ด้านนอกภัตตาคารซินคงไห่อัน กู้ซิ่งเหว่ยและเหอปินลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทั้งสองช่วยกันประคองคนที่เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวอย่างคุณชายซู เพราะความเจ็บปวดทำให้คุณชายซูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตัวของเขาอ่อนปวกเปียกไปหมด กู้ซิ่งเหว่ยกับเหอปินออกแรงอย่างมาก กว่าที่จะประคองคุณชายซูเข้ามาในรถได้ คุณชายซูนอนเอนตัวอยู่บนเบาะหลัง เขาหายใจรวยริน สภาพดูไม่ค่อยดีนัก “คุณชายซูเป็นยังไงบ้างครับ ส่งคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีไหมครับ ดูเหมือนเมื่อครู่หลี่โม่เตะคุณค่อนข้างแรง” กู้ซิ่งเหว่ยถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยปฏิบัติกับคุณชายซูเหมือนพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ถ้าสามารถเกาะแข้งเกาะขาของคุณชายซูได้ กู้ซิ่งเหว่ยก็ยินยอมที่จะเรียกคุณชายซูว่าพ่อจริง ๆ “ไปโรงพยาบาลทำไม แค่นี้ฉันทนได้ หาที่ให้ฉันพักสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกคนมาฆ่าเจ้าหมอนั่นเอง!” กู้ซิ่งเหว่ยหันมองเหอปิน การที่คุณชายซูไม่ยอมไปโรงพยาบาลทำให้กู้ซิ่งเหว่ยเป็นกังวลเล็กน้อย เหอปินพยักหน้าเบา ๆ “ทำตามที่คุณชายซูพูดเถอะ หาที่ที่ไม่ค่อยมีคน สภาพของคุณชายซูในตอนนี้ ใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี” กู้ซิ่งเหว่ยรู้ทันทีว่าทำไมคุณชายซูถึงไม่ยอมไปโรงพยาบา
คุณชายซูตื่นเต้นมาก จินตนาการไปถึงฉากที่กู้หยุนหลานถูกเขานอนคร่อมอยู่ กู้ซิ่งเหว่ยได้ยินก็แอบรู้สึกหวาดกลัว คิดในใจว่ายังดีที่ประจบสอพลอคุณชายซู เพราะหากล่วงเกินคุณชายซูเข้าล่ะก็ เกรงว่าคงถูกทำลายครอบครัวจนย่อยยับและต้องเจ็บปวดไปชั่วชีวิต หลังจากคุณชายซูวางสาย เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย มีซูเหวินปินคอยหนุนหลัง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว “หึ กล้าเป็นศัตรูกับฉัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียวก็คือตายทั้งเป็น!” “คุณชายซูสุดยอดมากครับ ครั้งนี้เจ้าโง่หลี่โม่ต้องคิดไม่ถึงแน่ ๆ อย่าไปสนใจที่มันทำอวดเก่งเมื่อครู่ ขอแค่คุณชายซูลงมือ ก็สามารถจัดการกับมันได้ทันที” กู้ซิ่งเหว่ยพูดเยินยอ “ยัยตัวดีกู้หยุนหลาน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอสบายเหมือนกัน ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเธอร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปใช่ไหม?” คุณชายซูหันหน้าไปถาม “ใช่ครับ ยัยตัวดีนั่นใช้การหลับนอนแลกกับการเซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ป เธอไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว ยังมาทำเสแสร้งต่อหน้าคุณชายซูอีก ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ” คุณชายซูพยักหน้าเบา ๆ แล้วแสยะยิ้มออกมา “หลับนอนเพื่อแลกกับสัญญาอย่างนั้นเหรอ ฉันจะให้พวกเขายุติสัญญา ต่อไป ถ้ายัยตัวดีกู้หยุนหลานอยากได
กู้หยุนหลานค่อย ๆ ขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ จากนั้นมือถือของหลี่โม่ก็สั่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอมือถือ หลี่โม่จึงกดรับสายแล้วพูดว่า “เหล่าชู มีเรื่องอะไรหรือ?” “ถ้าไม่มีอะไร ผมคงไม่กล้าโทรมากวนคุณหรอกครับ ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว ถ้าคุณว่าง รีบมาที่คลับอิมพีเรียลคอร์ทหน่อยนะครับ” น้ำเสียงของชูจงเทียนเป็นกังวล พอจะดูออกว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น หลี่โม่หันมองกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานยิ้มแล้วพูดว่า “มีธุระก็รีบไปเถอะ กลับมาให้เร็วหน่อยก็พอแล้ว” “เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน แล้วค่อยแวะไปดูสักหน่อย” เมื่อหลี่โม่มาส่งกู้หยุนหลานที่บ้าน เขาบอกลากู้หยุนหลานที่หน้าประตู จากนั้นจึงขับรถไปที่คลับอิมพีเรียลคอร์ท ลูกน้องของชูจงเทียนรีบเดินนำหลี่โม่เข้ามาในห้องของชูจงเทียน ชูจงเทียนที่กำลังนวดขมับอยู่ รีบลุกขึ้นมา “มาแล้วเหรอคร้บ คุณดูบัตรเชิญนี่ก่อนครับ” ชูจงเทียนหยิบบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้หลี่โม่ หลี่มองรับบัตรเชิญมาดู บนบัตรเชิญที่สวยงามไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้มากนัก เขียนเพียงว่าการประลองของราชา พร้อมทั้งเวลาและสถานที่ “นี่มันหมายความว
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก คุณส่งคนไปหนึ่งคนก็พอ ส่วนอีกคนผมจะไปเอง” หลี่โม่พูดอย่างด้วยความโมโห ชูจงเทียนอึ้งไป เขาเอาแต่มองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร นายน้อยจะไปประลองอย่างนั้นหรือ? ถ้านายน้อยเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร? ชูจงเทียนคิดถึงฉากที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่โม่ตอนประลอง ก็เหงื่อแตกไปทั่วทั้งหน้าผาก “นายน้อย ร่างกายของคุณมีค่าขนาดนี้ จะปล่อยให้ไปประลองได้ยังไงกันครับ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดครับ” ชูจงเทียนส่ายหัวอย่างแรง “ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมตัดสินใจแล้ว” หลี่โม่พูดขึ้น ชูจงเทียนเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของหลี่โม่ จึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างนั้นคุณต้องระมัดระวังด้วย ผมจะอยู่รอ จะได้เข้าไปช่วยคุณได้ทุกเมื่อ” ในตอนนั้นเอง ชูจงเทียนปฏิญาณกับตนเองแล้วว่า ต่อให้ต้องเสียหน้า ก็จะต้องปกป้องหลี่โม่ให้ปลอดภัยให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ เขาคงไม่มีทางชดใช้ได้อย่างแน่นอน “อย่ากังวลไปเลย ก็แค่พวกนักเลงข้างถนน แค่สองหมัดก็เอาอยู่แล้ว ผมเห็นเวลาเขียนเอาไว้ว่าคืนนี้ใช่ไหม? เราควรต้องเตรียมตัวไปกันได้แล้วใช่ไหมล่ะ?” หลี่โม่ถามขึ้น “ใช่ครับ เริ่มเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สถานที่คื
หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครจะตาย” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายรูปร่างกำยำหัวเราะพรวดออกมา “แกนี่มันตลกจริง ๆ แกคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว ไม่ต้องพูดถึงพวกคนที่ขึ้นไปประลองบนเวที แค่ฉัน แกยังสู้ไม่ได้เลย ฉันขอเตือนแกว่า อย่าเข้าไปรนหาที่ตายเลยดีกว่า แม้กระทั่งภาษาคนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” ชูจงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลี่โม่จะสติแตกแล้วทำร้ายอีกฝ่าย จึงพูดเบา ๆ ว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะครับ” หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชูจงเทียนกับหยวนเหมิ่งเข้าไปในสนามประลอง “ถุย!” ชายรูปร่างกำยำถ่มน้ำลายลงพื้น เขาเอามือเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง หึหึ” หลี่โม่เดินเข้ามาในสนามประลอง ไฟในสนามส่องมายังพวกเขาทั้งสามคนจนต้องหรี่ตา และยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามา “อะไรกันเนี่ย ชูจงเทียน คุณกล้ามาที่นี่จริง ๆ หรือ ฉันนึกว่าคุณจะกลัวจนฉี่ราด ไม่กล้ามาซะอีก” ซูเหวินปินคาบบุหรี่เอาไว้ และนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองชูจงเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก คนหัวล้านที่อยู่ด้
“นายน้อย คุณ… อย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ” ชูจงเทียนพูดเสียงเบา “ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ?” หลี่โม่หันไปถาม ชูจงเทียนเงียบไม่พูดอะไร เขารู้สึกตกใจจริง ๆ “คนแซ่ชูกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน คอยดูให้ดี ๆ เถอะ ผมใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เจ้านั่นไปสู่สุคติได้แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า” หวังต้าลี่มองชูจงเทียนกับหลี่โม่ด้วยท่าทียั่วยุ เขาไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตาของหยวนเหมิ่งแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดใส่หวังต้าลี่ด้วยความโมโห หวังต้าลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาขยายตัวขึ้น จนดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ให้แกชกสองหมัดก็แล้วกัน ถ้าให้แกตายเร็วก็หมดสนุกสิ” หวังต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม และทำท่าทางเหมือนให้หยวนเหมิ่งต่อยเขาได้ตามสบาย หยวนเหมิ่งตาเป็นประกาย สองมือของหยวนเหมิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาต่อยเข้าไปที่หน้าอกและลำคอของหวังต้าลี่ ตุ้บ ตุ้บ เสียงหมัดดังขึ้นติดต่อกัน หวังต้าลี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่หยวนเหมิ่งปล่อยหมัดออกไป ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหวังต้าลี่ที่กำลังยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่นอน! ถอย! ความคิด
สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา