บทที่ 8 เผชิญหน้าว่าที่สามี
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดหลายวัน เผิงฟู่หลินก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปพบหนี่เส้าจวินด้วยตัวเอง เพื่อขอให้เขายกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้
“เจ้าจู ข้าจะลอบออกจากจวนไปพบท่านอ๋องหนี่ เจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อม” เผิงฟู่หลินออกคำสั่งให้เจ้าจูด้วยเสียงอันหนักแน่น
“คุณหนู...คุณหนูจะก่อเรื่องอีกแล้วเหรอเจ้าคะ” เจ้าจูอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“แล้วเจ้าจะให้ข้านิ่งเฉย รอให้ถึงวันแต่งงานหรือไง” เผิงฟู่หลินหันมาตวาดใส่เจ้าจูด้วยความไม่พอใจ เจ้าจูจึงได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมโค้งรับคำสั่ง
ในช่วงรุ่งสางของวันใหม่ เผิงฟู่หลินตัดสินใจออกจากจวนพร้อมกับเจ้าจู พวกนางแต่งกายด้วยชุดสีราบเรียบเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของผู้คน
เมื่อมาถึงหน้าจวนของหนี่เส้าจวิน เผิงฟู่หลินยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของจวน หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอก นางมองดูท้องฟ้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมรอคอยเวลาเพื่อจะได้พบกับเขา
จนกระทั่งแสงอาทิตย์เริ่มปรากฏบนขอบฟ้า หนี่เส้าจวินเดินออกมาจากจวน เผิงฟู่หลินจึงตรงเข้าไปหาเขาด้วยท่าทีร้อนรน
เผิงฟู่หลินรู้สึกร้อนรนและเป็นกังวลในใจ แต่เธอก็พยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้ไม่ให้หนี่เส้าจวินเห็น นางเดินตรงเข้าไปหาเขาด้วยท่าทางหยิ่งทะนง
“คารวะท่านอ๋องหนี่ ข้าคือเผิงฟู่หลิน บุตรสาวของราชครูเผิง วันนี้ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่” แม้จะพยายามรักษาจังหวะการพูดแต่น้ำเสียงของนางก็ยังคงสั่นเล็กน้อย
หนี่เส้าจวินที่เห็นเผิงฟู่หลินตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เขามองท่าทางหยิ่งยโสของหญิงสาวตรงหน้า แต่ทว่าร่างบางกลับสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำให้เขาอดสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้าเสียมิได้
หนี่เส้าจวินหันไปส่งสายตาให้เหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ถอยออกไป ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยและผายมือเชิญนางเข้าไปในจวนของตน “เชิญคุณหนูรองเผิง” น้ำเสียงและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เผิงฟู่หลินมองดูท่าทางนั้นอย่างรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ยังบีบมือของตัวเองแน่น ก่อนจะตัดสินใจเดินตามหนี่เส้าจวินเข้าไปในจวน
หนี่เส้าจวินเดินนำทางให้เผิงฟู่หลินตามเขามาจนถึงสวนดอกไม้ภายในจวน พวกเขายืนอยู่ตามลำพังในศาลาโดยมีองครักษ์และเจ้าจูยืนรักษาระยะห่างออกไป
เผิงฟู่หลินรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น นางมองไปรอบ ๆ สวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ดอกไม้นานาพรรณถูกจัดวางอย่างพิถีพิถันจากการดูแลมาเป็นอย่างดี เผิงฟู่หลินถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นางรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกกลืนกินวิญญาณออกไป
เผิงฟู่หลินลอบหายใจหนักก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม “ท่านอ๋อง เรื่องงานแต่งงานของพวกเรา ข้าหวังให้ท่านปฏิเสธเสีย” เผิงฟู่หลินโพล่งออกมาอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความจริงจัง
หนี่เส้าจวินที่ได้ยินคำพูดของเผิงฟู่หลินก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นแสดงความแปลกใจเล็กน้อย แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความขุ่นข้องและหงุดหงิดอย่างที่เขาก็ไม่แน่ใจตัวเองเช่นกัน
“เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นกันเล่า” หนี่เส้าจวินถามกลับ น้ำเสียงของเขาที่ออกมาเต็มไปด้วยความยียวนกวนประสาท
เผิงฟู่หลินที่ได้ยินคำตอบของหนี่เส้าจวินก็รู้สึกถึงความโกรธที่เพิ่มขึ้นในใจ นางสูดลมหายใจลึกๆ อย่างอดกลั้นเพื่อไม่ให้ความโกรธนั้นครอบงำนาง นางพยายามสงบใจลงเพื่อเจรจากับหนี่เส้าจวินต่อไป
“ท่านอ๋องกับข้าไม่ได้รักกัน ข้าจึงไม่เห็นประโยชน์อันใดที่พวกเราจะแต่งงานกัน ข้าจึงอยากมาขอร้องท่านอ๋องให้ทูลขอฝ่าบาทยกเลิกราชโองการนั้นเสีย”
ใบหน้าที่เชิดหยิ่งพร้อมน้ำเสียงเข้มที่เปล่งออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ทำเอาหนี่เส้าจวินถึงกับหันมาจ้องนางด้วยสายตาท้าทาย “หากคุณหนูเผิงต้องการยกเลิกงานแต่ง เหตุใดเจ้าไม่เป็นผู้ทูลขอฝ่าบาทเองเล่า กลับผลักให้ข้าเป็นผู้ทำเสียเอง”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและไม่แยแส ทำเอาเผิงฟู่หลินรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที “หากข้าสามารถทำได้ ข้าคงทำไปนานแล้ว” เผิงฟู่หลินตวาดแหวออกมาอย่างไม่เกรงใจ ความอดทนของนางถึงขีดจำกัดเสียแล้ว นางแทบจะเต้นร่าออกมาอย่างรู้สึกขัดเคือง
หนี่เส้าจวินเห็นท่าทางโมโหของเผิงฟู่หลินก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาโน้มหน้าลงไปเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลิน จ้องมองนางด้วยสายตาที่แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยความหยาบคาย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ควรยอมรับงานแต่งนี้เสีย เพราะข้าจะไม่มีวันทำในสิ่งที่เจ้าต้องการเป็นแน่”
เผิงฟู่หลินถึงกับผงะเมื่อใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้จนเกือบจะสัมผัสใบหน้าของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวหน้าทำเอานางถึงกับขนลุกชัน ยิ่งเมื่อได้ยินคำตอบที่ผิดความคาดหมายก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มมากขึ้นไปอีก
เผิงฟู่หลินถอยหลังออกไปเล็กน้อย จ้องมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ นางรู้สึกเหมือนกำลังถูกดูหมิ่นและหยามเกียรติอย่างรุนแรง
“ท่าน...” เผิงฟู่หลินแค่นเสียงออกมา นางโมโหจนพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
หนี่เส้าจวินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ยิ่งนึกสนุก เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “เช่นนั้นเจอกันในวันพิธีนะ หลินเอ๋อร์” เขาพูดพร้อมสายตาที่โลมเลียและยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินจากไปจนลับสายตา
“ท่านอ๋อง....” เผิงฟู่หลินสบถออกมาอย่างเจ็บแค้น ตั้งแต่เกิดมาเผิงฟู่หลินยังไม่เคยพบเจอใครที่กวนประสาทนางได้มากเท่านี้มาก่อน นางมองตามหลังหนี่เส้าจวินไปจนลับสายตา ความร้อนรนสุมอกในใจจนแทบล้มทั้งยืน ความไม่พอใจที่รุนแรงจนไม่สามารถห้ามน้ำตาที่ไหลออกมาได้
เผิงฟู่หลินสะบัดหน้าพร้อมเชิดคางขึ้น ก่อนจะปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม นางสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พยายามเก็บความรู้สึกโกรธและความท้อแท้ที่เต็มอยู่ในใจ สองมือของนางจิบกำจนเล็บจิกเข้าไปบนเนื้อนุ่มจนเป็นรอยแดง
“เจ้าจูกลับ” เผิงฟู่หลินเชิดหน้าขึ้นและเดินออกจากจวนแห่งนี้ไปในทันที
เผิงฟู่หลินกลับมายังจวนของตนด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองและขัดใจ ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของเผิงฟู่หลินไม่หยุด นางไม่เคยรู้สึกอับจนเช่นนี้มาก่อนในชีวิตเลย
บทที่ 9 กำหนดแต่งงานหลังจากเหตุการณ์วันนั้นมา จวนราชครูก็ต้องวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อวังหลวงได้ส่งแจ้งกำหนดวันแต่งงานของหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินให้จัดงานเร็วขึ้นจากเดิม“เจ้าจู เหตุใดเรื่องจึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า” เผิงฟู่หลินเดินวนไปมารอบห้องอย่างกับหนูติดจั่น“คุณหนู แล้วจะทำเช่นใดดีเจ้าคะ” เจ้าจูร้อนรนไม่ต่างจากนายหญิงของตน“ข้าจะไปพบท่านพ่อ” เผิงฟู่หลินพูดจบก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อเผิงฟู่หลินเดินมาถึงโถงห้องของจวน หีบไม้ใหญ่หลายใบตั้งเรียงเป็นแนวแถว ราชครูเผิงกำลังวุ่นวายกับการรับแขกจากจวนหนี่เส้าจวินอย่างขวักไขว่“คารวะคุณหนู” บรรดาสาวใช้ต่างก้มคารวะเผิงฟู่หลิน นางมิได้สนใจผู้ใดนัก กลับเดินตรงไปยังราชครูเผิงในทันที“ท่านพ่อ ท่านไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยหรือ ท่านจะปล่อยให้ข้าแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รักเช่นนี้หรือ” เผิงฟู่หลินเข้ากอดแขนบิดาพร้อมโอดครวญออกมา น้ำตาที่เอ่อคลอทำเอาราชครูเผิงถึงกับดวงตาหม่นแสงลง“หลินเอ๋อร์ ฝ่าบาทมีรับสั่งลงมา นี่ยังสินสอดอีกมากมายที่ส่งมาที่จวนของเรา แล้วเจ้าจะให้พ่อทำเช่นใดกันเล่า” ราชครูเผิงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ใช่ว่าตัวเขาเองจะนิ่งนอนใจเสี
บทที่ 10 งานแต่งงานเมื่อวันแต่งงานมาถึง เผิงฟู่หลินถูกจับแต่งตัวแต่งหน้าอย่างสวยงามตั้งแต่รุ่งสาง นางได้แต่น้ำตาเอ่อคลออย่างยอมรับชะตากรรม“หลินเอ๋อร์ เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องแล้ว ต่อไปเจ้าต้องทำตัวให้ดี เกิดเป็นหญิงหากมีสามีรักใคร่ ชั่วชีวิตเจ้าจะได้ไม่ลำบาก” ฮูหยินเซียงลูบไล้ผมบุตรสาวพร้อมพร่ำสอน นางใช่ว่าจะไม่ปวดใจเมื่อเห็นสภาพของบุตรสาวตนเป็นเช่นนี้เผิงฟู่หลินเบนหน้าหนีมารดาของตน นางสะกดกลั้นอารมณ์ใด ๆ ท่าทีนางจึงมีเพียงความเฉยชาและเหม่อลอย“เจ้าจู ต่อไปข้าคงต้องฝากเจ้าดูแลหลินเอ๋อร์ให้ดี หากมีเรื่องลำบากใจอันใดให้เจ้ารีบกลับมาแจ้งข้าโดยเร็ว เข้าใจหรือไม่” ฮูหยินเซียงหันไปกำชับเจ้าจู นางรีบรับคำอย่างแข็งขัน “ฮูหยินไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลคุณหนูเท่าชีวิตของข้าเจ้าค่ะ”ฮูหยินเซียงพยักหน้ารับพร้อมส่งสายตาขอบคุณ พร้อมหันมามองบุตรสาวอย่างทอดถอนใจจวบจนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าจวน เผิงฟู่หลินจำต้องเดินขึ้นเกี้ยวด้วยความจำใจ บัดนี้นางดั่งร่างที่ไร้วิญญาณก็ไม่ปาน เผิงเสี่ยวว่านที่มองเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่นึกสะใจเมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นของน้องสาวตนพิธีแต่งงานถูกจัดอย่างสมเกียรติ หนี่เส้าจวินและเผิงฟู่
บทที่ 11 พยศ หนี่เส้าจวินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาเหยียดกายขึ้นมองเผิงฟู่หลินที่ยังคงหลับด้วยความอ่อนเพลีย ขอบตาคล้ำของนางแสดงให้เห็นว่าเผิงฟู่หลินคงมิได้นอนแทบทั้งคืน เขาเอื้อมมือขึ้นลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงตรงใบหน้าขาวนวล ร่องรอยรักตามลำตัวที่เขาฝากไว้ยังคงเป็นรอยแดงจ้ำไปทั่วเนื้อนวลเป็นจุด ๆ มือใหญ่เผลอลูบไล้ไปตามรอยดังกล่าวอย่างแผ่วเบาเผิงฟู่หลินที่รู้สึกรำคาญตัว นางปัดมือใหญ่ออกห่างจากตัว พร้อมลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก่อนที่เผิงฟู่หลินจะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาวาววับของหนี่เส้าจวินที่จ้องมองเธออยู่ นางสะบัดมือของเขาออกจากตัวอย่างอัตโนมัติทันที เผิงฟู่หลินรีบกระถดหัวไปที่ขอบเตียงอย่างหวาดหวั่น ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่รินไหลเกือบทั้งคืน เผิงฟู่หลินจ้องมองหน้าหนี่เส้าจวินด้วยแววตาอาฆาตดั่งจะกินเลือดกินเนื้อ“ท่านคิดจะทำอะไรข้า” เผิงฟู่หลินโวยวายใส่หนี่เส้าจวินทันที แม้ว่าเมื่อคืนหนี่เส้าจวินจะหยุดการกระทำอันน่ารังเกียจนั้นกับตน แต่สายตากรุ้มกริ่มที่มองนางเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เผิงฟู่หลินอดหวาดระแวงไม่ได้“หลินเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าข้าต้องการทำสิ่งใดเล่า” หนี่เส้าจวินโน้มกายเข้ามากระซิบข้
บทที่ 12 ปราบพยศภายในห้องอักษรของหนี่เส้าจวิน เขานั่งทำหน้าขรึมอยู่บนตั่งขนาดใหญ่ เหวินปู้องครักษ์คนสนิทของเขานำสารเข้ามารายงาน หนี่เส้าจวินคลี่ม้วนกระดาษขึ้นเปิดอ่าน เขาได้แต่นิ่วหน้าลง สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด“เจ้ามีหลักฐานหรือไม่” หนี่เส้าจวินเงยหน้าพร้อมถามเหวินปู้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ข้าน้อยได้ส่งคนของเราเข้าไปเป็นสายภายใน แต่บัดนี้ยังไม่พบร่องรอยที่จะเป็นหลักฐานได้แน่ชัดขอรับ” เหวินปู้กล่าวตอบตามตรง“เจ้ารีบส่งคนเข้าไปเพิ่มอีก ตามหาหลักฐานเอาผิดมาให้ได้ และก็...อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดโดยเฉพาะพระชายา” หนี่เส้าจวินรีบสั่งการพร้อมกำชับหนักแน่นกับเหวินปู้ สายตาของเขาหม่นแสงลงทันทีเมื่อนึกถึงเผิงฟู่หลิน เหวินปู้โค้งตัวรับคำสั่ง ก่อนจะถอยตัวออกจากห้องไปหนี่เส้าจวินจ้องมองออกไปภายนอก ด้วยดวงตาที่เหม่อลอย เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความรู้สึกหนักใจ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างต้องการสงบใจค่ำคืนเงียบสงัดมาเยือน หนี่เส้าจวินเดินกลับมายังเรือนของเผิงฟู่หลิน นางกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหนานุ่ม เขาเดินมานั่งด้านข้างเตียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องมองหญิงสาวด้วยแววต
บทที่ 13 กล้ำกลืนเผิงฟู่หลินอยู่ภายในจวนอ๋องหนี่เส้าจวินอยู่เป็นเวลาร่วมเดือน ที่ผ่านมานางเอาแต่อาละวาดและคอยหาเรื่องให้หนี่เส้าจวินได้แต่ปวดหัวอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ทุกครั้งหนี่เส้าจวินก็ตอบกลับนางอย่างเท่าทัน และเป็นนางเสมอที่ได้แต่เสียเปรียบเขาอยู่ร่ำไป เผิงฟู่หลินได้แต่ก่นด่าและเจ็บใจเขาอยู่ไม่หายเจ้าจูที่ได้แต่มองนายหญิงของตนด้วยความอ่อนใจ “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องก็ใช่ว่าจะเป็นคนโหดร้าย หากท่านยอมอ่อนลงบ้างจะมิเป็นการดีต่อท่านหรือเจ้าคะ” เจ้าจูพยายามโน้มน้าวใจนายหญิงของตน หากนางมองโดยปราศจากอคติใดๆ ท่านอ๋องหนี่เส้าจวินก็เป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง เขาไม่เคยต้องให้คุณหนูของนางลำบากแม้สักนิด หรือแม้แต่คุณหนูของนางจะอาละวาดเพียงใด นอกจากเขาจะไม่ถือสากลับหยอกเย้านางเล่นอยู่เสมอ อีกทั้งเจ้าจูเพิ่งมาทราบในภายหลังว่าตั้งแต่เข้าหอทั้งสองแม้ทั้งคู่จะนอนห้องเดียวกันแต่ก็ยังมิเคยร่วมหลับนอนด้วยกันเสียด้วยซ้ำ เหตุผลคงไม่ต้องกล่าวก็คงเป็นคุณหนูของนางนั่นแหละที่มิยอมจนกระทั่งถึงวันที่เผิงฟู่หลินจะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน นางรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก เผิงฟู่หลินคิดถึงท่านพ่อท่านแม่ของตนเป็นอย่างมาก ชีวิตใน
บทที่ 14 หนีหน้าเมื่อถึงมื้ออาหาร ราชครูเผิงได้ให้สาวใช้มาตามหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินไปยังห้องโถง สำรับอาหารมากมายถูกจัดเอาไว้เรียงรายอย่างสวยงามและประณีต“หลินเอ๋อร์ นี่เป็นของโปรดของเจ้า เจ้าลองชิมดูสิ” ฮูหยินเซียงคีบอาหารไปวางตรงหน้าบุตรสาว นางคีบอาหารชิ้นแล้วชิ้นเล่าให้กับนางไม่ยอมหยุด“หลินเอ๋อร์ เจ้านี่ก็ช่างกระไร ตักอาหารให้ท่านอ๋องเสียบ้างสิ” ราชครูเผิงสำทับหลินเอ๋อร์ เมื่อเห็นนางเอาแต่คีบอาหารเข้าปากโดยไม่สนใจหนี่เส้าจวินเผิงฟู่หลินเงยหน้ามองบิดาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะยื่นมือคีบอาหารให้หนี่เส้าจวินอย่างเสียไม่ได้“หลินเอ๋อร์ อาหารที่เจ้าคีบให้ ช่างอร่อยยิ่งนัก” หนี่เส้าจวินยื่นหน้าไปพร้อมพูดจาหยอกเย้าใส่เผิงฟู่หลิน ทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับทำหน้าไม่ถูก นางปรายตามองค้อนเขาด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนักหลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ราชครูเผิงจึงหนี่เส้าจวินร่ำสุราต่อตามประสาลูกผู้ชายด้วยกันเผิงฟู่หลินได้โอกาสจึงรีบหันไปกล่าวกับหนี่เส้าจวินทันที “ท่านอ๋อง คืนนี้ท่านร่ำสุรากับท่านพ่อเถิด ข้าจะขออนุญาตไปนอนกับท่านแม่สักคืน ข้ามิได้เจอท่านแม่มานานแล้ว” เผิงฟู่หลินไม่รอให้หนี่เส้
บทที่ 15 เค้าลางเผิงฟู่หลินตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นางเรียกให้เจ้าจูเข้ามาเตรียมน้ำอุ่น ก่อนจะเดินเข้าไปแช่น้ำอย่างรู้สึกสบายใจ“คุณหนูดูอารมณ์ดีเชียวนะเจ้าคะ” เจ้าจูเย้านายหญิงด้วยความรู้สึกยินดียิ่ง นานเท่าไหร่แล้วที่นางไม่ได้เห็นเผิงฟู่หลินดูสดใสเช่นนี้“เจ้าจู เมื่อคืนข้านอนหลับสบายมากทีเดียว ข้าอยากให้วันเวลาเป็นเช่นนี้ตลอดไปเหลือเกิน” เผิงฟู่หลินเอ่ยออกมาพร้อมดวงตาที่สลดลงเมื่อคิดถึงวันข้างหน้า“คุณหนู ท่านอย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ” เจ้าจูปลอบใจพร้อมหยิบผ้าขาวลูบไล้ไปตามลำตัวขาวเนียนของนายหญิงหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เผิงฟู่หลินก็ออกไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน สถานที่ที่คุ้นเคยทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่งยิ่งนัก เมื่อนางเดินไปได้เพียงสักครู่หนึ่ง สายตาก็บรรจบกับหนี่เส้าจวินเข้า เผิงฟู่หลินหันหลังกลับโดยอัตโนมัติ นางพยายามเดินเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่อยากเห็นหน้าเขาให้เสียอารมณ์หนี่เส้าจวินที่ได้เห็นเผิงฟู่หลิน เขารีบเดินเข้าไปขวางตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว “ชายาของข้าเป็นเช่นไรบ้าง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่” หนี่เส้าจวินเอ่ยทักทายด้วยท่
บทที่ 16 เผชิญหน้าเมื่อหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินก้าวเข้ามาด้านในห้องโถง พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อพบเจอแขกที่ไม่คาดคิดตรงหน้าหนี่เส้าจวินมีสีหน้าเข้มขึงลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่เผิงฟู่หลินกลับมีสีหน้าซีดเผือด นางยังมิทันได้เตรียมใจในการเผชิญหน้ากับอดีตคนที่นางรักและพี่สาวจอมฉวยโอกาสเช่นนี้ เผิงฟู่หลินเบือนหน้าหนีทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์หนี่เส้าจวินปรายตามองไปยังเผิงฟู่หลินที่มีปฏิกิริยาดังกล่าว พลางทำให้เขาอดนึกถึงความรักที่นางเคยมีให้หนี่ซูเว่ยอย่างไม่อาจตัดใจได้ ก็ยิ่งทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจนัก ความหึงหวงแล่นเข้ามาภายในจนเขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้“คารวะเสด็จพี่ ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านจะมาเป็นแขกในวันนี้” หนี่เส้าจวินกล่าวทักทายด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์“ว่านเอ๋อร์คิดถึงบ้านยิ่งนัก ข้ามิอาจใจร้ายลงได้หรอก วันนี้ได้ยินว่าหลินเอ๋อร์ก็กลับมาเยี่ยมบ้านเช่นกัน ข้าจึงคิดว่าหากพี่น้องได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง ใช่หรือไม่ว่านเอ๋อร์” หนี่ซูเว่ยตอบกลับอย่างไม่สนใจกับท่าทีดังกล่าวของหนี่เส้าจวิน เขาหันไปพะเน้าพะนอเผิงเสี่ยวว่านอย่างเอาใจเผิงเสี่ยวว่านปรายตามองเผิงฟู
บทที่ 64 งานมงคลพิธีสมรสพระราชทานระหว่างหนี่เส้าจวินและเผิงฟู่หลินถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ เหล่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายต่างเดินทางมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ โต๊ะจัดเลี้ยงถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ พรมแดงยาวทอดจากประตูหน้าจวนเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เผิงฟู่หลินสวมชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มผืนยาวพลิ้วไหวจากผ้าไหมชั้นดี นางแต่งกายงดงามสมกับชื่อเสียงเรื่องความโฉมสะคราญ เผิงฟู่หลินก้าวเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างามยิ่งนักหนี่ซูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับพระชายาของเขา หนี่ซูเว่ยเฝ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความเศร้าและความยินดี หัวใจของเขาหนักหน่วงขึ้นมาจากความรู้สึกที่ฝังลึกลงไปในใจ เผิงซูเว่ยทอดถอนหายใจออกมา ก่อนจะปรับสีหน้าและยิ้มกว้างออกมาให้นางด้วยความยินดี “หลินเอ๋อร์...เจ้าคู่ควรกับความสุขนี้” เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความจริงใจในขณะที่บรรยากาศภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัด เสี่ยวเหวินโหลยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน เขามองภาพของเผิงฟู่หลินที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
บทที่ 63 ท่านเป็นท่านพ่อข้าหรอกหรือยามสายของวันใหม่อากาศปลอดโปร่งยิ่งนัก หนี่เส้าจวินพิงกายขึ้นนั่ง ดวงตาคู่คมเข้มของเขาจับจ้องใบหน้าของเผิงฟู่หลินที่กำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียจากการถูกเขารังแกไม่หยุดในค่ำคืนที่ผ่านมา แววตาของเขาฉายแววลึกซึ้ง ทั้งหวงแหน ทั้งรักใคร่ เขายังคงอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นหรือปลุกหญิงสาวจากการหลับใหล รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายความเจ้าเล่ห์ออกมา หนี่เส้าจวินยังคงจ้องมองหน้านางอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้หนี่เส้าจวินหันหน้าไปมองด้วยสายตาขัดใจที่ถูกรบกวน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าจูยืนอยู่ข้างหน้าประตู เจ้าจูได้แต่ก้มหน้านิ่งพร้อมใบหน้าแดงก่ำด้วยความกระดากอาย“ท่านอ๋องและคุณหนู ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าจูพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่แม้แต่จะมองสภาพภายในห้องที่ราวกับผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่“เจ้ามาช่วยข้าที” เผิงฟู่หลินบอกกล่าวออกไป“พวกเรามิต้องเร่งรีบนักหรอก ทุกคนคงเข้าใจได้ดี” หนี่เส้าจวินพูดขึ้นมาหน้าตาเฉยท่าทางราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใด เผิงฟู่หลินได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าพร้อมค้อนขวับใส่เขาไปหนึ่งที“ท่านอ๋องลืมแ
บทที่ 62 บุตรของข้าท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดมิด เสียงลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้ผ้าม่านสีขาวบางบนหน้าต่างสะบัดเล็กน้อย เผิงฟู่หลินขยับกายช้าๆ ไล่ความเมื่อยขบที่ได้รับจากการเคี่ยวกรำของหนี่เส้าจวินอย่างต่อเนื่อง แม้นางจะยังคงอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ทว่าร่างหนาของหนี่เส้าจวินที่เกยก่ายนางเอาไว้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาหนี่เส้าจวินนอนอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ยามหลับตาใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ไม่ดุดันและเคร่งขรึมเฉกเช่นยามปกติเผิงฟู่หลินพลิกตัวขึ้นจ้องมองดูใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างเต็มสองตา บุรุษที่มักมารบกวนนางในยามหลับฝัน บัดนี้อยู่ใกล้เพียงลมหายใจเข้าออก เผิงฟู่หลินเหม่อมองอย่างใจลอย ความลืมตัวทำให้นางขยับมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามใบหน้าของหนี่เส้าจวินอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวสัมผัสไปตามหน้าผากไล้ไปตามแผงคิ้วสีดำเข้มไล่ลงมาที่สันจมูกที่คมเข้ม ริมฝีปากที่หนาเชิดรับกับใบหน้า ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเผิงฟู่หลินอดที่จะยกยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ แต่ทันใดนั้นร่างของเธอก็ปลิวขึ้นมาทาบอยู่บนตัวของหนี่เส้าจวิน เขาปรือตาขึ้นพร้อมดึงตัวนางขึ้นมาก่ายเกยแนบชิดที่หน้าอก ร
บทที่ 61 สะสางหนี่เส้าจวินสาวเท้าก้าวเข้ามาภายในเรือนนอนของเผิงฟู่หลิน ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นและดุดัน แววตาของเขาเย็นยะเยือกจนน่าหวาดหวั่นใจเผิงฟู่หลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่หนี่เส้าจวินกลับใช้พละกำลังที่มีรัดนางจนแทบขยับไม่ได้ สองมือปัดป่ายทุบตีไปตามแผ่นหลัง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็มิได้ส่งผลอันใดกลับมาหนี่เส้าจวินเดินตรงไปยังที่เตียงนอน ก่อนจะโยนร่างของเผิงฟู่หลินลงบนเตียงในทันที จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินกลับไปแล้วปิดประตูลงอย่างเต็มแรงเสียงประตูที่ปิดกระแทกลงเสียงดังสนั่นทำเอาเผิงฟู่หลินถึงกับสะดุ้งสุดตัว นางถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้สะโพกของนางกระแทกลงบนฟูกอย่างแรงเผิงฟู่หลินรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยความขุ่นเคืองใจ ลมหายใจหอบเหนื่อยจากการดิ้นรนเมื่อครู่ นางยืนประจันหน้ากับหนี่เส้าจวินอีกครั้งหนี่เส้าจวินหันมาเผชิญหน้ากับเผิงฟู่หลินด้วยสายตาที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธเคืองที่มีร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา นางหายตัวไปเกือบหกปีทั้งยังกลับมาพร้อมเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกนางว่า “แม่” เสียอีก แค่เพียงคิดว่านางคลอเคลียกับบุรุษคนอื่นก็ทำเอาหนี้เส้าจวินแทบค
บทที่ 60 พบกันอีกคราเผิงฟู่หลินเดินทางกลับมายังจวนสกุลเผิง นางเงยหน้าขึ้นมองประตูที่หน้าจวนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งนัก หกปีแล้วที่นางจากไปแต่ทว่าจวนสกุลเผิงยังคงสงบไม่แตกต่างจากในวันวานเผิงฟู่หลินก้าวเท้าเข้าไปภายในจวน พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมรายงานว่านายท่านทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เผิงฟู่หลินจึงเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวในทันทีราชครูเผิง ฮูหยินเซียงและเผิงอันอวี้กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันทีที่ทั้งสามเห็นเผิงฟู่หลินก็แสดงสีหน้าดีใจอย่างยิ่ง ฮูหยินเซียงรีบก้าวเท้าเข้ามากอดเผิงฟู่หลินเอาไว้แน่น “หลินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว”“หลินเอ๋อร์...เจ้ากลับมาครั้งนี้คงมิคิดจะออกเดินทางอีกใช่หรือไม่” เผิงอันอวี้ที่ก้าวเท้ามาตรงหน้าเผิงฟู่หลิน พร้อมกล่าวดักคอน้องสาวของตนในทันที“พี่ใหญ่ ข้าได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว สถานที่ใดที่ข้าเคยใฝ่ฝันข้าล้วนได้เห็นกับตาตนเองทั้งสิ้น บัดนี้ข้าจะกลับมาอยู่บ้าน ข้าจะกลับมาอยู่กับครอบครัวของข้า” เผิงฟู่หลินกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส หกปีที่ผ่านมานางได้เดินทางไปทั่ว ทั้งดินแดนตอนเหนือจนถึงดินแดนตอนใต้ สถานที่ที่นางเคยได้แต่จินตนาการจากการ
บทที่ 59 เจ้าหนีข้าไปแล้วหนี่เส้าจวินแทบคลุ้มคลั่งเมื่อได้รับข่าวว่าเผิงฟู่หลินได้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา เผิงฟู่หลิน...นางหนีจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ“พวกเจ้าออกตามหาพระชายาทุกเส้นทาง ต้องตามหานางให้เจอ” คำสั่งที่ดุดันแฝงความโกรธเคือง ทำให้เหล่าองครักษ์รีบรับคำสั่งพร้อมกระจายตัวออกตามหาในทันที“ว่าไงนะ” เสียงตะคอกดังลั่นไปทั่วจวน เมื่อองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของเผิงฟู่หลินเลยแม้แต่น้อยหนี้เส้าจวินที่หัวเสียอย่างมาก เขาทุบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอักษร ทำเอาเหล่าองครักษ์ได้แต่ยืนแข็งเกร็ง เหงื่อไหลซึมออกมาด้วยกลัวโทสะของหนี่เส้าจวิน“ตามหาต่อไป แม่ทัพเผิงแจ้งข่าวว่านางเดินทางไปดินแดนใต้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหานางไม่พบ”ทั้งที่หนี่เส้าจวินคิดว่าเผิงฟู่หลินไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกล ทว่าเวลาผ่านไปเกือบเดือนก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ ของนาง เขาสั่งการให้ทหารออกตามหาเผิงฟู่หลินในทุกเส้นทางและทุกทิศที่นางอาจจะเดินทางได้ แต่หนี้เส้าจวินกลับไม่รู้ว่าเผิงฟู่หลินได้เปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปยังดินแดนทางเหนือแล้ว ดังนั้นการตามหาของเขาก็ไม่ต่างจากการง
บทที่ 58 การเดินทางไกลในช่วงสายของวัน เผิงฟู่หลินและเจ้าจูก็ได้เดินทางออกจากจวนโดยมิได้ร่ำลาผู้ใด พวกนางออกจากประตูเมืองและตามไปสมทบกับเสี่ยวเหวินโหลที่โรงเตี๊ยมนอกเมืองเสี่ยวเหวินโหลเห็นเผิงฟู่หลินก็รู้สึกยินดียิ่ง เขายิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว“คำนับคุณหนูเผิง” เสี่ยวเหวินโหลทักทายอย่างเกรงใจ“ท่านอย่าเกรงใจเช่นนี้อีกเลย ต่อไปพวกเราทั้งสามถือเสียว่าเป็นสหายร่วมเดินทางกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่าฟู่หลิน ส่วนข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่เหวินโหลแล้วกัน” เผิงฟู่หลินเสนอออกไปเสี่ยวเหวินโหลถึงกับก้มหน้าข่มความเคอะเขินที่มี “ฟู่หลิน...”รถม้าถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้การเดินทางของเผิงฟู่หลิน เจ้าจู และเสี่ยวเหวินโหลค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นลมหนาวยามเช้าพัดผ่านป่าเขาอันเงียบสงบ เสียงใบไม้ปลิวไสวกระทบกันดั่งเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ บนทางเดินที่เต็มไปด้วยหินกรวด รถม้ายังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดพักเผิงฟู่หลินที่นั่งอยู่ในด้านเปิดม่านขึ้นพร้อมยื่นหน้าออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ความสวยงามและความเขียวขจีทำให้ใจของนางรู้สึกสงบลงไปอย่างมาก แสงอาทิตย์อ่อน ๆ แผ่วเบาส่องทะลุทิวไม้ ทำให้เงาใบไม้ส่อง
บทที่ 57 ค่ำคืนสุดท้ายในค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาภายในห้อง เผิงฟู่หลินนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปยังประตูดั่งคนที่กำลังรอคอยบางอย่างอยู่ สีหน้าของนางค่อนข้างแสดงถึงความกังวลใจที่มี สองมือบิดเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่ายคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เผิงฟู่หลินจะอยู่ที่เมืองหลวงเนื่องจากนางได้นัดแนะกับเจ้าจูและเสี่ยวเหวินโหลในการออกเดินทางไกลในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเผิงฟู่หลินจึงอยากที่จะพบกับหนี่เส้าจวินอีกสักครั้งเพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีกทันใดนั้น ร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างเตียง หนี่เส้าจวินก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเงียบขรึม ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางของเผิงฟู่หลินเผิงฟู่หลินเงยหน้าขึ้นมองหนี่เส้าจวินด้วยสายตาที่เศร้าสลดลง ก่อนจะปรับสีหน้ายกยิ้มให้เขาอีกครั้ง เผิงฟู่หลินลุกขึ้นเดินไปยืนตรงหน้าของหนี่เส้าจวิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างเบามือหนี่เส้าจวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทีที่เผิงฟู่หลินมีให้ แม้ทั้งคู่จะเข้ากันได้ดียามอยู่บนเตียง แต่ทุกครั้งที่เขามาหานาง เผิงฟู่หลินมักแสดงท่าทีผลักไสและ
บทที่ 56 ทำตามความใฝ่ฝันแสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในเรือน เผิงฟู่หลินปรือตาขึ้นด้วยความเมื่อยขบไปทั้งตัว ใบหน้างดงามขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ เมื่อคืนหนี่เส้าจวินเคี่ยวกรำนางไม่หยุดราวกับคนที่อดอยากหิวโหยก็ไม่ปาน ทว่าบัดนี้หนี่เส้าจวินได้ออกจากห้องไปตั้งแต่ยามรุ่งสาง แต่สัมผัสของเขายังคงติดตรึงอบอวลอยู่ไปทั่วบริเวณเจ้าจูเข้ามาภายในห้องพร้อมทำหน้าประหลาดใจ สภาพของเผิงฟู่หลินราวกับผ่านสมรภูมิอันดุเดือด จนเสื้อผ้าและผมเผ้านั้นยุ่งเหยิงไปหมด“คุณหนู...ท่าน...” เจ้าจูรีบปิดปากเมื่อคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน“เจ้าอย่าพูดมาก รีบพาข้าไปอาบน้ำที” เผิงฟู่หลินขยับกายลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงเจ้าจูรีบเข้ามาประคองพร้อมพานายหญิงของตนไปที่อ่างน้ำทันทีหลังจากแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย เผิงฟู่หลินกำชับเจ้าจูมิให้บอกเรื่องนี้แก่ผู้ใด เจ้าจูรับคำโดยเร็วแต่ยังคงอดสงสัยมิได้ว่าผู้ใดกันที่กล้าบุกรุกจวนสกุลเผิงเช่นนี้นับแต่นั้นหนี่เส้าจวินก็มักจะลักลอบเข้าหาเผิงฟู่หลินไม่ต่างจากชายชู้ในบทนิยาย เผิงฟู่หลินแม้จะยอมรับว่าร่างกายของนางเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นและยังคงสร้างก