“เรนนี่รักอาไนต์นะคะ รักมาตลอด” เด็กสาวในวันนั้นที่เคยบอกรักเขาเมื่อแปดปีก่อน ณ วันนี้ก็ยังมีความรู้สึกต่อเขาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิรัฎร์สูดหายใจลึกหลังจากสิ้นประโยคบอกรัก เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดหากได้เป็นแฟนหนุ่มบุตรสาวเจ้านาย ตรงกันข้ามคงรู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะด้วยอายุ สถานะ และอะไรมากมาย เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์มีความรักที่มั่นคงเพียงใด มันเนิ่นนานกว่าแปดปีแล้ว แต่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาก็ยังคงเห็นตัวเองสะท้อนกลับมาทุกครั้งที่มอง
“อาไม่ได้รักน้องเรนนี่แบบนั้น” ประโยคคุ้นหูที่มันสลักตราตรึงในใจมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเคยบอกเธอแบบนี้เมื่อครั้งที่สารภาพรัก แต่ตอนนั้นก็พอเข้าใจได้เพราะเขากำลังจะแต่งงาน ส่วนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่คิดเกินตัว
“อาว่า...”
“ให้โอกาสเรนนี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ?” พิรุณรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ ๆ น้ำตาก็ปริ่มจวนจะไหล เธอไม่ได้จะใช้น้ำตาเพื่อให้เขาใจอ่อนหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ในอกมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แค่เห็นว่าเขาตั้งท่าจะปฏิเสธเป็นรอบที่สาม ได้โปรดเถอะ..อาไนต์ขา อย่าใจร้ายกับเรนนี่คนนี้อีกเลย
“นะคะ ให้โอกาสเรนนี่ได้ลองจีบอาไนต์ดูก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวอ้อนวอนแทบจะลงไปคุกเข่า
“นะคะ อาไนต์” จิรัฎร์มองคนตรงหน้าที่กะพริบตาปริบ ๆ ดูน่าสงสารระคนน่ารัก ชายหนุ่มถอนหายใจยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายก็ใจอ่อนพยักหน้า เขาที่อายุอานามอีกสองปีก็ครบสี่สิบแล้ว ผ่านโลกมาก็พอสมควร แม้เรื่องผู้หญิงไม่ได้สลักสำคัญอะไรในชีวิตนัก แต่เมื่อเจอลูกอ้อนของพิรุณรัตน์ที่ส่งให้ก็ย่อมใจอ่อนเป็นธรรมดา หญิงสาวเผยยิ้มกว้างและกระโจนเข้าหา ไม่แค่นั้นยังฟัดหอมแก้มสากหลายครั้ง เนื้อนวลนุ่มนิ่มเกยอยู่บนตัวเขาแนบชิด หน้าอกถูไถไปตามแผงอกและขาเสลายังคร่อมเอวเขาไว้อีกด้วย จิรัฎร์ทำตัวไม่ถูก จะผลักร่างเล็กออกก็ไม่กล้า จะกอดไว้ก็ยิ่งไม่ได้ จึงเลือกแค่ทำตัวแข็งนิ่งเข้าไว้และรอให้พิรุณรัตน์ลุกออกจากตัวเขาเอง แต่จนแล้วจนรอดเจ้าหล่อนก็ยังไม่ลุกไปไหน ทั้งกลิ่นกายก็หอมหวานเสียจนเขาแทบคุมตัวเองไม่อยู่ มาสะดุ้งก็ตอนที่มือเล็กเลื่อนต่ำยุ่มย่ามตรงหัวเข็มขัด และกำลังไต่ต่ำลงกว่านั้น หากเขาไม่รีบคว้ามือเล็กแสนอันตรายนั้นไว้ก็เกรงว่าสิ่งที่หลับใหลอยู่จะถูกปลุกขึ้นมา แม้เขาไม่ใช่พวกจำศีลแต่เขาก็มีเลือดเนื้อรู้สึกเป็นรับรู้ได้ นับตั้งแต่เลิกรากับพิมพ์บุปผาไปกว่าเจ็ดปีจิรัฎร์ก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความต้องการเพียงแต่ว่าชายหนุ่มรู้ตัวเองดีว่าเขาไม่ใช่พวกวันไนต์สแตนด์ หรือซื้อกิน เพราะหากจะมีความสัมพันธ์จริง ๆ ก็ต้องเกิดจากความรักเป็นหลัก ส่วนความใคร่นั้นเป็นสิ่งประกอบรองลงมา
มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทันเวลา เลือดในกายกำลังปะทุและบางอย่างอาจจะตื่นขึ้น จิรัฎร์ดันตัวพิรุณรัตน์ออกเบา ๆ เมื่อลุกขึ้นมายืนได้เต็มความสูงก็ต้องถอยห่างไปหลายก้าว พิรุณรัตน์ส่งยิ้มหวาน ตากะพริบถี่ ๆ
“เสียดายเลย คิก ๆ” หญิงสาวทำท่าซุกซนเหล่มองต่ำ จิรัฎร์เบี่ยงตัวหนีสายตาที่ดูหื่นนั่น รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนไม่สบายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อาไนต์ เอ๊ย! ไม่ใช่สิ จากนี้ต้องเป็นพี่ไนต์ขา...” อุ๊ย! พูดแล้วก็เขิน
“นับจากนี้พี่ไนต์ต้องคอยรับแรงกระแทกให้ดี ๆ นะคะ เพราะน้องเรนนี่คนนี้ถ้าลงสนามแล้วไม่มีทางแพ้ค่ะ” จิรัฎร์ลอบกลืนน้ำลายกับท่าทางของพิรุณรัตน์ รู้ว่าหญิงสาวเอาจริงแน่ ๆ ถ้าเขาไม่เตรียมตัวตั้งรับหรือเตรียมใจดี ๆ อาจจะตกหลุมพรางที่เด็กอายุยี่สิบสองขุดไว้
“อาว่าเรามาทำข้อตกลงกันหน่อยดีกว่า”
“ข้อตกลงอะไรคะ?” หัวคิ้วสวยขมวดปม สงสัยเหลือเกินว่าจิรัฎร์จะเล่นแง่อะไรกันแน่ เขาคงไม่ยอมให้เธอจีบง่าย ๆ
กระดาษแผ่นขาวที่มีตัวอักษรกำหนดข้อตกลงถูกยื่นมาให้พิรุณรัตน์ หญิงสาวหยิบขึ้นมาอ่านคร่าว ๆ แล้วเลื่อนกลับมันไปให้เขา ปากเล็กขมุบขมิบบ่นไม่พอใจ
“ถ้าน้องเรนนี่ไม่โอเคอาก็ไม่ตกลง” พิรุณรัตน์ชักสีหน้า ส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ร่างข้อตกลงยาวเหยียด หญิงสาวกัดปากใช้ความคิดอยู่สักพัก
“ระยะเวลามันน้อยไปหรือเปล่าคะ แค่สองเดือนจะทันได้จีบอะไร อย่างต่ำ ๆ ต้องหนึ่งปี”
“มากไปครับ”
“น้อยไปต่างหากละค่ะ เรนนี่ขอเปลี่ยนระยะเวลาเป็นหนึ่งปี” พิรุณรัตน์แย่งกระดาษมากำลังจะเปลี่ยนตัวเลข แต่จิรัฎร์ไม่ยอม เขาดึงกลับพลางส่ายหน้า
“อาให้ได้มากสุดสี่เดือนครับ”
“แปดเดือนค่ะ” จิรัฎร์ถอนหายใจ ส่ายหน้าระอาคุณหนูจอมรั้น
“ได้แค่หกเดือน ถ้าไม่รับก็ยกเลิกทุกอย่างครับ”
“โอเค ๆ ค่ะ หกเดือนก็หกเดือน” จิรัฎร์คลายยิ้มเมื่อพิรุณรัตน์ยอมตกลงหนึ่งในข้อเสนอที่เขายื่น
“อาจะให้เวลาน้องเรนนี่ทั้งหมดหกเดือน ถ้าครบกำหนดแล้วอายังมีความรู้สึกเหมือนเดิม น้องเรนนี่รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” คำถามนั้นทำเอาพิรุณรัตน์คิดไม่ตก ระยะเวลาหกเดือนจะว่าน้อยก็ใช่ จะว่ามากจนสร้างความใกล้ชิดและทำให้จิรัฎร์รู้สึกรักเธอก็ได้เช่นกัน จากนี้ก็อยู่ที่เธอแล้วนั่นแหละว่าจะทำอย่างไรให้ชายหนุ่มรับรัก
“รู้ค่ะ แต่ว่าตรงข้อนี้” นิ้วเรียวชี้ไปที่กระดาษ
“ห้ามเข้าใกล้ต่ำกว่าหนึ่งเมตรมันจะมากไปหน่อยไหมคะ แหม...อาไนต์เคยแต่งงานมาแล้ว ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เห็นเรนนี่เป็นคนยังไง กลัวเรนนี่จับปล้ำขนาดนั้นเชียว” พิรุณรัตน์เอียงคอส่งสายตากังขามาที่เขา จิรัฎร์เองก็อยากบอกเหลือเกินว่าน้องเรนนี่ในยามนี้ที่โตเป็นสาวสะพรั่งน่ะไม่ได้น่ากลัวสักนิด เขาไม่กลัวจะถูกเธอจับปล้ำหรอก แต่เขากลัวตนเองจะห้ามใจไว้ไม่อยู่เมื่อได้สูดกลิ่นหอมหวานใกล้ ๆ มากกว่า
“ข้อนี้ขีดฆ่าออกเลยค่ะ เรนนี่ว่ามันเกินไปนิด ก็เรนนี่กำลังจีบอาไนต์อยู่จะให้อยู่ห่างไกลแบบนั้นไม่เอาหรอก ต้องอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ต่างหาก” ว่าจบก็กระโจนเข้าหาจิรัฎร์กอดแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทันที จงใจใช้หน้าอกหน้าใจที่แม่ให้มาถูไถเล็กน้อย แค่นั้นก็ทำเอาเลือดลมในกายจิรัฎร์ตีขึ้นตีลงสูบฉีดเนื้อตัวสั่นแล้ว จิรัฎร์ใช้มือยันศีรษะเล็กออกห่าง พิรุณรัตน์ส่งค้อนทำแก้มป่อง งอนหนักน่าดู แต่เขาส่ายหน้าไม่ให้เธอเข้าใกล้แล้ว
‘เฮ้อ...จะรอดไหมนี่ไอ้ไนต์’ จิรัฎร์ได้แต่คิดในใจ หญ้าอ่อนที่ต้องการให้เขาเคี้ยวก็สรรหาวิธีเสียจริง
THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 6 ปัทมายืนมองร่างสูงที่เดินเคียงข้างพิรุณรัตน์มาแต่ไกล ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้าไปเยอะ อาจเป็นเพราะโพรเจกต์โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งเข้าประกวดก็เป็นได้ หล่อนเองก็ตั้งใจจะทำโครงการนี้เหมือนกัน แต่พอไปอ้อนจิรัฎร์เขากลับตอบปฏิเสธอ้อม ๆ ว่าไม่สะดวก มารู้ทีหลังว่าช่วยพิรุณรัตน์ก็รู้สึกเจ็บใจกว่าเก่า ตั้งแต่จิรัฎร์ย้ายเข้าไปทำงานในห้องเดียวกับพิรุณรัตน์หล่อนก็แทบไม่เจอชายหนุ่ม จะเข้าไปคุยก็มีก้างขวางคอตลอด ยิ่งช่วงนี้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันที่เสียไปด้วย ไม่รู้จะไปเอาเงินมาจากไหน ตั้งใจจะจับผู้ชายในบริษัทสักคน เล็งจิรัฎร์ไว้ก็เหมือนจะหลุดมือไปเป็นของนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก คิดไม่เท่าไหร่เจ้าหนี้ก็โทรมาทวงหนี้จนหล่อนต้องปิดมือถือหนี โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งประกวดผ่านเข้
“พี่ไนต์ไม่รู้เหรอคะว่าตลอดเวลาที่พี่กับหล่อนแต่งงานกัน หล่อนไม่ได้มีพี่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะ” พิรุณรัตน์สะอื้นพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม “มีคนอื่นมาตลอดเวลา เรนนี่เห็นมาตลอด แต่เรนนี่พูดไม่ได้ ตอนนั้นเรนนี่กลัวว่าพี่ไนต์จะหาว่าเรนนี่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกพกลม แต่ตอนนี้เรนนี่โตแล้ว เรนนี่มีสิทธิ์ที่จะบอก พี่ไนต์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกได้ไหมคะ เรนนี่พอมีสิทธิ์ไหมที่จะรักษาหัวใจของพี่ไนต์ไว้ เรนนี่ไม่ต้องการเห็นพี่ไนต์เจ็บปวดอีกแล้ว” ม่านตาของจิรัฎร์ขยายขึ้นหลังจากฟังประโยคยาว ๆ นั้น ถ้าจะย้อนไปก็ราว ๆ เก้าปีเศษ ๆ ตอนนั้นเขาทำงานใกล้ชิดพิมพ์บุปผาจึงเกิดเป็นความรักและคบหาดูใจกันสักพัก ก่อนจะเป็นฝ่ายขอแต่งงานหล่อนเอง เพราะรู้สึกอยากสร้างครอบครัวร่วมกับหล่อน โดยไม่รู้ว่าจริง ๆ พิมพ์บุปผาไม่ได้รักตนเองมากเท่าไรนัก หญิงสาวคบหาดูใจกับพนักงานหนุ่มไอทีอยู่แล้ว แต่เพราะฝ่ายนั้นเป็นเด็กกำพร้าและทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบริษัท
บทที่ 7 เข้าสู่เดือนที่สี่ของการมาทำงานที่บริษัทของบิดา พิรุณรัตน์เรียนรู้งานไปได้มากและเริ่มลงมือทำโพรเจกต์บ้างแล้วตามที่พิทักษ์มอบหมาย โดยมีจิรัฎร์ช่วยเป็นลูกมือคอยดูแลไม่ห่าง ส่วนเรื่องจีบจิรัฎร์ดูเหมือนไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไร ชายหนุ่มตีหน้านิ่ง ทำซึนใส่ ทั้ง ๆ ที่เธอก็เห็นอยู่ว่าบางจังหวะที่เธอหยอดเขาก็แอบยิ้ม “เอกสารอะไรคะ?” พิรุณรัตน์ถามทันทีที่คนร่างสูงเดินมาพร้อมกับกระดาษเพียงหนึ่งแผ่น “ประกาศท่องเที่ยวประจำปีของบริษัทครับ เขาให้ลงชื่อว่าใครจะไปบ้าง” “เรนนี่ไปค่าาา!” หญิงสาวชูมือสุดแขน กระโดดดึ๋งดั๋งเหมือนเด็กน้อย จิรัฎร์ยิ้มพลางส่ายหน้าเอ็นดู ต่อให
บทจบ จิรัฎร์อายุครบสี่สิบเอ็ดปีไปเมื่อเดือนก่อน ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกปวดหลังและเมื่อยเนื้อตัวง่ายขึ้น แต่เขากลับชอบเพราะมีร่างนุ่มนิ่มคอยมาบีบนวดเอาใจเสมอ และมันจบลงที่เขานาบเธอทุกครั้ง ดูเหมือนตอนนี้เขาจะกลายเป็นคนอายุหลักสี่ที่ติดเซ็กซ์ไปแล้ว แฟนสาวอย่างพิรุณรัตน์ช่างยั่วยวนและน่ารัก เขาอดใจไม่ไหวทุกทีเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ เธอ จิรัฎร์ยอมรับว่าชอบท่าไม้ตายอย่างปูไต่มาก ๆ เพราะมันทำให้เขาอารมณ์เตลิดเปิดเปิงได้ง่าย ชายหนุ่มยิ้มขณะมองกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินในมือ แหวนเพชรวงนี้เขาเลือกเองกับมือ เป็นเพชรแท้เบลเยี่ยมแปดกะรัตที่เขาต้องดีลตรงกับช่างชาวรัสเซีย แหวนวงนี้ใช้ระยะเวลาทำเกือบสามเดือนด้วยความประณีตของช่าง และกว่าจะได้แบบและทรงที่ตรงใจเขา ตัวเรือนสลักชื่อย่อของทั้งเขาและพิรุณรัตน์ไว้ด้วย ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่คนข้างกายขยับกาย วันนี้เขาตั้งใจจะขอเธอแต่งงาน อายุเขาเยอะมากแล้ว อยากมีลูกสักคนสองคนแล้วด้วย และอีกอย่าง หลาย ๆ ครั้งที่ออกงานสังคมก็มักมีหนุ่ม ๆ มาท
เวลาล่วงเลยไปเกือบปีได้ที่ทั้งจิรัฎร์และพิรุณรัตน์เป็นแฟนกัน พิทักษ์และมีนายินดีต้อนรับว่าที่ลูกเขยคนนี้เป็นอย่างมาก โชคดีที่ทั้งสองไม่ใช่คนหัวโบราณสักเท่าไรจึงพอจะเข้าใจคนหนุ่มสาวที่เวลาอยู่ด้วยกันก็จะแสดงความรักที่มันเปิดเผย พิรุณรัตน์เป็นพวกชอบสกินชิพมาก ๆ เธอมักจะหอมแก้ม หรือจูบจิรัฎร์อยู่เสมอ ๆ แม้จะแอบทำแล้วแต่คนในบริษัทก็ยังมีเห็นบ้าง และทุกคนก็เริ่มรู้กันหมดแล้วว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน กลุ่มของผกามาศแสดงความยินดีต่อจิรัฎร์อย่างจริงใจ เพราะหล่อนเห็นเขามาตั้งแต่ทำงานที่นี่แรก ๆ แต่งงานแล้วก็หย่า เป็นโสดอยู่นานหลายปีดีดัก คิดว่าจะไม่มีใครเสียแล้ว สุดท้ายก็โดนเด็กสอยลงจากคานจนได้ คนที่นินทาก็มีอยู่พอสมควร พวกนั้นคิดว่าจิรัฎร์หวังรวยทางลัด แต่ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าจิรัฎร์เองก็เป็นเศรษฐีเหมือนกัน เศรษฐีที่ดินปล่อยเช่า และยังเป็นเศรษฐีทองอีกด้วย เพราะเขาซื้อเก็งกำไรทุกเดือนร่างสูงที่ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วย วันนี้กลับนอนไข้ขึ้นบนเตียง แค่ขยับกายก็ร้าวระบมไปห
บทที่ 12พิทักษ์ทรุดลงกับเก้าอี้ เขายกมือขึ้นลูบหน้าแรง ๆ หลายรอบ อันที่จริงเขาไม่ได้ต้องการให้พิรุณรัตน์เป็นแฟน หรือ แต่งงานกับลูกชายของเพื่อนหรอก เพียงแค่ต้องการให้มาทำความรู้จักกันไว้ ในภายภาคหน้าอาจมีเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกัน แต่ดูจากคลิปแล้วเขาขอตัดขาดจากฝั่งเพื่อนสนิทดีกว่า“ขอบใจมากนะไนต์”“เป็นโชคของผมที่เจอไอ้นั่นโดยบังเอิญ” พิทักษ์เหลือบมองรุ่นน้อง ไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะได้ยินจิรัฎร์พูดจิกกัดใครแบบนั้น“แล้วพี่จะเอายังไงต่อครับ”“ก็จะยังไงเล่า ก็ต้องตัดขาดฝ่ายนั้น เดี๋ยวส่งคลิปให้ไอ้เวชดูด้วยว่าลูกมันพูดจาหมา ๆ แบบนี้ มันพูดออกมาได้ยังไง” พิทักษ์เองก็โกรธไม่ต่างกัน มีใครมาพูดถึงบุตรสาวแบบนี้คนเป็นพ่อแบบเขาก็ต้องร้อนใจเป็นธรรมดา ธุร
“ไปทำงานสิไนต์” พิทักษ์ไล่ จิรัฎร์ลอบถอนหายใจ“อย่าให้เรนนี่ไปดูตัวเลยครับ น้องไม่ชอบหรอกที่โดนจับคลุมถุงชน ถ้าพี่คิดว่าผมไม่คู่ควรกับเรนนี่ อย่างน้อย ๆ ก็ให้เรนนี่ได้ตัดสินใจเรื่องดูตัวบ้างก็ดีนะครับ ผมยังรักรอยยิ้มของเรนนี่ ไม่อยากให้น้องกังวล”พ้นร่างสูงไปแล้วพิทักษ์ก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ เขาคิดถึงเรื่องที่เกาะเสม็ดตอนที่จิรัฎร์มีปากเสียงกับปัทมา ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่สักพัก ดูจากภายนอกก็เห็นว่าจิรัฎร์ไม่ยอม พอรุ่นน้องโพล่งว่ามีแฟนแล้วก็รู้สึกตงิดใจ ยิ่งมาเห็นตอนที่พิรุณรัตน์กับจิรัฎร์แอบจับมือส่งสายตาหวานฉ่ำให้กันตอนพักรถ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าทั้งสองใช้เวลาช่วงเอาต์ติ้งพัฒนาความสัมพันธ์กันไปพอสมควร พิทักษ์และมีนาคุยเรื่องของจิรัฎร์และพิรุณรัตน์ตลอด และยินดีที่ได้ผู้ชายอย่างจิรัฎร์มาเป็นลูกเขยด้วยซ้ำ อาจจะกังวลเรื่องอายุที่ห่างกันอยู่บ้าง แต่ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ อายุอาจจะมีผลบ้าง แต่ถ้าทั้งสองคนรักกันเหนียวแน่น ใช้เหตุและผลอยู่ด
บทที่ 11ช่วงเช้ามืดพิรุณรัตน์ย่องออกจากห้องของจิรัฎร์ แต่ก็ยังไม่วายยั่วยวนเขาจนชายหนุ่มตบะแตกจัดการหญิงสาวรอบเช้าไปอีกหนึ่งครั้ง พิรุณรัตน์ทำตัวเหมือนโจรห้าร้อย ค่อย ๆ ย่องออกจากห้องชายหนุ่ม จิรัฎร์ยืนอมยิ้มที่หน้าประตูเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าตลก ยามนี้เพิ่งจะตีห้ายังไม่มีใครตื่นหรอก อีกอย่างเมื่อคืนทุกคนน่าจะสังสรรค์กันจนเมาปลิ้นหลับคอพับกันอยู่ในห้องนั่นแหละ พิรุณรัตน์ยกมือโบกหยอย ๆ เมื่อถึงหน้าห้อง ทั้ง ๆ ที่ก็ห่างไม่กี่เมตรเอง ชายหนุ่มยิ้มโบกมือกลับ พอหญิงสาวผลุบเข้าห้องเขาก็อาบน้ำอาบท่าออกไปทำธุระทันทีสิ่งแรกหลังจากออกจากห้องคือการหาซื้อยาคุมฉุกเฉินให้พิรุณรัตน์ ชายหนุ่มเซิร์ชหาร้านขายยาที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จิรัฎร์ใช้บริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อถึงร้านยาก็ตรงเข้าประเด็น เภสัชกรสาวแนะนำเขาเป็นอย่างดีแล้วยังเชิญชวนให้ซื้อถุงยางอนามัยติดไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินอีกด้วย เพราะการกินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร และมันก็ป้องกัน
ร่างเล็กค่อย ๆ พยุงคนตัวโตไปยังเตียง ชายหนุ่มทิ้งตัวทันทีจึงทำให้เกี่ยวติดเธอลงไปด้วย ขึ้นมาเกยบนอกเขาจึงได้กลิ่นละมุดมากขึ้น ‘ดื่มไปเยอะจริง ๆ ด้วยแฮะ’ พิรุณรัตน์หัวเราะคิกคักบนอก มือก็เริ่มไต่ไปตามกล้ามเนื้อแน่น ๆ จิรัฎร์ครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาครางต่ำเมื่อมือเล็กซุกซนหยอกเย้าอยู่ที่ยอดอก แค่แรงสะกิดเล็กน้อยก็ทำให้เขาตื่นแล้ว ตื่นทั้งตัว ส่วนนั้นผงกหัวขึ้นพร้อม ๆ กับที่เขาพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างเล็กแทน“เรนนี่…” คนเมาครางต่ำ ขณะซุกไซ้จมูกไปทั่วลำคอและใบหน้าสวย พิรุณรัตน์ตกใจอยู่เพียงชั่ววินาที แขนเสลายกขึ้นคล้องคอจิรัฎร์ไว้แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้มอบจูบหวานล้ำให้เขาตามที่ตั้งใจไว้ แต่พอจูบจริง ๆ มันไม่หวานสักนิด มันร้อนแรงและร้อนเร่า บางจังหวะจิรัฎร์ก็กัดปากเธอด้วย เขาดูกลัดมันดี มันยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเฉอะแฉะไปหมด มือใหญ่ลากไล้ไปทั่ว ปัดป่ายจุดกระสันจนเธอสะท้าน ใจหายวาบ เสื้อผ้าหลุดพ้นกายเหลือเพียงแพนตี้ตัวจิ๋ว ใบหน้าหล่อเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ
บทที่ 10 เสียงหัวใจดังตึกตัก พร้อม ๆ กับกายสาวที่เริ่มจะหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกับชายหนุ่ม อากาศเริ่มจะหมดทั้งสองจึงผละห่างกันเพียงครู่เพื่อสูดลมเข้าปอดแล้วก้มลงประกบปากกันอีกครั้ง มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางไปทั่ว เช่นเดียวกับพิรุณรัตน์ที่เริ่มซุกซนทำมากกว่าเล่นปูไต่ มันเลื่อนต่ำลงจนน่าหวาดเสียว ดีที่จิรัฎร์คว้ามือเล็กไว้ได้ทัน“มาเป็นแฟนพี่นะเรนนี่” จิรัฎร์กระซิบเสียงพร่า เกลี่ยจมูกไปตามแก้มนุ่มและใบหู“อือ...” ไม่รู้ว่านั่นใช่คำตอบหรือไม่ แต่จิรัฎร์กำลังหลงใหลกลิ่นกายหอมหวานจนโงหัวแทบไม่ขึ้น แต่โชคดีที่เขายังพอมีสติ ชายหนุ่มกัดฟันบีบไหล่เปลือยพลางดันตัวเธอออก แต่ก็อ้อยอิ่งอยู่ตรงริมฝีปากสวยอยู่นาน“ว่าไงคะ?” เสียงทุ้มแหบพร่าขณะเปล่งเสียงออกมา พิรุณรัตน์สะเทิ้นอายยามสบก
“พอดีพี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวน่ะครับ เลยไม่ได้ไป” “พี่ไนต์เขาอยากอยู่ดูแลเรนนี่น่ะค่ะ ตามประสาคนรั..” “เรนนี่ลูก!” เสียงของพิทักษ์ดังขัดขึ้นเสียก่อน และเป็นพิรุณรัตน์ที่ปล่อยมือจากจิรัฎร์เอง หญิงสาวขยับห่างชายหนุ่มเล็กน้อย แอบเหล่มอคนตัวสูงก็เห็นเขาส่งยิ้มอ่อน ๆ มาให้จึงพอเบาใจ อยู่ ๆ พิรุณรัตน์ก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมา ด้วยสถานะที่ยังไม่ชัดเจนจึงทำให้เธอเกิดกลัวว่าบิดาและมารดาอาจจะมองจิรัฎร์ไม่ดี เธอกลัวว่าเขาจะถูกท่านต่อว่าและมองไม่ดี “ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่” “โอเคขึ้นแล้วนะลูก ยังปวดหัวหรือตัวร้อนอยู่ไหม?” พิรุณรัตน์ส่ายหน้า ส่งยิ้มหวานให้บิ
บทที่ 9 พอสิ้นประโยคนั้นจิรัฎร์ก็ชะงักงันไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มกำปลายเสื้อไว้แน่น ทอดมองร่างเล็กที่ยังเปลือยเปล่าเนื้อตัวยังแดงเป็นกุ้งลวกอยู่เลย ใจจริงเขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงตอนนี้ แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าภายนอกในขณะที่ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน “ให้เรนนี่ช่วยนะคะ” ร่างเปลือยขยับเข้ามาใกล้ มือเล็กจับเข้าที่เอวก่อนลากนิ้วไปตามเนื้อผ้า สะกิดส่วนที่โป่งนูนเพียงนิดมันก็เต้นเร่าเอาแต่ใจ ชายหนุ่มสะดุดลมหายใจหลายครั้ง พยายามเรียกสติ แต่เมื่อกางเกงผ้าถูกปลดออกก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกที่มันอัดแน่นพร้อมปลดปล่อยได้อีกต่อไป “เรนนี่…” จิรัฎร์ครางต่ำขณะมือน้อยกอบกุมตัวตนเขาไว้ผ่านชั้นในชาย หญิงสาวออกแรงบีบคลึงแผ