จิรัฎร์ขยับเนกไทของตนเองแม้มันจะไม่ได้อึดอัดเลยสักนิด แต่ที่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คงเป็นเพราะแม่สาวแก้มป่องที่ยืนกอดอกส่งสายตาคาดโทษมาที่เขา พิรุณรัตน์ส่งค้อนวงใหญ่มาให้ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิด
“อาไนต์ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย รู้ไหมคะ?”
“ครับ?” คนที่ไม่รู้ว่าตนเองนั้นผิดอะไรเลิกคิ้วขึ้น สายตาเลื่อนมองไปยังนิ้วเรียวที่เริ่มไต่อยู่บนช่วงแขนของเขา ก่อนที่มันจะค่อย ๆ ขยับใกล้เข้ามาจนมือเรียวเล็กทาบทับอยู่กลางอก จิรัฎร์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอมองพิรุณรัตน์ไม่วางตา ไพล่คิดไปถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หญิงสาวบอกเขาว่าต้องการเป็นแฟนกับเขา ตอนนั้นยังคิดว่าโตขึ้นพิรุณรัตน์ต้องเป็นสายรุกแน่ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเจอเธอรุกคืบขนาดนี้
“อาไนต์จะไปยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นไม่ได้นะ เรนนี่ไม่ยอม” ว่าจบแขนเสลาก็คล้องเข้ากับลำคอของจิรัฎร์ ใบหน้าสวยหวานยื่นเข้ามาใกล้ หญิงสาวจงใจเป่าลมร้อนรดใบหู
บรื๋อออ… ขนบนกายชายหนุ่มลุกพรึ่บ จิรัฎร์พยายามขืนลำคอไว้เมื่อหญิงสาวตั้งใจโน้มมันให้ลงมา
“รอยยิ้มของอาไนต์มีให้เรนนี่คนเดียว เข้าใจไหมคะ?”
“น้องเรนนี่ อาว่า...”
“จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดค่ะ” พิรุณรัตน์ส่ายหน้ายิ้มพราว เขย่งเท้าเพื่อให้ตนเองได้มองอาไนต์ของเธอได้ใกล้ขึ้นอีกนิด
“เรนนี่หวงรอยยิ้มอาไนต์แค่ไหนรู้ไหมคะ?” จิรัฎร์ไม่รู้หรอก ที่รู้ตอนนี้แขนเล็กได้ละออกจากลำคอและมันกำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ เข็มขัด ชายหนุ่มขยับห่างแต่หลังดันไปปะทะกับกำแพง ยัยคุณหนูเรนนี่ได้โอกาสยกมือขึ้นยันกำแพงไว้กักขังคุณอาไนต์ให้อยู่ในอ้อมกอดตนเองเสียเลย จมูกสวยยื่นมาสูดกลิ่นหอมสะอาด
“อาไนต์ตัวหอมจังเลย เรนนี่ชอบมาก มันทำให้เรนนี่มีอา...”
“น้องเรนนี่ครับ!” จิรัฎร์ผลักร่างเล็กเบามือแต่ก็ทำให้พิรุณรัตน์เซห่างออกไป ชายหนุ่มพยายามสร้างระยะห่าง เขาเดินวนในห้อง แต่หญิงสาวก็เดินตามไม่หยุดหย่อน สุดท้ายเขาก็เผลอสะดุดขาตนเองล้มลงบนโซฟาหนังเนื้อดี
“อ๊ะ!” จิรัฎร์ร้องขึ้นเพราะจู่ ๆ พิรุณรัตน์ก็กระโดดขึ้นมาคร่อมตนเองไว้ในท่าหมิ่นเหม่ กระโปรงทรงแคบร่นขึ้นสูงชายหนุ่มรีบหันหน้าหนีไม่ต้องการจะเห็นขาสวย
“ก่อนทำงานเรามาเล่นปูไต่กันไหมคะอาไนต์ขา…” อีกครั้งที่นิ้วเรียวเริ่มไต่ไปตามเนื้อตัว แต่มันร้ายกาจตรงที่หญิงสาวปลดกระดุมหลุดจากรังไปหลายเม็ด มือใหญ่รีบคว้ามือซุกซนนั้นไว้ก่อนที่มันจะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ พิรุณรัตน์โน้มลงมาหาจิรัฎร์ ยิ้มกว้างพลางเกลี่ยใบหน้าไปกับจมูกของเขา
“รู้ไหมว่าเรนนี่ชอบอาไนต์แค่ไหน?” เสียงเล็กกระเง้ากระงอดออดอ้อน มือเล็กไม่อยู่แค่ที่อก มันไล่ต่ำลงไปปลุกส่วนนั้น จิรัฎร์ตัวแข็งรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย พิรุณรัตน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น ปากอิ่มคลอเคลียอยู่ที่ใบหูก่อนไล่ลามมายังแก้มสาก กลีบปากสีหวานจรดลงยังปากของจิรัฎร์ พิรุณรัตน์ใจเต้นรัวดีใจที่ได้ครอบครองริมฝีปากของเขา และเมื่อจิรัฎร์เผลอเผยอปากมันคือโอกาสทองให้ลิ้นอุ่นได้เลาะเล็มเกี่ยวพันสำรวจด้านใน พิรุณรัตน์ได้ยินเสียงครางต่ำของคนที่เธอคร่อมอยู่ สะโพกเล็กค่อย ๆ ร่อนเข้าหา แม้จะกระดากอายไปบ้างแต่เธอก็รู้สึกตื่นเต้น สิ่งที่หลับใหลได้ตื่นขึ้น มันโป่งพองคับแน่นอยู่ใต้กางเกงสแล็กส์เนื้อดี
“อ๊ะ!” จิรัฎร์สะดุ้งสุดตัวเมื่อมือเล็กแสนร้ายกาจโอบอุ้มของของเขาไว้เต็มมือ แม้ว่าสัมผัสเพียงด้านนอกแต่มันก็ทำให้เขาหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง ยิ่งมือเล็กลูบคลำขยำเบา ๆ ในตัวเขายิ่งตื่นขยายใหญ่จนน่าอึดอัด พิรุณรัตน์หัวเราะคิกคักพอใจกับสิ่งที่กำลังสู้มือ หญิงสาวละจากริมฝีปากของจิรัฎร์ เคลื่อนใบหน้าต่ำลง ขยับถอยลงมาเรื่อย ๆ จนใบหน้าอยู่ระหว่างขาของชายหนุ่ม อกแกร่งสั่นกระเพื่อมเพราะเจ้าตัวหายใจหนักหน่วง ยิ่งรอยยิ้มหวานที่ส่งมาพร้อมกับสายตาร้อนแรงที่มองยังเจ้าลูกชายที่มันอัดแน่นอยู่ด้านในจิรัฎร์ก็แทบขาดอากาศหายใจ
“ให้เรนนี่ช่วยนะคะ” จิรัฎร์เสียวปราดไปทั่วกาย ซิปถูกรูดลงจนสุด และสิ่งที่ตื่นเต็มที่กำลังจะออกมา แต่ทว่า…
ตี๊ด ๆ ตี๊ด ๆ!!
พิรุณรัตน์ชะงัก ขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าจิรัฎร์งงงวย ก่อนภาพทุกอย่างจะค่อย ๆ เลือนหาย
“เรนนี่ลูก ตื่นหรือยัง?!” นั่นเสียงคุณแม่นี่
เฮือก.. พิรุณรัตน์ตื่นแล้วกวาดตาไปทั่ว ไม่พบร่างจิรัฎร์ มีเพียงตุ๊กตามากมายที่รายล้อมเธอไว้
“กรี๊ด!” หญิงสาวกรีดร้อง ทึ้งผมบนหนังศีรษะ ล้มตัวลงกับเตียงชักดิ้นชักงอไม่หยุด
“ทำไมมันไม่ใช่ความจริง โอ๊ย!”
“เรนนี่! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณมีนาเคาะประตูเรียกอีกครั้ง น้ำเสียงของท่านตระหนกอยู่พอควรเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งของลูกสาว
“ตื่นแล้วค่ะแม่ หนูแค่ฝันร้าย เดี๋ยวอาบน้ำแล้วลงไปค่ะ”
“โอเคจ้ะลูก” พิรุณรัตน์ตะโกนบอกมารดาแล้วรีบจัดการตนเอง แม้อารมณ์จะค้างก็เถอะ
เมื่อวานหลังจากเข้ามาในห้องจิรัฎร์ก็ยกแฟ้มเอกสารกองใหญ่มาให้เธอศึกษา ทั้งการตลาด บัญชี สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เรียกได้ว่าชายหนุ่มเต็มที่กับการสอนงานเธอเป็นอย่างมาก ขนาดหกโมงเย็นกว่า ๆ ทุกคนเลิกงานหมดแล้ว แต่ชายหนุ่มยังไม่คิดจะลุกออกจากโต๊ะเลย จนพิรุณรัตน์ต้องสะกิดและแสร้งว่าหิวข้าวเขาถึงจะปล่อยเธอไปจากกองเอกสาร
วันนี้พิรุณรัตน์ตั้งมั่นมาจากบ้านแล้วว่าเธอจะต้องปฏิบัติการอ่อยอาไนต์ให้ได้ เมื่อวานเธอยังไม่ทันตั้งตัว แต่พอมาถึงที่ทำงานและเห็นจิรัฎร์ยืนเคียงข้างปัทมา แผนที่ตั้งใจว่าจะเป็นเด็กดี ค่อย ๆ อ่อย ทำตัวน่ารักให้อาไนต์เห็นก็มลายหายไปทันที อันดับแรกเธอจะต้องกำจัดยัยปลิงหน้าวอกอย่างปัทมาออกไปพ้นทางรักให้ได้ก่อน พิรุณรัตน์เหยียดปากมองปัทมาที่หัวเราะคิกคักพลางใช้มือแตะไปตามแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของจิรัฎร์
“ขำอะไรนักหนายะ หน้าตาน่าเกลียดจริง” อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา วันนี้พิรุณรัตน์รู้สึกได้ว่าปัทมาเปลี่ยนการแต่งตัว เมื่อวานหล่อนสวมเพียงเสื้อเชิ้ตติดกระดุมเม็ดบนสุดทำให้อกใหญ่ปริล้นออกมา แต่วันนี้ปัทมาเลือกสวมเสื้อผ้าลื่นคอวีที่คว้านไม่ลึกมาก แต่มันก็ทำให้เห็นเนินนมที่โผล่พ้นขอบเสื้อ กระโปรงที่คลุมเข่าวันนี้เหนือเข่ามาหลายคืบเชียวนะแม่คุณ เปลี่ยนสีลิปสติกด้วยสิท่า จากชมพูระเรื่อเป็นติดแดง ๆ หน่อย มองก็สวยอยู่หรอก แต่พิรุณรัตน์ว่ามันแรดไปหน่อย
“สวัสดีค่ะทุก ๆ คน” เสียงของพิรุณรัตน์ดังมาก่อนตัวเสียอีก หญิงสาวฉีกยิ้มให้ทุกคนอย่างเคย
“วันนี้เรนนี่ซื้อกาแฟมาฝากทุกคนด้วยนะคะ หยิบกันได้ตามสบายเลยค่ะ”
“อุ๊ย! น้องเรนนี่ ขอบคุณค่ะ” นันทินีและณัฐพรวิ่งมาสองคนแรก ตามด้วยผกามาศ และสุดท้ายคือปัทมา ซึ่งหล่อนเหยียดปากมองกาแฟแบรนด์ดังแค่ปลายหางตา เจ้าตัวคิดว่าไม่มีใครเห็น แต่พิรุณรัตน์เห็นชัดเพราะจ้องปัทมาอยู่ตลอดเวลา
“พี่ขอไม่รับนะคะ พอดีพี่ไนต์ซื้อกาแฟให้แล้วค่ะ” ปัทมาชูแก้วกาแฟแบรนด์ดังของไทยที่มีขายหลายร้อยสาขาให้ดู พิรุณรัตน์ฉีกยิ้มกว้างแม้ได้ยินว่ากาแฟแก้วนั้นใครซื้อให้หล่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ จะได้ไม่เปลือง”
“น้องเรนนี่ว่าอะไรนะคะ?” ท้ายประโยคพิรุณรัตน์ตั้งใจพูดให้ปัทมาได้ยินคนเดียว หล่อนส่งสายตาดุกร้าวมาให้ แต่พิรุณรัตน์กลับตอบด้วยรอยยิ้มแฉ่งอย่างเคย “เปล่านี่คะ” ว่าจบก็ยักไหล่ เหยียดมุมปากให้คู่แข่งอย่างปัทมาได้เห็นซึ่งหน้าเพื่อเป็นการประกาศสงคราม และบอกว่าเธอจะลงสนามแล้วให้ระวังตัวไว้ให้ดี ปัทมาหน้าเจื่อน แต่ก็เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้“พี่ไนต์คะ พอดีมีเอกสารที่ปัดไม่ค่อยเข้าใจ ยังไงพี่ไนต์ช่วยมาดูให้ปัดหน่อยนะคะ”“คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ปัด” ยังไม่ทันที่จิรัฎร์จะได้ตอบคำถามพิรุณรัตน์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวคว้าแขนจิรัฎร์ให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอียงศีรษะซบไหล่กว้างอีกด้วย“เช้านี้อาไนต์มีงานต้องสอนเรนนี่อีกเยอะเลยค่ะ เรนนี่ต้องรีบเรียนรู้งานเพื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่อน่ะค่ะ เลยต้องสอนงานอย่างใกล้ชิด รบกวนพี่ปัดไปศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแทนนะคะ” อีกครั้งที่ผกามาศ นันทินีและณัฐพรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อหยิบกาแฟได้แล้วก็ค่อย ๆ ย่องออกจากพื้นที่ที่เรียกได้ว่าระอุยิ่งกว่าสงคราม สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งพยักหน้าพร้อมกันเป็นการรับรู้ แม้ปากจะไม่ขยับว่าขณะนี้มีศึกชิงพระเกิดข
บทที่ 3 “เรนนี่รักอาไนต์นะคะ รักมาตลอด” เด็กสาวในวันนั้นที่เคยบอกรักเขาเมื่อแปดปีก่อน ณ วันนี้ก็ยังมีความรู้สึกต่อเขาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิรัฎร์สูดหายใจลึกหลังจากสิ้นประโยคบอกรัก เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดหากได้เป็นแฟนหนุ่มบุตรสาวเจ้านาย ตรงกันข้ามคงรู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะด้วยอายุ สถานะ และอะไรมากมาย เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์มีความรักที่มั่นคงเพียงใด มันเนิ่นนานกว่าแปดปีแล้ว แต่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาก็ยังคงเห็นตัวเองสะท้อนกลับมาทุกครั้งที่มอง “อาไม่ได้รักน้องเรนนี่แบบนั้น” ประโยคคุ้นหูที่มันสลักตราตรึงในใจมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเคยบอกเธอแบบนี้เมื่อครั้งที่สารภาพรัก แต่ตอนนั้นก็พอเข้าใจได้เพราะเขากำลังจะแต่งงาน ส่วนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่คิดเกินตัว“อาว่า...”“ให้โอกาสเรนนี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ?” พิรุณรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ ๆ น้ำตาก็ปริ่มจวนจะไหล เธอไม่ได้จะใช้น้ำตาเพื่อให้เขาใจอ่อนหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ในอกมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แค่เห็นว่าเขาตั้งท่าจะปฏิเสธเป็นรอบที่สาม ได้โปรดเถอะ..อาไนต์ขา อย่าใจร้ายกับเรนนี่คนนี้อีกเลย “นะคะ ให้โอกาสเรนนี่ได้ลองจีบอาไนต์ดูก่
THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 6 ปัทมายืนมองร่างสูงที่เดินเคียงข้างพิรุณรัตน์มาแต่ไกล ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้าไปเยอะ อาจเป็นเพราะโพรเจกต์โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งเข้าประกวดก็เป็นได้ หล่อนเองก็ตั้งใจจะทำโครงการนี้เหมือนกัน แต่พอไปอ้อนจิรัฎร์เขากลับตอบปฏิเสธอ้อม ๆ ว่าไม่สะดวก มารู้ทีหลังว่าช่วยพิรุณรัตน์ก็รู้สึกเจ็บใจกว่าเก่า ตั้งแต่จิรัฎร์ย้ายเข้าไปทำงานในห้องเดียวกับพิรุณรัตน์หล่อนก็แทบไม่เจอชายหนุ่ม จะเข้าไปคุยก็มีก้างขวางคอตลอด ยิ่งช่วงนี้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันที่เสียไปด้วย ไม่รู้จะไปเอาเงินมาจากไหน ตั้งใจจะจับผู้ชายในบริษัทสักคน เล็งจิรัฎร์ไว้ก็เหมือนจะหลุดมือไปเป็นของนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก คิดไม่เท่าไหร่เจ้าหนี้ก็โทรมาทวงหนี้จนหล่อนต้องปิดมือถือหนี โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งประกวดผ่านเข้