สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป
สีหน้าของซูเหวินปินเคร่งขรึมขึ้นมา ฝีมือการต่อสู้ของหลี่โม่อยู่เหนือความคาดหมายของซูเหวินปิน เดิมทีเขาคิดว่า หลี่โม่เป็นแค่ผู้เข้าแข่งขันธรรมดาทั่วไป ใครจะคาดคิดว่า หลี่โม่จะแสดงฝีมือในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเหวินปินแสยะยิ้มร้ายกาจ “หัวหน้า พละกำลังและความว่องไวของหมอนั่นไม่เลวเลยทีเดียว แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม” “อย่าเพิ่งใจร้อน คอยดูไปก่อน ให้คนของคุณหวงขึ้นไปหยั่งเชิงดูเสียก่อน” ซูเหวินปินขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา ตอนนี้ซูเหวินปินรู้สึกเสียใจที่ประมาทและเปลี่ยนกฎการแข่ง แต่ถึงจะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จากการคาดเดาของซูเหวินปิน ขอแค่คนของคุณหวงยื้อการต่อสู้กับหลี่โม่เอาไว้ได้ และตัดกำลังของหลี่โม่ ลูกน้องของเขาจะต้องจัดการกับหลี่โม่ได้แน่นอน คุณหวงเหลือบตามองคุณหม่าที่กำลังโกรธ “คุณหม่า อย่าอารมณ์เสียไปเลย ถือว่าต้าลี่ตายอย่างคุ้มค่า คุณจัดการทำศพเขาให้ดีก็พอ ให้คนของผมแก้แค้นแทนต้าลี่ให้เอง” “ฉัตรชัย เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาใหม่ เขาเคยเรียนมวยไทย และเคยชนะติดต่อกันสามสิบครั้งที่สนามประลองใต้ดินในต่างประเทศ ให้จัดการเจ้าหมอนี่คงไ
วิชามวยไทยนั้นดุดันที่สุด แค่แสดงความสามารถออกมา ก็เหมือนกับงูพิษที่ออกมาจากโพรง ใช้การจู่โจมแบบบีบบังคับให้คู่ต่อสู้จนมุม ฉัตรชัยต่อยหมัดขวาออกไปที่แก้มของหลี่โม่ ส่วนมือซ้ายของเขาจู่โจมไปที่ลำคอของหลี่โม่ หมัดทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามปฏิกิริยาของหลี่โม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเมื่อฉัตรชัยใช้เคล็ดวิชามวยไทย เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของคู่ต่อสู้มักจะตายในหมัดเดียว หลี่โม่มองการจู่โจมของฉัตรชัยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาประชดด้วยการยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้แกยกนิ้วกลางให้ฉัน ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกับแก” เมื่อเห็นหลี่โม่ยกนิ้วกลางให้เขา ฉัตรชัยถึงกับตากระตุก ความกลัวเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างน่าประหลาด ครั้งก่อนตอนที่ฉัตรชัยเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ ก็เพราะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์มวยเถื่อน ครั้งนั้นฉัตรชัยต้องใช้พละกำลังทั้งหมดถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ จู่ ๆ ฉัตรชัยก็รู้สึกตกใจและประหลาดใจ สองหมัดที่ใช้ต่อสู้ไม่สามารถจู่โจมได้อีกต่อไป ฉัตรชัยเก็บหมัดของตัวเองกลับ เตรียมที่จะใช้สองแขนป้องกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ในสมองของฉัตรชัยคิดไว้อย่างดี แต่ทว่
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูสนามประลอง เหอปินประคองคุณชายซูลงจากรถ ทั้งสองรีบเข้าไปทางประตูข้างของสนามประลอง “เร็วสิ หวังว่าจะมาทันนะ ฉันอยากเห็นเจ้าบ้าหลี่โม่นั่นตายต่อหน้าฉัน!” “อย่ารีบสิครับ คุณวิ่งช้า ๆ ลงหน่อย” เหอปินพูดอย่างเป็นกังวล ร่างกายของคุณชายซูยังคงบาดเจ็บ แต่เมื่อคิดว่า หลี่โม่จะกลายเป็นศพก็ทำให้เลือดในร่างกายของเขาสูบฉีด ราวกับจักรวาลเล็ก ๆ ถูกจุดประกายขึ้นมา เมื่อชายรูปร่างกำยำที่เฝ้าประตูเห็นคุณชายซู ก็รีบเปิดประตูพาเหอปินกับคุณชายซูเข้าไปข้างในสนามประลอง “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เจ้าบ้าแซ่หลี่นั่นตายหรือยัง ฉันรีบมาเพราะอยากเห็นว่ามันจะตายยังไง” คุณชายซูก่นด่า “ยังต่อสู้กันอยู่ครับ สถานการณ์ค่อนข้าง… ผิดปกติเล็กน้อย” ชายรูปร่างกำยำที่เดินนำทางไม่รู้จะอธิบายให้คุณชายซูฟังอย่างไรดี จึงทำได้เพียงใช้คำว่าผิดปกติ “ผิดปกติ? ผิดปกติอะไรกัน เจ้าหลี่โม่นั่นมันก็แค่คนจน แค่อาของฉันดีดนิ้วทีเดียวมันก็ตายแล้ว” “คุณชายซูเข้าไปดูเองเถอะครับ เดินตรงเข้าไปก็ถึงแล้วครับ” เหอปินประคองคุณชายซูเดินเข้าไปตามทางเดิน เมื่อออกมาจากทางเดิน ก็เห็นหลังของซูเหวินปิน คุณชายซูกวาดต
“ดี!” คุณชายซูตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ปรบมืออย่างพอใจ ราวกับได้ดูศิลปะการแสดงอย่างไรอย่างนั้น ท่านหวงกับท่านหม่าก็หยุดสูบบุหรี่เช่นกัน ทั้งสองตั้งใจดูการต่อสู้ระหว่างหลี่โม่กับอาหลงและอาหู่ ทั้งสองคาดหวังให้หลี่โม่ชนะ อย่าให้พวกเขาต้องสูญเสีย แล้วซูเหวินปินได้หน้า ในเมื่อเสียก็ควรจะเสียไปด้วยกันถึงจะถูก แต่ทว่าทั้งสองคนทำได้เพียงคิดอยู่ในใจ โดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา สีหน้าของซูเหวินปินดูเป็นกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกหวั่นใจขึ้นมา หลี่โม่ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมา แขนยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และจับขาที่กำลังจะเตะเข้ามาของอาหลง แรงมหาศาลจับอยู่ตรงข้อเท้าของอาหลง อาหลงตกใจ ตอนที่เขาจะขัดขืนมันก็สายไปเสียแล้ว เสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อเท้าของอาหลงถูกหลี่โม่บีบจนแตก จากนั้นหลี่โม่ก็เหวี่ยงร่างของอาหลง ราวกับกำลังเหวี่ยงขวานยักษ์ เขาเหวี่ยงร่างอาหลงไปกระแทกกับอาหู่ อาหู่ตะลึงจนลืมตาอ้าปากค้าง ราวกับลูกตาจะถลนออกมา “พี่!” “รีบหลบเร็ว!” อาหลงกลั้นความเจ็บปวดแล้วตะโกนออกมา “แกปล่อยพี่ฉันเดี๋ยวนี้!” อาหู่พุ่งตัวมาข้างหน้าด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งไปหาหลี่โม
หลี่โม่ลงมาจากเวทีประลอง เขานวดข้อมือแล้วเดินเข้าไปหาคุณชายซู คุณชายซูตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว “แก แกคิดจะทำอะไร ฉันขอเตือนว่าอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!” เหอปินมองหลี่โม่ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เขาถอยหลังอย่างหวาดกลัวโดยไม่ได้ดึงคุณชายซูมาด้วย คุณหวงกับคุณหม่ากลัวจนหัวหด ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา ซูเหวินปินรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า “แกจะทำอะไร การแข่งขันจบลงแล้ว พวกแกชนะแล้ว เรายอมแพ้ และจะไปจากที่นี่” “จะไปก็ได้ แต่ขอให้ฉันสั่งสอนมันก่อน อยากให้ครอบครัวของฉันตายทั้งครอบครัวไม่ใช่หรือ อย่างนั้นฉันจะทำให้ครอบครัวของแกตายแบบไม่มีที่ฝังศพ” หลี่โม่พูดจบก็ยกมือตบไปที่หน้าของคุณชายซู ซูเหวินปินถึงกับหน้ากระตุก ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะห้ามหลี่โม่เอาไว้ เขาสามารถฆ่าคนโหดเหี้ยมอย่างอาหลง อาหู่ได้อย่างง่ายดาย ซูเหวินปินคิดว่าต่อให้ตนเองจะเอาปืนมาเผชิญหน้ากับหลี่โม่ ตัวเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่ เพียะ! ถูกตบหน้าอีกครั้ง ทำให้เลือดไหลออกมาจากปากของคุณชายซู เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอื้ออึงอยู่ในหัว ฝ่ามือของหลี่โม่ทำให้เขามึนงงไปหมด “นี่แค่บทเรียนเล็กน้
คนขับเร่งความเร็วในทันที และไม่นานรถยนต์ก็หยุดลงที่บ้านของกู้หยุนหลาน เด็กผู้ชายที่รออยู่ริมถนนวิ่งเข้าไปเปิดประตูรถยนต์ “คุณชายหลี่ อาหารมื้อดึกได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เชฟเจิ้งทำต้มน้ำพะโล้และเครื่องเคียง” หลี่โม่รับกล่องเก็บความร้อนที่เด็กผู้ชายมอบให้แล้วเดินเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้ม เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านแล้ว หวังฟางที่กำลังดูทีวีอยู่ก็ขมวดคิ้วทันที และมองหลี่โม่อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ดึกดื่นขนาดนี้แล้วแกไปมั่วสุมที่ไหนมา! คนไร้ค่าอย่างแกนี่อันที่ดีไม่รู้จักเรียนรู้ไว้ เรื่องออกไปข้างนอกนี่เร็วจังนะ บาร์หรือไปไนต์คลับล่ะ! คนต่ำต้อยอย่างแกไม่รู้จักสำนึกหน่อยเหรอ ไม่รู้เหรอว่าตัวเองมีสภาพยังไง!" สีหน้าหลี่โม่ดูหมองลงครู่หนึ่ง แล้วอธิบายว่า "แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น ผมไปช่วยเพื่อนมา ไม่ได้ไปมั่วสุมที่ไหน" “ไม่ใช่อะไรกันล่ะ ฉันได้ยินทุกอย่างเมื่อกี้ตอนที่หยุนหลานโทรหาแก คนต่ำต้อยอย่างแกยังจะกล้าปฏิเสธอีก! ฉันไม่ใช่คนที่แกจะหลอกได้ง่าย ๆ อย่ามาแสร้งเป็นว่าไม่ได้ทำ!” เมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของหวังฟาง กู้หยุนหลานก็ออกมาจากห้อง และพูดหว่านล้อมว่า "แม่คะ เกิดอ