ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมือง
หนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุ
หากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ
"ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง
"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง
"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหมด เหลือเพียงนิดเดียวไม่ใช่เหรอครับ" ฉิงหมิงบีบแก้มคนที่ทำและแสร้งไม่รู้
"นึกว่าจะไม่สังเกต ไปกันค่ะ จะได้รีบทำรีบเสร็จ อยากไปที่โรงขยะหาพวกของเก่า ลองดูว่าพอมีสิ่งไหนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้" การเข้าเมืองวันนี้ไม่ใช่แค่ไปเดินเรื่องเอกสารเพียงอย่างเดียว จุดประสงค์ของหนิงหนิงคือการตามหาสิ่งของแลกเปลี่ยนแบบอื่นที่ไม่ใช่ต้นไม้แบบที่เธอทำอยู่ทุกวัน เพราะพวกต้นไม้ต่าง ๆ แลกเหรียญได้น้อยมาก ๆ
"ผมก็สงสัยเท่านั้นเอง" ฉิงหมิงบอกไปตามตรง ซึ่งมันก็ดีที่ภรรยาเอาเข้าไปเก็บในช่องว่าง ถึงเขาไม่ค่อยรู้เรื่องว่ามันสามารถเก็บแบบไหนยังไง แต่หากภรรยาเป็นคนจัดการ เขาก็เชื่อใจและตามใจภรรยาทุกอย่าง เขามีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่งก็พอแล้ว
การเข้าเมืองมีรถโดยสารประจำทางวิ่งอยู่สามเวลา ค่อนข้างสะดวก และอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน นั่งรถไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ก่อนออกมาหนิงหนิงได้แวะหาป้าเหลียน ถามเรื่องเกี่ยวกับที่พัก ทั้งลุงและป้าจะเป็นคนจัดการให้ จึงทำให้เธอหมดห่วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหลือแค่รอเวลาให้เพื่อนสามีมาเท่านั้นเอง ซึ่งกำหนดเวลาก็น่าจะเป็นอาทิตย์หน้า ยังพอมีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมสิ่งของให้ครบ
ช่วงจังหวะที่รอรถ หนิงหนิงก็เดินดูต้นไม้ริมถนนไปด้วย หากมีต้นไหนที่น่าสนใจและยังไม่เคยส่งเข้าแลกเปลี่ยน หนิงหนิงจะใช้มีดด้ามเล็กขุดเพื่อส่งเข้าแลกเปลี่ยน โดยมีสามีคอยช่วยและยังตามติดไม่ยอมออกห่าง
"หนิงหนิง เข้าเมืองเหรอ" เสียงเรียกถามทำให้หนิงหนิงต้องหันไปมอง
"ใช่จ้ะ ป้าก็จะเข้าเมืองเหมือนกันเหรอจ๊ะ" หนิงหนิงหันไปมองแล้วถามกลับ ทั้งที่มั่นใจว่าใช่ แต่ก็ต้องถามพร้อมกับตีสีหน้าใสซื่ออย่างไร้เดียงสาอีกด้วย
"ใช่... จะลองไปถามเรื่องลงชื่อซื้อของซ่อมบ้าน" คนถูกถามเดินเข้าไปกระซิบตอบเสียงเบา
"ทั้งหมดเลยเหรอ" หนิงหนิงมองทุกคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ เพราะกลุ่มนี้คือกลุ่มเดียวกับที่เจอเมื่อวานที่ร้านค้าสหกรณ์ ซึ่งทั้งหมดได้รับข่าวสารที่สามีเธอเป็นคนพูดไว้ และเป็นอย่างที่สามีเธอคาดเดาไว้ไม่มีผิด
"ใช่ สามีหนิงหนิงพาเราไปได้ไหม น้าจะจ่ายค่าเสียเวลาให้" พอมีคนเริ่มพูด คนที่เหลือก็พยักหน้าสนับสนุนความคิดอีกคนทันที
"ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ไปด้วยกันเพราะผมก็ต้องไปที่นั่นเหมือนกัน" ฉิงหมิงส่งมีดกับต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ที่เพิ่งขุดเสร็จให้ภรรยา พร้อมกับพูดคุยกับพวกป้า ๆ ไปด้วย
"จริงใช่ไหม ขอบใจมากพ่อหนุ่ม" ทุกคนต่างดีใจ อย่างน้อยยังมีคนที่เคยเดินเรื่องไปด้วย ที่พวกเธอรวมตัวกันมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะลองเข้าไปดูว่าจริงไหม และได้รู้ว่าสองคนนี้ก็จะเข้าไปในเมืองเช่นกัน อย่างน้อยยังมีคนรู้จักไปด้วย ยอมแม้แต่จะจ่ายค่าจ้างให้พาไปด้วยซ้ำ อาจเพราะพวกเธอเคยชินที่ต้องทำแบบนี้ พอมาเจอคนไม่คิดค่าจ้างยิ่งทำให้ทุกคนยิ้มออกมาอย่างดีใจ
"มันอยู่ไม่ไกลกันมาก ทุกคนเอาทะเบียนบ้านมาก็สามารถตรวจสอบหรือลงชื่อได้แล้วครับ แต่หากอยากรู้ระยะเวลาสามารถถามเขาได้เลย แต่ทำแบบนี้ระวังหัวหน้าชุมชนไม่พอใจนะครับ" ฉิงหมิงยังคงแนะนำและยังไม่ลืมที่จะโยนเชื้อเพลิงใส่กองไฟกองน้อย ๆ นี้ด้วยเช่นกัน
"พวกเราไม่พูดแน่นอน อีกอย่างวันนี้เขาไม่ได้เข้าไปในเมืองเพราะเมื่อวานเขาเพิ่งเข้าเมือง หัวหน้าจะเข้าเมืองวันเว้นวัน และวันนี้มีงานที่หน่วยคอมมูน ไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องแน่นอน" ก่อนออกมาก็ต้องตรวจสอบให้เรียบร้อย เพราะยังไงก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่สองสามีภรรยาบอกมานั้นเชื่อถือได้ไหม พวกเธอเลยต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รู้กันแค่ในครอบครัวไม่กี่คนเท่านั้น
"ครับ หากเคยลงชื่อไว้แล้ว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ได้เลย" ฉิงหมิงส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ทุกคนก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มหวานให้ภรรยาที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ
เมื่อมาถึงสถานที่ราชการ ซึ่งมีอาคารหลายหลังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน แยกเป็นสัดส่วนของแต่ละหน่วยงาน หนิงหนิงเดินตามสามีไปเรื่อย ๆ สายตาสำรวจและจดจำเส้นทาง เพราะนี่คือครั้งแรกที่เย่เผยหนิงทั้งโลกเก่าและโลกนี้ได้เข้ามาในเมือง และยังเข้ามาในสถานที่ราชการอีกด้วย จึงทำให้ต้องสำรวจและจดจำให้ได้หลาย ๆ อย่าง เพราะเธอไม่ได้รู้เรื่องในโลกนี้มากนัก จึงต้องศึกษา หากสิ่งไหนหลีกเลี่ยงได้ก็ต้องหลีกเลี่ยง
"หากเป็นคนของรัฐ การกินอยู่ไม่ค่อยลำบากเหมือนชาวบ้านทั่วไป" ฉิงหมิงกระซิบบอกภรรยาเพราะรู้ว่าภรรยากำลังสำรวจพื้นที่ และรู้ว่าภรรยาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับที่นี่ เขาเลยทำหน้าที่คอยบอกและแนะนำไปด้วยตลอดทาง
"หนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่งงานกันใหม่ ๆ นี่ดีอย่างนี้นี่เอง" เสียงป้า ๆ ที่เดินตามมาต่างพากันหัวเราะและยิ้มตามสองสามีภรรยาที่ดูแล้วสามีจะดูแลภรรยาอย่างดี คอยคุยคอยบอกว่าตรงไหนคืออะไร ถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดที่สองสามีภรรยาพูดคุย แต่รู้ได้ในทันทีว่าสามีช่างเป็นคนที่เอาใจใส่ภรรยาเป็นอย่างดี
"ฉันไม่เคยเข้ามาในเมืองเลยจ้ะ" หนิงหนิงก็หันไปบอกและยิ้มให้ทุกคนเช่นเดียวกัน
"ดีแล้ว ต่อไปก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองสักที" ทุกคนรู้ดีว่าหนิงหนิงต้องทำงานอยู่ในบ้านหลังนั้นตลอด ไม่มีโอกาสออกมาข้างนอก แต่ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเพราะมันคือเรื่องของครอบครัว จะมีแต่เหลียนฮวาที่เข้าไปหาบ่อย ๆ เพราะอย่างน้อยเหลียนฮวาก็สนิทกับแม่ของหนิงหนิง คนที่ไม่ได้สนิทเข้าไปเฉียดหรือถามหาหนิงหนิงได้ที่ไหน บ้านนั้นไม่สนใจใครทั้งนั้น
"ขอบคุณจ้ะป้า" หนิงหนิงยิ้มให้ทุกคน ดูแล้วทุกคนก็ไม่ได้มีพิษภัยเท่าไหร่ หนิงหนิงสามารถคุยได้กับทุกคน ขอเพียงไม่ร้ายกับเธอ เธอก็ไม่ทำอะไรพวกเขาอยู่แล้ว
"หนิงหนิงเหมือนแม่ไม่มีผิด และตอนนี้รู้ตัวไหมว่าทั้งสวยทั้งน่ารัก หน้าตาสดใส อย่าบอกนะว่าเพราะมีสามีดี" พูดจบก็พากันหัวเราะคิกคักตลอดทาง
"ตั้งแต่มีสามี ฉันก็มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น" หนิงหนิงพูดเหมือนปกติ แต่เธอคิดว่าคำพูดของเธอนั้น สามารถทำให้พวกป้า ๆ ทั้งหลายเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นได้อย่างแน่นอน
"นั่นสิ... แต่ก่อนเห็นทำแต่งาน แต่งออกมาแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี" ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องหนิงหนิงดี วัน ๆ ทำแต่งานให้คนทั้งบ้าน หากไม่ได้ทหารบาดเจ็บเป็นสามี ไม่รู้ว่าจะหาสามีได้ไหม พ่อกับแม่เลี้ยงก็ไม่คิดที่จะให้แต่งออกไป
หนิงหนิงยิ้มให้ทุกคนโดยไม่พูดอะไรต่อ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ทั้งหมด พวกป้าทั้งหลายเก่งมาก เชื่อมโยงทุกเรื่องเข้าด้วยกันได้โดยไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิด
"ถึงแล้วครับ เข้าไปในอาคารนี้แล้วถามเจ้าหน้าที่เลยครับ" ฉิงหมิงหยุดเดินแล้วหันมาแนะนำคนที่มาด้วยกัน
"ถามเขาได้เลยไหม ต้องทำแบบไหน พาพวกเราเข้าไปก่อนได้ไหม" ครั้งแรกที่มาเพราะความอยากรู้ แต่ก็ยังกลัวเจ้าหน้าที่อยู่ดี
"ผมไปยื่นเอกสารของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะรีบมา" ฉิงหมิงไม่คิดที่จะทิ้งพยานทั้งหลายอย่างแน่นอน คนกลุ่มนี้เป็นพยานชั้นดีที่จะเอาผิดหัวหน้าชุมชน ยังไงเขาก็ต้องมาช่วยให้ถึงที่สุด
"ถ้าอย่างนั้นก็รีบ ๆ ไปก่อน จะได้รีบ ๆ มา ป้าจะอยู่แถว ๆ นี้แหละ" อย่างน้อยมีคนที่เคยมายื่นเรื่องมาช่วยจะได้อุ่นใจ
เมื่อแยกย้ายกันแล้วฉิงหมิงก็พาภรรยาไปยื่นรับเอกสารอย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เหมือนมีคนทำไว้รออยู่แล้ว เลยทำให้หนิงหนิงมองสามีที่ก้มลงเขียนหนังสือเหมือนเขาทำเป็นประจำจนคล่องแคล่ว
"คุณเป็นทหาร แต่ทำงานเอกสารคล่องเหมือนทำบ่อย ๆ " เมื่อสงสัยก็ถามไม่ปล่อยไว้นาน เดี๋ยวจะอึดอัดเพราะความอยากรู้
"ทหารอยู่แทบทุกหน่วยงาน และทหารก็ทำหน้าที่ได้หลายอย่างเช่นกันครับ ไม่ใช่แค่อยู่แต่ในค่ายเท่านั้น ทหารอยู่ทุกที่ของประเทศนี้ครับ" ฉิงหมิงบอกคนที่ชอบสงสัยทุกเรื่องและเขาต้องรีบบอกรีบอธิบาย ไม่อย่างนั้นจะนั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น
"แล้วเอกสารนี่คือเรียบร้อยแล้วเหรอคะ" หนิงหนิงไม่เข้าใจว่ายื่นเรื่องแบบไหน เหมือนเขาเดินเรื่องไว้แล้ว แค่มารับเอกสารเท่านั้นเอง
"เรียบร้อยแล้วครับ ผมจัดการตั้งแต่วันที่เข้ามาในเมือง" ฉิงหมิงตอบแต่ไม่ได้มองหน้าภรรยา เพราะมัวแต่เขียนรายงานเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมหลักฐาน
"เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องนี้คุณทำเองและก็ยังให้หัวหน้าชุมชนทำด้วยเหรอคะ"
"ครับ ผมเดินเรื่องเอง ส่วนเรื่องที่ให้หัวหน้าชุมชนทำให้นั้น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเอาคุณมาพูดเสีย ๆ หาย ๆ "
"แล้วไม่กลัวทำเรื่องซ้ำซ้อนเหรอคะ" เรื่องเดียวแต่เดินเรื่องสองทาง แบบนี้จะผิดไหม
"ผมคุยกับเจ้าหน้าที่จนเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ผมส่งเรื่องร้องเรียนหัวหน้าชุมชนก่อน เราจะได้ไปช่วยป้า ๆ ไขข้อข้องใจกันเร็ว ๆ " เมื่อเขาเขียนเสร็จก็โบกมือเรียกคนมาเอาเอกสารเพื่อเดินเรื่องต่อทันที
หนิงหนิงมองสามีอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเป็นใครกันแน่ หากเขาเป็นทหารที่ปลดประจำการมาจริง ๆ ทำไมถึงสามารถเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาเอาเอกสารได้ ทั้งที่ปกติแล้วประชาชนต้องเป็นคนเข้าไปหาเจ้าหน้าที่มากกว่า หรือว่าเขายังมีตำแหน่งในนี้อยู่ ตอนนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่ทำให้หนิงหนิงต้องใช้ความคิดจนคิ้วขมวดเป็นปม เข้าใจว่าเธอและเขานั้นยังไม่รู้เรื่องราวของแต่ละคนมากนัก แต่เรื่องนี้มันเกินความคาดหมายไว้จริง ๆ
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
แรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่มีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับมีเครื่องประดับที่มีความพิเศษซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเหมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเองตามหานายหญิงไปด้วย...ตอนที่ 1 สร้อยไข่มุกเป็นเหตุเย่เผยหนิง นักแสดงมากฝีมือที่ถือครองตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่ง ถึงจะมี ใครบางคน บอกว่าเธอเป็นนางร้ายอันดับสอง แต่เธอไม่ยอมรับเพราะเธอมั่นใจว่าเธอคือที่หนึ่ง!!วันนี้ก็เช่นกัน!! เมื่อคนที่ไม่ชอบหน้าต้องการประมูล สร้อยไข่มุกโบราณ มีหรือที่ หนิงหนิง คนนี้จะยอม กู้เจ้าหรู นางร้ายอันดับสอง (ที่
ตอนที่ 2 ลาก่อนนางร้ายอันดับหนึ่งหนิงหนิงยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างที่มีแต่แสงสีขาวคล้าย ๆ หมอกลอยอยู่ทั่วบริเวณ เธอใช้ความคิดอย่างหนักว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน และตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน แล้วฝันอะไรถึงมีแต่หมอกเต็มไปหมด..."มาถึงแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงร้องถามดังขึ้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหันซ้ายแลขวา เพื่อตามหาที่มาของเสียง และสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือร่างกลมอวบอ้วนของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนยิ้มแฉ่งส่งมาให้"หนู... พูดกับพี่หรือเปล่าคะ" หนิงหนิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าได้คุยกับเธอจริง ๆ ไหม"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เสียงใสยังคงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี"หนูเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหนเหรอ" หนิงหนิงเริ่มถามเพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้ทันที"พี่สาวคนสวยตายแล้ว ที่นี่คือเส้นแบ่งความเป็นและความตาย ที่แห่งนี้มีไว้สำหรับพิจารณา เพื่อให้เลือกว่าจะไปเกิดใหม่ที่ไหน" เจ้าตัวเล็กยังคงอธิบายต่อเรื่อย ๆ"ตายแล้วเหรอ... " หนิงหนิงทวนคำที่ได้ยิน เหมือนกับว่าเธอยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน"ใช่ พี่สาวอยากไปเกิดที่ไหน ถิงถิงมีข้อเสนอให้ สนใจไหมเจ้าคะ" ถิงถิงเอียงคออย่างน่ารัก พร้อมทั้ง
ตอนที่ 3 สัญชาตญาณหนิงหนิงยังคงมีเรื่องสงสัย แต่ทุกอย่างกลับหายไปกับตา หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและมืดมิดได้ยินเสียงแว่วมาตามลม... เหมือนมีคนกำลังเรียกหาเธอ....โครม!!!"ตื่น!!! นังตัวดี!!! "หนิงหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ภาพเบื้องหน้าเหมือนมีม่านหมอกจาง ๆ บดบังไม่ให้มองเห็นได้ชัด แต่กลับมีความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกาะกุมร่างกาย ความรู้สึกช่างเหมือนการแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด ร่างกายชาหนึบจนไม่สามารถขยับได้ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจจนรู้สึกหนาวจับจิตจับใจ ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพียะ!!"ออกไปจากบ้านฉันเลยนะ!! " เสียงเด็กสาวตวาดดังลั่นหนิงหนิงนางร้ายอันดับหนึ่ง ผู้ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอเริ่มที่จะตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับว่างเปล่า เธอยังคงสับสนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้แค่ว่าเธอข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างใหม่... ซึ่งก็คือตัวเธอในโลกใบนี้! หนิงหนิงค่อย ๆ มองดูทุกอย่างรอบ ๆ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่เธอก็ต้องป้องกันตัว หลังจากโดนกระทำตั้งแต่ยังไม่
ตอนที่ 4 เย่เผยหนิงผู้โชคดี ตื่นมามีสามีเป็นของตัวเองหนิงหนิงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอป้องกันตัวและทำตามสัญชาตญาณทั้งหมด โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะมองไปที่คนที่แทนตัวเองว่า ป้า และยังอาสาเดินไปส่ง ยังดีที่มีคนใจดีพาเธอไปส่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลงทางแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ความทรงจำเดิมก็ไม่มี"ทีหลัง อย่าไปพูดแบบนั้นกับพ่อรู้ไหม ถ้าเดือดร้อนมาแล้วไปขอให้เขาช่วยเหลือ เขาจะไม่ช่วย" เหลียนฮวาที่เดินนำก็สอนหลานไปด้วย"ป้าคิดว่าเขาจะช่วยฉันจริง ๆ เหรอคะ" ถึงจะพึ่งมาอยู่ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนแบบนั้นไม่มีทางช่วยเหลือเธอแน่นอน"ตายแล้ว... อย่าพูด แต่ก่อนยังทนได้ ทนอีกนิด เผื่อเราเดือดร้อน" เหลียนฮวากลัวหลานลำบาก เลยไม่อยากให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ"เดือดร้อนฉันก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ป้าเป็นพยานให้ฉันด้วย เรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้" หนิงหนิงรีบหาพวกทันที อย่างน้อยตอนนี้ ป้าคนนี้ก็หวังดีกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น"เด็กคนนี้นี่นะ" เหลียนฮวาส่ายหัวกับคำพูดหลานสาว ถามว่าเธอเห็นด้วยไหม จริง ๆ
ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคนหนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรกในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคยยิ่งมอง ยิ่งผูกพันยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นเฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมา
ตอนที่ 6 เครื่องแลกเปลี่ยนหลังจากอีกคนออกไปแล้ว หนิงหนิงก็เริ่มทำงานบ้าน ถึงแม้ว่าก่อนจากมาแทบไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก่อนที่จะไปเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องช่วยงานที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนต้องช่วยงานกันทั้งหมด ยิ่งโตขึ้นยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม เรื่องเท่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแน่นอน เธอยังจำได้ดีว่าต้องทำแบบไหน และหนิงหนิงในโลกนี้สามารถทำงานได้สารพัด งานบ้านเลยกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอไปเสียแล้ว"ปัจจัย 4 คือสิ่งจำเป็นมาก ๆ ในยุคนี้" หนิงหนิงพึมพำไปพร้อมกับใช้ความคิดทางการอนุญาตให้เลี้ยงหมูได้ครอบครัวละ 1 ตัว และเลี้ยงไก่ได้บ้านละ 2 ตัว นั่นหมายถึงเธอสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูได้ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอต้องรอเจ้าของบ้านกลับมาแล้วค่อยปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้"ไข่มุกจ๋าาา... มีพรวิเศษอะไรให้หนิงหนิงบ้าง" หนิงหนิงลูบสร้อยไข่มุกและทดลองหลับตา ทำทุกวิธีที่ตัวเองเคยได้ยินได้อ่านมา อาจเป็นมิติวิเศษ ห้างขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ระบบฟาร์ม สิ่งไหนก็ได้ขอให้ได้มา ตั้งจิตอธิษฐานอย่างใจเย็น... แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..."อาจมาช้าแบบที่ถิงถิงบอก อย่าช้าจนฉันตายอี
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ "ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย "ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีล
ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกันผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอนวันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามา
ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่องหนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง..."หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละเมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสาม
ตอนที่ 9 ความลับของนางร้ายหนิงหนิงทดลองใช้กระเป๋าแลกเปลี่ยน ในเมื่อเครื่องสี่เหลี่ยมเปลี่ยนเป็นกระเป๋า หนิงหนิงเลยเรียกแบบใหม่ให้มันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองใช้ โดยเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋า ต้นแรกไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ อาจเพราะต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพร การทดลองทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะความรู้เรื่องสมุนไพรหรือต้นไม้ไม่มีอยู่ในหัวเลย เลยต้องสุ่มขุดทั้งรากส่งเข้าไป หากสิ่งไหนแลกได้ก็จะหายไปจากกระเป๋า แต่หากสิ่งไหนแลกไม่ได้ มันจะอยู่แบบนั้นจนกว่าเราจะเอาออกต้องลองใช้งานเครื่องเองทุกอย่าง ยิ่งใช้งานยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม กระเป๋าใบเล็กแต่สามารถเอาต้นไม้ต้นใหญ่ใส่ได้ เหมือนเล็กแค่ขนาดของกระเป๋าเท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งของจะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน หากสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ กระเป๋าใบนี้จะดูดเข้าเอง โดยไม่ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นใส่ลงไปในกระเป๋า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มีสมุดบันทึกและปากกาหนึ่งด้ามเพิ่มมา ให้ได้รู้ว่าแลกอะไรไปบ้าง สิ่งของในช่องว่างมีจำนวนเท่าไหร่ และเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้หาสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะจะมีรูปภาพสิ่งของที่สามารถแลกได้ หากให้เปรียบเทียบเหมือ
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง