เงาที่สะท้อนภาพจากกระจกปรากฏร่างอรชรในวัย 22 ปีบริบูรณ์ หญิงสาวมีร่างอรชรอ้อนแอ้น ผิวขาวนวลราวหยวกกล้วย ผมยาวดัดลอนถึงกลางหลัง ใบหน้าสวยหวานถูกเคลือบไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงอย่างบางเบา
“ต่างหูคู่ไหนดีน้า?” ใบหน้าสวยหวานทำปากยื่น กำลังใช้ความคิด หญิงสาวมองสิ่งของชิ้นเล็กในมือทั้งซ้ายและขวาสลับกันไปมา ยังเลือกต่างหูที่จะสวมในวันนี้ไม่ได้เลย ซ้ายก็น่ารัก ขวาก็ดูเรียบหรู
“เรนนี่เสร็จหรือยังลูก เดี๋ยวได้ไปทำงานสายกันพอดี” เสียงของมารดาเรียกให้สาวสวยในกระจกตัดสินใจเลือกเป็นต่างหูมุกแบบเรียบแทนต่างหูเพชรรูปโบประกายวิบที่ดูน่ารัก ด้วยเพราะวันนี้คือวันแรกที่หญิงสาวจะได้เข้าไปทำงานที่บริษัทของบิดา
เรนนี่ หรือ พิรุณรัตน์ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวโอภาสภัทร คุณพิทักษ์ผู้เป็นบิดาเป็นนักธุรกิจด้านพัฒนาอาหารสำเร็จรูปหลากหลายแบบ อาทิเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผลไม้อบแห้ง และอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์มีน่าซึ่งนำมาจากชื่อจริงของภรรยานั่นเอง
พิรุณรัตน์เรียนจบคณะบริหารธุรกิจตามที่ตั้งเจตนารมณ์ไว้ตั้งแต่แรก หญิงสาวเข้าออกบริษัทของบิดาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงวิ่งเล่นสนุกสนาน รู้ทุกซอกทุกมุมและสนิทกับพนักงานที่บริษัทเกือบทุกคน เมื่อเรียนจบหญิงสาวจึงเข้ามาช่วยบิดาบริหารงาน วันนี้คือวันแรกของการทำงาน หญิงสาวดีใจมากที่ได้ไปบริษัท ไม่ใช่เพราะจะได้ทำงานหรอกนะ แต่เพราะเธอจะได้เจอกับผู้ชายที่สลักลึกลงกลางใจตั้งแต่แตกเนื้อสาว แค่คิดถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นหัวใจของพิรุณรัตน์ก็เต้นรัว ‘คุณอาไนต์’ คือเลขานุการประจำกายของบิดา เขาทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก สุภาพและใจดี นับจากวันนี้เขาจะมาเป็นพี่เลี้ยงสอนงานให้กับพิรุณรัตน์ และต้องเป็นผู้ประเมินงานด้วยว่าหญิงสาวจะผ่านหรือไม่
“มัวแต่ทำอะไรอยู่น่ะลูก รีบมากินข้าวมา” ทันทีที่บุตรสาวเปิดประตูมีนาก็ลากร่างเล็กไปยังโต๊ะอาหารซึ่งมีประมุขของบ้านอย่างพิทักษ์นั่งรออยู่แล้ว พิรุณรัตน์มองชามข้าวต้มตรงหน้าบิดา เห็นว่าพร่องไปเพียงครึ่งเท่านั้น
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไรลูก ยังไม่ได้สายมาก”
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จคุณพิทักษ์และพิรุณรัตน์ก็ออกเดินทางไปยังบริษัทที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงสี่สิบนาทีก็ถึง พิรุณรัตน์ส่องกระจกรอบที่ร้อยของวันเช็กหน้าผมเครื่องแต่งกายว่าดูดีแล้วหรือยัง และทันทีที่ปรากฏคนร่างสูงหัวใจของพิรุณรัตน์ก็แทบหลุดออกจากกาย มันรัวแรงยิ่งกว่ากลองในงานคอนเสิร์ตเสียอีก แก้มนวลใสแดงระเรื่อเมื่อมองชายหนุ่มในระยะห่างเพียงศอกกว่า ๆ
“สวัสดีครับน้องเรนนี่ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ โตขึ้นเยอะเลย”
“สวัสดีค่ะ อาไนต์ก็ยังหล่อเท่เหมือนเดิมเลยนะคะ” คนถูกชมโต้ง ๆ ถึงกับอึ้ง แต่ก็หัวเราะออกมาเพราะคุ้นดีว่าพิรุณรัตน์เป็นคนที่คิดเช่นไรก็พูดเช่นนั้น ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“อาต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปงานรับปริญญา พอดีตอนนั้นอาติดธุระกะทันหัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาไนท์ส่งของขวัญมาให้แทนแล้วนี่คะ” ดวงตากลมโตสำรวจคนตรงหน้าอย่างเปิดเผย อาไนต์หรือ จิรัฎร์ ยังคงหล่อเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด ตอนนั้นเขาตัวสูงกว่าเธอมาก แหงนหน้าจนเมื่อยคอ ทว่าตอนนี้ถึงโตแล้วเธอก็ยังต้องแหงนหน้ามองเขาอยู่ดี แต่มันเป็นระยะที่ใกล้กว่าตอนตัวกะเปี๊ยก จิรัฎร์เป็นหนุ่มตี๋ ขาว สะอาด ใบหน้าและตาเรียว คิ้วดกดำ จมูกโด่งสวย ริมฝีปากได้รูปและมีสีชมพูอ่อน ๆ ด้วย เจ้าตัวมักมีกลิ่นสะอาดอยู่เสมอ อยู่ใกล้ทีไรต้องเผลอสูดดมประจำ
“วันนี้น้องเรนนี่นั่งในห้องที่คุณพ่อเตรียมไว้ให้นะครับ” ห้องที่ว่าอยู่เยื้องกับห้องของบิดาแต่เล็กกว่า
“แล้วอาไนต์ล่ะคะ”
“อาจะนั่งอยู่ข้างนอกครับ”
“ไม่เข้าไปนั่งข้างในล่ะคะ จะได้สอนงานเรนนี่ได้ง่าย ถ้าเรนนี่ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนจะได้ถามได้สะดวก ขืนอาไนต์อยู่ข้างนอกไม่คอยรับโทรศัพท์ก็ต้องเดินเข้าเดินออกวุ่นวายพอดี” พิรุณรัตน์ว่า ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ดีพอให้จิรัฎร์ต้องขยับโต๊ะของตนเองเข้าไปอยู่ร่วมห้องกับเจ้านายสาว พิรุณรัตน์ยิ้มกริ่มขณะมองคนร่างสูงจัดของตนเองเมื่อย้ายโต๊ะเข้ามาเรียบร้อยแล้ว จิรัฎร์ปาดเหงื่อออกเล็กน้อยเนื่องจากเขาจัดการย้ายโต๊ะเพียงคนเดียว เพราะไม่ต้องการรบกวนพนักงานคนอื่น
“น้องเรนนี่!” ชายหนุ่มชะงักเมื่อร่างเล็กประชิดตัว ในมือหญิงสาวมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่มันกำลังยื่นมาซับเหงื่อบนใบหน้าของเขา กลิ่นหอมหวานของคนตรงหน้าทำจิรัฎร์ถอยห่าง สายตาประกายวับทอฉายมาที่เขาอย่างเปิดเผย ชายหนุ่มเลือกที่จะถอยห่างและส่งยิ้มอ่อนให้เพื่อเป็นการรักษาระยะห่าง
“อาขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ว่าจบเจ้าตัวก็ออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้คุณหนูเรนนี่ยืนทำหน้ามุ่ยกระทืบเท้าต๊อกแต๊ก
“เล่นตัวจริงนะพ่อคุณ!”
“เฮ้อ...” ลมหายใจหนักหน่วงถูกระบายออกจากปากได้รูป จิรัฎร์ถอดแว่นสายตาออก วักน้ำใส่หน้าเพื่อเรียกสติ เขาอายุสามสิบแปดแล้วทำไมจะไม่รู้ว่าพิรุณรัตน์คิดอย่างไรกับตนเอง หญิงสาวเริ่มมีท่าทีแปลกไปก็ตอนที่เริ่มแตกเนื้อสาว สายตาของเด็กสาวทอประกายยามมองเขาทุกครั้ง พิรุณรัตน์มักส่งยิ้มและมีท่าทีขวยเขินเวลาพบกันทุกเมื่อ แต่จิรัฎร์นั้นพยายามนิ่งเฉยและมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู พยายามเว้นระยะห่างด้วยสถานะและอายุของเด็กหญิงที่ห่างจากเขาถึงสิบหกปี แม้ตอนนี้เด็กสาววัยรุ่นในวันนั้นจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่สวยสะพรั่ง แต่เขาก็ไม่คิดเกินเลยกว่าความเอ็นดูที่มีให้หญิงสาวจิรัฎร์ หรือ อาไนต์ ของคุณหนูเรนนี่ เริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่อายุยี่สิบหก เขารู้จักกับพิทักษ์เพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย แม้จะอยู่คนละรุ่นและอายุห่างกันกว่าหนึ่งรอบ แต่เพราะมีใจรักชอบคล้าย ๆ กันจึงสนิทสนมและคบหาเป็นเพื่อนในชีวิตกันมาหลายปี จิรัฎร์สำนึกในบุญคุณของเพื่อนรุ่นพี่อย่างพิทักษ์อยู่เสมอ เนื่องจากเมื่อประมาณสิบสองปีก่อนบิดาของจิรัฎร์ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สาม ตอนนั้นชายหนุ่มทำงานที่บริษัทข้ามชาติที่หนึ่ง มีหน้าที่การงานและเงินเดือนที่เรียกว่าดีมาก
บทที่ 2จิรัฎร์ขยับเนกไทของตนเองแม้มันจะไม่ได้อึดอัดเลยสักนิด แต่ที่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คงเป็นเพราะแม่สาวแก้มป่องที่ยืนกอดอกส่งสายตาคาดโทษมาที่เขา พิรุณรัตน์ส่งค้อนวงใหญ่มาให้ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิด“อาไนต์ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย รู้ไหมคะ?” “ครับ?” คนที่ไม่รู้ว่าตนเองนั้นผิดอะไรเลิกคิ้วขึ้น สายตาเลื่อนมองไปยังนิ้วเรียวที่เริ่มไต่อยู่บนช่วงแขนของเขา ก่อนที่มันจะค่อย ๆ ขยับใกล้เข้ามาจนมือเรียวเล็กทาบทับอยู่กลางอก จิรัฎร์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอมองพิรุณรัตน์ไม่วางตา ไพล่คิดไปถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่หญิงสาวบอกเขาว่าต้องการเป็นแฟนกับเขา ตอนนั้นยังคิดว่าโตขึ้นพิรุณรัตน์ต้องเป็นสายรุกแน่ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเจอเธอรุกคืบขนาดนี้ “อาไนต์จะไปยิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นไม่ได้นะ เรนนี่ไม่ยอม” ว่าจบแขนเสลาก็คล้องเข้ากับลำคอของจิรัฎร์ ใบหน้าสวยหวานยื่นเข้ามาใกล้ หญิงสาวจงใจเป่าลมร้อนรดใบหูบรื๋อออ… ขนบนกายชายหนุ่มลุกพรึ่บ จิรัฎร์พยายามขืนลำคอไว้เมื่อหญิงสาวตั้งใจโน้มมันให้ลงมา“รอยยิ้มของอาไนต์มีให้เรนนี่คนเดียว เข้าใจไหมคะ?” “น้องเรนนี่ อาว่า...” “จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดค่ะ” พิรุณรัตน์ส่าย
“น้องเรนนี่ว่าอะไรนะคะ?” ท้ายประโยคพิรุณรัตน์ตั้งใจพูดให้ปัทมาได้ยินคนเดียว หล่อนส่งสายตาดุกร้าวมาให้ แต่พิรุณรัตน์กลับตอบด้วยรอยยิ้มแฉ่งอย่างเคย “เปล่านี่คะ” ว่าจบก็ยักไหล่ เหยียดมุมปากให้คู่แข่งอย่างปัทมาได้เห็นซึ่งหน้าเพื่อเป็นการประกาศสงคราม และบอกว่าเธอจะลงสนามแล้วให้ระวังตัวไว้ให้ดี ปัทมาหน้าเจื่อน แต่ก็เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้“พี่ไนต์คะ พอดีมีเอกสารที่ปัดไม่ค่อยเข้าใจ ยังไงพี่ไนต์ช่วยมาดูให้ปัดหน่อยนะคะ”“คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ปัด” ยังไม่ทันที่จิรัฎร์จะได้ตอบคำถามพิรุณรัตน์ก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวคว้าแขนจิรัฎร์ให้ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ทั้งยังเอียงศีรษะซบไหล่กว้างอีกด้วย“เช้านี้อาไนต์มีงานต้องสอนเรนนี่อีกเยอะเลยค่ะ เรนนี่ต้องรีบเรียนรู้งานเพื่อเข้ามาช่วยงานคุณพ่อน่ะค่ะ เลยต้องสอนงานอย่างใกล้ชิด รบกวนพี่ปัดไปศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแทนนะคะ” อีกครั้งที่ผกามาศ นันทินีและณัฐพรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อหยิบกาแฟได้แล้วก็ค่อย ๆ ย่องออกจากพื้นที่ที่เรียกได้ว่าระอุยิ่งกว่าสงคราม สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งพยักหน้าพร้อมกันเป็นการรับรู้ แม้ปากจะไม่ขยับว่าขณะนี้มีศึกชิงพระเกิดข
บทที่ 3 “เรนนี่รักอาไนต์นะคะ รักมาตลอด” เด็กสาวในวันนั้นที่เคยบอกรักเขาเมื่อแปดปีก่อน ณ วันนี้ก็ยังมีความรู้สึกต่อเขาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิรัฎร์สูดหายใจลึกหลังจากสิ้นประโยคบอกรัก เขาไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิดหากได้เป็นแฟนหนุ่มบุตรสาวเจ้านาย ตรงกันข้ามคงรู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู เพราะด้วยอายุ สถานะ และอะไรมากมาย เขารู้ดีว่าพิรุณรัตน์มีความรักที่มั่นคงเพียงใด มันเนิ่นนานกว่าแปดปีแล้ว แต่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาก็ยังคงเห็นตัวเองสะท้อนกลับมาทุกครั้งที่มอง “อาไม่ได้รักน้องเรนนี่แบบนั้น” ประโยคคุ้นหูที่มันสลักตราตรึงในใจมาตลอดหลายปี ชายหนุ่มเคยบอกเธอแบบนี้เมื่อครั้งที่สารภาพรัก แต่ตอนนั้นก็พอเข้าใจได้เพราะเขากำลังจะแต่งงาน ส่วนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่คิดเกินตัว“อาว่า...”“ให้โอกาสเรนนี่หน่อยไม่ได้เหรอคะ?” พิรุณรัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยู่ ๆ น้ำตาก็ปริ่มจวนจะไหล เธอไม่ได้จะใช้น้ำตาเพื่อให้เขาใจอ่อนหรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ในอกมันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แค่เห็นว่าเขาตั้งท่าจะปฏิเสธเป็นรอบที่สาม ได้โปรดเถอะ..อาไนต์ขา อย่าใจร้ายกับเรนนี่คนนี้อีกเลย “นะคะ ให้โอกาสเรนนี่ได้ลองจีบอาไนต์ดูก่
THE LUST ผับที่พิรุณรัตน์นัดเพื่อนสนิทอย่างครองรักไว้ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาสักพักใหญ่ ๆ นับตั้งแต่เรียนจบ พอมาถึงผับพิรุณรัตน์ก็สั่งเครื่องดื่มและกระดกมันลงกระเพาะอย่างกับน้ำเปล่าจนครองรักต้องร้องห้าม“มีเรื่องเครียดอะไรนักนะแก?” ครองรักถามแค่นั้นแต่พิรุณรัตน์นี่สิตอบยาวเป็นหางว่าว สาเหตุของการอยากเมาย้อมใจเพราะไม่รู้ว่าจะใช้เวลาหกเดือนที่ได้จากจิรัฎร์จีบเขาอย่างไรให้สำเร็จ“เฮ้อออ...ท้อแท้จริงเชียว” เพราะเครียดจัดพิรุณรัตน์จึงดื่มไปค่อนข้างเยอะ หญิงสาวตัวเอนแทบยืนไม่อยู่“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง”“ม่ายต้อง...แค่นี้สบายบรื๋อ เอิ๊ก!” คนสบายสะอึกขึ้น หน้าแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮ
บทที่ 4จิรัฎร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วพบกับร่างอรชรของพิรุณรัตน์ เจ้าหล่อนส่งยิ้มแฉ่งอย่างกับพระอาทิตย์ในเรื่องเทเลทับบีส์มาให้ ชายหนุ่มเผลอหลุบตามองปากอิ่มนั้น แต่ก็ต้องหลุดจากภวังค์ พยายามประคองสติ แม้รสหวานยังติดที่ปลายลิ้นก็เถอะ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย กลิ่นกายสาวยังหอมตลบอบอวลจนใจสั่น“มอร์นิงค่ะพี่ไนต์” สรรพนามที่เรียกจิรัฎร์เปลี่ยนไปเมื่ออยู่กันตามลำพัง“เรนนี่ซื้อกาแฟมาให้พี่ไนต์ด้วยค่ะ อเมริกาโนเย็นไม่หวาน”“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเหล่มองแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะโดยมีแก้วเก็บความเย็นซ้อนทับมันอยู่“เรนนี่รู้ใจพี่ไนต์ใช่ไหมคะ” จิรัฎร์ถึงกับชะงัก เพราะจู่ ๆ ร่างอรชรก็มายืนข้าง ๆ พร้อมทั้งเกี่ยวแขนของเขาเข้
พักเที่ยงแล้วพิรุณรัตน์ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน จิรัฎร์จึงออกมายืนรอที่หน้าแผนก สักพักปัทมาก็เดินมาหา หล่อนทักทายและใจกล้าคว้าแขนล่ำมาคล้องไว้ จิรัฎร์เลิกคิ้วมองมือที่วางไว้บนต้นแขน เขาไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ไม่คาดคิดว่าปัทมาจะทำเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมาหล่อนเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ ไม่รุ่มร่ามกับเขา ปัทมากระแซะเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น กวาดสายตามองไปทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณดังกล่าว“ไปกินข้าวกับปัดไหมคะพี่ไนต์” ชายหนุ่มยิ้มตอบสุภาพ พยายามดึงแขนออก แต่เพราะหล่อนรัดแน่นจึงเหมือนยื้อกันอยู่“มีร้านสเต็กมาเปิดใหม่ตรงซอยถัดไปน่ากินมากเลยค่ะ ไปกินกับปัดน้า...” ปัทมาทำอ้อนส่งสายตาวิบวับ“ว้าย!” แต่แล้วหล่อนก็กระเด็นออกห่างจากจิรัฎร์ไปหลายเมตร หัวแทบคะมำแต่ยังทรงตัวได้ ปัทมาหันขวับไปมองสิ่งที่ทำให้หล่อนต้องตกอยู่สภาพเช่นนี้ ‘นังเรนนี่!’ ปัทมาคำรามในใจ
บทที่ 5สาเหตุของการงานสุมหัวก็มาจากเอกสารที่เธอต้องเรียนรู้ทุกแผนก และการประกวดโครงการอาหารสำเร็จรูปด้วย พิรุณรัตน์ตั้งใจจะส่งโครงการเข้าประกวด เธอกำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ โดยมีจิรัฎร์คอยช่วยเหลือ โครงการนี้เปิดให้ทุกคนในบริษัทที่สนใจส่งไอเดีย โดยมีเงินรางวัลอยู่ที่ห้าหมื่นบาท และถ้าใครเสนอไอเดียจนผ่านขั้นตอนไปจนถึงการผลิตส่งออกจำหน่ายแล้วละก็ยังจะได้กินเปอร์เซ็นต์การขายเป็นเวลาสามเดือนอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้มีคนในบริษัทไม่ว่าจะตำแหน่งไหนสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงพิรุณรัตน์ด้วยร่างเล็กยืนประสานมือมองจิรัฎร์ที่อ่านไอเดียโครงการที่จะส่งเข้าประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปตามตัวอักษรที่พิรุณรัตน์ต้องการสื่อสาร เขาชอบไอเดียของเธอที่เป็นอาหารเข้าเซต ทั้งข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำและขนม ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นว่าไอเดียบางอย่างอาจจะทำได้ยาก แต่ก็ถือว่าเปิดโลก และอาจจะได้พื้นที่การตลาดหากทำออกมาจริง ๆ คนสมัยนี้ชอบความแปลกใหม่ ซึ่งพิรุณรั