ด้านนอกภัตตาคารซินคงไห่อัน กู้ซิ่งเหว่ยและเหอปินลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทั้งสองช่วยกันประคองคนที่เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวอย่างคุณชายซู เพราะความเจ็บปวดทำให้คุณชายซูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตัวของเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด กู้ซิ่งเหว่ยกับเหอปินออกแรงอย่างมาก กว่าที่จะประคองคุณชายซูเข้ามาในรถได้ คุณชายซูนอนเอนตัวอยู่บนเบาะหลัง เขาหายใจรวยริน สภาพดูไม่ค่อยดีนัก “คุณชายซูเป็นยังไงบ้างครับ ส่งคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีไหมครับ ดูเหมือนเมื่อครู่หลี่โม่เตะคุณค่อนข้างแรง” กู้ซิ่งเหว่ยถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยปฏิบัติกับคุณชายซูเหมือนพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ถ้าสามารถเกาะแข้งเกาะขาของคุณชายซูได้ กู้ซิ่งเหว่ยก็ยินยอมที่จะเรียกคุณชายซูว่าพ่อจริง ๆ “ไปโรงพยาบาลทำไม แค่นี้ฉันทนได้ หาที่ให้ฉันพักสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกคนมาฆ่าเจ้าหมอนั่นเอง!” กู้ซิ่งเหว่ยหันมองเหอปิน การที่คุณชายซูไม่ยอมไปโรงพยาบาลทำให้กู้ซิ่งเหว่ยเป็นกังวลเล็กน้อย เหอปินพยักหน้าเบา ๆ “ทำตามที่คุณชายซูพูดเถอะ หาที่ที่ไม่ค่อยมีคน สภาพของคุณชายซูในตอนนี้ ใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี” กู้ซิ่งเหว่ยรู้ทันทีว่าทำไมคุณชายซูถึงไม่ยอมไปโรงพยาบา
คุณชายซูตื่นเต้นมาก จินตนาการไปถึงฉากที่กู้หยุนหลานถูกเขานอนคร่อมอยู่ กู้ซิ่งเหว่ยได้ยินก็แอบรู้สึกหวาดกลัว คิดในใจว่ายังดีที่ประจบสอพลอคุณชายซู เพราะหากล่วงเกินคุณชายซูเข้าล่ะก็ เกรงว่าคงถูกทำลายครอบครัวจนย่อยยับและต้องเจ็บปวดไปชั่วชีวิต หลังจากคุณชายซูวางสาย เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย มีซูเหวินปินคอยหนุนหลัง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว “หึ กล้าเป็นศัตรูกับฉัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียวก็คือตายทั้งเป็น!” “คุณชายซูสุดยอดมากครับ ครั้งนี้เจ้าโง่หลี่โม่ต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ อย่าไปสนใจที่มันทำอวดเก่งเมื่อครู่ ขอแค่คุณชายซูลงมือ ก็สามารถจัดการกับมันได้ทันที” กู้ซิ่งเหว่ยพูดเยินยอ “ยัยตัวดีกู้หยุนหลาน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอสบายเหมือนกัน ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเธอร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปใช่ไหม?” คุณชายซูหันหน้าไปถาม “ใช่ครับ ยัยตัวดีนั่นใช้การหลับนอนแลกกับการเซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ป เธอไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว ยังมาทำเสแสร้งต่อหน้าคุณชายซูอีก ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ” คุณชายซูพยักหน้าเบา ๆ แล้วแสยะยิ้มออกมา “หลับนอนเพื่อแลกกับสัญญาอย่างนั้นเหรอ ฉันจะให้พวกเขายุติสัญญา ต่อไป ถ้ายัยตัวดีกู้หยุนหลานอยากได
กู้หยุนหลานค่อย ๆ ขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ จากนั้นมือถือของหลี่โม่ก็สั่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอมือถือ หลี่โม่จึงกดรับสายแล้วพูดว่า “เหล่าชู มีเรื่องอะไรหรือ?” “ถ้าไม่มีอะไร ผมคงไม่กล้าโทรมากวนคุณหรอกครับ ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว ถ้าคุณว่าง รีบมาที่คลับอิมพีเรียลคอร์ทหน่อยนะครับ” น้ำเสียงของชูจงเทียนเป็นกังวล พอจะดูออกว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น หลี่โม่หันมองกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานยิ้มแล้วพูดว่า “มีธุระก็รีบไปเถอะ กลับมาให้เร็วหน่อยก็พอแล้ว” “เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน แล้วค่อยแวะไปดูสักหน่อย” เมื่อหลี่โม่มาส่งกู้หยุนหลานที่บ้าน เขาบอกลากู้หยุนหลานที่หน้าประตู จากนั้นจึงขับรถไปที่คลับอิมพีเรียลคอร์ท ลูกน้องของชูจงเทียนรีบเดินนำหลี่โม่เข้ามาในห้องของชูจงเทียน ชูจงเทียนที่กำลังนวดขมับอยู่ รีบลุกขึ้นมา “มาแล้วเหรอคร้บ คุณดูบัตรเชิญนี่ก่อนครับ” ชูจงเทียนหยิบบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้หลี่โม่ หลี่มองรับบัตรเชิญมาดู บนบัตรเชิญที่สวยงามไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้มากนัก เขียนเพียงว่าการประลองของราชา พร้อมทั้งเวลาและสถานที่ “นี่มันหมายความว
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก คุณส่งคนไปหนึ่งคนก็พอ ส่วนอีกคนผมจะไปเอง” หลี่โม่พูดอย่างด้วยความโมโห ชูจงเทียนอึ้งไป เขาเอาแต่มองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร นายน้อยจะไปประลองอย่างนั้นหรือ? ถ้านายน้อยเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร? ชูจงเทียนคิดถึงฉากที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่โม่ตอนประลอง ก็เหงื่อแตกไปทั่วทั้งหน้าผาก “นายน้อย ร่างกายของคุณมีค่าขนาดนี้ จะปล่อยให้ไปประลองได้ยังไงกันครับ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดครับ” ชูจงเทียนส่ายหัวอย่างแรง “ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมตัดสินใจแล้ว” หลี่โม่พูดขึ้น ชูจงเทียนเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของหลี่โม่ จึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างนั้นคุณต้องระมัดระวังด้วย ผมจะอยู่รอ จะได้เข้าไปช่วยคุณได้ทุกเมื่อ” ในตอนนั้นเอง ชูจงเทียนปฏิญาณกับตนเองแล้วว่า ต่อให้ต้องเสียหน้า ก็จะต้องปกป้องหลี่โม่ให้ปลอดภัยให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ เขาคงไม่มีทางชดใช้ได้อย่างแน่นอน “อย่ากังวลไปเลย ก็แค่พวกนักเลงข้างถนน แค่สองหมัดก็เอาอยู่แล้ว ผมเห็นเวลาเขียนเอาไว้ว่าคืนนี้ใช่ไหม? เราควรต้องเตรียมตัวไปกันได้แล้วใช่ไหมล่ะ?” หลี่โม่ถามขึ้น “ใช่ครับ เริ่มเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สถานที่คื
หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครจะตาย” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายรูปร่างกำยำหัวเราะพรวดออกมา “แกนี่มันตลกจริง ๆ แกคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว ไม่ต้องพูดถึงพวกคนที่ขึ้นไปประลองบนเวที แค่ฉัน แกยังสู้ไม่ได้เลย ฉันขอเตือนแกว่า อย่าเข้าไปรนหาที่ตายเลยดีกว่า แม้กระทั่งภาษาคนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” ชูจงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลี่โม่จะสติแตกแล้วทำร้ายอีกฝ่าย จึงพูดเบา ๆ ว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะครับ” หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชูจงเทียนกับหยวนเหมิ่งเข้าไปในสนามประลอง “ถุย!” ชายรูปร่างกำยำถ่มน้ำลายลงพื้น เขาเอามือเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง หึหึ” หลี่โม่เดินเข้ามาในสนามประลอง ไฟในสนามส่องมายังพวกเขาทั้งสามคนจนต้องหรี่ตา และยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามา “อะไรกันเนี่ย ชูจงเทียน คุณกล้ามาที่นี่จริง ๆ หรือ ฉันนึกว่าคุณจะกลัวจนฉี่ราด ไม่กล้ามาซะอีก” ซูเหวินปินคาบบุหรี่เอาไว้ และนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองชูจงเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก คนหัวล้านที่อยู่ด้
“นายน้อย คุณ… อย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ” ชูจงเทียนพูดเสียงเบา “ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ?” หลี่โม่หันไปถาม ชูจงเทียนเงียบไม่พูดอะไร เขารู้สึกตกใจจริง ๆ “คนแซ่ชูกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน คอยดูให้ดี ๆ เถอะ ผมใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เจ้านั่นไปสู่สุคติได้แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า” หวังต้าลี่มองชูจงเทียนกับหลี่โม่ด้วยท่าทียั่วยุ เขาไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตาของหยวนเหมิ่งแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดใส่หวังต้าลี่ด้วยความโมโห หวังต้าลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาขยายตัวขึ้น จนดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ให้แกชกสองหมัดก็แล้วกัน ถ้าให้แกตายเร็วก็หมดสนุกสิ” หวังต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม และทำท่าทางเหมือนให้หยวนเหมิ่งต่อยเขาได้ตามสบาย หยวนเหมิ่งตาเป็นประกาย สองมือของหยวนเหมิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาต่อยเข้าไปที่หน้าอกและลำคอของหวังต้าลี่ ตุ้บ ตุ้บ เสียงหมัดดังขึ้นติดต่อกัน หวังต้าลี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่หยวนเหมิ่งปล่อยหมัดออกไป ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหวังต้าลี่ที่กำลังยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่นอน! ถอย! ความคิด
สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป