THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้
ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม
“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ
“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”
“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วยังไม่สำเหนียก
พอออกจากห้องน้ำพิรุณรัตน์รู้สึกมึนหัว มือบางยันกำแพงไว้ รู้สึกคลื่นไส้ แต่เมื่อหางตาเห็นบางอย่างอาการเมาก็เหมือนจะหายไปทันควัน
“อาไนต์!” ใช่เขาแน่ ๆ ผู้ชายที่เป็นรักเดียวของเธอมาตลอดหลายปีมีหรือจะจำไม่ได้ แม้เห็นแค่แผ่นหลังก็เถอะ พิรุณรัตน์พยายามวิ่งตาม แต่เพราะเมามากไปหน่อยเลยเผลอไปชนใครสักคนเข้า แต่หญิงสาวไม่สนใจคอยังคอยชะเง้อมองหาคนร่างสูง
“หายไปไหนของเขานะ” ขาสวยกำลังก้าวแต่ถูกรั้งไว้
“เดี๋ยวสิครับคนสวย” ผู้ชายคนหนึ่งดึงแขนเธอ พิรุณรัตน์ชักสีหน้า กวาดตามองหมอนั่นศีรษะจดปลายเท้า
“ปล่อย” คนเมายังพอมีสติ พยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออก
“เดินชนผมแล้วไม่ขอโทษหน่อยเหรอครับ”
“ขอโทษ!” พิรุณรัตน์ขอโทษส่ง ๆ หมายผละห่าง แต่ผู้ชายคนนั้นกลับกอดเอวบางไว้มั่น ทั้งสองยื้อยุดฉุดกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีใครสักคนเดินเข้ามาผลักร่างผู้ชายมือปลาหมึกแรงจนเกือบล้ม พิรุณรัตน์ตกใจสะดุ้งหันไปมองแล้วยิ้มกว้าง เพ้อ ๆ แบบคนเมา
“เพ่...ไนต์...ขา...” หญิงสาวขานชื่อคนที่กำลังตามหายานคาง แขนเสลาคล้องเข้ากับลำคอจิรัฎร์โน้มใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ จุมพิตลงยังแก้มสาก
“เรนนี่คิดถึงพี่ไนต์ที่สุดเลย” หล่อนยิ้มพราวเอ่ยเสียงอ้อแอ้ จิรัฎร์ยังมองผู้ชายที่ลวนลามพิรุณรัตน์อยู่ ส่งสายตาดุกร้าวทั้งใบหน้าก็เครียดขรึมจนน่ากลัว ชายคนนั้นล่าถอยไปแล้ว จิรัฎร์มองร่างอรชรที่ยืนแทบไม่ไหว กลิ่นเหล้าคลุ้งจนต้องย่นจมูก
คืนนี้จิรัฎร์และเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยมีสังสรรค์เล็กน้อย ซึ่งพวกเพื่อนของเขาเลือกจะมาปล่อยแก่ที่ผับแห่งนี้ อันที่จริงชายหนุ่มไม่ได้อยากมาสักเท่าไหร่ แต่เพราะเพื่อน ๆ รบเร้าและพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันนานหลายปีแล้วด้วย เขาอยู่ร่วมก๊วนกับเพื่อนได้ราว ๆ ชั่วโมงหนึ่งแล้ว ดื่มไปเพียงเล็กน้อยเพราะไม่ได้เป็นคนคอแข็งอะไรมาก นี่ออกมาสูดอากาศเพราะรู้สึกมึนหัวจากกลิ่นบุหรี่และฤทธิ์แอลกอฮอล์ ระหว่างยืนหลบมุมอยู่เงียบ ๆ สายตาก็พลันเห็นร่างเล็กที่คุ้นตากับผู้ชายที่หน้าไม่คุ้น โดยไม่ต้องคิด จิรัฎร์ล่วงรู้เรื่องราวได้ดี และยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกระชากแขนหญิงสาวด้วยเขาก็พุ่งเข้าใส่มันทันที
จิรัฎร์โทรบอกเพื่อนว่ามีธุระต้องจัดการด่วนไว้โอกาสหน้าเขาจะขอเป็นเจ้ามือชดใช้ที่ครั้งนี้ต้องกลับออกมาก่อน ชายหนุ่มพาร่างอรชรที่เดินแทบไม่ได้มาที่รถอย่างยากลำบาก กว่าจะเอาพิรุณรัตน์นั่งในรถได้ก็เล่นเอาปาดเหงื่อ เหมือนเล่นเกมจับปูใส่กระด้งเสียจริง
ระหว่างอยู่ในรถพิรุณรัตน์กลายร่างเป็นทั้งลูกแมวน้อยแสนอ้อนและปลาหมึก เพราะมือน้อยอยู่ไม่สุขคอยจะสัมผัสไปทั่วกายของจิรัฎร์ ชายหนุ่มต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการพาหญิงสาวกลับมาส่งที่บ้านโดยที่รถไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ขับมาถึงหน้าบ้านพิรุณรัตน์ก็ออกอาการงอแงไม่อยากเข้าบ้าน
“อาไนต์ขา...” เสียงนั้นหวานเสียจนน่าขนลุก ดวงตากลมโตกะพริบรัว ๆ
“อาไนต์ของเรนนี่...” พิรุณรัตน์ปลดสายคาดพ้นกาย ก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นมาเกยบนตัวจิรัฎร์ หญิงสาวดูมีแรงขึ้นมากเมื่อมีแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือด ความอายมลายหายมีเพียงความกล้าเข้ามาแทน ร่างเล็กพยายามอย่างยิ่งในการปีนป่ายขึ้นมาคร่อมบนตัวจิรัฎร์ ชายหนุ่มพยายามต่อต้าน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ อาจเป็นเพราะเขาโดนเธอลูบไล้ช่วงเป้าไปด้วยจึงโอนอ่อนได้ง่าย
พิรุณรัตน์ยิ้มหวานพร้อมกับประทับปากลงมาจูบ จิรัฎร์ตกใจจะผลักออก แต่เมื่อเผลอเปิดปากลิ้นอุ่นก็สอดลึกเข้ามาสำรวจโพรงปากของเขา ไม่รู้เพราะรสสาวที่หวานหอมหรือรสสุราที่คลุ้งอบอวลในตัวทำให้เขาขาดสติไป มือใหญ่ที่ว่าจะผลักร่างเล็กออกกลับกอดรั้งเข้ามาชิดใกล้มากกว่าเดิม พิรุณรัตน์ตะโบมจูบจนเขาโอนอ่อนและหลงเคลิ้มกับรสหวานหอมของกายสาว มือใหญ่เริ่มไม่อยู่นิ่ง มันปัดป่ายเผลอเชยชมไปอย่างที่ใจปรารถนา เมื่ออารมณ์ชายพลุ่งพล่านจิรัฎร์จึงเป็นฝ่ายกระชับร่างเล็กแล้วกดจูบหนักหน่วงแทน
“อะ!” พิรุณรัตน์คล้ายรับรู้ถึงแรงบีบเคล้นยังทรวงเต้าของตนเอง เดรสสายเดี่ยวร่นลงเผยให้เห็นเนินนมได้มากขึ้น จิรัฎร์ครางต่ำยามลูบไล้ไปทั่วกายสาว คงต้องโทษสิ่งที่ดื่มเข้าไป หรือเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ใกล้ชิดเรือนกายสาวคนไหนแบบนี้จึงทำให้สิ่งที่เรียกว่าสติขาดกระบั้นลง
“อืม...” จิรัฎร์กำลังหลงมัวเมาในกายสาวที่ทั้งหอมทั้งหวานและสด เขากำลังอำนวยความสะดวกให้มือนุ่มนิ่มที่อยู่ช่วงหัวเข็มขัดโดยการยกสะโพกขึ้นรูดซิปลงจนสุด ถูไถส่วนนั้นกับเนินนิ่มที่ส่ายร่อนเข้าหา อีกนิดเดียวเท่านั้นที่ทุกอย่างกำลังจะข้ามเส้นที่ตนเองกำหนดไว้ หากมันไปถึงขั้นนั้นเขาจะไม่มีวันได้หวนกลับมายืนจุดที่คิดไว้ได้อีก แต่ทว่า…คนที่เมามากกว่าได้หลับคอพับไปเสียดื้อ ๆ ชายหนุ่มยังคงถูไถจมูกโด่งสูดกลิ่นสาวไปตามหน้าอกและลำคอ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปจึงชะงักงัน จิรัฎร์ทิ้งกายกับเบาะรถพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ไฟในกายดับมอดลง จัดเสื้อผ้าของทั้งตนและพิรุณรัตน์ให้กลับมาเรียบร้อย นั่งทำใจให้สงบอยู่อีกเกือบยี่สิบนาทีจึงบีบแตรเรียกคนในบ้านของพิรุณรัตน์ให้เปิดประตู
คืนนั้นจิรัฎร์ยังกระวนกระวายใจ เขาต้องอาบน้ำถึงสี่รอบเพื่อดับความกระสันในกาย แต่ก็ไม่อาจทำได้เลย
เช้านี้พิรุณรัตน์ดูสดชื่นและสดใสกว่าหลาย ๆ วันที่ต้องไปทำงาน แม้ไม่ได้หน้าเหมือนตูดไก่โดนปิ้งแต่ก็ไม่ฉีกยิ้มชื่นแจ่มเช่นนี้ คุณพิทักษ์และคุณมีนามองหน้ากันพลางสงสัยว่าอะไรที่ทำให้ลูกสาวอารมณ์ดีได้ขนาดนี้
สาเหตุของความอารมณ์ดีก็มาจากเรื่องราวในฝัน เมื่อคืนนี้พิรุณรัตน์ฝันดีเป็นบ้า เธอฝันว่าได้ฟัดจูบ ลูบไล้กับจิรัฎร์ซึ่งมันเหมือนความจริงมาก ๆ ในฝันชายหนุ่มจูบตอบทั้งยังใช้มือสำรวจเรือนกายของเธอด้วย ในฝันจิรัฎร์สุดแสนจะเร่าร้อน แค่คิดก็แก้มแดงเขินจนอยากมุดดินหนีแล้ว ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็คงดี แต่ไม่เป็นไร เพราะในอนาคตยังไงมันจะต้องเป็นความจริงเข้าสักวัน เธอจะต้องจีบอาไนต์มาเป็นแฟนให้ได้ เมื่อนั้นเธอจะได้จูบเขาทั้งวันทั้งคืนตามที่ใจต้องการ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 6 ปัทมายืนมองร่างสูงที่เดินเคียงข้างพิรุณรัตน์มาแต่ไกล ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองจะคืบหน้าไปเยอะ อาจเป็นเพราะโพรเจกต์โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งเข้าประกวดก็เป็นได้ หล่อนเองก็ตั้งใจจะทำโครงการนี้เหมือนกัน แต่พอไปอ้อนจิรัฎร์เขากลับตอบปฏิเสธอ้อม ๆ ว่าไม่สะดวก มารู้ทีหลังว่าช่วยพิรุณรัตน์ก็รู้สึกเจ็บใจกว่าเก่า ตั้งแต่จิรัฎร์ย้ายเข้าไปทำงานในห้องเดียวกับพิรุณรัตน์หล่อนก็แทบไม่เจอชายหนุ่ม จะเข้าไปคุยก็มีก้างขวางคอตลอด ยิ่งช่วงนี้เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันที่เสียไปด้วย ไม่รู้จะไปเอาเงินมาจากไหน ตั้งใจจะจับผู้ชายในบริษัทสักคน เล็งจิรัฎร์ไว้ก็เหมือนจะหลุดมือไปเป็นของนังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก คิดไม่เท่าไหร่เจ้าหนี้ก็โทรมาทวงหนี้จนหล่อนต้องปิดมือถือหนี โครงการที่พิรุณรัตน์ส่งประกวดผ่านเข้
“พี่ไนต์ไม่รู้เหรอคะว่าตลอดเวลาที่พี่กับหล่อนแต่งงานกัน หล่อนไม่ได้มีพี่คนเดียว ผู้หญิงคนนั้นน่ะ” พิรุณรัตน์สะอื้นพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม “มีคนอื่นมาตลอดเวลา เรนนี่เห็นมาตลอด แต่เรนนี่พูดไม่ได้ ตอนนั้นเรนนี่กลัวว่าพี่ไนต์จะหาว่าเรนนี่เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกพกลม แต่ตอนนี้เรนนี่โตแล้ว เรนนี่มีสิทธิ์ที่จะบอก พี่ไนต์อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกได้ไหมคะ เรนนี่พอมีสิทธิ์ไหมที่จะรักษาหัวใจของพี่ไนต์ไว้ เรนนี่ไม่ต้องการเห็นพี่ไนต์เจ็บปวดอีกแล้ว” ม่านตาของจิรัฎร์ขยายขึ้นหลังจากฟังประโยคยาว ๆ นั้น ถ้าจะย้อนไปก็ราว ๆ เก้าปีเศษ ๆ ตอนนั้นเขาทำงานใกล้ชิดพิมพ์บุปผาจึงเกิดเป็นความรักและคบหาดูใจกันสักพัก ก่อนจะเป็นฝ่ายขอแต่งงานหล่อนเอง เพราะรู้สึกอยากสร้างครอบครัวร่วมกับหล่อน โดยไม่รู้ว่าจริง ๆ พิมพ์บุปผาไม่ได้รักตนเองมากเท่าไรนัก หญิงสาวคบหาดูใจกับพนักงานหนุ่มไอทีอยู่แล้ว แต่เพราะฝ่ายนั้นเป็นเด็กกำพร้าและทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบริษัท
บทที่ 7 เข้าสู่เดือนที่สี่ของการมาทำงานที่บริษัทของบิดา พิรุณรัตน์เรียนรู้งานไปได้มากและเริ่มลงมือทำโพรเจกต์บ้างแล้วตามที่พิทักษ์มอบหมาย โดยมีจิรัฎร์ช่วยเป็นลูกมือคอยดูแลไม่ห่าง ส่วนเรื่องจีบจิรัฎร์ดูเหมือนไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไร ชายหนุ่มตีหน้านิ่ง ทำซึนใส่ ทั้ง ๆ ที่เธอก็เห็นอยู่ว่าบางจังหวะที่เธอหยอดเขาก็แอบยิ้ม “เอกสารอะไรคะ?” พิรุณรัตน์ถามทันทีที่คนร่างสูงเดินมาพร้อมกับกระดาษเพียงหนึ่งแผ่น “ประกาศท่องเที่ยวประจำปีของบริษัทครับ เขาให้ลงชื่อว่าใครจะไปบ้าง” “เรนนี่ไปค่าาา!” หญิงสาวชูมือสุดแขน กระโดดดึ๋งดั๋งเหมือนเด็กน้อย จิรัฎร์ยิ้มพลางส่ายหน้าเอ็นดู ต่อให
บทนำ...ร่างเล็กที่อยู่ในชุดนักเรียนคอซองสีน้ำเงินผมยาวเพียงไหล่เอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อรอรับคำตอบจากผู้ชายตัวสูงชะลูดตรงหน้า จิรัฎร์ยิ้มให้เด็กหญิงจนตาหยีภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ เด็กสาวตรงหน้าคือน้องเรนนี่ หรือ พิรุณรัตน์ บุตรสาวของเจ้านายเขาเอง “ว่าไงคะ?” เด็กหญิงเร่งเร้าต้องการรู้คำตอบ“ชื่อไนต์นี่หมายถึงตอนกลางคืน อัศวิน หรือว่า ดี คะ?” คนถูกถามยอบตัวเล็กน้อยแล้วจึงตอบข้อสงสัย“หมายถึงตอนกลางคืนครับน้องเรนนี่”“แล้วทำไมเป็นกลางคืน ไม่เป็นอัศวินล่ะคะ?” เจ้าหนูจำไมช่างสงสัยยังถามต่อ แต่คนตัวสูงไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย กลับเอ็นดูบุตรสาวของเจ้านายเสียมากกว่า“เพราะอาไนต์เกิดตอนกลางคืนครับ”“อ๋อ…” เด็กหญิงอ้าปากกว้าง พยักหน้าหงึกหงักทำเอาจิรัฏร์เอ็นดูกว่าเดิมจนต้องโยกศีรษะน้อยเบา ๆ“ก็เหมือนเรนนี่เลยน่ะสิ”“เหมือนยังไงครับ?”“คุณแม่คลอดเรนนี่ตอนที่ฝนกำลังตกค่ะ คุณพ่อเลยตั้งชื่อว่าฝน แต่แม่บอกว่าอยากให้อินเตอร์หน่อยเลยเปลี่ยนเป็นเรนนี่ค่ะ” เด็กหญิงเรนนี่ยิ้มกว้างอวดฟันซี่เล็ก ๆ แสนน่ารักทันทีที่พูดจบ จิรัฎร์เองก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เพราะความสดใสและน่ารักของเด็กหญิงวัยเพียงสิบขวบเท่านั้น ชายหนุ