เวลาผ่านพ้นไป3เดือน
เวลา22:12นาที
ในตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ของผักขาก็สร้างเสร็จมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้เองที่บ้านของผักขาก็กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้กับตึกใหม่ที่จะเปิดให้คนที่จองไว้เข้ามาพักอยู่ได้ในวันพรุ่งนี้และงานเลี้ยงในวันนี้เองก็เป็นการเลี้ยงส่งชนาธิปด้วยไปในตัวด้วย
หลังจากเริ่มสังสรรค์กันตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ตัวของผักขาที่ดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเล็กน้อย ก็ได้หลบออกมาจากงานเลี้ยงมานั่งเหม่อดูดาวอยู่ที่ชิงช้ามุมประจำของเจ้าตัว
"อพาร์ทเม้นท์ก็สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปนี้พี่มันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาที่นี้อีกแล้วซินะ"ผักขาที่นั่งแกร่งชิงช้าเล่นเบา ๆ พึมพำออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกวูบโหวงในใจ พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็แสดงแววตาวูบไหวเมื่อนึกได้ว่างานที่นี้ของชนาธิปได้จบลงแล้ว และคนเป็นพี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาที่นี้อีก
"แล้วทำไมมึงต้องรู้สึกเศร้าด้วยเนี่ยผักขา พี่มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"ผักขาบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอีกครั้งพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่มีดวงจันทร์ทอประกายแสงอ
"มาทำให้คนอื่นมีอารมณ์ด้วยแล้ว แล้วจะหนีกลับห้องหรือไงหะ"ประโยคที่ทินภัทรเอ่ยพูดนั้นทำให้ชนาธิปยืนเบิกตากว้างตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะเขานั้นคาดไม่ถึงว่าคนร่างบางตรงหน้าของเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะประโยคที่พูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ต่างจากผักขาชวนเขามีอะไรด้วยเลย"ผักขา...เมื่อกี้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"นายน์เดินกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของผักขาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถามคนตรงหน้าขึ้นว่า สิ่งที่ตัวเองเอ่ยพูดมาเมื่อกี้นั้นคิดดีแล้วใช่มั้ย หรือที่พูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายด้านผักขาที่นั่งเงียบอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคมอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของนายน์ แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่เท้าเล็กทั้งสองจะเขย่งขึ้น ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อ ทันใดนั้นริมฝีปากเล็กก็ประกบจูบริมฝีปากของนายน์อย่างแผ่วเบาริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ขยับนวดคลึงกลีบปากหนาเบา ๆ พลางกายบาง
"อื้อห์ อ่าาาส์ เจ็บ เบาหน่อย อ่าาส์"น้ำเสียงครางหวานร้องบอกคนตัวสูงที่ขยับกายถาโถมเข้าหาคนร่างบางที่หันหลังพิงใบหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำอย่างบ้าคลั่งกลิ่นเหม็นฉุนและกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาวถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ เมื่อความต้องการของคนทั้งสองที่กำลังนัวเนียนกันปะทุเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณของอัลฟ่าและโอเมก้าที่เกิดอาการรัทและฮีทขึ้นพร้อมกันร่างสูงของอัลฟ่ายีนเด่นขยับตอกอัดเข้าหาร่างกายขาวเนียนของโอเมก้าที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุนออกมาหลอกล้อเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ อัลฟ่าตัวสูงที่ตอนนี้ห้ามฟีโรโมนของตัวเองไม่ได้เช่นกันก็ปล่อยกลิ่นหอมของดอกมะลิฟุ้งกระจายออกมาไม่ต่างกันพับ พับ พับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสลับกับเสียงร้องครางกระเส่ายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนตัวสูงที่ไร้สติยังคงกระแทกตอกอัดลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยที่ตอนนี้ได้บวมช้ำอย่างชัดเจน"หื้มมม"เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นจากอัลฟ่าที่มีกลิ่นฟีโรโมนเป็นดอกมะลิ พลางเอวสอบก็ยังคงกระแทกกระทั่งลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยของโอเมก้าที่หันหลังโก่งก้นให้ตัวเขาไม่หยุดหย่อน"อ่าาส์ อย่า อย่ากัดนะ อื้มม"น้ำเสียงครางหวานสลับกับร้องห้ามดังขึ้นจากร่า
5ปีต่อมา"ท่านประธานครับ งานที่ออกแบบตึกอพาร์ทเม้นท์ของคุณอรอนงค์ ทีมAออกแบบเรียบร้อยแล้วนะครับ ท่านประธานจะดูเลยไหมครับ"เสียงของเลขาชายรัวถามขึ้นทันทีที่สองเท้าของ ชนาธิป ธนจิรกานต์ หรือก็คือ นายน์ เหยียบเข้ามาในบริษัทที่ตอนนี้เขาในวัย32ปีได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานบริษัท T.J.Kจำกัด บริษัทเกี่ยวกับสถาปนิกการออกแบบ แทนผู้เป็นพ่อของเขาอย่างเป็นทางการได้5ปีเต็มแล้ว"เอาเข้าห้องประชุมได้เลยครับ แล้วเรียกทีมAเข้ามาประชุมกับผมทั้งหมด เผื่อมีอะไรที่ต้องแก้ไขผมจะได้พูดแค่ครั้งเดียว"เอ่ยจบชนาธิปก็ก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที โดยมีเลขาของเขาวิ่งตามมาติด ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดบอกแผลนของวันนี้ของเขาว่ามีไปที่ไหนอะไรยังไงบ้าง"วันนี้ตอน11โมงมีออกไปพูดคุยกับบริษัทของผู้รับเหมาก่อสร้างและตอนบ่าย3โมงทางคุณอรอนงค์จะโทรมาถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของแบบแผนตึกและคอนเฟิร์มวันเริ่มก่อสร้างนะครับ""อืม มีอะไรอีกไหม"ชนาธิปขานรับพลางถามกลับไปพลันดวงตาคมก็ยังคงจับจ้องที่เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่ขึ้นคำค้นหากลิ่นเหม็นฉุดมาจากอะไรได้บ้าง"ไม่มีแล้วครับ""อืม"ตลอด5ปีที่ผ่านมานายน์ยังคงค้นหากลิ่นเหม็นฉุนของโอเมก้าคนนั้นว
หลายวันต่อมาทินภัทร"พี่ผัก พี่จะเข้าไปดูไซต์งานตอนไหนเนี่ย มันสายแล้วนะ"ข้าวเม่าที่นั่งกินของหวานอยู่ในห้องครัวเอ่ยถามพี่ชายตัวเล็กของตัวเองที่ตอนนี้มัวแต่ทำขนมขึ้นด้านผักขาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำบัวลอยอยู่นั้นก็ทำเพียงเงยหน้ามามองน้องชายเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นขนมของตัวเองต่อ"นี่พี่ผักไม่ได้ยินที่ผมถามหรือไง"ข้าวเม่าถามผักขาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อโดยที่ไม่สนใจคำถามของตัวเขาเลยแม้แต่น้อย"โอ๊ยแล้วแกจะถามหาพระแสงอะไรนักหนา ฉันก็เร่งมือทำขนมบัวลอยอยู่เนี่ยเห็นมั้ย""เอาไว้ก่อนก็ได้มั้ย ไปดูไซต์งานกับคุณสถาปนิกเขาก่อนเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแก้ ดูเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำต่อก็ได้"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นพลางตักขนมบัวลอยที่พี่ชายทำไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วหมอหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย"แล้วที่ฉันต้องมาทำใหม่แบบนี้ไม่ใช่เพราะแกที่กินหมดหรือไงไอ้เม่า! รู้ทั้งรู้ว่าพี่จะเอาไปให้พวกคุณสถาปนิกกับพวกผู้รับเหมากินเพื่อผูกมิตร แก่ก็กินของพี่หมด!"ผักขาพูดขึ้นพลางมองไปยังน้องชายด้วยสายตาอาฆาตด้านข้าวเม่าที่เห็นพี่ชายมองมาที่ตัวเองด้วยแววตาไม่พอใจ ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อ
ชนาธิป"ถ้าคุณชนาธิปยังไม่คุยตอนนี้ งั้นผมขอตัวไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"หลังจากที่ผักขาเอ่ยจบประโยคเจ้าตัวก็รีบสาวเท้าเดินหนีจากนายน์ไปในทันที"หึ! หนีเก่งจริงๆ"ด้านนายน์เองเมื่อเห็นโอเมก้าตัวน้อยที่เขาพยายามตามหามาตลอดหลายปีมีท่าทีไม่อยากจะเข้าใกล้ตัวเองเท่าไหร่นัก ก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชอบใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามหลังของผักขาที่เดินไปทางน้องชายตัวเองเพื่อจะคุยงานต่อ"อ่าวพี่ผัก คุยงานกับคุณสถาปนิกเสร็จแล้วเหรอ"ข้าวเม่าที่กำลังแจกบัวลอยที่ผักขาทำแบ่งใส่ถ้วยพลาสติกให้กับเหล่าผู้เหมาอยู่นั้น เมื่อหันมาเห็นพี่ชายตัวเองก็เอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเพราะนี้พึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองทำไมพี่ชายเขาคุยเร็วจัง"เอ่อ...."ผักขาที่ยังคิดข้อแก้ตัวกับน้องชายไม่ได้ก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แต่ทว่าชนาธิปที่เห็นท่าทีอึกอักของคนตัวเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยแทรกตอบข้าวเม่าไป"อ๋อ ยังหรอกครับคุณผักขาเขาบอกว่าจะให้ผมไปคุยที่บ้านน่ะครับ เห็นบอกว่าอยากให้คุณอรอนงค์ช่วยดูอีกทีว่าตรงไหนมีปัญหาหรือเปล่าถ้าเขาต้องการจะแก้ไข""ห๊ะ?"ผักขาเบิกตากว้างหันไปมองยังต้นเสียง
หลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกและเมื่อนายน์เห็นผักขาเอาแต่นั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือซักไซ้ก่อนที่จะหันกลับมาตั้งใจขับรถตรงไปบ้านของผักขาตามเดิมผ่านไปไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดสนิทในรั้วบ้านสองชั้นขนาดพอดี ชนาธิปจัดการดับเครื่องยนต์แล้วหันไปมองคนด้านข้างที่พอรถจอดสนิทก็เก็บข้าวของแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเร็ว โดยที่ไม่หันมามองคนตัวสูงแม้แต่น้อยและเมื่อเป็นอย่างนั้นตัวชนาธิปเองก็รีบปลดเบลท์เอี้ยวตัวไปคว้าแบบโครงสร้างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบลงจากรถก้าวเดินเร็วๆตามโอเมก้าร่างบางเข้าบ้าน"กลับมาแล้วเหรอผัก ทำไมกลับมาเร็วจัง"ทันทีที่สองเท้าของผักขาก้าวเข้ามาในบ้านเสียงของอรอนงค์ผู้เป็นแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ประจำก็ทักถามขึ้นทั้งที่สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกชายยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี"คุณนายผมไม่ได้มาคนเดียว"ผักขาที่เห็นผู้เป็นแม่นอนดูทีวีด้วยท่าทีสบาย ๆ ก็เอ่ยบอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวหรือกลับมากลับน้องชายนะ ให้รีบลุกขึ้น
"แม่ว่าไงนะ!"ทันภัทรร้องถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อได้ยินประโยคที่อรอนงค์ผู้ให้กำเนิดตัวเองเอ่ยบอกท่ามกลางโต๊ะกินข้าวมาอย่างนั้น"หูตึงหรือยังไงผักขา ก็บอกอยู่ว่าวันนี้นายน์จะค้างที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยตอบลูกชายคนโตกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางมือก็เอื้อมไปตักหารใส่จานข้าวของอัลฟ่าตัวสูงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่สนใจสีหน้าของลูกชายว่าตอนนี้แสดงสีหน้าตกใจมากแค่ไหน"!!!""กินเยอะๆนะจ๊ะนายน์""ขอบคุณครับคุณน้า"ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนได้ย้ายมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเป็นสี่นั้นก็คือ อัญชัน ลูกสาวคนสุดท้องของคุณนายอรอนงค์"ดะ เดี๋ยวสิแม่! ทำไมแม่ให้เขาค้างที่บ้านของเราล่ะ"ด้านผักขาที่พึ่งหายอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก็เอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจ"ก็เผอิญว่าโรงแรมที่นายน์เขาจองไว้มีปัญหา ทำให้เขาเข้าพักไม่ได้อีกอย่างเลขาเขาก็ติดธุระด่วนเลยไม่ว่างมาหาที่พักใหม่ให้ แม่ก็เลยให้นายน์พักที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟัง แต่ก็ดูเหมือนลูกชายของเธอจะยังคงไม่เข้าใจ
"คุณอย่าลืมสิว่าคุณเป็นคู่ของผมนะผักขา คุณห้ามไปยุ่งกับคนอื่น!"หลังจากจบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรและคนตัวสูงก็ยังคงจ้องสบตากันอยู่อย่างนั้น นายน์ที่จ้องมองนัยน์ตาอันวูบไหวของผักขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว จนใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นแต่ทว่าก่อนที่ริมฝีปากของนายน์จะแตะลงที่กลีบปากนุ่มของคนร่างบาง ข้าวเม่าที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็กระแอมไอขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดเป็นการขัดจังหวะ"อะ แฮม โว้ยยยอากาศวันนี้มันเร่าร้อนจริง ๆ เนาะ"ข้าวเม่าพูดขึ้นเสียงดังพลางก้าวเดินผ่านห้องรับแขกที่คนทั้งสองอยู่ตรงไปยังประตูทางออกของบ้านอย่างลอยหน้าลอยตาด้านผักขาที่ได้ยินเสียงของน้องชายก็ได้สติรีบยกมือขึ้นมาผลักอกแกร่งของนายน์ให้พ้นจากตัวเอง ก่อนจะรีบลุกจากโซฟาแล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อกลับห้องนอนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่วายที่จะหันมาว่าให้ชนาธิป"คุณมันบ้า คุณชนาธิป!""...""ทำอะไรก็เกรงใจสถานที่บ้าง นี่มันกลางบ้านนะครับคุณพี่สถาปนิก"ข้าวเม่าที่นั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่เอ่ยพูดข
"มาทำให้คนอื่นมีอารมณ์ด้วยแล้ว แล้วจะหนีกลับห้องหรือไงหะ"ประโยคที่ทินภัทรเอ่ยพูดนั้นทำให้ชนาธิปยืนเบิกตากว้างตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะเขานั้นคาดไม่ถึงว่าคนร่างบางตรงหน้าของเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะประโยคที่พูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ต่างจากผักขาชวนเขามีอะไรด้วยเลย"ผักขา...เมื่อกี้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"นายน์เดินกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของผักขาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถามคนตรงหน้าขึ้นว่า สิ่งที่ตัวเองเอ่ยพูดมาเมื่อกี้นั้นคิดดีแล้วใช่มั้ย หรือที่พูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายด้านผักขาที่นั่งเงียบอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคมอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของนายน์ แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่เท้าเล็กทั้งสองจะเขย่งขึ้น ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อ ทันใดนั้นริมฝีปากเล็กก็ประกบจูบริมฝีปากของนายน์อย่างแผ่วเบาริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ขยับนวดคลึงกลีบปากหนาเบา ๆ พลางกายบาง
เวลาผ่านพ้นไป3เดือนเวลา22:12นาทีในตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ของผักขาก็สร้างเสร็จมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้เองที่บ้านของผักขาก็กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้กับตึกใหม่ที่จะเปิดให้คนที่จองไว้เข้ามาพักอยู่ได้ในวันพรุ่งนี้และงานเลี้ยงในวันนี้เองก็เป็นการเลี้ยงส่งชนาธิปด้วยไปในตัวด้วยหลังจากเริ่มสังสรรค์กันตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ตัวของผักขาที่ดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเล็กน้อย ก็ได้หลบออกมาจากงานเลี้ยงมานั่งเหม่อดูดาวอยู่ที่ชิงช้ามุมประจำของเจ้าตัว"อพาร์ทเม้นท์ก็สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปนี้พี่มันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาที่นี้อีกแล้วซินะ"ผักขาที่นั่งแกร่งชิงช้าเล่นเบา ๆ พึมพำออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกวูบโหวงในใจ พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็แสดงแววตาวูบไหวเมื่อนึกได้ว่างานที่นี้ของชนาธิปได้จบลงแล้ว และคนเป็นพี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาที่นี้อีก"แล้วทำไมมึงต้องรู้สึกเศร้าด้วยเนี่ยผักขา พี่มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"ผักขาบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอีกครั้งพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่มีดวงจันทร์ทอประกายแสงอ
ณ.โรงพยาบาล"ครับ? คุณหมอว่ายังไงนะครับ?"ทินภัทรถามคุณหมอชายวัยกลางคนขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอึ้งตกใจ"ตอนนี้สถานะเพศรองของคนไข้ได้เปลี่ยนแปลงจากเบ้ตากลายเป็นอัลฟ่าแล้วครับ"คุณหมอเอ่ยแจ้งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางใจเย็นเพราะคุณหมอทราบดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นใครใครก็ตกใจ ก็อยู่ๆพี่น้องที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดก็เกิดมาสถานะเปลี่ยนเป็นอัลฟ่าแบบนี้ มันก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"เป็นไปได้ยังไง...."ผักขาพึมพำออกมาเสียงเบาอย่างคนหมดแรงพลางใบหน้าหวานก็ยังคงแสดงสีหน้าอย่างไม่อยากจะเชื้อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะรับรู้จากปากของคุณหมอด้านนายน์ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆ เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนแรงของผักขาก็เอื้อมมือไปกุมมือบางเพื่อเป็นการให้กำลังใจ"ไม่เป็นไรนะ"นายน์หันมาเอ่ยพูดกับคนร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนโยน"หมอเข้าใจนะครับว่าตอนนี้ญาติของคนไข้กำลังตกใจแต่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เพราะสถานะเพศรองของบางคนเขาก็ซ่อนอยู่กว่าจะแสดงสถานะจริง ๆ ของตัวเองออกมาก็ตอนที่โตเต็มไวหรือก็คือช่วง
หลังจากจบมื้ออาหารเที่ยงที่ชนาธิปได้แต่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ดูคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดมื้ออาหารนั้น ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามก็ได้มายืนกันอยู่ที่ลานจอดรถของร้าน"แล้วนี่เรากลับห้องยังไงเหรอต้นไม้"เป็นเสียงของผักขาที่เอ่ยถามเด็กหนุ่มตัวสูงขึ้นหลังจากหยุดเท้าอยู่ใกล้ ๆ กับรถยนต์ของนายน์"ซิ่งมอเตอร์ไซต์กลับครับผม"ต้นไม้ตอบคนร่างบางกลับด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้น ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบก้มหน้าค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าพายของตัวเองและเมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็ยื่นให้ผักขาด้วยใบหน้ากระตือรือร้นทันที"หื้มมซองอะไรอ่ะ"ผักขาถามขึ้นพลางเอื้อมมือไปรับซองสีขาวที่ต้นไม้ยื่นมาให้ด้วยใบหน้าสงสัย"ซองเงินค่าเช่าของเดือนนี้ครับ ขอโทษที่ผมจ่ายช้านะครับ""โอ๊ยยยไม่เป็นไรเลยต้นไม้ เรามีเมื่อไหร่ค่อยเอามาจ่ายพี่ก็ได้"ผักขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาเด็กตรงหน้าแล้วเอื้อมมือลูบหัวทุยของต้นไม้อย่างนึกเอ็นดูเหมือนน้องชายตัวเองอีกคนต่างกับคนตัวสูงที่ในตอนนี้ยืนกำหมัดแน่นอย่างนึกหงุดหงิดและแสดงสีหน้าไม่พอใจ ที่ผักข
"ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาให้ฉันกับผักขาเห็นหน้าอีก แล้วก็อีกอย่างควบคุมฟีโรโมนเหม็น ๆ นี้ของเธอซะเลิกปล่อยมันออกมาสักที ฉันจะอ้วก!"หลังจากจบประโยคที่ชนาธิปเอ่ยน้ำฝนที่รู้สึกอายที่โดนนายน์ว่าให้อย่างนั้น ก็รีบหันหลังเดินหนีกลับไปยังรถของตัวเองและโทรเรียกให้ผู้เป็นพ่อมาพาตัวเองกลับบ้านผ่านไปไม่นานสักพ่อของน้ำฝนก็เดินกลับมาที่รถด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนที่จะขึ้นรถขับออกไปโดยที่ไม่เอ่ยลานายน์และผักขาเลย"เฮ่อออพรุ่งนี้ต้องมีข่าวลือแปลก ๆ ออกมาอีกแน่ ๆ "ผักขาถอนหายใจทิ้งพร้อมกับสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่จะหันไปมองคนตัวสูงก็พบว่านายน์นั้นมองมายังตัวเองอยู่ก่อนแล้วด้านนายน์ที่ได้ยินสิ่งที่คนร่างบางเอ่ยบ่นก็มองด้วยสายตาแสดงถึงความเป็นห่วง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปจับมือบางแล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"ไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าเกิดมีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับผัก พี่จะเป็นคนสยบข่าวพวกนั้นของผักขาเอง"หลังจากจบประโยคที่คนตัวสูงเอ่ย ทินภัทรก็ยืนนิ่งจ้องมองสบกับนัยน์ตาคมของชนาธิปด้วยแววตานิ่ง ๆ พลันก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายก็เริ่มเต้นผิดจังห
เวลา08:23นาทีหลังจากที่ทินภัทรเกิดอาการฮีทและได้ชนาธิปใช้มือช่วยตลอดอาการฮีท เช้าวันถัดมาอาการฮีทของโอเมก้ากลิ่นผักชะอมอย่างผักขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เจ้าตัวถึงช่วงฮีทตัวของผักขาต้องทนทุกข์กับความทรมานที่ไม่มีฟีโรโมนจากอัลฟ่าคู่ของตัวเองค่อยทำให้สบายใจอยู่ในห้องถึง2-3วัน แต่ทว่าครั้งนี้อาการฮีทของผักขากลับหายไปเพียงแค่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองนี้คงจะเป็นผลจากการที่ได้ฟีโรโมนของคู่พันธะค่อยปลอบประโลมซินะ"คุณน้ากับอัญชันจะกลับมาวันไหนเหรอครับผัก"เสียงทุ้มของคนตัวสูงที่นั่งอยู่โต๊ะกินข้าวเรียกสติผักขาที่กำลังยืนทำกับข้าวอย่างเหม่อลอยอยู่กับความคิดให้หันมาสนใจยังต้นเสียง"ไม่แน่ใจ คุณนายบอกแค่ว่าจะไปต่างจังหวัดกับยัยอัญ2-3วันแค่นั้นเอง"ผักขาที่ได้สติกลับมาก็หันมามองนายน์ ก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงเบาแล้วหันกลับไปสนใจการทำอาหารตรงหน้าต่อ"อ่ออย่างงั้นเหรอครับ แล้วผักมีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย"นายย์ขานรับเสียงเบา ก่อนที่จะหั
ข้าวเม่าเวลา06:17นาทีเจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราบนเตียงนอนขนาด5ฟุตเป็นต้องสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เมื่ออยู่ๆเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มข้างในร่างกาย จนทำให้เจ้าตัวต้องดีดตัวลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบหนักอยู่ข้างเตียงนอนที่ในตอนนี้มีเพื่อนร่างบางของเขานอนคว่ำหลับใหลเปลือยกายอยู่อีกฝั่งของเตียงนอน"อึก เป็นอะไรวะเนี่ยอยู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกร้อนขึ้นมา"ข้าวเม่าสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบาพลางนัยน์ตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อนร่างบางเจ้าของห้องที่ตอนนี้นอนคว่ำโชว์แผ่นหลังขาวเนียนให้เขาดูอยู่"หลับสบายเชียวนะ"คนตัวสูงบ่นออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายของตัวเองระหว่างที่ข้าวเม่ากำลังอาบน้ำอยู่นั้น ตัวของข้าวเม่าเองก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่ที่ข้าวเม่ารู้สะดุ้งตื่นมาเขาก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกร้อนรุ่มและครั่นเนื้อครั่นตัว แถมเขายังรู้สึกมีอารมณ์ความต้องการมากกว่
หลายวันผ่านไปทินภัทรยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่ผ่านมา คือตื่นเช้ามาก็ทำอาหารและกินข้าวกับครอบครัว พอสายหน่อยก็แวะไปดูความคืบหน้าของไซต์งานก่อสร้าง ตกบ่ายก็ไปเดินตลาดกับน้องชายเพื่อเก็บค่าเช่าแผงกับซื้อของมาทำอาหารในมื้อเย็น พอถึงช่วงค่ำกินข้าวอะไรเสร็จผักขาก็มานั่งเล่นมือถือที่ชิงช้าตัวเดิมเหมือนรอใครบางคนทักหาหรือไม่ก็โทรหาตัวเขา"วันนี้เงียบหายไปเลยแฮะ"ผักขาสบถกับตัวเองเสียงเบาหลังจากที่เขาออกมานั่งเล่นอยู่ตรงนี้นานนับชั่วโมง แล้วก็ไม่เห็นอัลฟ่าตัวสูงที่มักจะทักมาหรือโทรมากวนตัวเขาในเวลาช่วงนี้ของทุกวัน"หายไปไหนของเขานะ?"ผักขายังคงสบถบ่นกับตัวเองพลางนัยน์ตาสวยก็เหลือบมองที่หน้าจอมือถือของตัวเองเป็นระยะๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเงยหน้าทอดสายตามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่วันนี้แทบจะไร้ดวงดาวให้เขาดู"วันนี้ท้องฟ้าก็แทบไม่มีดาวให้เห็นอีกแล้วเหรอเนี่ย"ทินภัทรนั่งเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำราตรีอยู่นั้นพลันอยู่ ๆ ภายในร่างกายของผักขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเจ้าตัวต้องยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบแขนทั้งสองข้างของ
วันเวลาผ่านพ้นไป1สัปดาห์แสงจันทร์ทอประกายและแสงระยิบระยับของหมู่ดาวในทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เจิดจรัสงดงามอยู่บนท้องฟ้า ทินภัทรที่ไม่มีอะไรทำหรือไม่มีใครคอยมากวนใจเฉกเช่นหลายวันก่อนที่ผ่านมา ก็ปลีกตัวมานั่งทำหน้าหงอยมองผืนฟ้าอยู่ที่ชิงช้าตัวเดิมที่ทุกวันนี้แทบจะเป็นที่ประจำของเจ้าตัวอยู่แล้ว"มานั่งทำเอ็มวีอะไรอยู่นี้อ่ะพี่ผัก ไม่กลัวยุงมาหามไปหรือไง"เสียงทุ้มของน้องชายที่พึ่งจะเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงที่ชิงช้าตัวข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น พลันนัยน์ตาคมของข้าวเม่าก็ลอบมองสังเกตท่าทีของพี่ชายตัวเองไปด้วย"ก็เปล่า ก็มันไม่มีอะไรให้ทำแล้วอ่ะ ไซต์งานอะไรก็ไม่มีอะไรให้ไปตรวจดูแล้ว หอพักเองอัญชันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้วช่วงนี้พี่ก็เลยไม่รู้จะทำอะไร เลยรู้สึกเบื่อ ๆ นิดหน่อยก็เลยมานั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นี้อย่างที่เห็น"ผักขาเอ่ยตอบอธิบายกับน้องชายยาวเหยียด ก่อนที่จะพ่นลมหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่"อ่อเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าพี่ชายจะเหงาที่หลายวันที่ผ่านมานี้ไม่มีคนมาคอยกวนใจ"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายียวนกวนประสาทพี่ชายพร้อมกับออกแรงเท้า