กู้หยุนหลานค่อย ๆ ขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถ จากนั้นมือถือของหลี่โม่ก็สั่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอมือถือ หลี่โม่จึงกดรับสายแล้วพูดว่า “เหล่าชู มีเรื่องอะไรหรือ?” “ถ้าไม่มีอะไร ผมคงไม่กล้าโทรมากวนคุณหรอกครับ ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากทีเดียว ถ้าคุณว่าง รีบมาที่คลับอิมพีเรียลคอร์ทหน่อยนะครับ” น้ำเสียงของชูจงเทียนเป็นกังวล พอจะดูออกว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น หลี่โม่หันมองกู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานยิ้มแล้วพูดว่า “มีธุระก็รีบไปเถอะ กลับมาให้เร็วหน่อยก็พอแล้ว” “เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน แล้วค่อยแวะไปดูสักหน่อย” เมื่อหลี่โม่มาส่งกู้หยุนหลานที่บ้าน เขาบอกลากู้หยุนหลานที่หน้าประตู จากนั้นจึงขับรถไปที่คลับอิมพีเรียลคอร์ท ลูกน้องของชูจงเทียนรีบเดินนำหลี่โม่เข้ามาในห้องของชูจงเทียน ชูจงเทียนที่กำลังนวดขมับอยู่ รีบลุกขึ้นมา “มาแล้วเหรอคร้บ คุณดูบัตรเชิญนี่ก่อนครับ” ชูจงเทียนหยิบบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้หลี่โม่ หลี่มองรับบัตรเชิญมาดู บนบัตรเชิญที่สวยงามไม่ได้เขียนรายละเอียดไว้มากนัก เขียนเพียงว่าการประลองของราชา พร้อมทั้งเวลาและสถานที่ “นี่มันหมายความว
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยากหรอก คุณส่งคนไปหนึ่งคนก็พอ ส่วนอีกคนผมจะไปเอง” หลี่โม่พูดอย่างด้วยความโมโห ชูจงเทียนอึ้งไป เขาเอาแต่มองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร นายน้อยจะไปประลองอย่างนั้นหรือ? ถ้านายน้อยเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร? ชูจงเทียนคิดถึงฉากที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่โม่ตอนประลอง ก็เหงื่อแตกไปทั่วทั้งหน้าผาก “นายน้อย ร่างกายของคุณมีค่าขนาดนี้ จะปล่อยให้ไปประลองได้ยังไงกันครับ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดครับ” ชูจงเทียนส่ายหัวอย่างแรง “ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก ผมตัดสินใจแล้ว” หลี่โม่พูดขึ้น ชูจงเทียนเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของหลี่โม่ จึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “อย่างนั้นคุณต้องระมัดระวังด้วย ผมจะอยู่รอ จะได้เข้าไปช่วยคุณได้ทุกเมื่อ” ในตอนนั้นเอง ชูจงเทียนปฏิญาณกับตนเองแล้วว่า ต่อให้ต้องเสียหน้า ก็จะต้องปกป้องหลี่โม่ให้ปลอดภัยให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ เขาคงไม่มีทางชดใช้ได้อย่างแน่นอน “อย่ากังวลไปเลย ก็แค่พวกนักเลงข้างถนน แค่สองหมัดก็เอาอยู่แล้ว ผมเห็นเวลาเขียนเอาไว้ว่าคืนนี้ใช่ไหม? เราควรต้องเตรียมตัวไปกันได้แล้วใช่ไหมล่ะ?” หลี่โม่ถามขึ้น “ใช่ครับ เริ่มเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สถานที่คื
หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เดี๋ยวแกก็รู้ว่าใครจะตาย” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายรูปร่างกำยำหัวเราะพรวดออกมา “แกนี่มันตลกจริง ๆ แกคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนกันเชียว ไม่ต้องพูดถึงพวกคนที่ขึ้นไปประลองบนเวที แค่ฉัน แกยังสู้ไม่ได้เลย ฉันขอเตือนแกว่า อย่าเข้าไปรนหาที่ตายเลยดีกว่า แม้กระทั่งภาษาคนยังฟังไม่รู้เรื่องเลย” ชูจงเทียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที เขากลัวว่าหลี่โม่จะสติแตกแล้วทำร้ายอีกฝ่าย จึงพูดเบา ๆ ว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะครับ” หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามชูจงเทียนกับหยวนเหมิ่งเข้าไปในสนามประลอง “ถุย!” ชายรูปร่างกำยำถ่มน้ำลายลงพื้น เขาเอามือเท้าเอวแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง จากนั้นจึงพึมพำออกมาว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง หึหึ” หลี่โม่เดินเข้ามาในสนามประลอง ไฟในสนามส่องมายังพวกเขาทั้งสามคนจนต้องหรี่ตา และยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องเข้ามา “อะไรกันเนี่ย ชูจงเทียน คุณกล้ามาที่นี่จริง ๆ หรือ ฉันนึกว่าคุณจะกลัวจนฉี่ราด ไม่กล้ามาซะอีก” ซูเหวินปินคาบบุหรี่เอาไว้ และนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองชูจงเทียนอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จัก คนหัวล้านที่อยู่ด้
“นายน้อย คุณ… อย่าขึ้นไปจะดีกว่าครับ” ชูจงเทียนพูดเสียงเบา “ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ?” หลี่โม่หันไปถาม ชูจงเทียนเงียบไม่พูดอะไร เขารู้สึกตกใจจริง ๆ “คนแซ่ชูกับเจ้าหนุ่มนั่นอีกคน คอยดูให้ดี ๆ เถอะ ผมใช้แค่หมัดเดียวก็ทำให้เจ้านั่นไปสู่สุคติได้แล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า” หวังต้าลี่มองชูจงเทียนกับหลี่โม่ด้วยท่าทียั่วยุ เขาไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ตาของหยวนเหมิ่งแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดใส่หวังต้าลี่ด้วยความโมโห หวังต้าลี่ยิ้มอย่างร้ายกาจ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาขยายตัวขึ้น จนดูเหมือนตัวใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น “ให้แกชกสองหมัดก็แล้วกัน ถ้าให้แกตายเร็วก็หมดสนุกสิ” หวังต้าลี่ยืนอยู่ที่เดิม และทำท่าทางเหมือนให้หยวนเหมิ่งต่อยเขาได้ตามสบาย หยวนเหมิ่งตาเป็นประกาย สองมือของหยวนเหมิ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาต่อยเข้าไปที่หน้าอกและลำคอของหวังต้าลี่ ตุ้บ ตุ้บ เสียงหมัดดังขึ้นติดต่อกัน หวังต้าลี่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หลังจากที่หยวนเหมิ่งปล่อยหมัดออกไป ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหวังต้าลี่ที่กำลังยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์ จู่ ๆ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่นอน! ถอย! ความคิด
สู้จนอีกฝ่ายเลือดตกยางออกคือสิ่งที่หวังต้าลี่ถนัด ตอนนี้เห็นท่าทางที่แสนจะธรรมดาของหลี่โม่ การเดินปกติทั่วไป ก็คงเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่ขึ้นมาต่อสู้บนเวทีการประลอง หวังต้าลี่แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้บรรยากาศอึมครึมชะงักลง หวังต้าลี่มองหลี่โม่ที่ล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก มาประลองยังพกมือถือมาอีก แค่พกมือถือยังไม่เท่าไร แต่ยังกล้าหยิบมือถือขึ้นมารับสาย นี่มันดูถูกหวังต้าลี่ชัด ๆ! ตอนนี้หวังต้าลี่รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมาทางตา ซูเหวินปิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่ไม่รู้จักกลัวตายจริง ๆ ขึ้นมาบนเวทีประลองยังกล้าหยิบมือถือออกมา ไม่รู้หรือว่าเมื่อขึ้นมาบนเวทีนั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” “ฮ่าฮ่า เหวินปิง นายให้ค่าคนบ้านนอกพวกนั้นเกินไปหน่อยแล้ว พวกบ้านนอกนั่นก็แค่ขึ้นไปรนหาที่ตาย จะรับหรือไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ต่างกันหรอก” คุณหม่าพูดอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าเห็นเลือดบนหัวของหลี่โม่ไหลออกมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น “น่าเบื่อจริง ๆ ว่าแต่หมอนั่นหน้าตาคุ้น ๆ น
“ผมกำลังเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนน่ะ เขาแพ้ให้ผมตลอด เลยรู้สึกหงุดหงิด เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะ ผมขอสั่งสอนความเป็นคนให้เขาก่อน” “ได้ค่ะ ขับรถระวังด้วยล่ะ” ขณะที่วางสาย หมัดของหวังต้าลี่อยู่ห่างจากใบหน้าของหลี่โม่ไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เหลือแม้เพียงเวลาที่จะกะพริบตา หากหมัดของหวังต้าลี่ต่อยเข้ามาที่หัวของหลี่โม่ หัวของหลี่โม่ต้องแยกออกแน่นอน! หวังต้าลี่หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าได้เห็นภาพหัวที่แยกออกมาซึ่งเป็นภาพโปรดของเขา แต่วินาทีต่อมา จู่ ๆ หลี่โม่ก็ยกมือขวาขึ้นมากันหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ “จะขวางหมัดของฉันอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!” ผลัวะ! เสียงกระแทกดังขึ้น สีหน้าของหวังต้าลี่ดูค่อยสู้ดีนัก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนสุนัขแก่พันธุ์ปั๊กอย่างไรอย่างนั้น หลี่โม่รับหมัดของหวังต้าลี่ได้ ฝ่ามือของหลี่โม่กำหมัดของหวังต้าลี่เอาไว้ เขาค่อย ๆ ใช้แรงที่นิ้วมือทั้งห้า ทำให้กระดูกเหล็กของหวังต้าลี่ส่งเสียงกร๊อบแกร๊บออกมา กระดูกที่แข็งยิ่งกว่าหินของหวังต้าลี่โดนหลี่โม่บีบจนแตก “กะ… แก!” หวังต้าลี่เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว เพราะความเจ็บป
สีหน้าของซูเหวินปินเคร่งขรึมขึ้นมา ฝีมือการต่อสู้ของหลี่โม่อยู่เหนือความคาดหมายของซูเหวินปิน เดิมทีเขาคิดว่า หลี่โม่เป็นแค่ผู้เข้าแข่งขันธรรมดาทั่วไป ใครจะคาดคิดว่า หลี่โม่จะแสดงฝีมือในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเหวินปินแสยะยิ้มร้ายกาจ “หัวหน้า พละกำลังและความว่องไวของหมอนั่นไม่เลวเลยทีเดียว แต่มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม” “อย่าเพิ่งใจร้อน คอยดูไปก่อน ให้คนของคุณหวงขึ้นไปหยั่งเชิงดูเสียก่อน” ซูเหวินปินขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา ตอนนี้ซูเหวินปินรู้สึกเสียใจที่ประมาทและเปลี่ยนกฎการแข่ง แต่ถึงจะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จากการคาดเดาของซูเหวินปิน ขอแค่คนของคุณหวงยื้อการต่อสู้กับหลี่โม่เอาไว้ได้ และตัดกำลังของหลี่โม่ ลูกน้องของเขาจะต้องจัดการกับหลี่โม่ได้แน่นอน คุณหวงเหลือบตามองคุณหม่าที่กำลังโกรธ “คุณหม่า อย่าอารมณ์เสียไปเลย ถือว่าต้าลี่ตายอย่างคุ้มค่า คุณจัดการทำศพเขาให้ดีก็พอ ให้คนของผมแก้แค้นแทนต้าลี่ให้เอง” “ฉัตรชัย เป็นคนที่ฉันรับเข้ามาใหม่ เขาเคยเรียนมวยไทย และเคยชนะติดต่อกันสามสิบครั้งที่สนามประลองใต้ดินในต่างประเทศ ให้จัดการเจ้าหมอนี่คงไ
วิชามวยไทยนั้นดุดันที่สุด แค่แสดงความสามารถออกมา ก็เหมือนกับงูพิษที่ออกมาจากโพรง ใช้การจู่โจมแบบบีบบังคับให้คู่ต่อสู้จนมุม ฉัตรชัยต่อยหมัดขวาออกไปที่แก้มของหลี่โม่ ส่วนมือซ้ายของเขาจู่โจมไปที่ลำคอของหลี่โม่ หมัดทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามปฏิกิริยาของหลี่โม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเมื่อฉัตรชัยใช้เคล็ดวิชามวยไทย เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของคู่ต่อสู้มักจะตายในหมัดเดียว หลี่โม่มองการจู่โจมของฉัตรชัยอย่างไม่สบอารมณ์ เขาประชดด้วยการยกนิ้วกลางขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เมื่อกี้แกยกนิ้วกลางให้ฉัน ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกับแก” เมื่อเห็นหลี่โม่ยกนิ้วกลางให้เขา ฉัตรชัยถึงกับตากระตุก ความกลัวเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างน่าประหลาด ครั้งก่อนตอนที่ฉัตรชัยเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ ก็เพราะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์มวยเถื่อน ครั้งนั้นฉัตรชัยต้องใช้พละกำลังทั้งหมดถึงจะเอาชีวิตรอดออกมาได้ อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ จู่ ๆ ฉัตรชัยก็รู้สึกตกใจและประหลาดใจ สองหมัดที่ใช้ต่อสู้ไม่สามารถจู่โจมได้อีกต่อไป ฉัตรชัยเก็บหมัดของตัวเองกลับ เตรียมที่จะใช้สองแขนป้องกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ในสมองของฉัตรชัยคิดไว้อย่างดี แต่ทว่