หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครจะตาย” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายรูปร่างกำยำหัวเราะพรวดออกมา “แกนี่มันตลกจริง ๆ แกคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว ไม่ต้องพูดถึงพวกคนที่ขึ้นไปประลองบนเวที แค่ฉัน แกยังสู้ไม่ได้เลย ฉันขอเตือนแกว่า อย่าเข้าไปรนหาที่ตายเลยดีกว่า แม้กระทั่งภาษาคนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” ชูจงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลี่โม่จะสติแตกแล้วทำร้ายอีกฝ่าย จึงพูดเบา ๆ ว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะครับ” หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชูจงเทียนกับหยวนเหมิ่งเข้าไปในสนามประลอง “ถุย!” ชายรูปร่างกำยำถ่มน้ำลายลงพื้น เขาเอามือเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง หึหึ” หลี่โม่เดินเข้ามาในสนามประลอง ไฟในสนามส่องมายังพวกเขาทั้งสามคนจนต้องหรี่ตา และยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามา “อะไรกันเนี่ย ชูจงเทียน คุณกล้ามาที่นี่จริง ๆ หรือ ฉันนึกว่าคุณจะกลัวจนฉี่ราด ไม่กล้ามาซะอีก” ซูเหวินปินคาบบุหรี่เอาไว้ และนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองชูจงเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก คนหัวล้านที่อยู่ด้
“นายน้อย คุณ… อย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ” ชูจงเทียนพูดเสียงเบา “ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ?” หลี่โม่หันไปถาม ชูจงเทียนเงียบไม่พูดอะไร เขารู้สึกตกใจจริง ๆ “คนแซ่ชูกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน คอยดูให้ดี ๆ เถอะ ผมใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เจ้านั่นไปสู่สุคติได้แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า” หวังต้าลี่มองชูจงเทียนกับหลี่โม่ด้วยท่าทียั่วยุ เขาไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตาของหยวนเหมิ่งแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดใส่หวังต้าลี่ด้วยความโมโห หวังต้าลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาขยายตัวขึ้น จนดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ให้แกชกสองหมัดก็แล้วกัน ถ้าให้แกตายเร็วก็หมดสนุกสิ” หวังต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม และทำท่าทางเหมือนให้หยวนเหมิ่งต่อยเขาได้ตามสบาย หยวนเหมิ่งตาเป็นประกาย สองมือของหยวนเหมิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาต่อยเข้าไปที่หน้าอกและลำคอของหวังต้าลี่ ตุ้บ ตุ้บ เสียงหมัดดังขึ้นติดต่อกัน หวังต้าลี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่หยวนเหมิ่งปล่อยหมัดออกไป ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหวังต้าลี่ที่กำลังยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่นอน! ถอย! ความคิด
สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป
สีหน้าของซูเหวินปินเคร่งขรึมขึ้นมา ฝีมือการต่อสู้ของหลี่โม่อยู่เหนือความคาดหมายของซูเหวินปิน เดิมทีเขาคิดว่า หลี่โม่เป็นแค่ผู้เข้าแข่งขันธรรมดาทั่วไป ใครจะคาดคิดว่า หลี่โม่จะแสดงฝีมือในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเหวินปินแสยะยิ้มร้ายกาจ “หัวหน้า พละกำลังและความว่องไวของหมอนั่นไม่เลวเลยทีเดียว แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม” “อย่าเพิ่งใจร้อน คอยดูไปก่อน ให้คนของคุณหวงขึ้นไปหยั่งเชิงดูเสียก่อน” ซูเหวินปินขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา ตอนนี้ซูเหวินปินรู้สึกเสียใจที่ประมาทและเปลี่ยนกฎการแข่ง แต่ถึงจะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จากการคาดเดาของซูเหวินปิน ขอแค่คนของคุณหวงยื้อการต่อสู้กับหลี่โม่เอาไว้ได้ และตัดกำลังของหลี่โม่ ลูกน้องของเขาจะต้องจัดการกับหลี่โม่ได้แน่นอน คุณหวงเหลือบตามองคุณหม่าที่กำลังโกรธ “คุณหม่า อย่าอารมณ์เสียไปเลย ถือว่าต้าลี่ตายอย่างคุ้มค่า คุณจัดการทำศพเขาให้ดีก็พอ ให้คนของผมแก้แค้นแทนต้าลี่ให้เอง” “ฉัตรชัย เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาใหม่ เขาเคยเรียนมวยไทย และเคยชนะติดต่อกันสามสิบครั้งที่สนามประลองใต้ดินในต่างประเทศ ให้จัดการเจ้าหมอนี่คงไ
วิชามวยไทยนั้นดุดันที่สุด แค่แสดงความสามารถออกมา ก็เหมือนกับงูพิษที่ออกมาจากโพรง ใช้การจู่โจมแบบบีบบังคับให้คู่ต่อสู้จนมุม ฉัตรชัยต่อยหมัดขวาออกไปที่แก้มของหลี่โม่ ส่วนมือซ้ายของเขาจู่โจมไปที่ลำคอของหลี่โม่ หมัดทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามปฏิกิริยาของหลี่โม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเมื่อฉัตรชัยใช้เคล็ดวิชามวยไทย เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของคู่ต่อสู้มักจะตายในหมัดเดียว หลี่โม่มองการจู่โจมของฉัตรชัยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาประชดด้วยการยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้แกยกนิ้วกลางให้ฉัน ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกับแก” เมื่อเห็นหลี่โม่ยกนิ้วกลางให้เขา ฉัตรชัยถึงกับตากระตุก ความกลัวเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างน่าประหลาด ครั้งก่อนตอนที่ฉัตรชัยเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ ก็เพราะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์มวยเถื่อน ครั้งนั้นฉัตรชัยต้องใช้พละกำลังทั้งหมดถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ จู่ ๆ ฉัตรชัยก็รู้สึกตกใจและประหลาดใจ สองหมัดที่ใช้ต่อสู้ไม่สามารถจู่โจมได้อีกต่อไป ฉัตรชัยเก็บหมัดของตัวเองกลับ เตรียมที่จะใช้สองแขนป้องกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ในสมองของฉัตรชัยคิดไว้อย่างดี แต่ทว่
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูสนามประลอง เหอปินประคองคุณชายซูลงจากรถ ทั้งสองรีบเข้าไปทางประตูข้างของสนามประลอง “เร็วสิ หวังว่าจะมาทันนะ ฉันอยากเห็นเจ้าบ้าหลี่โม่นั่นตายต่อหน้าฉัน!” “อย่ารีบสิครับ คุณวิ่งช้า ๆ ลงหน่อย” เหอปินพูดอย่างเป็นกังวล ร่างกายของคุณชายซูยังคงบาดเจ็บ แต่เมื่อคิดว่า หลี่โม่จะกลายเป็นศพก็ทำให้เลือดในร่างกายของเขาสูบฉีด ราวกับจักรวาลเล็ก ๆ ถูกจุดประกายขึ้นมา เมื่อชายรูปร่างกำยำที่เฝ้าประตูเห็นคุณชายซู ก็รีบเปิดประตูพาเหอปินกับคุณชายซูเข้าไปข้างในสนามประลอง “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เจ้าบ้าแซ่หลี่นั่นตายหรือยัง ฉันรีบมาเพราะอยากเห็นว่ามันจะตายยังไง” คุณชายซูก่นด่า “ยังต่อสู้กันอยู่ครับ สถานการณ์ค่อนข้าง… ผิดปกติเล็กน้อย” ชายรูปร่างกำยำที่เดินนำทางไม่รู้จะอธิบายให้คุณชายซูฟังอย่างไรดี จึงทำได้เพียงใช้คำว่าผิดปกติ “ผิดปกติ? ผิดปกติอะไรกัน เจ้าหลี่โม่นั่นมันก็แค่คนจน แค่อาของฉันดีดนิ้วทีเดียวมันก็ตายแล้ว” “คุณชายซูเข้าไปดูเองเถอะครับ เดินตรงเข้าไปก็ถึงแล้วครับ” เหอปินประคองคุณชายซูเดินเข้าไปตามทางเดิน เมื่อออกมาจากทางเดิน ก็เห็นหลังของซูเหวินปิน คุณชายซูกวาดต
“ดี!” คุณชายซูตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ปรบมืออย่างพอใจ ราวกับได้ดูศิลปะการแสดงอย่างไรอย่างนั้น ท่านหวงกับท่านหม่าก็หยุดสูบบุหรี่เช่นกัน ทั้งสองตั้งใจดูการต่อสู้ระหว่างหลี่โม่กับอาหลงและอาหู่ ทั้งสองคาดหวังให้หลี่โม่ชนะ อย่าให้พวกเขาต้องสูญเสีย แล้วซูเหวินปินได้หน้า ในเมื่อเสียก็ควรจะเสียไปด้วยกันถึงจะถูก แต่ทว่าทั้งสองคนทำได้เพียงคิดอยู่ในใจ โดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา สีหน้าของซูเหวินปินดูเป็นกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกหวั่นใจขึ้นมา หลี่โม่ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมา แขนยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และจับขาที่กำลังจะเตะเข้ามาของอาหลง แรงมหาศาลจับอยู่ตรงข้อเท้าของอาหลง อาหลงตกใจ ตอนที่เขาจะขัดขืนมันก็สายไปเสียแล้ว เสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อเท้าของอาหลงถูกหลี่โม่บีบจนแตก จากนั้นหลี่โม่ก็เหวี่ยงร่างของอาหลง ราวกับกำลังเหวี่ยงขวานยักษ์ เขาเหวี่ยงร่างอาหลงไปกระแทกกับอาหู่ อาหู่ตะลึงจนลืมตาอ้าปากค้าง ราวกับลูกตาจะถลนออกมา “พี่!” “รีบหลบเร็ว!” อาหลงกลั้นความเจ็บปวดแล้วตะโกนออกมา “แกปล่อยพี่ฉันเดี๋ยวนี้!” อาหู่พุ่งตัวมาข้างหน้าด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งไปหาหลี่โม