“นายน้อย คุณ… อย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ” ชูจงเทียนพูดเสียงเบา “ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ?” หลี่โม่หันไปถาม ชูจงเทียนเงียบไม่พูดอะไร เขารู้สึกตกใจจริง ๆ “คนแซ่ชูกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน คอยดูให้ดี ๆ เถอะ ผมใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เจ้านั่นไปสู่สุคติได้แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า” หวังต้าลี่มองชูจงเทียนกับหลี่โม่ด้วยท่าทียั่วยุ เขาไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตาของหยวนเหมิ่งแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดใส่หวังต้าลี่ด้วยความโมโห หวังต้าลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาขยายตัวขึ้น จนดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ให้แกชกสองหมัดก็แล้วกัน ถ้าให้แกตายเร็วก็หมดสนุกสิ” หวังต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม และทำท่าทางเหมือนให้หยวนเหมิ่งต่อยเขาได้ตามสบาย หยวนเหมิ่งตาเป็นประกาย สองมือของหยวนเหมิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาต่อยเข้าไปที่หน้าอกและลำคอของหวังต้าลี่ ตุ้บ ตุ้บ เสียงหมัดดังขึ้นติดต่อกัน หวังต้าลี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่หยวนเหมิ่งปล่อยหมัดออกไป ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหวังต้าลี่ที่กำลังยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่นอน! ถอย! ความคิด
สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป
สีหน้าของซูเหวินปินเคร่งขรึมขึ้นมา ฝีมือการต่อสู้ของหลี่โม่อยู่เหนือความคาดหมายของซูเหวินปิน เดิมทีเขาคิดว่า หลี่โม่เป็นแค่ผู้เข้าแข่งขันธรรมดาทั่วไป ใครจะคาดคิดว่า หลี่โม่จะแสดงฝีมือในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเหวินปินแสยะยิ้มร้ายกาจ “หัวหน้า พละกำลังและความว่องไวของหมอนั่นไม่เลวเลยทีเดียว แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม” “อย่าเพิ่งใจร้อน คอยดูไปก่อน ให้คนของคุณหวงขึ้นไปหยั่งเชิงดูเสียก่อน” ซูเหวินปินขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา ตอนนี้ซูเหวินปินรู้สึกเสียใจที่ประมาทและเปลี่ยนกฎการแข่ง แต่ถึงจะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จากการคาดเดาของซูเหวินปิน ขอแค่คนของคุณหวงยื้อการต่อสู้กับหลี่โม่เอาไว้ได้ และตัดกำลังของหลี่โม่ ลูกน้องของเขาจะต้องจัดการกับหลี่โม่ได้แน่นอน คุณหวงเหลือบตามองคุณหม่าที่กำลังโกรธ “คุณหม่า อย่าอารมณ์เสียไปเลย ถือว่าต้าลี่ตายอย่างคุ้มค่า คุณจัดการทำศพเขาให้ดีก็พอ ให้คนของผมแก้แค้นแทนต้าลี่ให้เอง” “ฉัตรชัย เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาใหม่ เขาเคยเรียนมวยไทย และเคยชนะติดต่อกันสามสิบครั้งที่สนามประลองใต้ดินในต่างประเทศ ให้จัดการเจ้าหมอนี่คงไ
วิชามวยไทยนั้นดุดันที่สุด แค่แสดงความสามารถออกมา ก็เหมือนกับงูพิษที่ออกมาจากโพรง ใช้การจู่โจมแบบบีบบังคับให้คู่ต่อสู้จนมุม ฉัตรชัยต่อยหมัดขวาออกไปที่แก้มของหลี่โม่ ส่วนมือซ้ายของเขาจู่โจมไปที่ลำคอของหลี่โม่ หมัดทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามปฏิกิริยาของหลี่โม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเมื่อฉัตรชัยใช้เคล็ดวิชามวยไทย เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของคู่ต่อสู้มักจะตายในหมัดเดียว หลี่โม่มองการจู่โจมของฉัตรชัยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาประชดด้วยการยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้แกยกนิ้วกลางให้ฉัน ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกับแก” เมื่อเห็นหลี่โม่ยกนิ้วกลางให้เขา ฉัตรชัยถึงกับตากระตุก ความกลัวเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างน่าประหลาด ครั้งก่อนตอนที่ฉัตรชัยเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ ก็เพราะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์มวยเถื่อน ครั้งนั้นฉัตรชัยต้องใช้พละกำลังทั้งหมดถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ จู่ ๆ ฉัตรชัยก็รู้สึกตกใจและประหลาดใจ สองหมัดที่ใช้ต่อสู้ไม่สามารถจู่โจมได้อีกต่อไป ฉัตรชัยเก็บหมัดของตัวเองกลับ เตรียมที่จะใช้สองแขนป้องกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ในสมองของฉัตรชัยคิดไว้อย่างดี แต่ทว่
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูสนามประลอง เหอปินประคองคุณชายซูลงจากรถ ทั้งสองรีบเข้าไปทางประตูข้างของสนามประลอง “เร็วสิ หวังว่าจะมาทันนะ ฉันอยากเห็นเจ้าบ้าหลี่โม่นั่นตายต่อหน้าฉัน!” “อย่ารีบสิครับ คุณวิ่งช้า ๆ ลงหน่อย” เหอปินพูดอย่างเป็นกังวล ร่างกายของคุณชายซูยังคงบาดเจ็บ แต่เมื่อคิดว่า หลี่โม่จะกลายเป็นศพก็ทำให้เลือดในร่างกายของเขาสูบฉีด ราวกับจักรวาลเล็ก ๆ ถูกจุดประกายขึ้นมา เมื่อชายรูปร่างกำยำที่เฝ้าประตูเห็นคุณชายซู ก็รีบเปิดประตูพาเหอปินกับคุณชายซูเข้าไปข้างในสนามประลอง “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เจ้าบ้าแซ่หลี่นั่นตายหรือยัง ฉันรีบมาเพราะอยากเห็นว่ามันจะตายยังไง” คุณชายซูก่นด่า “ยังต่อสู้กันอยู่ครับ สถานการณ์ค่อนข้าง… ผิดปกติเล็กน้อย” ชายรูปร่างกำยำที่เดินนำทางไม่รู้จะอธิบายให้คุณชายซูฟังอย่างไรดี จึงทำได้เพียงใช้คำว่าผิดปกติ “ผิดปกติ? ผิดปกติอะไรกัน เจ้าหลี่โม่นั่นมันก็แค่คนจน แค่อาของฉันดีดนิ้วทีเดียวมันก็ตายแล้ว” “คุณชายซูเข้าไปดูเองเถอะครับ เดินตรงเข้าไปก็ถึงแล้วครับ” เหอปินประคองคุณชายซูเดินเข้าไปตามทางเดิน เมื่อออกมาจากทางเดิน ก็เห็นหลังของซูเหวินปิน คุณชายซูกวาดต
“ดี!” คุณชายซูตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ปรบมืออย่างพอใจ ราวกับได้ดูศิลปะการแสดงอย่างไรอย่างนั้น ท่านหวงกับท่านหม่าก็หยุดสูบบุหรี่เช่นกัน ทั้งสองตั้งใจดูการต่อสู้ระหว่างหลี่โม่กับอาหลงและอาหู่ ทั้งสองคาดหวังให้หลี่โม่ชนะ อย่าให้พวกเขาต้องสูญเสีย แล้วซูเหวินปินได้หน้า ในเมื่อเสียก็ควรจะเสียไปด้วยกันถึงจะถูก แต่ทว่าทั้งสองคนทำได้เพียงคิดอยู่ในใจ โดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา สีหน้าของซูเหวินปินดูเป็นกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกหวั่นใจขึ้นมา หลี่โม่ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมา แขนยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และจับขาที่กำลังจะเตะเข้ามาของอาหลง แรงมหาศาลจับอยู่ตรงข้อเท้าของอาหลง อาหลงตกใจ ตอนที่เขาจะขัดขืนมันก็สายไปเสียแล้ว เสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อเท้าของอาหลงถูกหลี่โม่บีบจนแตก จากนั้นหลี่โม่ก็เหวี่ยงร่างของอาหลง ราวกับกำลังเหวี่ยงขวานยักษ์ เขาเหวี่ยงร่างอาหลงไปกระแทกกับอาหู่ อาหู่ตะลึงจนลืมตาอ้าปากค้าง ราวกับลูกตาจะถลนออกมา “พี่!” “รีบหลบเร็ว!” อาหลงกลั้นความเจ็บปวดแล้วตะโกนออกมา “แกปล่อยพี่ฉันเดี๋ยวนี้!” อาหู่พุ่งตัวมาข้างหน้าด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งไปหาหลี่โม
หลี่โม่ลงมาจากเวทีประลอง เขานวดข้อมือแล้วเดินเข้าไปหาคุณชายซู คุณชายซูตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว “แก แกคิดจะทำอะไร ฉันขอเตือนว่าอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!” เหอปินมองหลี่โม่ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เขาถอยหลังอย่างหวาดกลัวโดยไม่ได้ดึงคุณชายซูมาด้วย คุณหวงกับคุณหม่ากลัวจนหัวหด ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ซูเหวินปินรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า “แกจะทำอะไร การแข่งขันจบลงแล้ว พวกแกชนะแล้ว เรายอมแพ้ และจะไปจากที่นี่” “จะไปก็ได้ แต่ขอให้ฉันสั่งสอนมันก่อน อยากให้ครอบครัวของฉันตายทั้งครอบครัวไม่ใช่หรือ อย่างนั้นฉันจะทำให้ครอบครัวของแกตายแบบไม่มีที่ฝังศพ” หลี่โม่พูดจบก็ยกมือตบไปที่หน้าของคุณชายซู ซูเหวินปินถึงกับหน้ากระตุก ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะห้ามหลี่โม่เอาไว้ เขาสามารถฆ่าคนโหดเหี้ยมอย่างอาหลง อาหู่ได้อย่างง่ายดาย ซูเหวินปินคิดว่าต่อให้ตนเองจะเอาปืนมาเผชิญหน้ากับหลี่โม่ ตัวเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่ เพียะ! ถูกตบหน้าอีกครั้ง ทำให้เลือดไหลออกมาจากปากของคุณชายซู เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ในหัว ฝ่ามือของหลี่โม่ทำให้เขามึนงงไปหมด “นี่แค่บทเรียนเล็กน้
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา