“เฮ้อ...” ลมหายใจหนักหน่วงถูกระบายออกจากปากได้รูป จิรัฎร์ถอดแว่นสายตาออก วักน้ำใส่หน้าเพื่อเรียกสติ เขาอายุสามสิบแปดแล้วทำไมจะไม่รู้ว่าพิรุณรัตน์คิดอย่างไรกับตนเอง หญิงสาวเริ่มมีท่าทีแปลกไปก็ตอนที่เริ่มแตกเนื้อสาว สายตาของเด็กสาวทอประกายยามมองเขาทุกครั้ง พิรุณรัตน์มักส่งยิ้มและมีท่าทีขวยเขินเวลาพบกันทุกเมื่อ แต่จิรัฎร์นั้นพยายามนิ่งเฉยและมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู พยายามเว้นระยะห่างด้วยสถานะและอายุของเด็กหญิงที่ห่างจากเขาถึงสิบหกปี แม้ตอนนี้เด็กสาววัยรุ่นในวันนั้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่สวยสะพรั่ง แต่เขาก็ไม่คิดเกินเลยกว่าความเอ็นดูที่มีให้หญิงสาว
จิรัฎร์ หรือ อาไนต์ ของคุณหนูเรนนี่ เริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่อายุยี่สิบหก เขารู้จักกับพิทักษ์เพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย แม้จะอยู่คนละรุ่นและอายุห่างกันกว่าหนึ่งรอบ แต่เพราะมีใจรักชอบคล้าย ๆ กันจึงสนิทสนมและคบหาเป็นเพื่อนในชีวิตกันมาหลายปี จิรัฎร์สำนึกในบุญคุณของเพื่อนรุ่นพี่อย่างพิทักษ์อยู่เสมอ เนื่องจากเมื่อประมาณสิบสองปีก่อนบิดาของจิรัฎร์ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สาม ตอนนั้นชายหนุ่มทำงานที่บริษัทข้ามชาติที่หนึ่ง มีหน้าที่การงานและเงินเดือนที่เรียกว่าดีมาก แต่เมื่ออาการป่วยของบิดาลุกลาม เงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้จึงใช้ไปกับการรักษาบิดา จนสุดท้ายก็เรียกว่าหมดตัว หันหน้าไปพึ่งพาใครก็ไม่ได้ มีเพียงคนเดียว นั่นคือ พิทักษ์ เพื่อนรุ่นพี่คนนี้หยิบยื่นทั้งเงินและมิตรภาพที่จริงใจให้แก่เขาในวันที่ไม่เหลืออะไรเลย บิดาของจิรัฎร์ต่อสู้กับโรคมะเร็งอยู่เป็นปี จนกระทั่งวันหนึ่งท่านก็นอนหมดลมหายใจจากไป หลังจากงานศพของบิดาเสร็จสิ้นจิรัฎร์ถูกพิทักษ์ทาบทามให้มาทำงานที่บริษัท ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ เท่านั้น จิรัฎร์ยอมทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นตัดสินใจลาออกจากบริษัทและมาอยู่กับพิทักษ์เพื่อเป็นการตอบแทบบุญคุณที่พิทักษ์เคยช่วยเหลือไว้ เวลาล่วงเลยมาตั้งแต่เขาเป็นหนุ่มเพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิต จนกระทั่งตอนนี้ที่อายุกำลังใกล้เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว เขาก็ยังภักดีอยู่กับพิทักษ์ แม้มีหลายต่อหลายบริษัททาบทามเพื่อซื้อตัวและให้ข้อเสนอดี ๆ มากมายให้ลาออกไปทำงานกับบริษัทเหล่านั้น แต่เขาก็ไม่ไป และนั่นก็คืออีกเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อาจก้าวข้ามเส้นที่พิรุณรัตน์หมายจะลบออกไป บุญคุณของพิทักษ์มันมากมายจนเขาไม่ต้องการจะทำให้เพื่อนรุ่นพี่รู้สึกผิดหวังในตัวเขา
ร่างเล็กชะเง้อมองไปทั่วแผนกแต่ไม่เห็นคนที่ตามหา จิรัฎร์หายออกจากห้องมาเกือบสามสิบนาทีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ขาสวยกำลังเดินตามหาต่อแต่ก็ต้องสะดุดเมื่อพบว่าผู้หญิงหลายคนทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอไปจนถึงอายุพอ ๆ กับอาไนต์กำลังรุมล้อมเขาอยู่ พิรุณรัตน์ทำหน้าเบื่อ เหยียดปากมองพวกนั้นที่ตาเป็นประกายยามมองคนร่างสูง
“เฮ้อ…คู่แข่งฉันเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ไม่คิดเลยว่าจิรัฎร์จะเป็นหนุ่มเนื้อหอม แต่จากที่ยืนมองคนร่างสูงก็ไว้เนื้อไว้ตัวไม่ล่วงเกินใกล้ชิดใครออกนอกหน้า เขายังสุภาพและอ่อนโยนเหมือนเคย พิรุณรัตน์มองจิรัฎร์ที่ส่งยิ้มให้ผู้หญิงพวกนั้นแล้วรู้สึกหวงแหนรอยยิ้มของเขาขึ้นมา มันควรเป็นของเธอคนเดียวสิ
“อาไนต์คะ!” ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเสียงที่ดังขึ้น พิรุณรัตน์ฉีกยิ้มหวานหยดพร้อมทั้งกระพุ่มมือไหว้ทุกคนอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะ”
“อ้าว น้องเรนนี่ ไม่เจอกันนานสวยขึ้นเป็นกองเลยนะคะ” คนพูดคือคุณผกามาศผู้จัดการฝ่ายบัญชี หญิงสูงวัยที่แต่งงานและมีลูกแล้ว และน่าจะไม่ได้ชอบพออะไรจิรัฎร์ ส่วนถัดไปก็คือนันทินีและณัฐพร พนักงานที่เห็นหน้ากันมาหลายปี สองคนนี้อายุใกล้เคียงกับจิรัฎร์ ที่สำคัญโสด ฉะนั้นเธอจะจัดสองคนนี้อยู่ในหมวดศัตรู และคนสุดท้าย...
“สวัสดีค่ะ เพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอคะ เรนนี่ไม่เคยเห็นเลย” สาวหน้าใหม่คือใครก็ไม่รู้ แต่พิรุณรัตน์มองว่าเป็นภัยและสมควรขึ้นเป็นศัตรูนัมเบอร์วัน เนื่องจากหล่อนอายุน่าจะไม่ถึงสามสิบ แต่ก็น่าจะเป็นรุ่นพี่เธอหลายปี หญิงสาวดูนุ่มนิ่มน่ารัก ตัวเล็ก ผิวขาว ปากสีชมพูระเรื่อ แต่หน้าอกหน้าใจนี่สิแน่นเสียจนเสื้อเชิ้ตแทบปริ หน้ามัธยมฯ นมมหา’ลัยเป็นแบบนี้สินะ ชิ! เธอก็มีย่ะ แต่..มีน้อยกว่าเจ้าหล่อนไปนิดเดียว
“อ๋อ นี่คุณปัทมาครับ เป็นผู้ช่วยของอาครับ” หัวคิ้วพิรุณรัตน์ขมวดเข้าหากันทันที ผู้ช่วยของอาไนต์ ทำไมเธอไม่ยักรู้มาก่อน คุณพ่อก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง
“สวัสดีค่ะน้องเรนนี่ พี่ชื่อปัดนะคะ ได้ยินคุณพิทักษ์กับพี่ไนต์พูดถึงบ่อย ๆ เพิ่งจะได้มีโอกาสเจอกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” พิรุณรัตน์ขมวดคิ้วหนักขึ้นเพราะสรรพนามที่ปัทมาเรียกจิรัฎร์นั้นดูใกล้ชิดเสียจริง
หญิงสาวยืนจ้องปัทมาไม่วางตา จิรัฎร์และคนอื่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จิรัฎร์แสร้งกระแอมเรียกให้ใครสักคนหลุดจากภวังค์
“อะ! สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณปัด” พิรุณรัตน์เปลี่ยนสีหน้าฉับไว ฉีกยิ้มกว้างแต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตามสักนิด ปัทมาเองก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ รู้สึกแปลกพิกลเพราะสายตาของบุตรสาวเจ้านายที่มองมานั้นเหมือนมองศัตรูคู่อาฆาตไม่มีผิด
“เรียกพี่ปัดก็ได้ค่ะ พี่น่าจะอายุมากกว่าน้องเรนนี่ไม่กี่ปี” ปัทมาพยายามสร้างมิตร แต่ยัยเรนนี่มองว่าเป็นมิจฉาชีพมากกว่า คุณหนูคนสวยส่ายหน้ารัว
“ไม่ดีกว่าค่ะ เรนนี่เรียกว่าคุณปัทน่ะดีแล้วค่ะ อาไนต์ขา...” ว่าแล้วก็หันไปหาคนที่ทำให้เธอว้าวุ่นใจ แขนเสลาเกาะเกี่ยวแขนแกร่งของจิรัฎร์เข้ามาใกล้ ยกมุมปากเหล่มองปัทมาเล็กน้อย
“เอ่อ...ครับ” จิรัฎร์ทำตัวไม่ถูก เขาไม่อยากให้พิรุณรัตน์รู้สึกเสียหน้าหากเขาจะดึงแขนออก แต่สิ่งนุ่มนิ่มที่มีผลต่อบุรุษเพศมันกำลังถูไถแนบชิดกับแขนเขาอยู่ แม้จิรัฎร์จะวางตนเองไว้ในสถานะอะไร แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ยั่วเย้าอยู่ข้าง ๆ ทำให้หายใจหายคอลำบากขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ไปทำงานกันดีกว่าค่ะ เรนนี่ขอตัวอาไนต์ก่อนนะคะ”
“เอ่อ...ค่ะ ๆ” ผกามาศและพนักงานทุกคนยิ้มเจื่อนพยักหน้าหงึกหงัก มองตามร่างของทั้งสองไปจนเข้าไปในห้อง
“น้องเรนนี่ดูหวงพี่ไนต์เนาะ” ณัฐพรเปิดปากคนแรก
“นั่นสิ เหมือนหึงยังไงยังงั้น” นันทินีเอ่ยต่อ
“ไม่หรอก น้องเรนนี่เห็นเจ้าไนต์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว สนิทสนมกันมานาน”
“สนิทสนมยังไงมันก็แปลกอยู่ดีนะพี่มาศ ดูตอนที่มองน้องปัดสิ ตานี่เขียวปั๊ด” ไม่มีใครพูดอะไรต่อเพราะผกามาศไล่ทุกคนให้กลับไปทำงาน เว้นแต่ปัทมาที่มองไปยังห้องของพิรุณรัตน์ หล่อนแอบมองบน เหยียดมุมปาก
“ฉันก็มีคู่แข่งเหมือนกันนะเนี่ย” ปัทมาเข้ามาเป็นผู้ช่วยของจิรัฎร์ได้สี่เดือนแล้ว เมื่อวานเพิ่งผ่านช่วงทดลองงาน และปรับเงินเดือนไปเอง หล่อนดีใจมากตั้งใจจะชวนจิรัฎร์ไปฉลอง เพราะเขาเป็นผู้ประเมินการผ่านงานของหล่อนเอง แต่ชายหนุ่มปฏิเสธและบอกว่าต้องเตรียมแผนงาน เพราะบุตรสาวของพิทักษ์จะเข้ามาทำงาน นึกว่ายัยเรนนี่ที่จิรัฎร์มักจะเล่าให้ฟังเป็นเด็กใส ๆ เสียอีก ที่แท้ก็นังแม่มดจ้องจะกินจิรัฎร์เหมือนหล่อนนี่เอง ฝันไปเถอะว่าจะยอม งานนี้ใครดีใครได้ ยัยเด็กที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ จะมาสู้อะไรกับหล่อนที่เป็นตัวแม่ล่าผู้ชายล่ะ
บทที่ 2จิรัฎร์ขยับเนกไทของตนเองแม้มันจะไม่ได้อึดอัดเลยสักนิด แต่ที่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คงเป็นเพราะแม่สาวแก้มป่องที่ยืนกอดอกส่งสายตาคาดโทษมาที่เขา พิรุณรัตน์ส่งค้อนวงใหญ่มาให้ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิด“อาไนต์ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย รู้ไหมคะ?” “ครับ?” คนที่ไม่รู้ว่าตนเองนั้นผิดอะไรเลิกคิ้วขึ้น สายตาเลื่อนมองไปยังนิ้วเรียวที่เริ่มไต่อยู่บนช่วงแขนของเขา ก่อนที่มันจะค่อย ๆ ขยับใกล้เข้ามาจนมือเรียวเล็กทาบทับอยู่กลางอก จิรัฎร์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอมองพิรุณรัตน์ไม่วางตา ไพล่คิดไปถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หญิงสาวบอกเขาว่าต้องการเป็นแฟนกับเขา ตอนนั้นยังคิดว่าโตขึ้นพิรุณรัตน์ต้องเป็นสายรุกแน่ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเจอเธอรุกคืบขนาดนี้ “อาไนต์จะไปยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นไม่ได้นะ เรนนี่ไม่ยอม” ว่าจบแขนเสลาก็คล้องเข้ากับลำคอของจิรัฎร์ ใบหน้าสวยหวานยื่นเข้ามาใกล้ หญิงสาวจงใจเป่าลมร้อนรดใบหูบรื๋อออ… ขนบนกายชายหนุ่มลุกพรึ่บ จิรัฎร์พยายามขืนลำคอไว้เมื่อหญิงสาวตั้งใจโน้มมันให้ลงมา“รอยยิ้มของอาไนต์มีให้เรนนี่คนเดียว เข้าใจไหมคะ?” “น้องเรนนี่ อาว่า...” “จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดค่ะ” พิรุณรัตน์ส่าย
“น้องเรนนี่ว่าอะไรนะคะ?” ท้ายประโยคพิรุณรัตน์ตั้งใจพูดให้ปัทมาได้ยินคนเดียว หล่อนส่งสายตาดุกร้าวมาให้ แต่พิรุณรัตน์กลับตอบด้วยรอยยิ้มแฉ่งอย่างเคย “เปล่านี่คะ” ว่าจบก็ยักไหล่ เหยียดมุมปากให้คู่แข่งอย่างปัทมาได้เห็นซึ่งหน้าเพื่อเป็นการประกาศสงคราม และบอกว่าเธอจะลงสนามแล้วให้ระวังตัวไว้ให้ดี ปัทมาหน้าเจื่อน แต่ก็เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้“พี่ไนต์คะ พอดีมีเอกสารที่ปัดไม่ค่อยเข้าใจ ยังไงพี่ไนต์ช่วยมาดูให้ปัดหน่อยนะคะ”“คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ปัด” ยังไม่ทันที่จิรัฎร์จะได้ตอบคำถามพิรุณรัตน์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวคว้าแขนจิรัฎร์ให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอียงศีรษะซบไหล่กว้างอีกด้วย“เช้านี้อาไนต์มีงานต้องสอนเรนนี่อีกเยอะเลยค่ะ เรนนี่ต้องรีบเรียนรู้งานเพื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่อน่ะค่ะ เลยต้องสอนงานอย่างใกล้ชิด รบกวนพี่ปัดไปศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแทนนะคะ” อีกครั้งที่ผกามาศ นันทินีและณัฐพรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อหยิบกาแฟได้แล้วก็ค่อย ๆ ย่องออกจากพื้นที่ที่เรียกได้ว่าระอุยิ่งกว่าสงคราม สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งพยักหน้าพร้อมกันเป็นการรับรู้ แม้ปากจะไม่ขยับว่าขณะนี้มีศึกชิงพระเกิดข
บทที่ 3 “เรนนี่รักอาไนต์นะคะ รักมาตลอด” เด็กสาวในวันนั้นที่เคยบอกรักเขาเมื่อแปดปีก่อน ณ วันนี้ก็ยังมีความรู้สึกต่อเขาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิรัฎร์สูดหายใจลึกหลังจากสิ้นประโยคบอกรัก เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดหากได้เป็นแฟนหนุ่มบุตรสาวเจ้านาย ตรงกันข้ามคงรู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะด้วยอายุ สถานะ และอะไรมากมาย เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์มีความรักที่มั่นคงเพียงใด มันเนิ่นนานกว่าแปดปีแล้ว แต่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาก็ยังคงเห็นตัวเองสะท้อนกลับมาทุกครั้งที่มอง “อาไม่ได้รักน้องเรนนี่แบบนั้น” ประโยคคุ้นหูที่มันสลักตราตรึงในใจมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเคยบอกเธอแบบนี้เมื่อครั้งที่สารภาพรัก แต่ตอนนั้นก็พอเข้าใจได้เพราะเขากำลังจะแต่งงาน ส่วนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่คิดเกินตัว“อาว่า...”“ให้โอกาสเรนนี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ?” พิรุณรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ ๆ น้ำตาก็ปริ่มจวนจะไหล เธอไม่ได้จะใช้น้ำตาเพื่อให้เขาใจอ่อนหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ในอกมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แค่เห็นว่าเขาตั้งท่าจะปฏิเสธเป็นรอบที่สาม ได้โปรดเถอะ..อาไนต์ขา อย่าใจร้ายกับเรนนี่คนนี้อีกเลย “นะคะ ให้โอกาสเรนนี่ได้ลองจีบอาไนต์ดูก่
THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั