าแม่บ้านเตรียมอะไรให้บ้าง มีชุดชั้นในครบเซ็ตพร้อมทั้งชุดนอนกระโปรงยาวผ้าเนื้อนุ่มที่แค่ได้สัมผัสก็รู้ว่าต้องราคาแพงแน่นอน ชุดทำงานเป็นเสื้อแขนยาวสีชมพูม
๔ความจริงที่เจ็บปวด ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนที่เหล่านักศึกษาฝึกงานได้ลองใช้ชีวิตในการทำงานจริง ค่อนข้างสะบักสะบอมเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่นึกสักนิด งานก็หนักยิ่งเป็นน้องใหม่ก็ถูกใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอรวราที่ปฏิเสธคนไม่เป็น หน้าที่ประจำของเธอคือการซื้อกาแฟให้พี่ๆ กระทั่งเปมทัตรู้เรื่องหล่อนถึงโดยว่าเสียยกใหญ่เพราะมันไม่ใช่หน้าที่สักนิด เธอไม่อยากมีเรื่องจึงต้องกล่อมให้เพื่อนสนิทใจเย็นพลางบอกว่ามันไม่ได้ลำบากเลย ร้านกาแฟก็อยู่ใกล้บริษัทแค่เดินไม่กี่ก้าวถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว จนร่างสูงอดค่อนแคะไม่ได้ว่าช่างมีความสุขในการรับใช้คนอื่นเสียเหลือเกิน ตอนเที่ยงพวกเขามักมารับประทานอาหารด้วยกัน เลือกจะกินร้านใกล้บริษัทเพราะตอนบ่ายต้องรีบเข้างานเดี๋ยวจะโดนรุ่นพี่พูดใส่อีกว่าเป็นนางสาวสายเสมอ “จริงเหรอ แสดงว่าคนที่มาเป็นผู้ช่วยคุณนนก็คือเด็กเลี้ยงคุณแทน” ขณะที่กำลังนั่งรออาหารก็ได้ยินพี่ที่ทำงานบริษัทเดียวกันพูดถึงประเด็นร้อนแรงซึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วตึก “ฉันได้ยินเขาเล่ากันมา ถามจริงเถอะพวกแกเคยเห็นเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยเลขาหรือไง ถ้า
๕เลือกได้ไหม หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังเขาก็ได้สอบชิงทุนเข้าคณะวิศวกรรมการบินของสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง แทนไทเหลือพี่สาวเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว แม่ของเขาเสียชีวิตตอนชายหนุ่มอายุ 15 ปี ส่วนพ่อก็ทิ้งพวกเขาไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกไม่มีพ่อทั้งหน้าตาค่อนไปทางฝรั่งเลยโดนล้อมาตลอด เขาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเก็บเงินเรียนไม่ต้องการใช้เงินแม่ที่เป็นผู้หญิงกลางคืน ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านไม่ทำงานที่มันมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมากกว่านี้ ชายหนุ่มมุมานะในการเรียนจนได้อยู่ในสังคมของคนเก่งและเต็มไปด้วยคนรวย ตอนนั้นเองที่ทำให้ได้รู้จักกับบัลลพ บวรกิตติ์ ลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่เข้ามาสร้างความสัมพันธ์โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะแต่อย่างใด กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่สถาบันเดียวกัน เขาหลงคิดฝันจะได้เพื่อนแท้โดยไม่รู้เลยสักนิดว่างูเห่ามันแฝงตัวอยู่ภายในกายของอีกฝ่าย จนวันที่แฟนสาวเข้ามาบอกพร้อมทั้งน้ำตา ‘เราท้อง..’ ตกใจจนมือไม้ชาเพราะเขาไม่เคยแตะต้องหล่อนไปมากกว่าจับมือ ยิ่งช่วงก่อนหน้า
๖หัวใจไม่ใช่กระดาษความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นของประธานบริษัทในเครือ The area group กับผู้ช่วยเลขาสาวสวยในบ้านสามชั้นที่มีเหล่าคนใช้ปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ห้องนอนของหล่อนกลายเป็นรังรักยามใดที่ต้องการก็แค่เปิดประตูเข้าข้างใน ร่วมรักจนพอใจค่อยโยนเงินไว้หัวเตียงแล้วกลับไปนอน จนตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงหากินคนหนึ่งเท่านั้น นอนร้องไห้ติดกันหลายคืนจนกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นไปหมดทำให้ต้องปฏิวัติตนเองใหม่อีกทั้งยังต้องทีธีสิสจบด้วย เหลือเวลาเพียงเดือนครึ่งในการฝึกงานเท่านั้น จะมามัวเศร้าหมองกับชีวิตคงไม่ทันทำกินพอดี ในเมื่อเขากำลังเล่นเกมกับพ่อแล้วทำไมเธอจะเล่นเกมกับเขาบ้างไม่ได้ มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนทำไมไม่งัดออกมาใช้.. คิดพลางยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการดีๆ ออก เธอจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวแน่ ในเมื่อเสียตัวแล้วก็ขอให้ได้อะไรตอบแทนกลับมาหน่อยเถอะ ยอมรับว่ารักแทนไทจนถอนตัวได้ยากถึงเขาจะทำไม่ดีด้วย ความจริงเป็นอย่างนี้จะฝืนตัดใจไปทำไมทั้งที่ได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากกว่าผู
๗นอกคำสั่ง หลังเลิกงานหญิงสาวขออนุญาตเจ้าชีวิตมาหาน้าสาวที่ดูแลมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน อีกทั้งเพื่อจับตาดูไม่ให้บุณณดาคลาดสายตาจนคนมีแผนในใจเริ่มอึดอัด ที่จริงวันนี้นัดบิดาเอาไว้ที่บ้านนางนลินี พาหนะจอดยังหน้าบ้านสองชั้นขนาดเล็ก หล่อนขอบคุณพี่พริกซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางใจดี เป็นคนขับรถบ้านแทนไทมาเกือบสิบปีแล้วรู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี เธอเดินลงจากรถปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอข้างนอกแล้วค่อยเดินเข้าไปภายในบ้าน น้าแพงนั่งทำงานที่เดิมเมื่อเห็นหลานสาวก็เข้ามากอดพร้อมถามไถ่ด้วยความคิดถึง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมากนักแต่เห็นแววตากังวลของหญิงสาวก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่กำลังเผชิญไม่สามารถบอกให้ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดได้ในเวลาจำกัด “พ่อล่ะคะน้าแพง” หลังถามจบประตูห้องน้ำก็เปิด ซึ่งคนที่ออกมาคือบัลลพนั่นเอง ชายร่างใหญ่เห็นบุตรสาวก็ตรงเข้ามาสำรวจตามร่างกายพลางถามเสียงตระหนก “ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอ้แทนมันทำอะไรข้าวไหม” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้มีรอยช้ำตามร่างกายก็พอเบาใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่ได้ซ้อมหรือทำร้ายร่างกายอย่างที่
๘คนที่คู่ควร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปอรวรามักจะหลบหน้าเพื่อนเสมอและดูเหมือนเปมทัตก็ไม่ได้มาตามหรือตื้อจะคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคงไม่รู้เพราะเมาจนเห็นหล่อนเป็นบุณณดา นึกถึงก็ยิ่งเจ็บจนต้องสะบัดศีรษะไล่ความกังวลนั้นออกไป ช่วงนี้ต้องทำธีสิสจบจึงพยายามพุ่งความสนใจไปยังงานของตนเอง ช่วงเที่ยงก็ห่ออาหารมากินด้วยทำให้คลุกอยู่แต่แผนกของตนไม่ยอมออกไปหาร่างสูงที่แวะเวียนมาถามไถ่แต่กลับได้เพียงคำปฏิเสธ และคนใจร้อนก็ไม่ได้โวยวายแค่พยักหน้าเข้าใจ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นใบข้าวเขาจะตื้อหรือเปล่า สับสนกับความคิดของตนเองที่ดูเหมือนจะปล่อยวางแต่ก็ยังคิดเพียงเรื่องของชายที่ตนหมายปอง “หนูอรไม่กลับเหรอ” ถึงเวลาเลิกงานก็ยังนั่งแช่ที่เดิมทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ หล่อนสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบเก็บข้าวของตามรุ่นพี่ออกไปรอลิฟต์ ไม่รู้ว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งหรือเปล่าทำให้เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นคนที่ตนกำลังหลบหน้ายืนอยู่ในนั้น ขาเรียวก้าวถอยหลังจะไม่เข้าไปแต่พอดีสบตากับชายหนุ่มก่อน ถ้าวิ่งหนีตอนนี้คงได้โดนตามไล่