ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคน
หนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรก
ในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...
ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคย
ยิ่งมอง ยิ่งผูกพัน
ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้น
เฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้
ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมาเสียอีก ถึงแม้เธอจะโตมาในบ้านเด็กกำพร้า แต่ยังมีโอกาสมากกว่า
หนิงหนิงเรียบเรียงสิ่งที่ได้รับรู้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด และรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ ยุคนี้คือยุค 70 แต่รายละเอียดต่าง ๆ ในความทรงจำนี้แทบไม่มี เพราะใช้ชีวิตที่มีแต่ก้มหน้าทำงาน ในตัวเมืองเป็นแบบไหน ไม่เคยได้เข้าไป เธออยู่แต่บ้าน ทำแต่งาน เหมือนกับถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตแค่นี้ ทำแค่นี้ ความรู้เกี่ยวกับยุคสมัยแทบไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเธอต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด
ด้วยความที่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากนัก รู้แค่หัวข้อหลัก ๆ เพียงเท่านั้นเอง ยุคนี้ยังมีความลำบากอยู่มากพอสมควร ถึงจะไม่เทียบเท่ายุค 60 แต่อาหารการกินก็ยังขาดแคลน ถึงจะมีโรงงานอุตสาหกรรม แต่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปทำงานได้ง่าย ๆ ไม่แน่ใจว่ายุคนี้การแต่งงานและการหย่าขาดมีโทษอะไรไหม และตัวหนิงหนิงในโลกนี้ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้เสียด้วย
หนิงหนิงลุกขึ้นเดินหากระจกทันทีที่ตัวเองคิดได้ หากจำไม่ผิด เธอทั้งสองคนมีหน้าตาเหมือนกัน แต่เพื่อความมั่นใจ ต้องตรวจสอบเสียก่อน แต่หาจนทั่วก็ยังไม่เจอ บ้านหลังนี้แทบไม่มีอะไรเลย อาจเพราะเจ้าของบ้านก็เพิ่งกลับมาบ้านได้แค่คืนเดียว
หนิงหนิงเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่ก่อนที่จะเปิดห่อผ้า มีเสื้อผ้าเก่า ๆ กับเงิน 2 หยวนที่ป้าเหลียนฮวาให้มาเพียงเท่านั้น ในหมู่บ้านนี้เธอแทบไม่มีเพื่อนเลย ไม่ใช่ว่าเธอนิสัยไม่ดี ไม่มีคนคบ แต่เพราะเธอต้องทำงานตั้งแต่ลืมตาตื่น จะเอาเวลาไหนไปมีเพื่อน
หากให้หนิงหนิงยุคปัจจุบันนิยามการทำงานของหนิงหนิงยุคนี้ ต้องบอกว่า ขี้ข้าดี ๆ นี่เอง ทำงานบ้านทุกอย่างให้กับครอบครัวใหม่ของพ่อ หากไม่ทำก็ไม่มีอาหาร พอรับรู้ความทรงจำก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า เพราะหนิงหนิงต้องการหนีออกจากบ้านหลังนั้น ถึงได้กระโดดใส่นายทหาร ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย
เท่าที่เธอรับรู้จากความทรงจำ หนิงหนิงไม่เห็นด้วยว่าคนคนนั้นหน้าตาเป็นแบบไหน ยังไง รู้แค่ว่าไม่ใช่คนหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น หากไม่ทำแบบนั้น เธอก็ไม่มีทางได้ออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างแน่นอน เพราะทุกคนจะเก็บเธอไว้ใช้งาน
ลูกสาวบ้านอื่นอายุ 15 ปีก็แต่งออกไปแล้ว แต่หนิงหนิงอายุ 17 ปี ย่างเข้า 18 ปี ยังไม่มีวี่แววที่จะได้แต่งงาน ผิดกับน้องสาวต่างแม่ที่มีคู่หมั้นตั้งแต่อายุเต็ม 14 ปี
"ทำไมมันแปลก ๆ สองพี่น้องมีหน้าตาคล้ายกันกับพ่อ ยิ่งลูกชายคนโตเหมือนกันอย่างกับแกะ อย่าบอกนะว่าพล็อตนิยาย!! ที่สองผัวเมียนั่นมีอะไรกัน ก่อนที่จะมาแต่งงานกับแม่!! " หนิงหนิงสันนิษฐานเอง พูดเองเออเอง ข้อดีของการเป็นนักแสดงคือจะมีหลากหลายบทบาทที่ได้รับ ละครหรือซีรีส์แต่ละเรื่องจะมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เพราะส่วนมากละครแต่ละเรื่องก็นำมาจากนิยายทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้นทำให้เธอคิดไปแบบนั้น
ถึงจะคิดและพูดคนเดียว แต่มือก็ยังค้นห่อผ้าไม่หยุด ทั้งที่มันไม่มีสิ่งของอะไรมากนัก
"เจอแล้ว!! ขอบใจนะถิงถิงที่ไม่ทิ้งกัน" เมื่อหนิงหนิงเห็นสร้อยไข่มุกแล้วก็ลูบ ๆ คลำ ๆ ทันที
ตอนแรกนั้นใจหายแล้วเพราะหาไม่เจอ เลยต้องมาหาในห่อผ้า หนิงหนิงไม่รู้หรอกว่าของวิเศษที่ถิงถิงบอกนั้นคืออะไร รู้แต่ว่าใส่ติดตัวนี่แหละอุ่นใจ สร้อยเส้นนี้ไม่ใช่แค่ราคาแพงอย่างเดียว สร้อยเส้นนี้นำพาดวงวิญญาณของเธอมาถึงที่นี่เลยทีเดียว ยังไงมันก็สำคัญกับเธอ
หากถามว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม ก็มีบ้าง แต่ไม่มีห่วงอะไรอยู่แล้ว และที่สำคัญ เงินที่เธอประมูลสร้อย ได้นำไปช่วยเหลือมูลนิธิเด็กกำพร้า เด็กที่มีชีวิตเหมือนกันกับเธอ มันเลยไม่แพงสำหรับเธอ จะห่วงแค่เจ๊ซันนี่ที่ดูแลเธอตั้งแต่เริ่มแรกเข้าวงการนั่นแหละ แต่เธอมั่นใจว่าเจ๊ซันนี่เก่งอยู่แล้ว มีดารานักแสดงในสังกัดมากมาย ขาดเธอไปคนหนึ่งเจ๊คงไม่เหงาเท่าไหร่
"ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม มีอาการยังไงหรือเปล่า" ฉิงหมิงมองเด็กสาวที่มีหน้าตามอมแมมจนไม่รู้ว่าหน้าตาจริง ๆ เป็นแบบไหน ที่เห็นได้ชัดคงเป็นดวงตากลมโตที่แค่ปรายตามองก็ทำให้คนต้องหยุดหันมองเลยทีเดียว
"หิวค่ะ แต่ว่า... คุณมีกระจกไหม ฉันไม่เห็นหน้าตาตัวเองตั้งแต่เช้าแล้ว" หนิงหนิงถามเจ้าของบ้าน พร้อมกับลอบมองก่อนว่าเขามีสีหน้ายังไง
"ไม่มี ผมเพิ่งกลับมา ไม่ได้เตรียมอะไร แต่หากอยากดู น้ำในถังข้างบ้านน่าจะช่วยได้" ฉิงหมิงบอกสาวน้อยและก็ลอบมองด้วยเช่นกัน เพราะสำเนียงและลักษณะการพูดมันแตกต่างจากคนที่นี่ และเขาไม่ค่อยได้ยินสำเนียงแบบนี้มากสักเท่าไหร่ มันเลยทำให้เขาสงสัยมากพอสมควร
หนิงหนิงพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ตรงไปข้างบ้านตามที่อีกคนบอก และสิ่งที่เธอได้เห็นในเงาสะท้อนนั้นบ่งบอกว่าหน้าตาคล้ายกับชีวิตก่อนของตัวเอง แต่ที่รับไม่ได้ที่สุดนั่นคือ ใบหน้าที่เลอะเทอะ ทั้งที่เป็นแค่เงาสะท้อนในน้ำยังมองออก นั่นแสดงว่าของจริงมันต้องเห็นชัดมาก และที่หนักกว่านั้นคือ ผมยาวรุงรังที่พยายามสางผมแล้ว แต่ก็ยังติดกัน ไม่รู้จะนิยามว่ายังไง ผมก็ฟู หน้าตาก็ดูไม่ได้!
"กินข้าวก่อนเถอะ หากอยากอาบน้ำค่อยอาบทีหลัง" ฉิงหมิงมองคนที่ทำหน้าเหมือนคนไม่มีแรง เขาไม่รู้ว่าเขามีภรรยาหรือว่ามีลูกกันแน่ ต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ หญิงสาววัยนี้ส่วนมากต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ... หรือว่าเขาเข้าใจผิด
"อย่าต่อว่าฉันทางสายตาแบบนั้น ฉันมองออกนะ แค่ยังไม่ได้อาบน้ำเท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วฉันสวยมาก... " หนิงหนิงจ้องมองคนที่กำลังมองมา
"กินข้าวเถอะ" ฉิงหมิงกลั้นหัวเราะไปด้วยพูดไปด้วย เรื่องที่มองออกหรือไม่ออกนั้นไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องชมตัวเองสวยนี่ต้องคิดใหม่แล้ว ดูยังไงก็หาความสวยบนใบหน้ามอมแมมนั้นไม่เจอ แต่เขาจะลองเชื่อดู ให้สาวน้อยได้อาบน้ำก่อน อาจสวยขึ้นมาทันทีตามที่สาวน้อยต้องการก็ได้ ใครจะไปรู้
"วันนี้ผมจะเข้าเมืองไปทำธุระให้เรียบร้อย คืนนี้ไม่ได้กลับ คุณอยู่คนเดียวได้ไหม ผมทำกลอนประตูใหม่เรียบร้อยหมดแล้ว ถึงบ้านจะหลังเล็ก แต่แน่นหนาแน่นอน"
"ได้ค่ะ แล้วช่วงที่รอคุณกลับมา จะให้ฉันทำอะไรไหม" หนิงหนิงคนเก่าทำงานสารพัดให้ครอบครัว แต่พอมามีสามี นอกจากงานบ้านแล้วจะให้เธอทำอะไรคงต้องถาม หากทำแค่งานบ้านนั้นบอกเลยว่าสบายมาก
"แค่งานบ้าน และดูว่าที่บ้านขาดอะไรไหม ผมกลับมาแล้วจะพาไปซื้อ และนี่คืออาหาร คิดว่าน่าจะพอจนกว่าผมจะกลับ" ฉิงหมิงเปิดกระเป๋าลายทหาร แล้วหยิบอาหารกระป๋องและนมผงส่งให้สาวน้อย
"ข้าวสารและไข่อยู่ในครัว คุณคงอยู่ได้นะ" เมื่อเห็นว่าอีกคนนั่งมองของที่เขายื่นให้ ฉิงหมิงเลยพูดต่อพร้อมกับปิดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางเข้าเมือง
"อยู่ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณใจดีกับฉันมาก ฉันเพิ่งรู้ว่าการมีสามีมันดีแบบนี้เอง" คนที่พูดไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่คนที่ได้ยินกลับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
"ผมต้องไปแล้ว กลางคืนอย่าลืมลงกลอน ใครมาเรียกก็ไม่ต้องออกมาเข้าใจไหม" ฉิงหมิงพูดรัวเร็วพร้อมกับพยายามหลบสายตา หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นของภรรยา ถึงกับทำให้หน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที พร้อมกับคิดคาดโทษเด็กสาวที่ช่างกล้าพูดออกมาแบบนั้น ขนาดเขาโตกว่าตั้งหลายปี พอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ฉิงหมิงออกมาถึงหน้าบ้านก็หันกลับไปมอง ก่อนจะปิดประตูรั้วแล้วถอนหายใจออกมา จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะการนัดหมายในครั้งนี้มีมาก่อนที่เขาจะกลับมา ใครจะไปคิดว่าอยู่ดี ๆ จะมีภรรยาเข้ามาให้ต้องรับผิดชอบอย่างไม่รู้ตัว พอมีก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองอยู่หลาย ๆ รอบว่าเธอเคยอยู่หมู่บ้านนี้ ยังไงก็อยู่ได้ ประตูก็จัดการซ่อมแซมจนแน่นหนา หากไม่เปิดรับคน ไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน เขาปลอบใจตัวเองแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี หากการนัดหมายนี้ไม่สำคัญ เขาก็คงไม่ไป
ทุกย่างก้าวที่ฉิงหมิงก้าวออกห่างจากบริเวณบ้านนั้นมีแต่ความหนักอึ้ง เพราะอดเป็นห่วงสาวน้อยหน้าตามอมแมมไม่ได้ ต่อไปคงต้องวางแผนในการใช้ชีวิตเสียใหม่ เพราะเขาไม่อยากปล่อยสาวน้อยไว้ที่บ้านคนเดียวในยามค่ำคืน...
ตอนที่ 6 เครื่องแลกเปลี่ยนหลังจากอีกคนออกไปแล้ว หนิงหนิงก็เริ่มทำงานบ้าน ถึงแม้ว่าก่อนจากมาแทบไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก่อนที่จะไปเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องช่วยงานที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนต้องช่วยงานกันทั้งหมด ยิ่งโตขึ้นยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม เรื่องเท่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแน่นอน เธอยังจำได้ดีว่าต้องทำแบบไหน และหนิงหนิงในโลกนี้สามารถทำงานได้สารพัด งานบ้านเลยกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอไปเสียแล้ว"ปัจจัย 4 คือสิ่งจำเป็นมาก ๆ ในยุคนี้" หนิงหนิงพึมพำไปพร้อมกับใช้ความคิดทางการอนุญาตให้เลี้ยงหมูได้ครอบครัวละ 1 ตัว และเลี้ยงไก่ได้บ้านละ 2 ตัว นั่นหมายถึงเธอสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูได้ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอต้องรอเจ้าของบ้านกลับมาแล้วค่อยปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้"ไข่มุกจ๋าาา... มีพรวิเศษอะไรให้หนิงหนิงบ้าง" หนิงหนิงลูบสร้อยไข่มุกและทดลองหลับตา ทำทุกวิธีที่ตัวเองเคยได้ยินได้อ่านมา อาจเป็นมิติวิเศษ ห้างขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ระบบฟาร์ม สิ่งไหนก็ได้ขอให้ได้มา ตั้งจิตอธิษฐานอย่างใจเย็น... แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..."อาจมาช้าแบบที่ถิงถิงบอก อย่าช้าจนฉันตายอี
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 9 ความลับของนางร้ายหนิงหนิงทดลองใช้กระเป๋าแลกเปลี่ยน ในเมื่อเครื่องสี่เหลี่ยมเปลี่ยนเป็นกระเป๋า หนิงหนิงเลยเรียกแบบใหม่ให้มันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองใช้ โดยเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋า ต้นแรกไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ อาจเพราะต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพร การทดลองทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะความรู้เรื่องสมุนไพรหรือต้นไม้ไม่มีอยู่ในหัวเลย เลยต้องสุ่มขุดทั้งรากส่งเข้าไป หากสิ่งไหนแลกได้ก็จะหายไปจากกระเป๋า แต่หากสิ่งไหนแลกไม่ได้ มันจะอยู่แบบนั้นจนกว่าเราจะเอาออกต้องลองใช้งานเครื่องเองทุกอย่าง ยิ่งใช้งานยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม กระเป๋าใบเล็กแต่สามารถเอาต้นไม้ต้นใหญ่ใส่ได้ เหมือนเล็กแค่ขนาดของกระเป๋าเท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งของจะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน หากสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ กระเป๋าใบนี้จะดูดเข้าเอง โดยไม่ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นใส่ลงไปในกระเป๋า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มีสมุดบันทึกและปากกาหนึ่งด้ามเพิ่มมา ให้ได้รู้ว่าแลกอะไรไปบ้าง สิ่งของในช่องว่างมีจำนวนเท่าไหร่ และเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้หาสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะจะมีรูปภาพสิ่งของที่สามารถแลกได้ หากให้เปรียบเทียบเหมือ
ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่องหนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง..."หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละเมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสาม
ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกันผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอนวันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามา
ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ "ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย "ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีล
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น
ตอนที่ 42 หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมวันนี้เป็นวันแรกที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมทั้งหลาย หนิงหนิงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุด เตรียมข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เพื่อรอเด็ก ๆ โดยมีเหอเหรินกับเหอหมิงเป็นผู้ช่วยส่วนฉิงหมิงกับเหอหยวนไปช่วยกันทำในงานอยู่ตรงสวนหลังบ้าน เขาต้องรีบจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่โตเร็วกว่าปกติให้เรียบร้อย เพื่อส่งขายให้ตระกูลจ้าวที่จะมารับสินค้าเย็นนี้ ผลผลิตชุดนี้เป็นชุดแรกของปี และเป็นชุดแรกที่มียอดผลผลิตจำนวนมาก ที่น่าอัศจรรย์ใจมากกว่าสิ่งอื่นนั่นคือ.. เห็ดที่ภรรยาเพาะมีจำนวนมาก แม้แต่ภรรยาที่เป็นคนทำยังตกใจกับผลผลิตที่ได้ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิ่งเข้าออกหน้าบ้านหลังบ้านนั้นคือย่า เพราะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เรียกร้องความสนใจย่าได้มากที่สุดคือสวนผักที่อยู่หลังบ้าน บ่อปลา และโรงเพาะเห็ด จากตอนแรกไม่อยากจะมา หลีกเลี่ยงตลอด ตอนนี้กลับกำลังเพลิดเพลิน ไม่อยากกลับไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วหนิงหนิงมองย่าทีไรก็ต้องยิ้มตามทุกครั้ง เพราะย่ามีสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด พอรู้ว่าจะมีเด็ก ๆ มา ย่ายิ่งชอบใจ เหมือนได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ย่าอยากทำ พอ
ตอนที่ 41 คุณรู้ไหม... คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวันเหตุการณ์เติมเชื้อเพลิงปาระเบิดในครั้งนั้น ผลออกมาเป็นเช่นไร หนิงหนิงไม่ได้สนใจรอดูผลงานของตัวเอง เพราะเธอมีงานมากมายที่ต้องทำ คนพวกนี้เล่นสนุกได้เป็นบางครั้ง แต่อย่าเอามาทำให้เสียเวลาชีวิต จะรักกันหรือตีกันก็ตามสบาย เจอหน้าเมื่อไหร่ก็โยนเชื้อไฟให้เมื่อนั้นเท่านั้นเอง"น่าจะเรียกย่าไปร่วมสนุกด้วย... เสียดายจริง ๆ " ซูหรงได้ยินที่หลานสาวเจอกับคนบ้านเดิมทีไรก็เสียดายทุกครั้ง เธอชอบใจที่หลานสาวสู้คน มีการเอาคืน ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ "ฉันไม่รู้ว่าจะเจอพวกเขา พอเจอแล้วมันก็นึกถึงตอนที่ตัวเองโดนรังแก เลยไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ " หนิงหนิงบอกกับย่าพร้อมกับหัวเราะท่าทางการแสดงออกของย่าที่พร้อมสนับสนุนหลาน ทั้งที่หลานสาวจะไปมีเรื่องกับคนอื่น"ระวัง... อาหมิงรู้... " หลี่อี้เตือนลูกสาว เพราะรู้ว่าลูกเขยรักและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก รักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ความยับยั้งชั่งใจเกี่ยวกับภรรยาไม่มีเลย ไม่เคยเขินอาย อยากกอดรัดภรรยาเวลาไหนก็ทำเลย ไม่ได้สนใจสถานที่หรือสนใจผู้คนรอบข้าง ไม่มีอายใคร ไม่มีเกรงใจหากคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเขยเป็นหนั
ตอนที่ 40 สวัสดีน้องสาวสุดที่รักนับเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนที่พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดินเองได้ เท่านี้ก็ถือว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาแล้วสองสามีภรรยารู้ดีว่าที่อาการพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นเพราะอะไร แต่ทั้งสองก็ได้แต่เงียบไว้เท่านั้นเองส่วนอาการของเย่อี้เตอยังไม่เห็นผลอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้มีการรักษาแบบเดียวกัน ต้องยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่ฉลาด รู้จักพูด รู้จักเข้าหาคนพอรู้เรื่องคนป่วยอีกคนที่มีอาการดีขึ้น หลีเฟิงเลยเข้าไปคุยกับหมอพร้อมเสนอแนวทางให้หมอช่วยรักษาแบบเดียวกัน จะได้มีการเปรียบเทียบว่า การรักษาแบบเดียวกันสามารถหายเหมือนกันได้ไหมซึ่งตอนนั้นหมอก็ต้องการคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะได้แก้ไข จึงทำให้เย่อี้เตอกลายมาเป็นคนไข้พิเศษเช่นเดียวกันกับพ่อของหนิงหนิงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะว่าลูกชายคนโตยังทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งพ่อและแม่ในส่วนของแม่เลี้ยงนั้นอาการยังเหม