"แม่ว่าไงนะ!"ทันภัทรร้องถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อได้ยินประโยคที่อรอนงค์ผู้ให้กำเนิดตัวเองเอ่ยบอกท่ามกลางโต๊ะกินข้าวมาอย่างนั้น
"หูตึงหรือยังไงผักขา ก็บอกอยู่ว่าวันนี้นายน์จะค้างที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยตอบลูกชายคนโตกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางมือก็เอื้อมไปตักหารใส่จานข้าวของอัลฟ่าตัวสูงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่สนใจสีหน้าของลูกชายว่าตอนนี้แสดงสีหน้าตกใจมากแค่ไหน
"!!!"
"กินเยอะๆนะจ๊ะนายน์"
"ขอบคุณครับคุณน้า"
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนได้ย้ายมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเป็นสี่นั้นก็คือ อัญชัน ลูกสาวคนสุดท้องของคุณนายอรอนงค์
"ดะ เดี๋ยวสิแม่! ทำไมแม่ให้เขาค้างที่บ้านของเราล่ะ"ด้านผักขาที่พึ่งหายอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก็เอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจ
"ก็เผอิญว่าโรงแรมที่นายน์เขาจองไว้มีปัญหา ทำให้เขาเข้าพักไม่ได้อีกอย่างเลขาเขาก็ติดธุระด่วนเลยไม่ว่างมาหาที่พักใหม่ให้ แม่ก็เลยให้นายน์พักที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟัง แต่ก็ดูเหมือนลูกชายของเธอจะยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
"แต่เขาก็ไปหาโรงแรมใหม่เองก็ได้นี่"
"เอ๊ะ! ไอ้ลูกคนนี้นี่ ทำไมถึงได้ไร้มารยาทขนาดนี้ เอาเป็นว่าแม่จะให้นายน์เขาพักที่บ้านของเราเพราะฉะนั้นเลิกถามแล้วก็กินข้าวซะ"
"แม่...."
"เอาเถอะพี่ผัก ยังไงพี่ก็ขัดใจแม่ไม่ได้อยู่แล้ว ยอม ๆ ไปเถอะ"อัญชันที่นั่งฟังพี่ชายกับแม่เถียงกันอยู่นานก็เอ่ยพูดขึ้นพลางเอื้อมมือไปตักไข่เจียวชะอมมาใส่จานพี่ชาย เพื่อให้พี่ชายตัวเองได้กินของที่ชอบแล้วจะได้ใจเย็นลงบ้าง ทว่าดวงตาหวานก็ลอบมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายและเขาอย่างนึกสงสัย
เพราะตั้งแต่ที่อัญชันกลับบ้านมาเขาก็สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มตัวสูงคนนี้มักจะวางสายตาไปยังที่พี่ชายของเขาอยู่บ่อยครั้ง
"แม่! อัญ! จมูกผมต้องมีปัญหาแน่ ๆ ผมได้กลิ่นฟีโรโมนของไอ้พี่ผักขาอีกแล้ว!"
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของข้าวเม่าที่พึ่งกลับมาถึงบ้านวิ่งตรงเข้ามา เพื่อพูดหยอกล้อเล่นเหมือนทุกทีที่ผักขาทำไข่เจียวชะอม
"แกจะแหกปากทำไมข้าวเม่า เห็นมั้ยว่าเรามีแขก"เป็นคุณนายอรอนงค์เอ่ยด่าลูกชายคนกลางขึ้นทันที ส่วนข้าวเม่าที่พึ่งจะหันไปเห็นนายน์ที่นั่งส่งยิ้มมาให้ตัวเองบาง ๆ ก็รีบพุ่งตัวไปนั่งเก้าอี้ด้านข้างพร้อมกับเอ่ยชวนคุยทันที
"อ่าวคุณพี่ชายสถาปนิกยังไม่กลับเหรอครับ"
"ยังครับ พอดีโรงแรมที่ผมจองเขามีปัญหาทำให้ผมถูกยกเลิกห้องพัก คุณน้าอรเขาเลยให้ผมพักที่นี้น่ะครับ"นายน์เอ่ยตอบกลับไปยิ้มๆ
"เฮ้ยจริงเหรอ ทำไมโรงแรมแย่แบบนี้อ่ะ แล้วงี้พี่มาดูงานกี่วันอยู่พักที่บ้านผมจนกว่าจะดูงานกับผู้รับเหมาเสร็จเลยก็ได้นะพี่ ค่อยไม่เปลืองค่าที่พัก"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นมารัว ๆ อย่างคนไม่ค่อยจะคิดมากนักพลางมือก็เอื้อมไปจัดแจงตักข้าวใส่จานไปด้วย
แต่หารู้ไม่ว่าประโยคที่ข้าวเม่าพูดขึ้นมานั้น ทำให้พี่ชายของตัวเองที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่นั้นแทบจะสำลักข้าวติดคอ
"ไอ้ข้าวเม่า!แกนั่งเงียบ ๆ มันจะตายหรือไง!"
"อะไรของพี่อีกเนี่ย จะหาเรื่องกันหรือไง"
"หื้ม สิ่งที่ข้าวเม่าพูดมันก็มีเหตุผลนะ ว่าไงจ๊ะนายน์ เรามาดูงานที่นี้กี่วันเหรอ"คุณนายอรอนงค์ที่ดูจะถูกชะตากับนายน์ตั้งแต่แรกที่คุยงานกันผ่านมือถือและยิ่งมาเจอหน้ากันก็ยิ่งดูชอบเข้าไปใหญ่ เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายคนกลางเอ่ยพูดแบบนั้นก็เห็นดีเห็นชอบขึ้นมาทันที
"แม่....แบบนั้นจะไม่ทำให้เขาอึดอัดหรือไง"ผักขาเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
"ผมไม่อึดอัดเลยครับ ผมรู้สึกมีความสุขมากกว่า"
จิ๊! ไม่ต้องมาส่งยิ้มให้เลยนะ!
"โอ๊ยอย่างนั้นหรือจ๊ะแล้วตกลงเราจะค้างกี่วันล่ะ"
"ที่ผมวางแผลนไว้คือ1อาทิตย์ครับ ต้องอยู่รอดูผู้รับเหมาวางเสาร์เขมให้เสร็จก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยกลับมาเช็กความคืบหน้าเดือนล่ะ2-3ครั้งครับ"นายน์เอ่ยตอบอรอนงค์พร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้คนร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะตักของชอบอย่างไข่เจียวชะอมยื่นไปใส่จานให้ผักขาต่อหน้าของทุกคน
"อุ้ยอย่างนั้นหรือจ๊ะ งั้นหลังจากนี้เวลามาดูความเรียบร้อยก็ไม่ต้องจองที่พักนะมาพักที่บ้านของน้าได้เลย"
คุณนายอรอนงค์ที่เห็นนายน์ตักไข่เจียวใส่จานของลูกชายคนโตพร้อมส่งยิ้มหวานให้แบบนั้นก็พลันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างชอบใจ ก่อนที่จะเอ่ยชวนเปิดทางให้อัลฟ่าหนุ่ม เพราะเธอนั้นดูออกถึงสายตาที่เด็กหนุ่มตัวสูงนี้ใช้มองลูกชายของเธออย่างแสดงออกว่าชอบอย่างชัดเจน
"งั้นผมต้องขอรบกวนทุก ๆ ครั้งที่มาแล้วล่ะครับ"
"ได้เลยจ้ะ"
"เฮ่ออยากจะบ้าตาย"
ส่วนตอนนี้ผักขานั้นอยากจะยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองเหลือเกิน ทำไมฟ้าถึงได้กลั่นแกล้งส่งให้อีตาคนนี้กลับมาเจอกับตัวเขาอีกครั้งนะ อุสาห์เขาหนีมาได้ตั้ง5ปีแล้ว แถมการกลับมาเจอกันครั้งนี้ดูท่าคุณนายอรอนงค์แม่ของเขาจะชอบอีตาคุณชนาธิปนี้อีกด้วย
เขาไม่น่าไปเห็นรีวิวบริษัทไอ้บ้านายน์นี้แล้วเอามาบอกแม่ของเขาเลย
3วันต่อมา
เวลา19:16นาที
"นี่คุณ คุณไม่ไปพักที่ห้องหรือไง"เสียงใสเอ่ยถามคนตัวสูงที่นั่งดูงานในไอแพดอยู่ที่โซฟาตัวข้างๆกันขึ้น
"ไม่ล่ะครับ กลับไปห้องตอนนี้ผมก็อยู่คนเดียว นั่งทำงานอยู่ที่นี้ดีกว่าไม่เหงาด้วย"ชนาธิปเงยหน้ามาตอบยิ้มๆ ก่อนที่จะก้มหน้าดูงานในไอแพดต่อ
ในตอนนี้ชนาธิปนั้นได้นั่งดูงานของตัวเองอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีผักขาที่กำลังช่วยอัญชันดูเรื่องค่าเช่าหอของเดือนนี้อยู่ด้วย
เดิมทีหอพักตึกนี้เป็นหอที่คุณนายน์อรอนงค์ให้ผักขาดูแลตั้งแต่ที่เรียนจบมาและตั้งใจจะโอนให้เป็นชื่อของผักขา
เธอนั้นตั้งใจจะว่างมือและส่งต่อกิจการต่าง ๆ ของเธอให้กับลูก ๆ โดยให้หอพักนันทพิวัฒน์กับลูกชายคนโตอย่างผักขาและให้ตลาดแกลูกชายคนรองอย่างข้าวเม่า ส่วนอัญชันเธอตั้งใจจะสร้างอพาร์ทเม้นท์ตึกใหม่และส่งให้เธอดูแล
แต่ทว่าอัญชันขอเปลี่ยนกับผักขาเพราะเธอบอกว่ามันนั้นดูจะยุ่งยากเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างเธอ เพราะมันต้องคอยไปดูนู่นนี่นั้นและเธอเองก็ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการดูแลตึกและข้าวของที่ต้องหาเข้ามาในตึกเท่าไร่นัก เธอเลยขอดูแลตึกเก่าต่อจากผักขาดีกว่าและยกตึกใหม่ให้ผักขาดูแลแล้วระหว่างที่ตึกกำลังสร้างอยู่เธอก็จะให้ผักขาช่วยสอนสิ่งต่าง ๆ ให้เธอด้วย
"เอ่อนี่พี่ผัก เด็กพี่อ่ะเดือนนี้เขาบอกขอจ่ายช้าหน่อยนะเหมือนน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน"อัญชันที่นั่งดูสมุดบัญชีอยู่เอ่ยพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
และประโยคที่อัญชันเอ่ยขึ้นมานั้นได้เรียกความสนใจของนายน์ให้เงยหน้าจากไอแพดในมือหันไปมองยังคนร่างบางสลับกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยเหมือนกัน
"หืม ต้นไม้น่ะเหรอ"
ทำไมไม่ปฏิเสธคำว่า เด็กพี่ ล่ะ
เกิดความสงสัยขึ้นมาในหัวของนายน์ทันที เมื่อผักขาไม่ได้เอ่ยปฏิเสธน้องสาวของตัวเอง แถมท่าทางของผักขายังดูเหมือนจะสนใจคนที่ชื่อว่าต้นไม้อะไรนั้นมากซะด้วย
"ใช่ เห็นบอกว่าเงินออกเมื่อไหร่เดี๋ยวจะรีบทักหาพี่และเอามาให้พี่ทันที"
ทักหา? นี่แสดงว่ามีช่องทางติดต่อกันด้วย?
"อ่อ โอเค ๆ แต่ความจริงให้ต้นไม้จ่ายกับอัญเลยก็ได้นะ เพราะยังไงอัญก็ดูแลตึกนั้นแทนพี่แล้ว"ผักขาเอ่ยพูดขึ้นตามความเป็นจริง เพราะหอพักนั้นเป็นของอัญชันถึงแม้ว่าตอนนี้ตัวผักขาจะดูแลร่วมกับน้องสาวอยู่ก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็เป็นอัญชันดูแลเพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องบอกเขาเรื่องนี้เลยก็ได้
"แหม มันก็ใช่อยู่หรอกแต่ทำไงได้เด็กมันอยากจ่ายกับคนของใจนี้น่า เฮ่อเบื่อคนมีเด็กติดจริง ๆ หนีขึ้นห้องดีกว่า"อัญชันเอ่ยแซวพี่ชายขึ้นอย่างหยอกล้อ ก่อนที่จะเก็บข้าวของแล้วหนีขึ้นห้องไปจริง ๆ ปล่อยให้ผักขานั่งส่ายหน้าให้น้องสาวเบา ๆ อยู่กับนายน์สองคน
"คุณมีแฟนแล้วเหรอ"นายน์เอ่ยถามผักขาขึ้นหลังจากอัญชันเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน พลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองมาที่ผักขาด้วยแววตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
"แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย"
"ผักขาผมไม่ตลกนะ"นายน์กดพูดเสียงต่ำพลางหัวคิ้วทั้งสองก็ขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปม เมื่อได้คำตอบที่ไม่ค่อยจะเข้าหูตัวเองสักเท่าไหร่
"แล้วเห็นผมตลกหรือไง"
"ผักขา"
ฟีโรโมนกลิ่นหอมของดอกมะลิเริ่มแพร่กระจายออกมาจากร่างกายของอัลฟ่าตัวสูง เมื่อภายในใจเริ่มขุ่นมัวไม่สบอารมณ์ที่รับรู้ว่าคู่ของตัวเองมีคนอื่นมายุ่งวุ่นวาย
ส่วนด้านผักขาที่รับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนของนายน์ที่แพร่กระจายออกมาถึงความไม่พอใจ ก็เริ่มเกิดอาการตื่นตระหนกและร่างกายสั่นเทาไปตามสัญชาตญาณ
ชนาธิปหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของร่างบางที่กำลังนั่งตัวสั่นเท่าอยู่บนโซฟาตัวยาว ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปช้อนค้างของผักขาให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตัวเองแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าหวานและเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"คุณอย่าลืมสิว่าคุณเป็นคู่ของผมนะผักขา คุณห้ามไปยุ่งกับคนอื่น!"
"คุณอย่าลืมสิว่าคุณเป็นคู่ของผมนะผักขา คุณห้ามไปยุ่งกับคนอื่น!"หลังจากจบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรและคนตัวสูงก็ยังคงจ้องสบตากันอยู่อย่างนั้น นายน์ที่จ้องมองนัยน์ตาอันวูบไหวของผักขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างลืมตัว จนใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นแต่ทว่าก่อนที่ริมฝีปากของนายน์จะแตะลงที่กลีบปากนุ่มของคนร่างบาง ข้าวเม่าที่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็กระแอมไอขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดเป็นการขัดจังหวะ"อะ แฮม โว้ยยยอากาศวันนี้มันเร่าร้อนจริง ๆ เนาะ"ข้าวเม่าพูดขึ้นเสียงดังพลางก้าวเดินผ่านห้องรับแขกที่คนทั้งสองอยู่ตรงไปยังประตูทางออกของบ้านอย่างลอยหน้าลอยตาด้านผักขาที่ได้ยินเสียงของน้องชายก็ได้สติรีบยกมือขึ้นมาผลักอกแกร่งของนายน์ให้พ้นจากตัวเอง ก่อนจะรีบลุกจากโซฟาแล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อกลับห้องนอนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่วายที่จะหันมาว่าให้ชนาธิป"คุณมันบ้า คุณชนาธิป!""...""ทำอะไรก็เกรงใจสถานที่บ้าง นี่มันกลางบ้านนะครับคุณพี่สถาปนิก"ข้าวเม่าที่นั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่เอ่ยพูดข
วันต่อมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ผักขาได้มีปากเสียงกับน้ำฝน ในวันนี้ก็เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวข้องของผักขาดังขึ้นในหมู่บ้านอีกครั้งและตัวผักขาเองก็พอจะรู้ว่าใครเอาข่าวเกี่ยวกับเขาไปแพร่กระจายให้คนเขาเอามาพูดกันเสีย ๆ หาย ๆยัยน้ำฝนตัวดีนั้นแน่ ๆยัยบ้านั้นคงจะโมโหที่เมื่อวานโดนชนาธิปข่มขู่เป็นแน่ เพราะหลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิปที่ว่าห้ามมายุ่งวุ่นวายกับตัวเขาอีก น้ำฝนก็รีบวิ่งหนีไปทันทีและหลังจากนั้นพวกเราทั้งสองก็พากันกลับบ้านโดยที่ไม่มีใครได้เอ่ยพูดอะไรอีก"ทำไมอยู่ ๆ พวกแม่ค้าพ่อค้าที่ตลาดก็เอาเรื่องคู่ของพี่ผักมาพูดอีกแล้ว"ข้าวเม่าที่พึ่งกลับมาถึงบ้านเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจทันทีที่นั่งลงยังโซฟาในห้องรับแขกที่ในตอนนี้ทุกคนได้นั่งรวมตัวกันดูทีวีกับคุณนายอรอนงค์อยู่"เฮ่อ ช่างมันเถอะเรื่องของเขา อยากพูดอะไรก็พูดไปเดี๋ยวพวกเขาก็พากันลืมแล้วหาเรื่องใหม่มาพูดอยู่ดี"ผักขาถอนหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่พลางมือก็จิ้มผลผลไม้เข้าปากกิน ส่วนดวงตาก็มองไปย
วันเวลาผ่านพ้นไป1สัปดาห์แสงจันทร์ทอประกายและแสงระยิบระยับของหมู่ดาวในทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เจิดจรัสงดงามอยู่บนท้องฟ้า ทินภัทรที่ไม่มีอะไรทำหรือไม่มีใครคอยมากวนใจเฉกเช่นหลายวันก่อนที่ผ่านมา ก็ปลีกตัวมานั่งทำหน้าหงอยมองผืนฟ้าอยู่ที่ชิงช้าตัวเดิมที่ทุกวันนี้แทบจะเป็นที่ประจำของเจ้าตัวอยู่แล้ว"มานั่งทำเอ็มวีอะไรอยู่นี้อ่ะพี่ผัก ไม่กลัวยุงมาหามไปหรือไง"เสียงทุ้มของน้องชายที่พึ่งจะเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งลงที่ชิงช้าตัวข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น พลันนัยน์ตาคมของข้าวเม่าก็ลอบมองสังเกตท่าทีของพี่ชายตัวเองไปด้วย"ก็เปล่า ก็มันไม่มีอะไรให้ทำแล้วอ่ะ ไซต์งานอะไรก็ไม่มีอะไรให้ไปตรวจดูแล้ว หอพักเองอัญชันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้วช่วงนี้พี่ก็เลยไม่รู้จะทำอะไร เลยรู้สึกเบื่อ ๆ นิดหน่อยก็เลยมานั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นี้อย่างที่เห็น"ผักขาเอ่ยตอบอธิบายกับน้องชายยาวเหยียด ก่อนที่จะพ่นลมหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่"อ่อเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าพี่ชายจะเหงาที่หลายวันที่ผ่านมานี้ไม่มีคนมาคอยกวนใจ"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้ายียวนกวนประสาทพี่ชายพร้อมกับออกแรงเท้า
หลายวันผ่านไปทินภัทรยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมที่ผ่านมา คือตื่นเช้ามาก็ทำอาหารและกินข้าวกับครอบครัว พอสายหน่อยก็แวะไปดูความคืบหน้าของไซต์งานก่อสร้าง ตกบ่ายก็ไปเดินตลาดกับน้องชายเพื่อเก็บค่าเช่าแผงกับซื้อของมาทำอาหารในมื้อเย็น พอถึงช่วงค่ำกินข้าวอะไรเสร็จผักขาก็มานั่งเล่นมือถือที่ชิงช้าตัวเดิมเหมือนรอใครบางคนทักหาหรือไม่ก็โทรหาตัวเขา"วันนี้เงียบหายไปเลยแฮะ"ผักขาสบถกับตัวเองเสียงเบาหลังจากที่เขาออกมานั่งเล่นอยู่ตรงนี้นานนับชั่วโมง แล้วก็ไม่เห็นอัลฟ่าตัวสูงที่มักจะทักมาหรือโทรมากวนตัวเขาในเวลาช่วงนี้ของทุกวัน"หายไปไหนของเขานะ?"ผักขายังคงสบถบ่นกับตัวเองพลางนัยน์ตาสวยก็เหลือบมองที่หน้าจอมือถือของตัวเองเป็นระยะๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเงยหน้าทอดสายตามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่วันนี้แทบจะไร้ดวงดาวให้เขาดู"วันนี้ท้องฟ้าก็แทบไม่มีดาวให้เห็นอีกแล้วเหรอเนี่ย"ทินภัทรนั่งเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำราตรีอยู่นั้นพลันอยู่ ๆ ภายในร่างกายของผักขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเสียดื้อๆ จนเจ้าตัวต้องยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบแขนทั้งสองข้างของ
ข้าวเม่าเวลา06:17นาทีเจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราบนเตียงนอนขนาด5ฟุตเป็นต้องสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เมื่ออยู่ๆเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มข้างในร่างกาย จนทำให้เจ้าตัวต้องดีดตัวลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบหนักอยู่ข้างเตียงนอนที่ในตอนนี้มีเพื่อนร่างบางของเขานอนคว่ำหลับใหลเปลือยกายอยู่อีกฝั่งของเตียงนอน"อึก เป็นอะไรวะเนี่ยอยู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกร้อนขึ้นมา"ข้าวเม่าสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบาพลางนัยน์ตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อนร่างบางเจ้าของห้องที่ตอนนี้นอนคว่ำโชว์แผ่นหลังขาวเนียนให้เขาดูอยู่"หลับสบายเชียวนะ"คนตัวสูงบ่นออกมาเสียงเบาด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายของตัวเองระหว่างที่ข้าวเม่ากำลังอาบน้ำอยู่นั้น ตัวของข้าวเม่าเองก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่ที่ข้าวเม่ารู้สะดุ้งตื่นมาเขาก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของเขานั้นรู้สึกร้อนรุ่มและครั่นเนื้อครั่นตัว แถมเขายังรู้สึกมีอารมณ์ความต้องการมากกว่
เวลา08:23นาทีหลังจากที่ทินภัทรเกิดอาการฮีทและได้ชนาธิปใช้มือช่วยตลอดอาการฮีท เช้าวันถัดมาอาการฮีทของโอเมก้ากลิ่นผักชะอมอย่างผักขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ปกติแล้วเวลาที่เจ้าตัวถึงช่วงฮีทตัวของผักขาต้องทนทุกข์กับความทรมานที่ไม่มีฟีโรโมนจากอัลฟ่าคู่ของตัวเองค่อยทำให้สบายใจอยู่ในห้องถึง2-3วัน แต่ทว่าครั้งนี้อาการฮีทของผักขากลับหายไปเพียงแค่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองนี้คงจะเป็นผลจากการที่ได้ฟีโรโมนของคู่พันธะค่อยปลอบประโลมซินะ"คุณน้ากับอัญชันจะกลับมาวันไหนเหรอครับผัก"เสียงทุ้มของคนตัวสูงที่นั่งอยู่โต๊ะกินข้าวเรียกสติผักขาที่กำลังยืนทำกับข้าวอย่างเหม่อลอยอยู่กับความคิดให้หันมาสนใจยังต้นเสียง"ไม่แน่ใจ คุณนายบอกแค่ว่าจะไปต่างจังหวัดกับยัยอัญ2-3วันแค่นั้นเอง"ผักขาที่ได้สติกลับมาก็หันมามองนายน์ ก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงเบาแล้วหันกลับไปสนใจการทำอาหารตรงหน้าต่อ"อ่ออย่างงั้นเหรอครับ แล้วผักมีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย"นายย์ขานรับเสียงเบา ก่อนที่จะหั
"ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาให้ฉันกับผักขาเห็นหน้าอีก แล้วก็อีกอย่างควบคุมฟีโรโมนเหม็น ๆ นี้ของเธอซะเลิกปล่อยมันออกมาสักที ฉันจะอ้วก!"หลังจากจบประโยคที่ชนาธิปเอ่ยน้ำฝนที่รู้สึกอายที่โดนนายน์ว่าให้อย่างนั้น ก็รีบหันหลังเดินหนีกลับไปยังรถของตัวเองและโทรเรียกให้ผู้เป็นพ่อมาพาตัวเองกลับบ้านผ่านไปไม่นานสักพ่อของน้ำฝนก็เดินกลับมาที่รถด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนที่จะขึ้นรถขับออกไปโดยที่ไม่เอ่ยลานายน์และผักขาเลย"เฮ่อออพรุ่งนี้ต้องมีข่าวลือแปลก ๆ ออกมาอีกแน่ ๆ "ผักขาถอนหายใจทิ้งพร้อมกับสบถบ่นกับตัวเองเสียงเบา ก่อนที่จะหันไปมองคนตัวสูงก็พบว่านายน์นั้นมองมายังตัวเองอยู่ก่อนแล้วด้านนายน์ที่ได้ยินสิ่งที่คนร่างบางเอ่ยบ่นก็มองด้วยสายตาแสดงถึงความเป็นห่วง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปจับมือบางแล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"ไม่ต้องคิดมากนะครับ ถ้าเกิดมีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับผัก พี่จะเป็นคนสยบข่าวพวกนั้นของผักขาเอง"หลังจากจบประโยคที่คนตัวสูงเอ่ย ทินภัทรก็ยืนนิ่งจ้องมองสบกับนัยน์ตาคมของชนาธิปด้วยแววตานิ่ง ๆ พลันก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายก็เริ่มเต้นผิดจังห
หลังจากจบมื้ออาหารเที่ยงที่ชนาธิปได้แต่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ดูคนทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดมื้ออาหารนั้น ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามก็ได้มายืนกันอยู่ที่ลานจอดรถของร้าน"แล้วนี่เรากลับห้องยังไงเหรอต้นไม้"เป็นเสียงของผักขาที่เอ่ยถามเด็กหนุ่มตัวสูงขึ้นหลังจากหยุดเท้าอยู่ใกล้ ๆ กับรถยนต์ของนายน์"ซิ่งมอเตอร์ไซต์กลับครับผม"ต้นไม้ตอบคนร่างบางกลับด้วยใบหน้ายิ้มทะเล้น ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบก้มหน้าค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าพายของตัวเองและเมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็ยื่นให้ผักขาด้วยใบหน้ากระตือรือร้นทันที"หื้มมซองอะไรอ่ะ"ผักขาถามขึ้นพลางเอื้อมมือไปรับซองสีขาวที่ต้นไม้ยื่นมาให้ด้วยใบหน้าสงสัย"ซองเงินค่าเช่าของเดือนนี้ครับ ขอโทษที่ผมจ่ายช้านะครับ""โอ๊ยยยไม่เป็นไรเลยต้นไม้ เรามีเมื่อไหร่ค่อยเอามาจ่ายพี่ก็ได้"ผักขาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปหาเด็กตรงหน้าแล้วเอื้อมมือลูบหัวทุยของต้นไม้อย่างนึกเอ็นดูเหมือนน้องชายตัวเองอีกคนต่างกับคนตัวสูงที่ในตอนนี้ยืนกำหมัดแน่นอย่างนึกหงุดหงิดและแสดงสีหน้าไม่พอใจ ที่ผักข
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*หลังจากจบการไปเที่ยวฮันนีมูนกัน ชนาธิปก็พาผักขามาหาคุณหญิงรตรีและประสิทธิ์ชัยผู้เป็นพ่อ เพื่อบอกข่าวดีว่าผักขาภรรยาตัวน้อยของเขาได้ตั้งท้องจริง ๆ แล้วไม่ได้หลอกเหมือนครั้งก่อนแต่ทว่าพวกท่านทั้งสองกับไม่ยอมเชื่อลูกชายตัวดีอย่างนายน์ เพราะเกรงว่าเจ้าลูกชายจะมาหลอกให้ดีใจเก้อเหมือนครั้งก่อน จนผักขาต้องเป็นคนพูดแทนและเอาภาพอัลตร้าซาวด์ที่ไปหาหมอและฝากครรภ์ก่อนที่จะมาหาพวกท่าน ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดูพวกท่านถึงได้เชื่อและต่างร้องดีใจแล้วพากันอวยพรให้ผักขาสุขภาพแข็งแรงกันยกใหญ่หลังจากที่แจ้งข่าวให้ทุกคนในครอบครัวทั้งฝ่ายของผักขาและของนายน์ได้รับรู้ว่าผักขากำลังตั้งท้องมีหลานให้ได้อุ้ม พอทุกคนรู้ต่างก็พากันดีใจเพราะจะได้อุ้มหลานสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านมา 4 เดือนแล้วและตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาตัวผักขานั้นไม
เนื้อหาในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักและเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงแม้แต่น้อย*โปรใช้วิจารณญาณในการอ่าน*เหตุการณ์หลังจากงานแต่งงาน1อาทิตย์ทินภัทรหลังจากที่พี่นายน์ได้ขอผมแต่งงานที่บ้านของเขาในวันนั้นและผมได้ตอบตกลงไป 2เดือนต่อมางานแต่งของผมและพี่นายน์ก็ได้จัดขึ้นอย่างอลังการ โดยงานแต่งในครั้งนี้ทางฝั่งพ่อแม่ของพี่นายน์เป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทุกอย่างเลย ส่วนทางของผมทำเพียงแค่ลองชุดและรอเดินเข้าพิธีก็เท่านั้นแล้วถ้าจะถามว่าในตอนนี้ตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ก็กำลังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ะสิอ่ะ ๆ อย่าพึ่งคิดไปไกลกับคำว่าหมดสภาพของผมนะ ที่ผมบอกว่าหมดสภาพคือหมดสภาพในการอ้วกจนเหนื่อยและหน้ามืดต่างหากล่ะ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมถึงมีอาการแบบนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณคงจะเดาออกกันได้ เพราะอาการแบบนี้มันมีไม่กี่อย่างหรอกใช่แล้วล่ะครับ ในตอนนี้ผมกำลัง
"คุณพ่ออออ"ชนาธิปร้องเรียกผู้เป็นพ่อเสียงหลง เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเข้าใจนั้นผิดไปส่วนด้านผักขาที่เข้าใจผิดไม่ต่างกับคนรักก็ยืนเบิกตากว้างอ้าปากเหวอ ก่อนที่จะหันไปสบตากับผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยใบหน้าเอียงอายแล้วก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกับความเข้าใจผิดของตัวเอง"ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณน้าคุณอาวุ่นวาย เป็นผักเองที่เข้าใจผิดและคิดไปเองจนทำให้ทุกคนต้องมาทะเลาะกันแบบนี้"ผักขาก้มหน้าเอ่ยขอโทษออกมาเสียงเบา"อ่ะ หนูผักไม่ต้องขอโทษเลยลูก หนูผักไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยหนูผักจะขอโทษทำไมจ๊ะ อีกอย่างคนที่ผิดจริง ๆ คือตานายน์ต่างหากที่มาชวนทะเลาะ"คุณหญิงรตรีรีบเอ่ยพูดกับโอเมก้าตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทันที ก่อนที่ช่วงท้ายจะหันไปพูดและมองหน้าลูกชายตาขวาง"คุณแม่ครับบบ"นายน์ที่เห็นมารดามองตัวเองตาขวางก็เอ่ยเรียกเสียงอ่อน แต่ทว่ารตรีกับพูดสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็ง"อะไร ไม่ต้องมาเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเลยนะ บอกเลยไม่ใจอ่อนให้หรอกนะบอกไว้ก่อน""คุณประสิทธิ์ชัย....ดูเมียของคุณทำกับลูกชายของคุณสิ"เมื่อเห็นว่าพูดกับผู้เป็นแม่
"หนูคิดดีแล้วเหรอที่มาคบกับตานายน์ลูกชายของฉัน"ทันทีที่จบประโยคคำถามของประสิทธิ์ชัยผู้เป็นบิดาของคนรัก ท่าทีของผักขาจากที่เกร็งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็นั่งเกร็งมากกว่าเดิมพลางใบหน้าหวานก็แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้เห็น"......"ผักขานั่งบีบมือเม้มปากเข้าหากันแน่น พลันหัวสมองก็นึกคิดไปต่าง ๆ นานาว่าพ่อแม่ของคนพี่ต้องไม่ชอบตัวเองเป็นแน่ ถึงได้ถามออกมาอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะฐานะทางบ้านของตัวผักขาเองที่ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ต่างจากทางฝั่งของนายน์ที่เป็นผู้ดีมีตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมและร่ำรวยมหาศาลตัวของผักขาคงจะไม่เหมาะสมกับลูกชายของพวกท่านทั้งสองทินภัทรยังคงนั่งก้มหน้านัยน์ตาแดงก่ำจมอยู่กับความคิดในหัวของตัวเอง ทางพ่อและแม่ของนายน์ที่นั่งรอคำตอบจากคนร่างบาง แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาก็ไม่เอ่ยตอบอะไรแถมยังหน้าก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้ามาสบตา ก่อนที่คุณหญิงรตรีจะหันพยักหน้าให้สามีเป็นสัญญาณว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่า
2เดือนต่อมาหลังจากวันที่ชนาธิปขอผักขาเป็นแฟน ในวันนี้ก็ผ่านมาแล้ว2เดือนที่คนทั้งสองได้ตกลงคบหาดูใจกัน ใช่แล้วล่ะทุกคนอ่านไม่ผิดกันหรอก ในวันนั้นผักขาได้ตกลงปลงใจที่จะเป็นแฟนกับนายน์และในตอนนี้เองผักขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นเครื่องบินลัดฟ้ามาที่กรุงเทพกับนายน์ เพื่อที่จะมากินข้าวกับครอบครัวของคนพี่เพราะพวกท่านทั้งสองนั้นอยากจะทำความรู้จักกับผักขา ผักขาก็เลยต้องนั่งเครื่องบินขึ้นมาอย่างที่เห็นแต่เดิมทีผู้ใหญ่ทั้งสองนั้นอยากที่จะเจอผักขานานแล้วล่ะ เพราะทันทีที่ผักขาตกลงคบหากับคนพี่ วันต่อมาคนอายุเยอะกว่าอย่างนายน์ก็โทรไปเล่าให้บิดาและมารดาฟังทันทีว่าตนนั้นได้มีแฟนแล้ว จนผักขาที่เห็นนายน์เล่าไปยิ้มไปอดที่จะส่ายหัวไปมากับความเห่อไม่ได้และตลอดระยะเวลา2เดือนที่นายน์ลาพักร้อนกับผู้เป็นพ่อและมาอาศัยเที่ยวเล่นอยู่ที่บ้านของเขาตั้งแต่ตกลงคบกัน ด้านพ่อกับแม่ของนายน์ก็โทรมาบอกให้ลูกชายพาผักขาไปรู้จักกับพวกท่านอยู่บ่อยครั้งแต่ทว่าผักขาก็หาข้ออ้างต่าง ๆ มากมายมาบ่ายเบี่ยงตลอด เพราะตัวของผักขานั้นยังกังวลกลัวว่าพ่อแม่ของแฟนหนุ่มนั้นจะ
"เอาล่ะพี่ทำให้หนูผักเสร็จแล้ว ทีนี้ถึงตาของพี่แล้วนะครับคนดี หนูผักช่วยถอดกางเกงให้พี่นายน์หน่อยสิ ถอดมันด้วยปากของหนูผักนะครับ หึหึ"จบประโยคนายน์ก็ดันคนน้องที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่ให้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง ส่วนตัวเองก็เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนหมด เผยให้เห็นลอนกล้ามที่ซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวนั้นดูแลร่างกายอย่างดีแค่ไหน"เป็นคนหื่นกามแบบนี้เหรอเนี่ย"ผักขาบ่นพึมพำออกมาเบา ๆผักขาที่นั่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์อยู่ปลายเท้าของนายน์เผลอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก พลางนัยน์ตาสวยก็ช้อนขึ้นมาสบกับดวงตาคมที่มองมาที่ตัวเองด้วยแววตาโลมเลีย ก่อนที่ผักขาจะตัดสินใจเดินเข่าเข้าไปแทรกตรงกลางหว่างขาของนายน์อย่างช้า ๆ พลันในหัวก็เอ่ยบ่นตัวเองไปด้วยทำบ้าอะไรของมึงอยู่เนี่ยผักขา ฮื้อออเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว แต่จะถอยตอนนี้ก็ไม่ได้แล้วด้วย ดันไปปากดีกับพี่มันไว้อีก เอาว่ะ! มาขนาดนี้แล้วก็ไปมันให้สุด!"อ่าาาส์ คนดีหนูจะทำให้พี่หัวใจวายตายเอานะครับ"นายน์ครางต่ำในลำคอพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางนัยน์ตาคมก็จ้องมองก
"มาทำให้คนอื่นมีอารมณ์ด้วยแล้ว แล้วจะหนีกลับห้องหรือไงหะ"ประโยคที่ทินภัทรเอ่ยพูดนั้นทำให้ชนาธิปยืนเบิกตากว้างตะลึงงันไปชั่วขณะ เพราะเขานั้นคาดไม่ถึงว่าคนร่างบางตรงหน้าของเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเพราะประโยคที่พูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ต่างจากผักขาชวนเขามีอะไรด้วยเลย"ผักขา...เมื่อกี้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า"นายน์เดินกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของผักขาอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถามคนตรงหน้าขึ้นว่า สิ่งที่ตัวเองเอ่ยพูดมาเมื่อกี้นั้นคิดดีแล้วใช่มั้ย หรือที่พูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในร่างกายด้านผักขาที่นั่งเงียบอยู่สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับนัยน์ตาคมอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของนายน์ แขนเรียวทั้งสองยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่เท้าเล็กทั้งสองจะเขย่งขึ้น ดวงหน้าหวานเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหล่อ ทันใดนั้นริมฝีปากเล็กก็ประกบจูบริมฝีปากของนายน์อย่างแผ่วเบาริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ขยับนวดคลึงกลีบปากหนาเบา ๆ พลางกายบาง
เวลาผ่านพ้นไป3เดือนเวลา22:12นาทีในตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ของผักขาก็สร้างเสร็จมาได้สักพักแล้ว และตอนนี้เองที่บ้านของผักขาก็กำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ให้กับตึกใหม่ที่จะเปิดให้คนที่จองไว้เข้ามาพักอยู่ได้ในวันพรุ่งนี้และงานเลี้ยงในวันนี้เองก็เป็นการเลี้ยงส่งชนาธิปด้วยไปในตัวด้วยหลังจากเริ่มสังสรรค์กันตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ตัวของผักขาที่ดื่มจนเริ่มรู้สึกมึนเล็กน้อย ก็ได้หลบออกมาจากงานเลี้ยงมานั่งเหม่อดูดาวอยู่ที่ชิงช้ามุมประจำของเจ้าตัว"อพาร์ทเม้นท์ก็สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปนี้พี่มันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาที่นี้อีกแล้วซินะ"ผักขาที่นั่งแกร่งชิงช้าเล่นเบา ๆ พึมพำออกมาด้วยสีหน้าและความรู้สึกวูบโหวงในใจ พลันนัยน์ตาสีน้ำตาลก็แสดงแววตาวูบไหวเมื่อนึกได้ว่างานที่นี้ของชนาธิปได้จบลงแล้ว และคนเป็นพี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมาที่นี้อีก"แล้วทำไมมึงต้องรู้สึกเศร้าด้วยเนี่ยผักขา พี่มันไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"ผักขาบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาอีกครั้งพลางใบหน้าหวานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ที่มีดวงจันทร์ทอประกายแสงอ
ณ.โรงพยาบาล"ครับ? คุณหมอว่ายังไงนะครับ?"ทินภัทรถามคุณหมอชายวัยกลางคนขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอึ้งตกใจ"ตอนนี้สถานะเพศรองของคนไข้ได้เปลี่ยนแปลงจากเบ้ตากลายเป็นอัลฟ่าแล้วครับ"คุณหมอเอ่ยแจ้งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางใจเย็นเพราะคุณหมอทราบดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นใครใครก็ตกใจ ก็อยู่ๆพี่น้องที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดก็เกิดมาสถานะเปลี่ยนเป็นอัลฟ่าแบบนี้ มันก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"เป็นไปได้ยังไง...."ผักขาพึมพำออกมาเสียงเบาอย่างคนหมดแรงพลางใบหน้าหวานก็ยังคงแสดงสีหน้าอย่างไม่อยากจะเชื้อในสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะรับรู้จากปากของคุณหมอด้านนายน์ที่นั่งฟังอยู่เก้าอี้ข้างๆ เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนแรงของผักขาก็เอื้อมมือไปกุมมือบางเพื่อเป็นการให้กำลังใจ"ไม่เป็นไรนะ"นายน์หันมาเอ่ยพูดกับคนร่างบางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนโยน"หมอเข้าใจนะครับว่าตอนนี้ญาติของคนไข้กำลังตกใจแต่เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ครับ เพราะสถานะเพศรองของบางคนเขาก็ซ่อนอยู่กว่าจะแสดงสถานะจริง ๆ ของตัวเองออกมาก็ตอนที่โตเต็มไวหรือก็คือช่วง