วันต่อมาเผิงฟู่หลินที่กำลังร้อนใจ เมื่อคืนนางแทบนอนไม่หลับทั้งคืน ในใจได้แต่คับแค้นใจกับราชโองการที่ประกาศออกมา
“เจ้าจู...เจ้าจู...” เผิงฟู่หลินร้องเรียกสาวใช้คนสนิทเข้ามาภายในห้องนอนอย่างเร่งรีบ
“เจ้าค่ะ คุณหนูเหตุใดจึงตื่นเช้ายิ่งนัก” เจ้าจูวิ่งหน้าตื่น เข้ามาภายในห้องนอนอย่างร้อนรน
“พาข้าไปอาบน้ำ ข้าจะไปพบท่านพี่ซูเว่ย” เผิงฟู่หลินออกคำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ทำเอาเจ้าจูขึ้นกับขนลุก
“คุณหนู อย่าทำอะไรผลีผลามเลยนะเจ้าคะ หากนายท่านรู้เข้า คุณหนูจะโดนเอ็ดเอานะเจ้าคะ” เจ้าจูรีบปรามนายหญิงของตนด้วยความเป็นห่วง
“ท่านพ่อไม่รักข้าแล้ว เหตุใดข้าต้องกลัวด้วยเล่า หากข้าไม่ทำสิ่งใด เจ้าจะให้ข้านั่งมองเสี่ยวว่านแย่งคนรักของข้าไปงั้นหรือ” เผิงฟู่หลินกัดฟันแน่น น้ำเสียงที่แค่นออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
“แต่ว่า...” เจ้าจูพยายามทัดทานอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ สายตาคมกริบของนายหญิงก็จ้องมองนางอย่างขุ่นเคือง ทำเอาเจ้าจูถึงกับก้มหน้านิ่ง และรีบทำตามคำสั่งโดยไม่กล้าเปล่งเสียงใด ๆ ออกมา
เผิงฟู่หลินให้เจ้าจูแต่งตัวให้นางด้วยชุดที่สวยและราคาแพงที่สุด นางมองกระจกตรงหน้าอย่างพึงพอใจยิ่งนัก คนในเมืองหลวงต่างยกย่องให้ความงามของนางเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองจากผู้ใด ความงามที่แทบจะสยบบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายให้หมอบแทบเท้าของนางแทบทั้งสิ้น แต่เพราะหัวใจของนางได้ยกให้หนี่ซูเว่ยเสียจนหมดสิ้น ทำให้ในสายตาของเผิงฟู่หลินไม่เคยแม้แต่จะชายตามองผู้ใดมาก่อนเสียด้วยซ้ำ
เผิงฟู่หลินให้เจ้าจูจัดเตรียมรถม้า พร้อมเร่งเดินทางไปจวนรัชทายาทเพื่อขอเข้าพบหนี่ซูเว่ยในช่วงสายของวัน
รถม้าเคลื่อนไปตามถนนของเมืองหลวง ที่เริ่มมีผู้คนสัญจรไปมา เผิงฟู่หลินกล่าวกำชับให้คนขับเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น ตอนนี้ในใจนางร้อนรุ่มจนแทบอยากไปหายตัวไปอยู่ตรงหน้าชายคนรักเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว
รถม้าจอดเทียบหน้าจวนรัชทายาท เจ้าจูรีบประคองเผิงฟู่หลินลงจากรถม้าด้วยความเอาใจใส่ เผิงฟูหลินเดินตรงไปยังหน้าจวนพร้อมแจ้งให้ทหารไปเรียนหนี่ซูเว่ยให้ทราบทันที
ในห้องโถงจวนรัชทายาท หนี่ซูเว่ยที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องอักษร เขากำลังภูมิใจที่สามารถโน้มน้าวให้บิดาของตนมอบสมรสให้กับหญิงสาวที่ตนพึงใจ เผิงเสี่ยวว่าน หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานละมุน แต่กลับแฝงไปด้วยความเศร้าหมองที่ยากจะมองข้าม ใบหน้านั้นยังคงติดตรึงในใจของเขาอย่างไม่เคยลบเลือน
พลันความคิดของหนี่ซูเว่ยก็ต้องดับลง เมื่อพ่อบ้านได้เข้ามาภายในห้องอักษร
“เรียนไท่จื่อ คุณหนูรองเผิงมารอพบที่หน้าจวนเพื่อขอเข้าพบขอรับ”
เมื่อหนี่ซูเว่ยได้รับรายงานจากพ่อบ้านก็ได้แต่ทำหน้าอึดอัดรำคาญใจ
“บอกนางไปว่าข้าไม่อยู่” เขากล่าวอย่างตัดรำคาญกับพ่อบ้านในทันที
พ่อบ้านได้แต่ทำท่าทางอึกอักลำบากใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดเตือนสตินายท่านของตน “ข้าเกรงว่าหากไท่จื่อไม่ยอมให้พบ คุณหนูรองเผิงคงไม่มีวันเลิกราเป็นแน่”
หนี่ซูเว่ยปรายตามองหน้าพ่อบ้านด้วยความขุ่นเคือง หากแต่เมื่อเขาคิดทบทวนตามคำพูดดังกล่าวก็ล้วนแล้วแต่เห็นด้วย เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา “ไปเชิญนางเข้ามา” เมื่อได้ยินคำสั่งของนายท่าน พ่อบ้านก็เร่งรีบเดินไปเชิญเผิงฟู่หลินเข้ามาในจวนเป็นการด่วน
หนี่ซูเว่ยลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปที่ลานสวนด้านหน้าจวน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าเผิงฟู่หลินต้องการเข้าพบเขาเพราะเหตุใด และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับนางเสียเหลือเกิน
เผิงฟู่หลิน เด็กสาวที่มารดาของเขาหมายมั่นปั้นมือให้เป็นว่าที่พระชายาของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ เขาเองก็ยอมรับว่านางเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเช่นกัน แต่หากเพราะตั้งแต่เด็ก เผิงฟู่หลินก็คอยเอาแต่ติดตามเขาต้อย ๆ จนเขานึกเอือมระอา ทั้งนางยังมีนิสัยอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจ หากมีหญิงใดเข้าใกล้เขามากเกินไป นางก็จะใช้อำนาจของบิดาจัดการพวกหญิงสาวเหล่านั้นออกไปให้พ้นทาง นั่นยิ่งทำให้หนี่ซูเว่ยรู้สึกรังเกียจและเอือมระอาเผิงฟู่หลินยิ่งนัก เขารู้สึกเช่นนางเป็นปลิงที่คอยติดแข้งติดขาเขาไม่หยุด
จนเมื่อเขาได้พบกับเผิงเสี่ยวว่านทำให้เขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนตัวว่าที่พระชายาของตนให้สำเร็จ และในตอนนี้เขาก็ได้สมปรารถนาแล้ว เหลือเพียงเผิงฟู่หลินเท่านั้น ที่เขาจำต้องสลัดให้หลุดจากตัวเสียที
เผิงฟู่หลินเดินเข้ามาภายในจวน ทันทีที่นางเห็นหนี่ซูเว่ย นางก็รีบปรี่เข้ามาฉุดกระชากแขนเขาอย่างแรง
“ท่านพี่ซูเว่ย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...เหตุใด...ผู้ที่แต่งงานกับท่านจึงไม่ใช่ข้า” เผิงฟู่หลินโวยวายอย่างลืมตัว นางน้ำตาเอ่อคลอมองเขาด้วยความน้อยใจ
หนี่ซูเว่ยได้แต่ถอนหายใจอย่างนึกรำคาญ พลางสะบัดมือจากการเกาะกุมของเผิงฟู่หลินออกจากตัว
“หลินเอ๋อร์ ข้ารักว่านเอ๋อร์ และคนเดียวที่ข้าจะแต่งงานด้วย ก็คือพี่สาวของเจ้า” หนี่ซูเว่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขามองหน้านางด้วยความหนักใจอย่างไม่อาจปิดบัง
เผิงฟู่หลินถึงกับชะงักไป นางพลันหน้าถอดสี มองหนี่ซูเว่ยด้วยแววตาตัดพ้อ “เป็นไปไม่ได้ ข้ากับท่าน เรารักกันมาตลอดมิใช่หรือ ข้ามอบใจให้เพียงท่าน และจงรักภักดีต่อท่านมาตลอด” นางถึงกับโอดครวญออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“หลินเอ๋อร์...ข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงน้องสาวของข้ามาโดยตลอด และข้าก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมรับมัน” หนี่ซูเว่ยกล่าวออกมาอย่างไร้เยื่อใย
เผิงฟู่หลินมองดูหนี่ซูเว่ยด้วยสายตาที่ผิดหวังและปวดร้าว “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
“เจ้ากลับไปเสียเถิด ข้าหวังว่าเจ้าจะร่วมอวยพรให้พวกเราทั้งสองคน” หนี่ซูเว่ยพูดออกมาก่อนจะสะบัดแขนนางออกจากตัว “พ่อบ้าน ส่งแขก” เขาหันมาสั่งพ่อบ้านในทันที ก่อนจะเดินหนีไปอย่างตัดรำคาญ
เผิงฟู่หลินได้แต่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง นางมองเขาเดินไปจนลับสายตา น้ำตาไหลรินออกมาเต็มสองแก้ม “ท่านใจร้ายกับข้าเหลือเกิน” นางกล่าวตัดพ้อออกมา ก่อนจะเดินออกจากจวนด้วยความสิ้นหวัง
เผิงฟู่หลินจำใจต้องกลับจวนของตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่หนี่ซูเว่ยเอ่ยออกมายิ่งนัก“ไม่จริง ท่านกับข้ารักกันไม่ใช่หรอกหรือ ต้องเป็นเพราะเสี่ยวว่านแน่ ๆ เป็นนางที่ยั่วยวนท่าน ทำให้ท่านเปลี่ยนใจจากข้า” เผิงฟู่หลินพ้อออกมา สองมือกำชายเสื้อแน่นจนผ้าเกือบจะฉีกขาดออกมาเจ้าจูรีบเข้ามาประคองเผิงฟู่หลินเอาไว้พร้อมเอ่ยเรียกสติของนาง “คุณหนู กลับจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”เผิงฟู่หลินหันมองหน้าสาวใช้ตาขวาง ความคับข้องใจท่วมท้นจนนางแทบอยากจะกรีดร้องออกมายิ่งนัก “กลับ” นางเอ่ยคำสั้น ๆ ก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปจากจวนรัชทายาททันทีรถม้าขับเคลื่อนไปตามทางอย่างเอื่อยเฉื่อย เผิงฟู่หลินที่นั่งด้านใน เอาแต่เหม่อลอย ความคิดวนเวียนในหัวไม่หยุด เหตุใดกันเล่า เหตุใดเรื่องราวจึงแปรเปลี่ยนเช่นนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายคำกล่าวโทษทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เผิงเสี่ยวว่าน “นังพี่สารเลว แกกล้าแย่งคนรักของข้า” เผิงฟูหลินสบถออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะเผิงฟู่หลินกลับถึงจวนด้วยความโมโห นางตรงไปยังห้องเผิงเสี่ยวว่านในทันที จงหลีพยายามทัดทานเอาไว้ แต่กลับถูกนางผลักออกไปจนกระเด็น ซ้ำเจ้าจูยังเข้ามายืนข
เมื่อเผิงฟู่หลินก้าวออกจากจวนไป ราชครูเผิงถึงกับถอนหายใจอย่างหนัก เขาหันมามองบุตรสาวคนโต ที่ตอนนี้จงหลีรีบปรี่เข้าไปประคองให้ลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง ด้วยสายตายากจะคาดเดา“เจ้าดูแลว่านเอ๋อร์ให้ดี พ่อบ้านจัดเตรียมยามาให้นางให้เรียบร้อย ว่านเอ๋อร์เจ้าก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน” ราชครูเผิงหันไปสั่งจงหลีและพ่อบ้าน ก่อนจะบอกบุตรสาวจากนั้นราชครูเผิงก็สะบัดชายเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที ฮูหยินเซียงหันมองหน้าเผิงเสี่ยวว่านด้วยความไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรนางก็เก็บตัวเงียบเรียบร้อยอยู่ในเรือน ไม่คิดว่าหนนี้นางจะกล้าทำเรื่องเลยเถิดจนบัดนี้ หากไม่ติดบุตรสาวของตนเพิ่งได้รับโทษไปหมาด ๆ นางคงได้เข้าไปสั่งสอนลูกเลี้ยงคนนี้อีกสักหนเป็นแน่ฮูหยินเซียงได้แต่คิดแค้นในใจก่อนจะรีบเดินตามสามีออกไป เพื่ออ้อนวอนให้เขาลุแก่โทษแก่เผิงฟู่หลินอีกครั้งเผิงเสี่ยวว่านมองภาพดังกล่าวด้วยสายตานิ่งเฉย มือน้อยกำหมัดไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด จงหลีรีบนั่งลงตรงหน้าพร้อมกุมมือนายหญิงไว้แน่น“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านพ่อไม่เคยมีข้าในหัวใจจนข้าชาชินเสียแล้ว” เผิงเสี่ยวว่านพูดพร้อมสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้เผิงเสี่
บทที่ 6 ข้าจะไม่ให้ใครรังแกเจ้าอีกหนี่ซูเว่ยเร่งเดินเข้าไปจนถึงหน้าเรือนของเผิงเสี่ยวว่าน เขาเห็นนางกำลังนั่งอยู่ในสวนหน้าเรือนด้วยสายตาที่เหม่อลอย ใบหน้าขาวซีดแต่กลับมีรอยแดงสลับเขียวช้ำเป็นแนวยิ่งทำให้ดูน่าสงสารยิ่งนัก หนี่ซูเว่ยรีบเดินตรงมาข้างหน้าของเผิงเสี่ยวว่านในทันที“ว่านเอ๋อร์...” หนี่ซูเว่ยเรียกนางอย่างร้อนรนเผิงเสี่ยวว่านหันมองหนี่ซูเว่ย ก่อนจะรีบลุกขึ้นคารวะพร้อมก้มหน้าเอาไว้โดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้น“คารวะไท่จื่อ” น้ำเสียงแผ่วเบาแฝงด้วยความสะอื้น ทำเอาหนี่ซูเว่ยถึงกับใจหล่นลงไปกองแทบเท้า“เหตุใดยังเรียกข้าห่างเหินเช่นนี้เล่า” หนี่ซูเว่ยรีบประคองเผิงเสี่ยวว่านลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ท่านพี่ซูเว่ย” เผิงเสี่ยวว่านเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ท่าทางเขินอายของนางทำเอาหนี่ซูเว่ยยิ้มออกมา ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เมื่อเห็นรอยแดงช้ำปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน“ว่านเอ๋อร์ เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง เหตุใดหลินเอ๋อร์จึงอำมหิตเช่นนี้ นางกล้าทำร้ายเจ้าสาหัสถึงเพียงนี้เชียวหรือ” หนี่ซูเว่ยยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าขาวนวลที่บัดนี้ยังมีรอยช้ำเป็นจ้ำแดงขึ้นมาเผิงเสี่ยวว่านก้มหน้าน้ำตาคลอพร้อมกล่
บทที่ 7 ราชโองการฟ้าผ่าผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ราชโองการอีกฉบับก็ถูกส่งมายังจวนราชครูเผิงอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจให้แก่เขายิ่งนัก เขาสั่งให้สาวใช้ไปตามเผิงฟู่หลินที่ยังคงถูกกักบริเวณออกมาเพื่อรับราชโองการดังกล่าว“ฮ่องเต้มีราชโองการ ประทานอภิเษกสมรสให้กับอ๋องหนี่เส้าจวิน และเผิงฟู่หลิน บุตรสาวคนรองแห่งจวนราชครูเผิง จบราชโองการ”เผิงฟู่หลินได้ยินราชโองการดังกล่าวก็ถึงกับตะลึงไป นางจ้องมองขันทีตรงหน้าด้วยสายตาอย่างไม่คาดคิด ราชครูเผิงถึงกับต้องสะกิดนางให้สำรวมกิริยาลงหลังจากที่ขันทีกลับไป เผิงฟู่หลินก็โวยวายอีกครั้งใส่ท่านพ่อของนางอีกครั้ง “ท่านพ่อ ท่านนึกทำสิ่งใดกันแน่ เหตุใดจึงมีราชโองการให้ข้าสมรสกับท่านอ๋องหนี่ได้เล่า ข้าไม่ยอม...ข้าเคยบอกท่านแล้วข้าจะแต่งกับท่านพี่ซูเว่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น”ราชครูเผิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “หลินเอ๋อร์ ข้าเองก็ได้ยินเรื่องดังกล่าวพร้อมเจ้าเช่นกัน หากแต่ราชโองการมิอาจเปลี่ยนแปลง เจ้าจงเตรียมตัวแต่งงานเสียเถิด”สิ้นคำพูดของบิดา เผิงฟู่หลินก็กรีดร้องออกมาพร้อมฟุบตัวลงก้มหน้าร้องไห้อย่างมิอาจกลั้น ฮูหยินเซียงได้แต่เข้ามาประคองกอดปลอบใจบุตรสาวไว้แนบอ
บทที่ 8 เผชิญหน้าว่าที่สามีหลังจากที่ได้ครุ่นคิดหลายวัน เผิงฟู่หลินก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปพบหนี่เส้าจวินด้วยตัวเอง เพื่อขอให้เขายกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้“เจ้าจู ข้าจะลอบออกจากจวนไปพบท่านอ๋องหนี่ เจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อม” เผิงฟู่หลินออกคำสั่งให้เจ้าจูด้วยเสียงอันหนักแน่น“คุณหนู...คุณหนูจะก่อเรื่องอีกแล้วเหรอเจ้าคะ” เจ้าจูอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ“แล้วเจ้าจะให้ข้านิ่งเฉย รอให้ถึงวันแต่งงานหรือไง” เผิงฟู่หลินหันมาตวาดใส่เจ้าจูด้วยความไม่พอใจ เจ้าจูจึงได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมโค้งรับคำสั่งในช่วงรุ่งสางของวันใหม่ เผิงฟู่หลินตัดสินใจออกจากจวนพร้อมกับเจ้าจู พวกนางแต่งกายด้วยชุดสีราบเรียบเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของผู้คนเมื่อมาถึงหน้าจวนของหนี่เส้าจวิน เผิงฟู่หลินยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวน หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก นางมองดูท้องฟ้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมรอคอยเวลาเพื่อจะได้พบกับเขาจนกระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มปรากฏบนขอบฟ้า หนี่เส้าจวินเดินออกมาจากจวน เผิงฟู่หลินจึงตรงเข้าไปหาเขาด้วยท่าทีร้อนรนเผิงฟู่หลินรู้สึกร้อนรนและเป็นกังวลในใจ แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ไม่ให้ห
บทที่ 9 กำหนดแต่งงานหลังจากเหตุการณ์วันนั้นมา จวนราชครูก็ต้องวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อวังหลวงได้ส่งแจ้งกำหนดวันแต่งงานของหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินให้จัดงานเร็วขึ้นจากเดิม“เจ้าจู เหตุใดเรื่องจึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า” เผิงฟู่หลินเดินวนไปมารอบห้องอย่างกับหนูติดจั่น“คุณหนู แล้วจะทำเช่นใดดีเจ้าคะ” เจ้าจูร้อนรนไม่ต่างจากนายหญิงของตน“ข้าจะไปพบท่านพ่อ” เผิงฟู่หลินพูดจบก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเผิงฟู่หลินเดินมาถึงโถงห้องของจวน หีบไม้ใหญ่หลายใบตั้งเรียงเป็นแนวแถว ราชครูเผิงกำลังวุ่นวายกับการรับแขกจากจวนหนี่เส้าจวินอย่างขวักไขว่“คารวะคุณหนู” บรรดาสาวใช้ต่างก้มคารวะเผิงฟู่หลิน นางมิได้สนใจผู้ใดนัก กลับเดินตรงไปยังราชครูเผิงในทันที“ท่านพ่อ ท่านไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือ ท่านจะปล่อยให้ข้าแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รักเช่นนี้หรือ” เผิงฟู่หลินเข้ากอดแขนบิดาพร้อมโอดครวญออกมา น้ำตาที่เอ่อคลอทำเอาราชครูเผิงถึงกับดวงตาหม่นแสงลง“หลินเอ๋อร์ ฝ่าบาทมีรับสั่งลงมา นี่ยังสินสอดอีกมากมายที่ส่งมาที่จวนของเรา แล้วเจ้าจะให้พ่อทำเช่นใดกันเล่า” ราชครูเผิงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ใช่ว่าตัวเขาเองจะนิ่งนอนใจเสี
บทที่ 10 งานแต่งงานเมื่อวันแต่งงานมาถึง เผิงฟู่หลินถูกจับแต่งตัวแต่งหน้าอย่างสวยงามตั้งแต่รุ่งสาง นางได้แต่น้ำตาเอ่อคลออย่างยอมรับชะตากรรม“หลินเอ๋อร์ เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องแล้ว ต่อไปเจ้าต้องทำตัวให้ดี เกิดเป็นหญิงหากมีสามีรักใคร่ ชั่วชีวิตเจ้าจะได้ไม่ลำบาก” ฮูหยินเซียงลูบไล้ผมบุตรสาวพร้อมพร่ำสอน นางใช่ว่าจะไม่ปวดใจเมื่อเห็นสภาพของบุตรสาวตนเป็นเช่นนี้เผิงฟู่หลินเบนหน้าหนีมารดาของตน นางสะกดกลั้นอารมณ์ใด ๆ ท่าทีนางจึงมีเพียงความเฉยชาและเหม่อลอย“เจ้าจู ต่อไปข้าคงต้องฝากเจ้าดูแลหลินเอ๋อร์ให้ดี หากมีเรื่องลำบากใจอันใดให้เจ้ารีบกลับมาแจ้งข้าโดยเร็ว เข้าใจหรือไม่” ฮูหยินเซียงหันไปกำชับเจ้าจู นางรีบรับคำอย่างแข็งขัน “ฮูหยินไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลคุณหนูเท่าชีวิตของข้าเจ้าค่ะ”ฮูหยินเซียงพยักหน้ารับพร้อมส่งสายตาขอบคุณ พร้อมหันมามองบุตรสาวอย่างทอดถอนใจจวบจนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวน เผิงฟู่หลินจำต้องเดินขึ้นเกี้ยวด้วยความจำใจ บัดนี้นางดั่งร่างที่ไร้วิญญาณก็ไม่ปาน เผิงเสี่ยวว่านที่มองเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่นึกสะใจเมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นของน้องสาวตนพิธีแต่งงานถูกจัดอย่างสมเกียรติ หนี่เส้าจวินและเผิงฟู่
บทที่ 11 พยศ หนี่เส้าจวินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาเหยียดกายขึ้นมองเผิงฟู่หลินที่ยังคงหลับด้วยความอ่อนเพลีย ขอบตาคล้ำของนางแสดงให้เห็นว่าเผิงฟู่หลินคงมิได้นอนแทบทั้งคืน เขาเอื้อมมือขึ้นลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงตรงใบหน้าขาวนวล ร่องรอยรักตามลำตัวที่เขาฝากไว้ยังคงเป็นรอยแดงจ้ำไปทั่วเนื้อนวลเป็นจุด ๆ มือใหญ่เผลอลูบไล้ไปตามรอยดังกล่าวอย่างแผ่วเบาเผิงฟู่หลินที่รู้สึกรำคาญตัว นางปัดมือใหญ่ออกห่างจากตัว พร้อมลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก่อนที่เผิงฟู่หลินจะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาวาววับของหนี่เส้าจวินที่จ้องมองเธออยู่ นางสะบัดมือของเขาออกจากตัวอย่างอัตโนมัติทันที เผิงฟู่หลินรีบกระถดหัวไปที่ขอบเตียงอย่างหวาดหวั่น ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่รินไหลเกือบทั้งคืน เผิงฟู่หลินจ้องมองหน้าหนี่เส้าจวินด้วยแววตาอาฆาตดั่งจะกินเลือดกินเนื้อ“ท่านคิดจะทำอะไรข้า” เผิงฟู่หลินโวยวายใส่หนี่เส้าจวินทันที แม้ว่าเมื่อคืนหนี่เส้าจวินจะหยุดการกระทำอันน่ารังเกียจนั้นกับตน แต่สายตากรุ้มกริ่มที่มองนางเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เผิงฟู่หลินอดหวาดระแวงไม่ได้“หลินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าต้องการทำสิ่งใดเล่า” หนี่เส้าจวินโน้มกายเข้ามากระซิบข้
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง
บทที่ 58 การเดินทางไกลในช่วงสายของวัน เผิงฟู่หลินและเจ้าจูก็ได้เดินทางออกจากจวนโดยมิได้ร่ำลาผู้ใด พวกนางออกจากประตูเมืองและตามไปสมทบกับเสี่ยวเหวินโหลที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสี่ยวเหวินโหลเห็นเผิงฟู่หลินก็รู้สึกยินดียิ่ง เขายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว“คำนับคุณหนูเผิง” เสี่ยวเหวินโหลทักทายอย่างเกรงใจ“ท่านอย่าเกรงใจเช่นนี้อีกเลย ต่อไปพวกเราทั้งสามถือเสียว่าเป็นสหายร่วมเดินทางกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าฟู่หลิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่เหวินโหลแล้วกัน” เผิงฟู่หลินเสนอออกไปเสี่ยวเหวินโหลถึงกับก้มหน้าข่มความเคอะเขินที่มี “ฟู่หลิน...”รถม้าถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้การเดินทางของเผิงฟู่หลิน เจ้าจู และเสี่ยวเหวินโหลค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นลมหนาวยามเช้าพัดผ่านป่าเขาอันเงียบสงบ เสียงใบไม้ปลิวไสวกระทบกันดั่งเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ บนทางเดินที่เต็มไปด้วยหินกรวด รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเผิงฟู่หลินที่นั่งอยู่ในด้านเปิดม่านขึ้นพร้อมยื่นหน้าออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ความสวยงามและความเขียวขจีทำให้ใจของนางรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก แสงอาทิตย์อ่อน ๆ แผ่วเบาส่องทะลุทิวไม้ ทำให้เงาใบไม้ส่อง
บทที่ 57 ค่ำคืนสุดท้ายในค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปยังประตูดั่งคนที่กำลังรอคอยบางอย่างอยู่ สีหน้าของนางค่อนข้างแสดงถึงความกังวลใจที่มี สองมือบิดเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่ายคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เผิงฟู่หลินจะอยู่ที่เมืองหลวงเนื่องจากนางได้นัดแนะกับเจ้าจูและเสี่ยวเหวินโหลในการออกเดินทางไกลในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเผิงฟู่หลินจึงอยากที่จะพบกับหนี่เส้าจวินอีกสักครั้งเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีกทันใดนั้น ร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างเตียง หนี่เส้าจวินก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเงียบขรึม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางของเผิงฟู่หลินเผิงฟู่หลินเงยหน้าขึ้นมองหนี่เส้าจวินด้วยสายตาที่เศร้าสลดลง ก่อนจะปรับสีหน้ายกยิ้มให้เขาอีกครั้ง เผิงฟู่หลินลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าของหนี่เส้าจวิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างเบามือหนี่เส้าจวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทีที่เผิงฟู่หลินมีให้ แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดียามอยู่บนเตียง แต่ทุกครั้งที่เขามาหานาง เผิงฟู่หลินมักแสดงท่าทีผลักไสและ
บทที่ 56 ทำตามความใฝ่ฝันแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในเรือน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว ใบหน้างดงามขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ เมื่อคืนหนี่เส้าจวินเคี่ยวกรำนางไม่หยุดราวกับคนที่อดอยากหิวโหยก็ไม่ปาน ทว่าบัดนี้หนี่เส้าจวินได้ออกจากห้องไปตั้งแต่ยามรุ่งสาง แต่สัมผัสของเขายังคงติดตรึงอบอวลอยู่ไปทั่วบริเวณเจ้าจูเข้ามาภายในห้องพร้อมทำหน้าประหลาดใจ สภาพของเผิงฟู่หลินราวกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด จนเสื้อผ้าและผมเผ้านั้นยุ่งเหยิงไปหมด“คุณหนู...ท่าน...” เจ้าจูรีบปิดปากเมื่อคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน“เจ้าอย่าพูดมาก รีบพาข้าไปอาบน้ำที” เผิงฟู่หลินขยับกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงเจ้าจูรีบเข้ามาประคองพร้อมพานายหญิงของตนไปที่อ่างน้ำทันทีหลังจากแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย เผิงฟู่หลินกำชับเจ้าจูมิให้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด เจ้าจูรับคำโดยเร็วแต่ยังคงอดสงสัยมิได้ว่าผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกจวนสกุลเผิงเช่นนี้นับแต่นั้นหนี่เส้าจวินก็มักจะลักลอบเข้าหาเผิงฟู่หลินไม่ต่างจากชายชู้ในบทนิยาย เผิงฟู่หลินแม้จะยอมรับว่าร่างกายของนางเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นและยังคงสร้างก