กุ่ยเอ้อและหลงหานกวงกำลังนั่งอยู่ในรถบัญชาการของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หลงหานกวงแสดงความแปลกประหลาดใจอย่างมากต่อระบบสั่งการขั้นสูงของรถบัญชาการ “กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณนี่ได้คนหนุนหลังดีจริงๆ แดนมังกรแทบจะเหมือนกองทหารประจำการอยู่แล้ว รถบัญชาการก็ยังมี น่าเหลือเชื่อจริง ๆ” หลงหานกวงพูดอย่างตื่นตาตื่นใจ เหมือนกับชาวนาแก่ ๆ ที่เพิ่งมาจากบ้านนอกเข้ากรุง เห็นอะไรก็แปลกตาไปหมด “นี่คือกล้องจับภาพความร้อนใช่ไหม? นี่คือกล้องอินฟราเรดเหรอ? คุณภาพสูงจริง ๆ” กุ่ยเอ้อเบะปากอย่างเหยียดหยาม รู้สึกว่าหลงหานกวงเป็นพวกล้าสมัยไปแล้ว “ต่อไปเราต้องพึ่งพากำลังของทีม ศิลปะการต่อสู้เฉพาะบุคคลนั้นอ่อนแอลงทุกที ถึงยังไงอาวุธปืนก็พัฒนาถึงขีดสุดแล้ว ขอแค่มีอาวุธพร้อม ต่อให้จะเป็นเทพเซียนในตำนานก็ต้องถูกสอยร่วงแน่นอน” “ที่คุณพูด ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ศิลปะการต่อสู้นั้นก็ยังสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งได้นี่ มีชีวิตอยู่เพิ่มอีกสักสองปีก็เป็นเรื่องดี คนของคุณเข้าประจำที่แล้วหรือยัง? อีกเดี๋ยวก็เริ่มจู่โจมแล้วช่วยลูกน้องขอผมออกมาก่อน” หลงหานกวงนั้นคิดถึงแต่ลูกน้องของตน แม้ว่าจะเป็นพวกไม่ได้เรื่อง แต่อย่างไรก็เป็นล
ใบหน้าของกู้ชิงหลินเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว เสียงปืนอันดุเดือดทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว แล้วคิดอยากเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังหลี่โม่โดยสัญชาตญาณ เฉินเสี่ยวถงดึงกู้ชิงหลินเข้ามา และเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเอะอะ ตอนนี้ถ้าเธอไปเกาะพี่หลีโม่ไว้ แล้วจะให้พี่หลี่โม่ขยับยังไง” “เธอ… เธอพูดอะไร ทำไมตอนเธอกลัวแล้วไปเกาะเขาได้ แล้วฉันทำไม่ได้” กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่อยากจะบอกว่าเธอมันโง่บรมเลย” เฉินเสี่ยวถงพูดจบ มือขวาก็ซัดเข้าที่ต้นคอของกู้ชิงหลินอย่างแรง ทำให้กู้ชิงหลินหมอสติไปทันที หลี่โม่เหลือบมองเฉินเสี่ยวถงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้สึกตกตะลึงกับทักษะอันว่องไวของเฉินเสี่ยวถง แต่เมื่อคิดถึงความเก่งกาจของลุงฝูที่ที่ติดตามเฉินเสี่ยวถงแล้ว หลี่โม่ก็ค่อนข้างโล่งใจ รู้สึกว่าเฉินเสี่ยวถงคงจะได้เรียนวิชากังฟูแท้ที่ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์มาบ้าง เฉินเสี่ยวถงยัดกู้ชิงหลินที่สลบไปใส่ในอ้อมแขนของคังเหวินซิน “เอ้า เอาสาวสวยไปกอดซะ ดูแลเธอให้ดีล่ะ” “หา? ผม ผมกลัว” คังเหวินซินตื่นตระหนกขึ้นมา พูดจาก็ยังตอบไม่ตรงคำถาม “ฉันรู้ว่านายกลัว เลยให้นายกอดสาวสวยไว้ จะได้ช่วยให้คล
ขณะที่หัวหน้าทีมกำลังตะโกนขอกำลังเสริมอยู่นั้นเอง กระสุนก็ทะลวงเข้าที่หว่างคิ้วของเขา หัวหน้าทีมที่ตายตาไม่หลับนั้นมองไปยังทิศทางที่กระสุนยิงมา ก่อนร่างกายของเขาจะล้มลงกับพื้น หลี่โม่ที่เปลี่ยนซองกระสุนแล้วนั้น หลังจากยิงสังหารหัวหน้าทีมหนึ่งแล้ว เขาก็ยิงใส่สมาชิกทีมหนึ่งอีกสามคนที่เหลือซึ่งกำลังล่าถอยอย่างตื่นตระหนก หลังจากเสียงปืนดังขึ้นสามครั้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษหนึ่งทั้งหมดก็เสียชีวิต อากวงมองฉากหลี่โม่สังหารศัตรูหนึ่งคนต่อหนึ่งนัดด้วยความตื่นตะลึง เลือดทั่วร่างเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น และกลายแฟนบอยของหลี่โม่ไปในทันที “พระเจ้า คุณหลี่โคตรเก่งเลย เอาปืนพกไปสู้กับทีมปฏิบัติการพิเศษเนี่ยนะ ทักษะการยิงปืนของเขาน่าทึ่งจริง ๆ แม่นยิ่งกว่านักแม่นปืนอีก!” มุมปากของเฉินเสี่ยวถงหยักโค้งเป็นรอยยิ้มงดงาม รู้สึกว่าตนไม่ได้เลือกผิด ยิ่งหลี่โม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเฉินเสี่ยวถงมากเท่านั้น เพราะเมื่อหลี่โม่แข็งแกร่ง ก็จะสามารถปกป้องเฉินเสี่ยวถงได้ ทำให้เฉินเสี่ยวถงไม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่น่าอกสั่นขวัญแขวนแบบนั้นอีกต่อไป “พี่หลี่โม่สุดยอดมากจริง ๆ นั่นแหละนะ สุ
หลงหานกวงถามอย่างอดไม่ได้ “กำลังมา คงต้องใช้เวลาพอสมควร ไอ้บ้าหลี่โม่ มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!” หลังจากที่กุ่ยเอ้อพูดอย่างโกรธเกรี้ยวจบ เขาก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาตะคอกใส่ "ฉันกุ่ยเอ้อ หลินเจิ้งหนาน ให้คนของนายทุกคนกดดันเข้าไป ใช้อาวุธทั้งหมดกำราบไอ้หลี่โม่ มีอาวุธหนักอะไรก็ใช้มันให้หมด! ฆ่ามันซะ ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!" “รับทราบ ทางนี้เตรียมบาซูก้าเอาไว้พร้อมแล้ว กำลังเล็งยิง” หลินเจิ้งหนานเองก็รู้สึกหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของหลี่โม่เช่นกัน ก่อนที่กุ่ยเอ้อจะออกคำสั่ง เขาก็ได้ให้ลูกน้องนำอาวุธหนักทั้งหมดออกมาเตรียมพร้อมแล้ว บาซูก้าทั้งสองเครื่องบรรจุจรวดเอาไว้แล้ว หลังจากปรับเครื่องยิงเล็งไปที่หลี่โม่แล้ว ก็กดปุ่มยิงในทันที ฟิ้ว ฟิ้ว บาซูก้าพ่นเปลวไฟสองสายออกมา จรวดสองลูกพลันพุ่งออกไปยังทิศทางของหลี่โม่ หลี่โม่ได้ยินเสียงผิดปกติจากระยะไกล จึงเริ่มวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าระห่ำทันที ชั่วขณะที่จรวดกำลังจะถึงเป้าและระเบิด หลี่โม่ก็ได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกองต้นไม้แล้ว ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกตัดโค่นจำนวนมากสามารถสกัดกั้นคลื่นกระแทกจากจรวดได้ แต่สมาชิกทีมปฏิบัติการพิเศษที่เพียงได้ร
เมื่อเห็นจรวดสองลูกที่ลูกน้องยิงออกไประเบิด หลินเจิ้งหนานก็รีบถามว่า “ระเบิดไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นตายหรือยัง!” “นายท่าน ดูเหมือนจะไม่โดนหลี่โม่ครับ เมื่อครู่หลี่โม่มันเร็วมาก อย่างกับยอดมนุษย์เลย มันกระโดดข้ามกองไม้แล้วไปหลบอยู่ด้านหลัง” ลูกน้องเอ่ยด้วยใจเต้นระส่ำ เขาเคยคนที่เร็วกว่ากระต่ายมาแล้ว แต่ความเร็วเมื่อครู่ของหลี่โม่ กลับเร็วยิ่งกว่ากระต่ายไปอีกโข เรียกได้ว่าเร็วยิ่งกว่าเสือชีตาร์เสียอีก หลินเจิ้งหนานขมวดคิ้วแน่น ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “งั้นพวกแกยังมัวอึ้งอะไรอยู่ ยิงต่อไปสิวะ! บุกโจมตีเข้าไป พวกแกมีคนตั้งเยอะแยะ มีแต่พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกหรือยังไง! เข้าไปฆ่ามันซะ!” พวกลูกน้องต่างลังเลเล็กน้อย ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าหลินเจิ้งหนานที่กำลังโกรธจัด พวกเขาก็ยังไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า คนของทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยเมื่อครู่นี้ตายอย่างไร พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทีมปฏิบัติการพิเศษย่อยถูกหลี่โม่เพียงคนเดียวกำราบได้ด้วยปืนสองกระบอก โดยที่ไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็เป็นคนที่เคยผ่านการต่อสู้นองเลือดมาทั้งนั้น จึงล้วนรู้ดีว่า ทีมปฏิบัติการพิเศษนั้นแข็งแกร่งแค่ไ
“กุ่ยเหล่าเอ้อ คุณวางแผนประสาอะไร บอกมาสิว่ายังสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้หรือเปล่า ผมว่าคุณพาพวกเรามาตายชัด ๆ !” “หลงหานกวง นายขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเราที่นี่มีคนตั้งมากมาย หากร่วมมือกันจะยังเอาชนะหลี่โม่ไม่ได้อีกงั้นเหรอ?” กุ่ยเอ้อหรี่ตาพลางเอ่ย “เหอะ ๆ แล้วคุณเชื่อคำพูดนั้นของตัวเองด้วยหรือเปล่าล่ะ?” “ฉันไม่ต่อปากกับนายแล้ว ก็แค่หลี่โม่คนเดียว นายคอยดูเถอะว่าฉันกับพวกหานเถี่ยโถวจะจัดการเจ้าหลี่โม่ยังไง” กุ่ยเอ้อไม่มีอารมณ์จะเถียงกับหลงหานกวง เขาถือวิทยุสื่อสารขึ้นมาติดต่อกับพวกหานเถี่ยโถว และสั่งการให้พวกหานเถี่ยโถวโอบล้อมหลี่โม่จากทุกทิศทาง แม้ว่าหานเถี่ยโถวและคนอื่น ๆ จะรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่ด้วยผลประโยชน์มหาศาลที่กุ่ยเอ้อรับปากเอาไว้ ทำให้พวกเขายอมรับคำสั่งของกุ่ยเอ้อ หานเถี่ยโถวพายอดฝีมือสองสามคนเข้าไปใกล้หลี่โม่ และขวางเส้นทางที่หลี่โม่กำลังไล่ตามอยู่ “ไอ้หนู วางอาวุธซะ แล้วเราจะไว้ชีวิต” หานเถี่ยโถวยกสองมือเท้าเอวแล้วพูดขึ้น หลี่โม่ยิ้มพลางโยนปืนทิ้งลงพื้น “ฉันวางอาวุธแล้ว ไหนดูซิว่าพวกนายจะไว้ชีวิตฉันยังไง” “ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนูนี่สมองมันโดนลาดีดกะโห
ชั่วขณะที่หานเถี่ยโถวทรงตัวอย่างมั่นคง เหงื่อเม็ดโตก็ผุดออกมาจากหน้าผาก มือขวาที่ถูกหลี่โม่ต่อยนั้นห้อยลงมาอย่างผิดธรรมชาติ และแขนของเขาก็สั่นไม่หยุด ที่สั่นนั้นเป็นเพราะกระดูกถูกหลี่โม่ต่อยจนแหลกละเอียด นอกจากนี้หมัดนั้นของหลี่โม่ยังมีพลังมหาศาล จนทำให้กล้ามเนื้อแขนของหานเถี่ยโถวได้รับความเสียหายไม่น้อย แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แข็งแกร่งถึงระดับที่เหนือมนุษย์เลยด้วยซ้ำ นั่นคือการประเมินความแข็งแกร่งของหลี่โม่ของหานเถี่ยโถว ตอนนี้หานเถี่ยโถวนึกเสียใจสุด ๆ ที่เชื่อคำหลอกลวงของกุ่ยเอ้อ เพราะโลภในผลประโยชน์เล็กน้อย ตอนนี้เขาไปล่วงเกินคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้เข้าแล้ว หานเถี่ยโถวเสียใจจนคาดหวังเพียงว่าชีวิตจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งเท่านั้น! เหล่ายอดฝีมือคนอื่น ๆ ต่างรวมตัวกันอยู่ด้านหลังหานเถี่ยโถว ในหมู่พวกเขาหานเถี่ยโถวคือคนที่กังฟูแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงเคารพหานเถี่ยโถว แต่ยามนี้เมื่อเห็นลักษณะที่ผิดธรรมชาติของแขนหานเถี่ยโถวแล้ว เหล่ายอดฝีมือพวกนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่า หานเถี่ยโถวได้รับบาดเจ็บไม่น้อย “พี่หาน ไม่เป็นไรใช่ไหม?” “ไม่ถึงตายหรอกน่า!” หานเถ
“ถุย!” ยอดฝีมือคนหนึ่งถ่มน้ำลายด้วยความโมโห จากนั้นจึงหมุนตัวคิดจะหนีไป หลี่โม่เลิกคิ้ว ขาขวาเตะก้อนหินก้อนหนึ่งบนพื้น ก้อนหินพุ่งออกอย่างรวดเร็วและทรงพลัง ก่อนกระแทกเข้าที่หัวเข่าของยอดฝีมือคนนั้น พลั่ก! หัวเข่าของยอดฝีมือคนนั้นถูกหินกระแทกหักและคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นทันที เขาเจ็บจนน้ำตาเอ่อคลอเบ้า “ขาของฉัน! หลี่โม่ ไอ้ลูกหมาแกโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! ฉันจะไปอยู่แล้ว แกก็ยังไม่...... อ๊าก!” ในตอนที่ยอดฝีมือกำลังด่าทออยู่ หานเถี่ยโถวก็กระโดดขึ้นมาจากพื้น แล้วโบกฝ่ามือตบหน้ายอดฝีมือคนนั้นอย่างแรงสองที “กล้าดียังไงถึงมาด่าลูกพี่ของฉัน ฉันจะฆ่าแกให้ตายคอยดู! พวกแกทุกคนอย่าขยับนะโว้ย! ลูกพี่ของฉันยังไม่ให้พวกแกไป ถ้าใครไม่พอใจ ก็เข้ามาถามหมัดของฉันหานเถี่ยโถวซะก่อน!” หานเถี่ยโถวไม่ปล่อยโอกาสที่จะแสดงความภักดีต่อหลี่โม่ เป็นโอกาสที่จังหวะเหมาะเจาะมาก เหล่ายอดฝีมือที่เตรียมจะกระจายตัวหลบหนีไปต่างชะงักฝีเท้าด้วยความตื่นกลัวและสับสน มีแค่หลี่โม่คนเดียวก็น่ากลัวพอแล้ว ยังจะเพิ่มหานเถี่ยโถวที่แปรพักตร์อีก พวกเขารู้สึกเหมือนหมดทางรอดโดยสมบูรณ์ “หานเถี่ยโถว นายทำเกินไปแล้ว ทุกคนต
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา