"อื้อห์ อ่าาาส์ เจ็บ เบาหน่อย อ่าาส์"น้ำเสียงครางหวานร้องบอกคนตัวสูงที่ขยับกายถาโถมเข้าหาคนร่างบางที่หันหลังพิงใบหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำอย่างบ้าคลั่ง
กลิ่นเหม็นฉุนและกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาวถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ เมื่อความต้องการของคนทั้งสองที่กำลังนัวเนียนกันปะทุเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณของอัลฟ่าและโอเมก้าที่เกิดอาการรัทและฮีทขึ้นพร้อมกัน
ร่างสูงของอัลฟ่ายีนเด่นขยับตอกอัดเข้าหาร่างกายขาวเนียนของโอเมก้าที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุนออกมาหลอกล้อเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ อัลฟ่าตัวสูงที่ตอนนี้ห้ามฟีโรโมนของตัวเองไม่ได้เช่นกันก็ปล่อยกลิ่นหอมของดอกมะลิฟุ้งกระจายออกมาไม่ต่างกัน
พับ พับ พับ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสลับกับเสียงร้องครางกระเส่ายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนตัวสูงที่ไร้สติยังคงกระแทกตอกอัดลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยที่ตอนนี้ได้บวมช้ำอย่างชัดเจน
"หื้มมม"เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นจากอัลฟ่าที่มีกลิ่นฟีโรโมนเป็นดอกมะลิ พลางเอวสอบก็ยังคงกระแทกกระทั่งลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยของโอเมก้าที่หันหลังโก่งก้นให้ตัวเขาไม่หยุดหย่อน"อ่าาส์ อย่า อย่ากัดนะ อื้มม"น้ำเสียงครางหวานสลับกับร้องห้ามดังขึ้นจากร่างบางที่โดนคนด้านหลังกระแทกเข้ามาอย่างหนังหน่วงพร้อมกับใบหน้าหล่อก้มลงมาซุกไซ้ที่ต้นคอขาวพลางแลบเรียวลิ้นร้อนออกมาไล่เลียที่ลำคอระหงอย่างหลงใหล
เรียวลิ้นร้อนแลบเลียลำคอขาวพลางเอวสอบก็ยังคงขยับเข้าออกไม่หยุด พลันเขี้ยวฟันอันแหลมคมผลุดขึ้นมาตามสัญชาตญาณ ก่อนที่คนตัวสูงที่ไม่มีสติเท่าไหร่นักจะใช้ฟันกัดลงที่ลำคอขาวอย่างแรงเพื่อสร้างพันธะความเป็นเจ้าของพร้อมกับที่เอวหนากระแทกเข้าหาบั้นท้ายสวยอย่างรัวเร็วแล้วปลดปล่อยน้ำรักของตัวเองเข้าในตัวของร่างบาง
"อื้อออม์"
แต่ทว่าอัลฟ่าที่พึ่งปลดปล่อยและสร้างพันธะเสร็จเป็นต้องแช่ค้างแท่งเอ็นไว้สักพักและคลายริมฝีปากออกจากลำคอขาวแล้วใช้ลิ้นแลบเลียตามรอยกัดที่มีเลือดไหล ก่อนที่จะดันตัวยืนตรงแล้วใช้แขนแกร่งสอดประคองเอวของร่างบางที่ตอนนี้หายใจหอบเหนื่อยไว้ไม่ให้ล้มทรุดลงพื้น ด้วยเพราะตอนนี้ เขาดันเกิดอาการน็อต ทำให้เขาถอดแท่งเอ็นออกมาตอนนี้ไม่ได้จนกว่าการหลั่งจะเสร็จสิ้น
ในตอนนี้พวกเขาทั้งสองต่างไม่มีสติครบ100%และควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ สิ่งล่าสุดที่พวกเขาจำได้มีเพียงพวกเขาต่างต้องการมาเข้าห้องน้ำและจะกลับกันเพราะผับใกล้จะปิดแล้ว
แต่ทว่าอยู่ๆ ผักขาโอเมก้ายีนด้อย ที่พึ่งจะทำธุระของตัวเองเสร็จและกำลังจะออกไปจากห้องน้ำกลับต้องมาเกิดอาการฮีทขึ้นอย่างกะทันหัน ด้วยเพราะผู้ชายตัวสูงที่มีกลิ่นกายดอกมะลิเปิดเข้ามา
และหลังจากนั้นผักขาก็จำอะไรไม่ได้เลยมาได้สติก็ตอนที่ตัวเองและผู้ชายคนนี้ได้มีอะไรกันไปหลายครั้งแล้ว และที่สำคัญเลยตัวเขาถูกผู้ชายคนนี้กัดคอสร้างพันธะ!
แล้วทีนี้เขาจะต้องทำยังไง เขาที่เป็นเด็กบ้านนอกที่ขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพและพึ่งจะเรียบจบ แล้วอีกไม่กี่วันตัวผักขาเองก็จะกลับไปดูแลกิจการหอพักของผู้เป็นแม่ที่ต่างจังหวัดแล้ว แต่อยู่ๆก็มาถูกคนแปลกหน้าที่คาดว่า น่าจะเป็นคู่โชคชะตาของเขา กัดคอสร้างพันธะซะได้แล้วเขาที่พึ่งอายุจะ22จะทำยังไงได้
นอกจากหนีไปจากตรงนี้ ในตอนที่ผู้ชายคนนี้ยังไม่ได้สติ
5ปีต่อมา"ท่านประธานครับ งานที่ออกแบบตึกอพาร์ทเม้นท์ของคุณอรอนงค์ ทีมAออกแบบเรียบร้อยแล้วนะครับ ท่านประธานจะดูเลยไหมครับ"เสียงของเลขาชายรัวถามขึ้นทันทีที่สองเท้าของ ชนาธิป ธนจิรกานต์ หรือก็คือ นายน์ เหยียบเข้ามาในบริษัทที่ตอนนี้เขาในวัย32ปีได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานบริษัท T.J.Kจำกัด บริษัทเกี่ยวกับสถาปนิกการออกแบบ แทนผู้เป็นพ่อของเขาอย่างเป็นทางการได้5ปีเต็มแล้ว"เอาเข้าห้องประชุมได้เลยครับ แล้วเรียกทีมAเข้ามาประชุมกับผมทั้งหมด เผื่อมีอะไรที่ต้องแก้ไขผมจะได้พูดแค่ครั้งเดียว"เอ่ยจบชนาธิปก็ก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที โดยมีเลขาของเขาวิ่งตามมาติด ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดบอกแผลนของวันนี้ของเขาว่ามีไปที่ไหนอะไรยังไงบ้าง"วันนี้ตอน11โมงมีออกไปพูดคุยกับบริษัทของผู้รับเหมาก่อสร้างและตอนบ่าย3โมงทางคุณอรอนงค์จะโทรมาถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของแบบแผนตึกและคอนเฟิร์มวันเริ่มก่อสร้างนะครับ""อืม มีอะไรอีกไหม"ชนาธิปขานรับพลางถามกลับไปพลันดวงตาคมก็ยังคงจับจ้องที่เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่ขึ้นคำค้นหากลิ่นเหม็นฉุดมาจากอะไรได้บ้าง"ไม่มีแล้วครับ""อืม"ตลอด5ปีที่ผ่านมานายน์ยังคงค้นหากลิ่นเหม็นฉุนของโอเมก้าคนนั้นว
หลายวันต่อมาทินภัทร"พี่ผัก พี่จะเข้าไปดูไซต์งานตอนไหนเนี่ย มันสายแล้วนะ"ข้าวเม่าที่นั่งกินของหวานอยู่ในห้องครัวเอ่ยถามพี่ชายตัวเล็กของตัวเองที่ตอนนี้มัวแต่ทำขนมขึ้นด้านผักขาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำบัวลอยอยู่นั้นก็ทำเพียงเงยหน้ามามองน้องชายเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นขนมของตัวเองต่อ"นี่พี่ผักไม่ได้ยินที่ผมถามหรือไง"ข้าวเม่าถามผักขาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อโดยที่ไม่สนใจคำถามของตัวเขาเลยแม้แต่น้อย"โอ๊ยแล้วแกจะถามหาพระแสงอะไรนักหนา ฉันก็เร่งมือทำขนมบัวลอยอยู่เนี่ยเห็นมั้ย""เอาไว้ก่อนก็ได้มั้ย ไปดูไซต์งานกับคุณสถาปนิกเขาก่อนเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแก้ ดูเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำต่อก็ได้"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นพลางตักขนมบัวลอยที่พี่ชายทำไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วหมอหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย"แล้วที่ฉันต้องมาทำใหม่แบบนี้ไม่ใช่เพราะแกที่กินหมดหรือไงไอ้เม่า! รู้ทั้งรู้ว่าพี่จะเอาไปให้พวกคุณสถาปนิกกับพวกผู้รับเหมากินเพื่อผูกมิตร แก่ก็กินของพี่หมด!"ผักขาพูดขึ้นพลางมองไปยังน้องชายด้วยสายตาอาฆาตด้านข้าวเม่าที่เห็นพี่ชายมองมาที่ตัวเองด้วยแววตาไม่พอใจ ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อ
ชนาธิป"ถ้าคุณชนาธิปยังไม่คุยตอนนี้ งั้นผมขอตัวไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"หลังจากที่ผักขาเอ่ยจบประโยคเจ้าตัวก็รีบสาวเท้าเดินหนีจากนายน์ไปในทันที"หึ! หนีเก่งจริงๆ"ด้านนายน์เองเมื่อเห็นโอเมก้าตัวน้อยที่เขาพยายามตามหามาตลอดหลายปีมีท่าทีไม่อยากจะเข้าใกล้ตัวเองเท่าไหร่นัก ก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชอบใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามหลังของผักขาที่เดินไปทางน้องชายตัวเองเพื่อจะคุยงานต่อ"อ่าวพี่ผัก คุยงานกับคุณสถาปนิกเสร็จแล้วเหรอ"ข้าวเม่าที่กำลังแจกบัวลอยที่ผักขาทำแบ่งใส่ถ้วยพลาสติกให้กับเหล่าผู้เหมาอยู่นั้น เมื่อหันมาเห็นพี่ชายตัวเองก็เอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเพราะนี้พึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองทำไมพี่ชายเขาคุยเร็วจัง"เอ่อ...."ผักขาที่ยังคิดข้อแก้ตัวกับน้องชายไม่ได้ก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แต่ทว่าชนาธิปที่เห็นท่าทีอึกอักของคนตัวเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยแทรกตอบข้าวเม่าไป"อ๋อ ยังหรอกครับคุณผักขาเขาบอกว่าจะให้ผมไปคุยที่บ้านน่ะครับ เห็นบอกว่าอยากให้คุณอรอนงค์ช่วยดูอีกทีว่าตรงไหนมีปัญหาหรือเปล่าถ้าเขาต้องการจะแก้ไข""ห๊ะ?"ผักขาเบิกตากว้างหันไปมองยังต้นเสียง
หลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกและเมื่อนายน์เห็นผักขาเอาแต่นั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือซักไซ้ก่อนที่จะหันกลับมาตั้งใจขับรถตรงไปบ้านของผักขาตามเดิมผ่านไปไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดสนิทในรั้วบ้านสองชั้นขนาดพอดี ชนาธิปจัดการดับเครื่องยนต์แล้วหันไปมองคนด้านข้างที่พอรถจอดสนิทก็เก็บข้าวของแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเร็ว โดยที่ไม่หันมามองคนตัวสูงแม้แต่น้อยและเมื่อเป็นอย่างนั้นตัวชนาธิปเองก็รีบปลดเบลท์เอี้ยวตัวไปคว้าแบบโครงสร้างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบลงจากรถก้าวเดินเร็วๆตามโอเมก้าร่างบางเข้าบ้าน"กลับมาแล้วเหรอผัก ทำไมกลับมาเร็วจัง"ทันทีที่สองเท้าของผักขาก้าวเข้ามาในบ้านเสียงของอรอนงค์ผู้เป็นแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ประจำก็ทักถามขึ้นทั้งที่สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกชายยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี"คุณนายผมไม่ได้มาคนเดียว"ผักขาที่เห็นผู้เป็นแม่นอนดูทีวีด้วยท่าทีสบาย ๆ ก็เอ่ยบอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวหรือกลับมากลับน้องชายนะ ให้รีบลุกขึ้น
"แม่ว่าไงนะ!"ทันภัทรร้องถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อได้ยินประโยคที่อรอนงค์ผู้ให้กำเนิดตัวเองเอ่ยบอกท่ามกลางโต๊ะกินข้าวมาอย่างนั้น"หูตึงหรือยังไงผักขา ก็บอกอยู่ว่าวันนี้นายน์จะค้างที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยตอบลูกชายคนโตกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางมือก็เอื้อมไปตักหารใส่จานข้าวของอัลฟ่าตัวสูงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่สนใจสีหน้าของลูกชายว่าตอนนี้แสดงสีหน้าตกใจมากแค่ไหน"!!!""กินเยอะๆนะจ๊ะนายน์""ขอบคุณครับคุณน้า"ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนได้ย้ายมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเป็นสี่นั้นก็คือ อัญชัน ลูกสาวคนสุดท้องของคุณนายอรอนงค์"ดะ เดี๋ยวสิแม่! ทำไมแม่ให้เขาค้างที่บ้านของเราล่ะ"ด้านผักขาที่พึ่งหายอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก็เอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจ"ก็เผอิญว่าโรงแรมที่นายน์เขาจองไว้มีปัญหา ทำให้เขาเข้าพักไม่ได้อีกอย่างเลขาเขาก็ติดธุระด่วนเลยไม่ว่างมาหาที่พักใหม่ให้ แม่ก็เลยให้นายน์พักที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟัง แต่ก็ดูเหมือนลูกชายของเธอจะยังคงไม่เข้าใจ
"แม่ว่าไงนะ!"ทันภัทรร้องถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อได้ยินประโยคที่อรอนงค์ผู้ให้กำเนิดตัวเองเอ่ยบอกท่ามกลางโต๊ะกินข้าวมาอย่างนั้น"หูตึงหรือยังไงผักขา ก็บอกอยู่ว่าวันนี้นายน์จะค้างที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยตอบลูกชายคนโตกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพลางมือก็เอื้อมไปตักหารใส่จานข้าวของอัลฟ่าตัวสูงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่สนใจสีหน้าของลูกชายว่าตอนนี้แสดงสีหน้าตกใจมากแค่ไหน"!!!""กินเยอะๆนะจ๊ะนายน์""ขอบคุณครับคุณน้า"ในตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนได้ย้ายมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเป็นสี่นั้นก็คือ อัญชัน ลูกสาวคนสุดท้องของคุณนายอรอนงค์"ดะ เดี๋ยวสิแม่! ทำไมแม่ให้เขาค้างที่บ้านของเราล่ะ"ด้านผักขาที่พึ่งหายอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก็เอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้นด้วยสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจ"ก็เผอิญว่าโรงแรมที่นายน์เขาจองไว้มีปัญหา ทำให้เขาเข้าพักไม่ได้อีกอย่างเลขาเขาก็ติดธุระด่วนเลยไม่ว่างมาหาที่พักใหม่ให้ แม่ก็เลยให้นายน์พักที่บ้านของเรา"อรอนงค์เอ่ยอธิบายให้ลูกชายฟัง แต่ก็ดูเหมือนลูกชายของเธอจะยังคงไม่เข้าใจ
หลังจากที่จบประโยคคำพูดของชนาธิป ทินภัทรก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือตอบอะไรกลับมาอีกและเมื่อนายน์เห็นผักขาเอาแต่นั่งเงียบหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเดียว ก็ไม่ได้เอ่ยพูดหรือซักไซ้ก่อนที่จะหันกลับมาตั้งใจขับรถตรงไปบ้านของผักขาตามเดิมผ่านไปไม่นานรถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดสนิทในรั้วบ้านสองชั้นขนาดพอดี ชนาธิปจัดการดับเครื่องยนต์แล้วหันไปมองคนด้านข้างที่พอรถจอดสนิทก็เก็บข้าวของแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างเร็ว โดยที่ไม่หันมามองคนตัวสูงแม้แต่น้อยและเมื่อเป็นอย่างนั้นตัวชนาธิปเองก็รีบปลดเบลท์เอี้ยวตัวไปคว้าแบบโครงสร้างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบลงจากรถก้าวเดินเร็วๆตามโอเมก้าร่างบางเข้าบ้าน"กลับมาแล้วเหรอผัก ทำไมกลับมาเร็วจัง"ทันทีที่สองเท้าของผักขาก้าวเข้ามาในบ้านเสียงของอรอนงค์ผู้เป็นแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ประจำก็ทักถามขึ้นทั้งที่สายตาไม่ได้มองมาที่ลูกชายยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี"คุณนายผมไม่ได้มาคนเดียว"ผักขาที่เห็นผู้เป็นแม่นอนดูทีวีด้วยท่าทีสบาย ๆ ก็เอ่ยบอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียวหรือกลับมากลับน้องชายนะ ให้รีบลุกขึ้น
ชนาธิป"ถ้าคุณชนาธิปยังไม่คุยตอนนี้ งั้นผมขอตัวไปคุยกับผู้รับเหมาก่อนนะครับ"หลังจากที่ผักขาเอ่ยจบประโยคเจ้าตัวก็รีบสาวเท้าเดินหนีจากนายน์ไปในทันที"หึ! หนีเก่งจริงๆ"ด้านนายน์เองเมื่อเห็นโอเมก้าตัวน้อยที่เขาพยายามตามหามาตลอดหลายปีมีท่าทีไม่อยากจะเข้าใกล้ตัวเองเท่าไหร่นัก ก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชอบใจ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินตามหลังของผักขาที่เดินไปทางน้องชายตัวเองเพื่อจะคุยงานต่อ"อ่าวพี่ผัก คุยงานกับคุณสถาปนิกเสร็จแล้วเหรอ"ข้าวเม่าที่กำลังแจกบัวลอยที่ผักขาทำแบ่งใส่ถ้วยพลาสติกให้กับเหล่าผู้เหมาอยู่นั้น เมื่อหันมาเห็นพี่ชายตัวเองก็เอ่ยถามขึ้นพลางขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยเพราะนี้พึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเองทำไมพี่ชายเขาคุยเร็วจัง"เอ่อ...."ผักขาที่ยังคิดข้อแก้ตัวกับน้องชายไม่ได้ก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แต่ทว่าชนาธิปที่เห็นท่าทีอึกอักของคนตัวเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยแทรกตอบข้าวเม่าไป"อ๋อ ยังหรอกครับคุณผักขาเขาบอกว่าจะให้ผมไปคุยที่บ้านน่ะครับ เห็นบอกว่าอยากให้คุณอรอนงค์ช่วยดูอีกทีว่าตรงไหนมีปัญหาหรือเปล่าถ้าเขาต้องการจะแก้ไข""ห๊ะ?"ผักขาเบิกตากว้างหันไปมองยังต้นเสียง
หลายวันต่อมาทินภัทร"พี่ผัก พี่จะเข้าไปดูไซต์งานตอนไหนเนี่ย มันสายแล้วนะ"ข้าวเม่าที่นั่งกินของหวานอยู่ในห้องครัวเอ่ยถามพี่ชายตัวเล็กของตัวเองที่ตอนนี้มัวแต่ทำขนมขึ้นด้านผักขาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาทำบัวลอยอยู่นั้นก็ทำเพียงเงยหน้ามามองน้องชายเล็กน้อย ก่อนที่จะก้มหน้าปั้นขนมของตัวเองต่อ"นี่พี่ผักไม่ได้ยินที่ผมถามหรือไง"ข้าวเม่าถามผักขาขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นพี่ชายของตัวเองยังคงก้มหน้าก้มตาทำขนมต่อโดยที่ไม่สนใจคำถามของตัวเขาเลยแม้แต่น้อย"โอ๊ยแล้วแกจะถามหาพระแสงอะไรนักหนา ฉันก็เร่งมือทำขนมบัวลอยอยู่เนี่ยเห็นมั้ย""เอาไว้ก่อนก็ได้มั้ย ไปดูไซต์งานกับคุณสถาปนิกเขาก่อนเผื่อมีอะไรที่พี่อยากแก้ ดูเสร็จแล้วค่อยกลับมาทำต่อก็ได้"ข้าวเม่าเอ่ยพูดขึ้นพลางตักขนมบัวลอยที่พี่ชายทำไว้ก่อนหน้านี้ไปแล้วหมอหนึ่งเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย"แล้วที่ฉันต้องมาทำใหม่แบบนี้ไม่ใช่เพราะแกที่กินหมดหรือไงไอ้เม่า! รู้ทั้งรู้ว่าพี่จะเอาไปให้พวกคุณสถาปนิกกับพวกผู้รับเหมากินเพื่อผูกมิตร แก่ก็กินของพี่หมด!"ผักขาพูดขึ้นพลางมองไปยังน้องชายด้วยสายตาอาฆาตด้านข้าวเม่าที่เห็นพี่ชายมองมาที่ตัวเองด้วยแววตาไม่พอใจ ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อ
5ปีต่อมา"ท่านประธานครับ งานที่ออกแบบตึกอพาร์ทเม้นท์ของคุณอรอนงค์ ทีมAออกแบบเรียบร้อยแล้วนะครับ ท่านประธานจะดูเลยไหมครับ"เสียงของเลขาชายรัวถามขึ้นทันทีที่สองเท้าของ ชนาธิป ธนจิรกานต์ หรือก็คือ นายน์ เหยียบเข้ามาในบริษัทที่ตอนนี้เขาในวัย32ปีได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานบริษัท T.J.Kจำกัด บริษัทเกี่ยวกับสถาปนิกการออกแบบ แทนผู้เป็นพ่อของเขาอย่างเป็นทางการได้5ปีเต็มแล้ว"เอาเข้าห้องประชุมได้เลยครับ แล้วเรียกทีมAเข้ามาประชุมกับผมทั้งหมด เผื่อมีอะไรที่ต้องแก้ไขผมจะได้พูดแค่ครั้งเดียว"เอ่ยจบชนาธิปก็ก้าวเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที โดยมีเลขาของเขาวิ่งตามมาติด ๆ พร้อมกับเอ่ยพูดบอกแผลนของวันนี้ของเขาว่ามีไปที่ไหนอะไรยังไงบ้าง"วันนี้ตอน11โมงมีออกไปพูดคุยกับบริษัทของผู้รับเหมาก่อสร้างและตอนบ่าย3โมงทางคุณอรอนงค์จะโทรมาถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของแบบแผนตึกและคอนเฟิร์มวันเริ่มก่อสร้างนะครับ""อืม มีอะไรอีกไหม"ชนาธิปขานรับพลางถามกลับไปพลันดวงตาคมก็ยังคงจับจ้องที่เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่ขึ้นคำค้นหากลิ่นเหม็นฉุดมาจากอะไรได้บ้าง"ไม่มีแล้วครับ""อืม"ตลอด5ปีที่ผ่านมานายน์ยังคงค้นหากลิ่นเหม็นฉุนของโอเมก้าคนนั้นว
"อื้อห์ อ่าาาส์ เจ็บ เบาหน่อย อ่าาส์"น้ำเสียงครางหวานร้องบอกคนตัวสูงที่ขยับกายถาโถมเข้าหาคนร่างบางที่หันหลังพิงใบหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำอย่างบ้าคลั่งกลิ่นเหม็นฉุนและกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาวถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆ เมื่อความต้องการของคนทั้งสองที่กำลังนัวเนียนกันปะทุเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณของอัลฟ่าและโอเมก้าที่เกิดอาการรัทและฮีทขึ้นพร้อมกันร่างสูงของอัลฟ่ายีนเด่นขยับตอกอัดเข้าหาร่างกายขาวเนียนของโอเมก้าที่ส่งกลิ่นเหม็นฉุนออกมาหลอกล้อเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ อัลฟ่าตัวสูงที่ตอนนี้ห้ามฟีโรโมนของตัวเองไม่ได้เช่นกันก็ปล่อยกลิ่นหอมของดอกมะลิฟุ้งกระจายออกมาไม่ต่างกันพับ พับ พับเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสลับกับเสียงร้องครางกระเส่ายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนตัวสูงที่ไร้สติยังคงกระแทกตอกอัดลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยที่ตอนนี้ได้บวมช้ำอย่างชัดเจน"หื้มมม"เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นจากอัลฟ่าที่มีกลิ่นฟีโรโมนเป็นดอกมะลิ พลางเอวสอบก็ยังคงกระแทกกระทั่งลำเอ็นเข้าออกช่องทางสีสวยของโอเมก้าที่หันหลังโก่งก้นให้ตัวเขาไม่หยุดหย่อน"อ่าาส์ อย่า อย่ากัดนะ อื้มม"น้ำเสียงครางหวานสลับกับร้องห้ามดังขึ้นจากร่า