แชร์

บทที่ 5 เครียดเรื่อง(ผู้ชาย) 50%

บทที่ 5

สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วย 

ร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรัตน์เสนอไอเดียด้านนั้นได้ดี

“อาชักอยากจะรู้แล้วว่าน้ำอัดลมรสชาติกะเพราหมูสับจะเป็นยังไง?” มือใหญ่ปิดหน้าแท็บเล็ตลงก่อนเอ่ยสิ่งที่ตนเองคิดไว้ทันทีที่อ่านไอเดียของหญิงสาวจบ ดวงตากลมโตฉายแววความไม่มั่นใจอยู่ในนั้นแต่ยังยิ้ม ตลอดหลายอาทิตย์ที่เขาช่วยเธอเรื่องโครงการเฟ้นหาไอเดียเมนูอาหารใหม่ของบริษัท เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์ทุ่มเททั้งกายและใจแค่ไหน หญิงสาวจะเข้างานก่อนเวลาทำงานประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้ได้มีเวลาคิดวิเคราะห์โครงการที่จะส่งประกวด พอนาฬิกาบอกเวลาเริ่มเข้างานเธอก็วางมันลงแล้วจัดการกับงานบริษัทที่ต้องเรียนรู้ พักเที่ยงไม่ได้ออกไปข้างนอก หญิงสาวเลือกสั่งดิลิเวอรีเพื่อประหยัดเวลาในการคิดงาน จิรัฎร์ยิ้มภูมิใจกับคนตัวเล็กที่ตอนนี้โครงการที่ตรากตรำทำมาหลายสัปดาห์ได้สำเร็จลุล่วงไปแล้วเปลาะหนึ่ง 

“พี่ไนต์ว่ามันโอเคไหมคะ เรนนี่กลัวว่ามันจะแปลกไป”

“การเสนอไอเดียไม่มีผิดหรือถูกหรอกครับ เซตเมนูอาหารของเรนนี่น่าสนใจมากครับ” ข้าวกะเพราะหมูสับถึงจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่ก็ทำให้ถูกปากยาก อันที่จริงเขาเห็นด้วยกับประโยคในโครงการที่บอกว่ากะเพราหมูสับควรเป็นอาหารประจำชาติมากกว่า เพราะไม่ได้ทำยุ่งยาก และคนไทยส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยเข้าร้านอาหารตามสั่งคิดเมนูไม่ออกก็ต้องสั่งกะเพราะหมูสับกันทุกราย 

“ถ้าพี่ไนต์ว่าน่าสนใจเรนนี่จะลองตบ ๆ เกลา ๆ อีกนิดแล้วส่งเข้าประกวดเลยนะคะ”

“ครับ”

“เรนนี่ต้องขอบคุณพี่ไนต์มาก ๆ นะคะ” นั่นไง มาแล้วเสียงหวานหยด พร้อมทั้งสายตาปิ๊งปั๊งที่ทอดมองมา หญิงสาวพาตัวเองขึ้นมานั่งที่ตักของจิรัฎร์เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะลุกหนี ชายหนุ่มต้องขืนลำคอไว้เมื่อแขนเสลาคว้ามันทั้งยังโน้มให้ต่ำลง จมูกเล็กเกลี่ยไปตามแก้มสาก ซึ่งจิรัฎร์ก็พยายามอย่างยิ่งในการเบี่ยงหน้าหนี พอทนไม่ไหวจึงลุกพรวดทั้งแบบนั้น ผลคือพิรุณรัตน์ยังคงเกาะเขาไว้เหมือนลูกลิง จิรัฎร์แกะมือของลูกลิงออก วางเธอไว้ที่โต๊ะ ถอยห่างมาอีกหลายก้าว พิรุณรัตน์ย่นจมูกทำหน้าไม่พอใจ แต่ฉับพลันก็กระโจนมาหา ยกสองมือกระพุ่มกราบที่อกเขา

“ถ้าไม่มีพี่ไนต์เรนนี่ต้องแย่แน่ ๆ” มือที่พนมกราบเปลี่ยนมาเกาะยังอกแกร่ง หญิงสาวจงใจขยำนิด ๆ เพราะเขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยแล้วคว้ามือนุ่มมากุมไว้ 

“ทุกอย่างเป็นเพราะความพยายามและความสามารถของน้องเรนนี่ครับ อาไม่ได้ทำอะไร” ว่าจบก็ปล่อยมือนั่นแล้วเขยิบถอยออกมาอีก พยายามหาทางไม่ให้หลังตนเองชิดกำแพงมาก หรือจนมุม เพราะเขาอาจจะโดนหญิงสาวต้อนอีกก็เป็นได้ แต่คราวนี้พิรุณรัตน์ไม่ได้เดินตาม หญิงสาวกลับไปที่โต๊ะแต่ยังไม่วายส่งจูบมาให้เขา ซึ่งเขาก็เอียงตัวหลบเล็กน้อย

“แหม...แค่จูบผ่านอากาศยังไม่รับ ใจร้ายจังนะคะ” พิรุณรัตน์บ่นกระปอดกระแปดไม่ได้จริงจังนัก หญิงสาวยู่ปากแล้วส่งค้อนมาให้

“เล่นตัวจริง ๆ” บ่นอีกนิดก่อนจะนั่งประจำที่แล้วทำงานต่อ จิรัฎร์ลอบถอนหายใจ จริง ๆ เขาควรจะชินได้แล้วกับท่าทางของพิรุณรัตน์ยามอยู่ตามลำพัง แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ชิน เธอรุกเขาหนักขึ้นทุกวัน มีโอกาสก็คว้ามือเขาไปหอมไปจูบ หรือบางทีก็กระโจนกอดไม่ทันตั้งตัว เขาต้องแสร้งทำหน้าเข้มคิ้วชิด จนรู้สึกว่ารอยย่นมันเพิ่มขึ้นมาเยอะในเวลาเพียงไม่นานหลังจากได้พบเธอ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status