“น้องเรนนี่ว่าอะไรนะคะ?” ท้ายประโยคพิรุณรัตน์ตั้งใจพูดให้ปัทมาได้ยินคนเดียว หล่อนส่งสายตาดุกร้าวมาให้ แต่พิรุณรัตน์กลับตอบด้วยรอยยิ้มแฉ่งอย่างเคย
“เปล่านี่คะ” ว่าจบก็ยักไหล่ เหยียดมุมปากให้คู่แข่งอย่างปัทมาได้เห็นซึ่งหน้าเพื่อเป็นการประกาศสงคราม และบอกว่าเธอจะลงสนามแล้วให้ระวังตัวไว้ให้ดี ปัทมาหน้าเจื่อน แต่ก็เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้
“พี่ไนต์คะ พอดีมีเอกสารที่ปัดไม่ค่อยเข้าใจ ยังไงพี่ไนต์ช่วยมาดูให้ปัดหน่อยนะคะ”
“คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ปัด” ยังไม่ทันที่จิรัฎร์จะได้ตอบคำถามพิรุณรัตน์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวคว้าแขนจิรัฎร์ให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอียงศีรษะซบไหล่กว้างอีกด้วย
“เช้านี้อาไนต์มีงานต้องสอนเรนนี่อีกเยอะเลยค่ะ เรนนี่ต้องรีบเรียนรู้งานเพื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่อน่ะค่ะ เลยต้องสอนงานอย่างใกล้ชิด รบกวนพี่ปัดไปศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแทนนะคะ” อีกครั้งที่ผกามาศ นันทินีและณัฐพรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อหยิบกาแฟได้แล้วก็ค่อย ๆ ย่องออกจากพื้นที่ที่เรียกได้ว่าระอุยิ่งกว่าสงคราม สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งพยักหน้าพร้อมกันเป็นการรับรู้ แม้ปากจะไม่ขยับว่าขณะนี้มีศึกชิงพระเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งพวกเธอขอไม่เลือกว่าจะอยู่ทีมใคร รู้แต่ว่าใครชนะก็อยู่ทีมนั้นนั่นแหละ
เข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวพิรุณรัตน์ก็ทิ้งกายลงบนเก้าอี้ มองเอกสารที่จิรัฎร์นำมาให้เพิ่มเติม เขานี่จริงจังกับการทำงานเสียจริง หญิงสาวคิดในใจแล้วลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังร่างสูงที่ยืนตรวจเอกสารอยู่ ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยที่มีมือเล็กบีบเคล้นอยู่ที่ไหล่
“อาไนต์เมื่อยไหมคะ เรนนี่นวดให้ค่ะ”
“อาไม่เมื่อยครับ ขอบคุณนะครับน้องเรนนี่” จิรัฎร์เบี่ยงตัวหลบ เหล่มองมือนุ่มเล็กน้อย ถึงมือนั้นจะนุ่มมากก็ตามแต่เขาก็ควรรักษาระยะห่างไว้เมื่ออยู่ตามลำพังชายหญิง
“มีตรงไหนที่น้องเรนนี่ไม่เข้าใจถามอาได้เลยนะครับ”
“มีค่ะ”
“ตรงไหนครับ?”
“ตรงนี้ค่ะ” ตาเรียวมองตามนิ้วมือเล็กที่ยกขึ้นแล้วจิ้มลงกลางอกของตนเอง จิรัฎร์กะพริบตาถี่ ๆ ก่อนผินหน้าหนีเนื่องจากจุดที่นิ้วชี้อยู่นั้นคือเนินอกขาวอวบ วันนี้พิรุณรัตน์ก็เหมือนกับปัทมาที่เปลี่ยนการแต่งกายจากลุคเรียบ ๆ เป็นสาวเซ็กซี่ ชุดเดรสรัดรูปคอวีสีดำกรอมเท้าถูกสวมทับด้วยสูทราคาแพงทำให้พิรุณรัตน์ดูน่ามอง หญิงสาวไม่ใช่คนที่หุ่นอวบอั๋นแบบปัทมา ทว่าก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้ชายอย่างเขาเห็นแล้วใจก็สั่นไหวได้เหมือนกัน จิรัฎร์หลบตาต่ำพยายามไม่มอง แต่เจ้าหล่อนสาวเท้าเข้าหาพร้อมทั้งตั้งใจแอ่นหน้าอกขึ้น
“อาไนต์ขา...” เสียงหวานกระซิบใกล้ ๆ ลำคอ ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายขนลุกอีกครั้ง ลมอุ่น ๆ เป่ารดในจุดชีพจรนั่นยิ่งทำให้สติที่คิดว่าประคองไว้ได้เริ่มสั่นคลอน
“อาไนต์รู้ไหมว่าเรนนี่มีปัญหาหัวใจมากเลย” มือเล็กทุบอกดังอั๊ก มันกระเพื่อมตามแรงทุบ จิรัฎร์ถอยร่นจนตัวขึ้นมาเกยบนโต๊ะ พิรุณรัตน์ยังสาวเท้าตามไม่ลดละ
“เรนนี่แอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง ชอบมานานหลายปี เขาอายุห่างจากเรนนี่สิบหกปีแน่ะ อาไนต์ว่าเรนนี่ควรทำยังไงดีคะ?” ขาเล็กยกขึ้นมาเกยที่หน้าขาของจิรัฎร์อย่างจงใจ นิ้วเรียวเริ่มกรีดกรายไปตามรังดุมและเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ จิรัฎร์วูบไหวช่วงกลางหน้าท้องเมื่อมันหยุดตรงหัวเข็มขัด
“อาไนต์รู้ใช่ไหมคะว่าเรนนี่คิดยังไงกับอาไนต์” คราวนี้ไม่ใช่ฝันแล้ว และพิรุณรัตน์จะไม่ยอมให้จิรัฎร์ตกเป็นของใครได้อีก เธอเคยผ่านการเสียชายหนุ่มไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นทำให้เธอเสียใจร้องไห้หนักอยู่หลายเดือน
“อาไนต์จำวันที่เรนนี่บอกรักได้ไหม วันนั้นเมื่อแปดปีที่แล้วกับวันนี้ความรู้สึกเรนนี่ยังเหมือนเดิมนะคะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของพิรุณรัตน์มันทำให้จิรัฎร์คิดถึงวันนั้น วันที่เด็กหญิงมาบอกว่ารักเขาแค่ไหน จิรัฎร์ตกใจมาก ไม่คิดว่าเด็กหญิงที่เขาเอ็นดูจะคิดเกินเลยกับเขาเกินกว่าสถานะที่เขาให้เธอ ตอนนั้นพิรุณรัตน์อายุได้เพียงสิบสี่ปี เริ่มแตกเนื้อสาว เขาเข้าใจว่าความคิด ความรู้สึกคงมาจากฮอร์โมนที่กำลังพลุ่งพล่านในตัว หากได้ใกล้ชิดกับใครก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกตกหลุมรักได้ง่าย จิรัฎร์พยายามตั้งสติและบอกกับพิรุณรัตน์ในตอนนั้นว่าเขาคงให้สถานะที่เธอต้องการไม่ได้ และวันนี้เขาได้แต่งงานกับคนที่รักแล้ว ขอให้เธอตัดใจเสีย
“เรนนี่ยังรักอาไนต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนะคะ เรนนี่รออาไนต์มาตลอด” พิรุณรัตน์ตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มันยังคงท่วมท้นอยู่ในอกมาตลอดหลายปี แม้เพื่อนสนิทของเธอจะบอกว่าเพ้อเจ้อ หรือบอกว่าไม่กี่เดือนเธอก็ลืมเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงเด็กหญิงพิรุณรัตน์ไม่เคยลืมรักแรกของตนเองเลย วันเวลาผ่านไปหลายปีจนจิรัฎร์หย่าร้างกับภรรยาและกลับมาเป็นโสดดังเดิม จากนี้ไปคือโอกาสทองของเธอที่จะจับเขามาเป็นสามี คราวนี้เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาเป็นของใครอีกแล้ว หากไม่ได้แต่งงานกับอาไนต์ ชาตินี้ก็ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น!
8ปีที่แล้ว
มือเล็กสั่นเทาจนกระดาษในมือร่วงสู่พื้น พร้อม ๆ กับน้ำตาของเด็กสาวที่หลั่งไหลออกเปื้อนแก้ม ‘การ์ดแต่งงาน’ ของจิรัฎร์และพิมพ์บุปผาพนักงานในบริษัทอีกคน ทั้งสองคบหาดูใจกันราว ๆ สองปีได้ ตลอดระยะเวลาของการคบหากันของทั้งคู่พิรุณรัตน์มองว่าพิมพ์บุปผาไม่คู่ควรกับจิรัฎร์เลยสักนิด ทั้งพิรุณรัตน์ยังเคยเห็นพิมพ์บุปผาออเซาะพนักงานชายต่างแผนกอีกด้วย แต่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับจิรัฎร์เพราะกลัวว่าหากเขาไม่เชื่อจะหาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
หลังจากจิรัฎร์แต่งงานไปได้เกือบปีพิรุณรัตน์ที่คิดว่าทำใจได้แล้วจึงมาที่บริษัทบิดาหลังจากไม่ได้มาที่นี่พักใหญ่ แต่เมื่อได้พบอาไนต์อีกครั้งความรู้สึกที่คิดว่ามันเลือนหายไปตามกาลเวลานั้นกลับยังปะทุแน่นอยู่ในอก แต่พิรุณรัตน์ก็รู้ดีว่าควรทำตัวเช่นไร หญิงสาวเองก็สร้างระยะห่างระหว่างเธอกับจิรัฎร์เช่นกัน วันเวลาล่วงเลยมาอีกเพียงปีเดียว ข่าวร้ายที่เหมือนจะเป็นข่าวดีก็ปรากฏขึ้น จิรัฎร์และพิมพ์บุปผาเลิกรากัน พิรุณรัตน์ไม่รู้ว่าเหตุผลที่ทั้งสองหย่าร้างกันคืออะไร และเธอไม่คิดสนใจหรือใส่ใจ เธอสนใจเพียงแค่ว่าตอนนี้อาไนต์ได้กลับมาเป็นโสดอีกครั้ง แต่เธออยากให้โอกาสตัวเองได้โตกว่านี้ มีความคิดความอ่านที่มากขึ้น ทั้งยังพัฒนาความสวยของตนเองให้งามสะพรั่งเหมือนดอกไม้ที่บานเต็มที่ในยามเช้า พิรุณรัตน์อดทน เฝ้ามองจิรัฎร์อย่างห่าง ๆ มาตลอดหลายปีนับตั้งแต่เขาไม่มีใคร แม้เธอจะมีคนมาขายขนมจีบมากมายแต่เธอก็เซย์โนบอกปฏิเสธพวกนั้นไปหมด
วันนี้พิรุณรัตน์คิดว่าตนเองพร้อมแล้วที่จะยืนเคียงข้างจิรัฎร์ในฐานะคนรัก แต่ว่าเขานี่สิ ไม่รู้จะคิดเหมือนกันหรือไม่
บทที่ 3 “เรนนี่รักอาไนต์นะคะ รักมาตลอด” เด็กสาวในวันนั้นที่เคยบอกรักเขาเมื่อแปดปีก่อน ณ วันนี้ก็ยังมีความรู้สึกต่อเขาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิรัฎร์สูดหายใจลึกหลังจากสิ้นประโยคบอกรัก เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดหากได้เป็นแฟนหนุ่มบุตรสาวเจ้านาย ตรงกันข้ามคงรู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะด้วยอายุ สถานะ และอะไรมากมาย เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์มีความรักที่มั่นคงเพียงใด มันเนิ่นนานกว่าแปดปีแล้ว แต่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาก็ยังคงเห็นตัวเองสะท้อนกลับมาทุกครั้งที่มอง “อาไม่ได้รักน้องเรนนี่แบบนั้น” ประโยคคุ้นหูที่มันสลักตราตรึงในใจมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเคยบอกเธอแบบนี้เมื่อครั้งที่สารภาพรัก แต่ตอนนั้นก็พอเข้าใจได้เพราะเขากำลังจะแต่งงาน ส่วนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่คิดเกินตัว“อาว่า...”“ให้โอกาสเรนนี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ?” พิรุณรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ ๆ น้ำตาก็ปริ่มจวนจะไหล เธอไม่ได้จะใช้น้ำตาเพื่อให้เขาใจอ่อนหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ในอกมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แค่เห็นว่าเขาตั้งท่าจะปฏิเสธเป็นรอบที่สาม ได้โปรดเถอะ..อาไนต์ขา อย่าใจร้ายกับเรนนี่คนนี้อีกเลย “นะคะ ให้โอกาสเรนนี่ได้ลองจีบอาไนต์ดูก่
THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 6 ปัทมายืนมองร่างสูงที่เดินเคียงข้างพิรุณรัตน์มาแต่ไกล ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้าไปเยอะ อาจเป็นเพราะโพรเจกต์โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งเข้าประกวดก็เป็นได้ หล่อนเองก็ตั้งใจจะทำโครงการนี้เหมือนกัน แต่พอไปอ้อนจิรัฎร์เขากลับตอบปฏิเสธอ้อม ๆ ว่าไม่สะดวก มารู้ทีหลังว่าช่วยพิรุณรัตน์ก็รู้สึกเจ็บใจกว่าเก่า ตั้งแต่จิรัฎร์ย้ายเข้าไปทำงานในห้องเดียวกับพิรุณรัตน์หล่อนก็แทบไม่เจอชายหนุ่ม จะเข้าไปคุยก็มีก้างขวางคอตลอด ยิ่งช่วงนี้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันที่เสียไปด้วย ไม่รู้จะไปเอาเงินมาจากไหน ตั้งใจจะจับผู้ชายในบริษัทสักคน เล็งจิรัฎร์ไว้ก็เหมือนจะหลุดมือไปเป็นของนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก คิดไม่เท่าไหร่เจ้าหนี้ก็โทรมาทวงหนี้จนหล่อนต้องปิดมือถือหนี โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งประกวดผ่านเข้
“พี่ไนต์ไม่รู้เหรอคะว่าตลอดเวลาที่พี่กับหล่อนแต่งงานกัน หล่อนไม่ได้มีพี่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะ” พิรุณรัตน์สะอื้นพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม “มีคนอื่นมาตลอดเวลา เรนนี่เห็นมาตลอด แต่เรนนี่พูดไม่ได้ ตอนนั้นเรนนี่กลัวว่าพี่ไนต์จะหาว่าเรนนี่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกพกลม แต่ตอนนี้เรนนี่โตแล้ว เรนนี่มีสิทธิ์ที่จะบอก พี่ไนต์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกได้ไหมคะ เรนนี่พอมีสิทธิ์ไหมที่จะรักษาหัวใจของพี่ไนต์ไว้ เรนนี่ไม่ต้องการเห็นพี่ไนต์เจ็บปวดอีกแล้ว” ม่านตาของจิรัฎร์ขยายขึ้นหลังจากฟังประโยคยาว ๆ นั้น ถ้าจะย้อนไปก็ราว ๆ เก้าปีเศษ ๆ ตอนนั้นเขาทำงานใกล้ชิดพิมพ์บุปผาจึงเกิดเป็นความรักและคบหาดูใจกันสักพัก ก่อนจะเป็นฝ่ายขอแต่งงานหล่อนเอง เพราะรู้สึกอยากสร้างครอบครัวร่วมกับหล่อน โดยไม่รู้ว่าจริง ๆ พิมพ์บุปผาไม่ได้รักตนเองมากเท่าไรนัก หญิงสาวคบหาดูใจกับพนักงานหนุ่มไอทีอยู่แล้ว แต่เพราะฝ่ายนั้นเป็นเด็กกำพร้าและทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบริษัท