จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น
“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่
“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้าไปกอดไว้อย่างเคย จิรัฎร์มองการกระทำด้วยใจที่เปลี่ยนไป คงมาจากเรื่องเมื่อคืนด้วย กลิ่นหอมลอยฟุ้งมาเตะจมูก เขารู้สึกใจเต้นเล็กน้อยแต่ยังพอควบคุมได้
“รู้ใจขนาดนี้เมื่อไหร่เรนนี่จะได้เข้าไปอยู่ในใจพี่ไนต์น้า?” นิ้วเรียวกวาดไปทั่วกลางอกพร้อมทั้งจรดปลายจมูกจิ้มลงยังแก้มสากเล็กน้อย ใจจริงเธออยากจะกดจมูกดำดิ่งลงกับแก้มของจิรัฎร์ แต่ก็กลัวว่าเขาจะตกใจกว่าที่เป็น เพราะแค่นี้ชายหนุ่มก็ตัวแข็งทื่อไปหมด โอ๊ย น่ารักอะไรแบบนี้พ่อคุณ
“เมื่อคืนพี่ไนต์ไปส่งเรนนี่ที่บ้านเหรอคะ?” เมื่อคืนเธอเมามาก หลังจากซัดวอดก้าไปอาการมึนก็เล่นงาน ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าออกจากผับกี่โมง มารู้ตัวก็ตอนตื่นลงมากินมื้อเช้า บิดาจึงบอกว่าเมื่อคืนจิรัฎร์มาส่งที่บ้าน
“พี่ไนต์เจอเรนนี่ที่ผับเหรอคะ” นิ้วเล็กยังคงทำปูไต่ส่งสายตาอ้อน ๆ มาให้ไม่หยุด จิรัฎร์รีบคว้ามือเล็กไว้ก่อนมันจะไต่ลามต่ำกว่าเดิม
“ครับ เมื่อคืนอาไปหาเพื่อน เจอเรนนี่พอดีเลยขับรถไปส่งที่บ้าน” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก ยังจำอะไรไม่ค่อยได้เพราะเมาจัด รู้แต่ว่าเมื่อคืนเธอฝันหวานมาก ๆ เลย พอคิดถึงจูบร้อนแรงของจิรัฎร์ในฝันใบหน้านวลก็แดงซ่านขึ้นมา พิรุณรัตน์เม้มปากบิดกายเขินอยู่ลำพัง ส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้จิรัฎร์ ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิด ๆ สงสัยในท่าทางของหญิงสาว ก่อนเบิกตาขึ้น หรือว่าพิรุณรัตน์รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
“ขอบคุณนะคะพี่ไนต์ที่ไปส่งเรนนี่ที่บ้าน เมื่อคืนเรนนี่เมาจริง ๆ ถ้าไม่ได้พี่ไนต์ไม่รู้เรนนี่จะไปเมาหลับที่ไหน” แต่พอปากสวยเอ่ยประโยคยาว ๆ ออกมาเขาก็โล่งใจว่าเธอน่าจะจำไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าถ้าจะดื่มก็ควรรู้ลิมิตตัวเองหน่อยนะครับ น้องเรนนี่เป็นผู้หญิง ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาจะแย่เอา” จิรัฎร์ดุให้ เขาไม่ได้กลบเกลื่อนเรื่องเมื่อคืน แต่ที่พูดก็เพราะเป็นห่วงคนตัวเล็กจริง ๆ หากเมื่อคืนไม่ใช่เขาแต่เป็นชายคนอื่นเรื่องคงเลยเถิดมากกว่านี้ แต่สาวเจ้าดูจะไม่กลัวคำดุของเขาเลย กลับยิ้มกว้างพร้อมทั้งโน้มแก้มลงมาถูไถแขน
“พี่ไนต์เป็นห่วงเรนนี่ใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ และคำตอบเขาก็คิดว่าเธอน่าจะรู้ แต่ความห่วงของเขาคงเป็นเพราะเห็นหญิงสาวมาตั้งแต่เด็กมากกว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น เพียงแต่เหตุการณ์ที่เกินเลยไปนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตัวเองถึงคุมสติไม่อยู่เหมือนกัน
“เอ...เช้านี้แปลก ๆ” หญิงสาวยกศีรษะขึ้น ทำหน้ามุ่ย มือจับที่ริมฝีปากตนเอง
“ปากเรนนี่แตก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทาลิปแล้วตกร่องไม่สวยเลย” พิรุณรัตน์บ่นกระปอดกระแปด แต่จิรัฎร์เสียวสันหลังวาบ มวนท้องขึ้นมา เผลอมองริมฝีปากที่แห้งแตกแล้วกลืนน้ำลาย ยิ่งหญิงสาวเลียริมฝีปากเขายิ่งรู้สึกเหมือนอากาศในห้องลดลงทั้ง ๆ ที่แอร์ก็เย็นฉ่ำ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาข้างขมับ ในหัวเริ่มคิดถึงเรื่องในรถเมื่อคืน ร่างกายร้อนวาบตาม หญิงสาวเบียดชิด พอได้เคล้นคลึงบางส่วนใจก็หายร่วงหล่นไปที่พื้น จิรัฎร์ขยับเนกไทเล็กน้อย พยายามขยับห่างกลิ่นหอมฟุ้งที่ทำให้เขาใจสั่นอย่างกับคนหนุ่ม
อะแฮ่ม! กระแอมเรียกสติหน่อย
“เอ่อ...วันนี้น้องเรนนี่มีเอกสารที่ต้องเรียนรู้อีกนะครับ
“ไม่อยากทำงานเลย วันนี้พี่ไนต์พาเรนนี่ไปกินโอมากาเสะหน่อยสิคะ เดี๋ยวเรนนี่โทรจองโต๊ะ” หญิงสาวส่งเสียงออดอ้อนรวมทั้งท่าทาง มองแล้วก็เอ็นดู แต่จิรัฎร์ต้องพยายามเก๊กหน้าขรึมไว้
“ต้องดูเอกสารให้หมดก่อนอาถึงจะพาไปนะครับ” แค่พูดถึงกองเอกสารพิรุณรัตน์ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าจะขย้อนอาหารเช้าที่มารดาทำให้ออกมาทางเดิม หญิงสาวยอมเอามือออกจากแขนแกร่งแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังโต๊ะทำงานที่จิรัฎร์เริ่มทยอยวางแฟ้มเอกสารที่ต้องศึกษาให้ครบภายในวันนี้
“เฮ้อ...”
จิรัฎร์ลอบยิ้มที่เห็นอาการงอแงของแม่สาวนักยั่ว เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อยวิ่งตามบิดามาทำงาน จนบัดนี้โตเป็นสาวสวยแต่ก็ยังไม่ทิ้งลายความดื้อรั้นที่มีในตัว เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนหรอก มีเลือดเนื้อมีความรู้สึก การที่หญิงสาวมาบอกว่ารัก ทั้งออดอ้อนส่งสายตาปิ๊ง ๆ ให้อยู่ทุกวัน ทั้งยังได้ลิ้มรสหอมหวานอีก คุณอาวัยสามสิบแปดอย่างเขาก็มีใจสั่นไหวบ้าง ก็เพราะเธอทั้งน่ารักน่าเอ็นดู แต่จิรัฎร์ก็เชื่อว่ามันคงเป็นความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าวของพิรุณรัตน์ คงเพราะกลับมาเจอเขาอีกครั้งความรู้สึกที่เคยนึกชอบพอจึงปะทุขึ้นมา ทำให้เธอทึกทักไปเองว่านั่นคือความรัก และจากนี้เขาบอกตัวเองว่าต้องใจแข็ง เก๊กหน้าให้ดูดุเข้าไว้ และสร้างระยะห่างให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบบนรถนั่นอีก
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 6 ปัทมายืนมองร่างสูงที่เดินเคียงข้างพิรุณรัตน์มาแต่ไกล ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้าไปเยอะ อาจเป็นเพราะโพรเจกต์โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งเข้าประกวดก็เป็นได้ หล่อนเองก็ตั้งใจจะทำโครงการนี้เหมือนกัน แต่พอไปอ้อนจิรัฎร์เขากลับตอบปฏิเสธอ้อม ๆ ว่าไม่สะดวก มารู้ทีหลังว่าช่วยพิรุณรัตน์ก็รู้สึกเจ็บใจกว่าเก่า ตั้งแต่จิรัฎร์ย้ายเข้าไปทำงานในห้องเดียวกับพิรุณรัตน์หล่อนก็แทบไม่เจอชายหนุ่ม จะเข้าไปคุยก็มีก้างขวางคอตลอด ยิ่งช่วงนี้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันที่เสียไปด้วย ไม่รู้จะไปเอาเงินมาจากไหน ตั้งใจจะจับผู้ชายในบริษัทสักคน เล็งจิรัฎร์ไว้ก็เหมือนจะหลุดมือไปเป็นของนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก คิดไม่เท่าไหร่เจ้าหนี้ก็โทรมาทวงหนี้จนหล่อนต้องปิดมือถือหนี โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งประกวดผ่านเข้
“พี่ไนต์ไม่รู้เหรอคะว่าตลอดเวลาที่พี่กับหล่อนแต่งงานกัน หล่อนไม่ได้มีพี่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะ” พิรุณรัตน์สะอื้นพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม “มีคนอื่นมาตลอดเวลา เรนนี่เห็นมาตลอด แต่เรนนี่พูดไม่ได้ ตอนนั้นเรนนี่กลัวว่าพี่ไนต์จะหาว่าเรนนี่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกพกลม แต่ตอนนี้เรนนี่โตแล้ว เรนนี่มีสิทธิ์ที่จะบอก พี่ไนต์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกได้ไหมคะ เรนนี่พอมีสิทธิ์ไหมที่จะรักษาหัวใจของพี่ไนต์ไว้ เรนนี่ไม่ต้องการเห็นพี่ไนต์เจ็บปวดอีกแล้ว” ม่านตาของจิรัฎร์ขยายขึ้นหลังจากฟังประโยคยาว ๆ นั้น ถ้าจะย้อนไปก็ราว ๆ เก้าปีเศษ ๆ ตอนนั้นเขาทำงานใกล้ชิดพิมพ์บุปผาจึงเกิดเป็นความรักและคบหาดูใจกันสักพัก ก่อนจะเป็นฝ่ายขอแต่งงานหล่อนเอง เพราะรู้สึกอยากสร้างครอบครัวร่วมกับหล่อน โดยไม่รู้ว่าจริง ๆ พิมพ์บุปผาไม่ได้รักตนเองมากเท่าไรนัก หญิงสาวคบหาดูใจกับพนักงานหนุ่มไอทีอยู่แล้ว แต่เพราะฝ่ายนั้นเป็นเด็กกำพร้าและทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบริษัท
บทที่ 7 เข้าสู่เดือนที่สี่ของการมาทำงานที่บริษัทของบิดา พิรุณรัตน์เรียนรู้งานไปได้มากและเริ่มลงมือทำโพรเจกต์บ้างแล้วตามที่พิทักษ์มอบหมาย โดยมีจิรัฎร์ช่วยเป็นลูกมือคอยดูแลไม่ห่าง ส่วนเรื่องจีบจิรัฎร์ดูเหมือนไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไร ชายหนุ่มตีหน้านิ่ง ทำซึนใส่ ทั้ง ๆ ที่เธอก็เห็นอยู่ว่าบางจังหวะที่เธอหยอดเขาก็แอบยิ้ม “เอกสารอะไรคะ?” พิรุณรัตน์ถามทันทีที่คนร่างสูงเดินมาพร้อมกับกระดาษเพียงหนึ่งแผ่น “ประกาศท่องเที่ยวประจำปีของบริษัทครับ เขาให้ลงชื่อว่าใครจะไปบ้าง” “เรนนี่ไปค่าาา!” หญิงสาวชูมือสุดแขน กระโดดดึ๋งดั๋งเหมือนเด็กน้อย จิรัฎร์ยิ้มพลางส่ายหน้าเอ็นดู ต่อให
บทนำ...ร่างเล็กที่อยู่ในชุดนักเรียนคอซองสีน้ำเงินผมยาวเพียงไหล่เอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อรอรับคำตอบจากผู้ชายตัวสูงชะลูดตรงหน้า จิรัฎร์ยิ้มให้เด็กหญิงจนตาหยีภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ เด็กสาวตรงหน้าคือน้องเรนนี่ หรือ พิรุณรัตน์ บุตรสาวของเจ้านายเขาเอง “ว่าไงคะ?” เด็กหญิงเร่งเร้าต้องการรู้คำตอบ“ชื่อไนต์นี่หมายถึงตอนกลางคืน อัศวิน หรือว่า ดี คะ?” คนถูกถามยอบตัวเล็กน้อยแล้วจึงตอบข้อสงสัย“หมายถึงตอนกลางคืนครับน้องเรนนี่”“แล้วทำไมเป็นกลางคืน ไม่เป็นอัศวินล่ะคะ?” เจ้าหนูจำไมช่างสงสัยยังถามต่อ แต่คนตัวสูงไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย กลับเอ็นดูบุตรสาวของเจ้านายเสียมากกว่า“เพราะอาไนต์เกิดตอนกลางคืนครับ”“อ๋อ…” เด็กหญิงอ้าปากกว้าง พยักหน้าหงึกหงักทำเอาจิรัฏร์เอ็นดูกว่าเดิมจนต้องโยกศีรษะน้อยเบา ๆ“ก็เหมือนเรนนี่เลยน่ะสิ”“เหมือนยังไงครับ?”“คุณแม่คลอดเรนนี่ตอนที่ฝนกำลังตกค่ะ คุณพ่อเลยตั้งชื่อว่าฝน แต่แม่บอกว่าอยากให้อินเตอร์หน่อยเลยเปลี่ยนเป็นเรนนี่ค่ะ” เด็กหญิงเรนนี่ยิ้มกว้างอวดฟันซี่เล็ก ๆ แสนน่ารักทันทีที่พูดจบ จิรัฎร์เองก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เพราะความสดใสและน่ารักของเด็กหญิงวัยเพียงสิบขวบเท่านั้น ชายหนุ
บทที่ 1 เงาที่สะท้อนภาพจากกระจกปรากฏร่างอรชรในวัย 22 ปีบริบูรณ์ หญิงสาวมีร่างอรชรอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลราวหยวกกล้วย ผมยาวดัดลอนถึงกลางหลัง ใบหน้าสวยหวานถูกเคลือบไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงอย่างบางเบา “ต่างหูคู่ไหนดีน้า?” ใบหน้าสวยหวานทำปากยื่น กำลังใช้ความคิด หญิงสาวมองสิ่งของชิ้นเล็กในมือทั้งซ้ายและขวาสลับกันไปมา ยังเลือกต่างหูที่จะสวมในวันนี้ไม่ได้เลย ซ้ายก็น่ารัก ขวาก็ดูเรียบหรู “เรนนี่เสร็จหรือยังลูก เดี๋ยวได้ไปทำงานสายกันพอดี” เสียงของมารดาเรียกให้สาวสวยในกระจกตัดสินใจเลือกเป็นต่างหูมุกแบบเรียบแทนต่างหูเพชรรูปโบประกายวิบที่ดูน่ารัก ด้วยเพราะวันนี้คือวันแรกที่หญิงสาวจะได้เข้าไปทำงานที่บริษัทของบิดา เรนนี่ หรือ พิรุณรัตน์ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวโอภาสภัทร คุณพิทักษ์ผู้เป็นบิดาเป็นนักธุรกิจด้านพัฒนาอาหารสำเร็จรูปหลากหลายแบบ อาทิเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผลไม้อบแห้ง และอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์มีน่าซึ่งนำมาจากชื่อจริงของภรรยานั่นเอง พิรุณรัตน์เรียนจบคณะบริหารธุรกิจตามที่ตั้งเจตนารมณ์ไว้ตั้งแต่แรก หญิงสาวเข้าออกบริษัทของบิดาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงวิ่งเล่นสนุกสนาน รู้ทุกซอก