ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า
"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่
"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร
"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง
"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะเขากลัวภรรยาจะรู้สึกไม่ดี มันเหมือนซื้อขายแลกเปลี่ยนคนคนหนึ่งเลย ไม่มีการยกน้ำชาให้ญาติ และยังไม่บอกเวลาว่าจะมาส่งเจ้าสาวตอนไหน บอกแค่ให้เขารออยู่ที่บ้านเท่านั้น
ในตอนแรกเขานึกว่าพ่อแม่พี่น้องจะเป็นคนมาส่ง ที่ไหนได้กลับเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวมาส่งภรรยา มันเลยทำให้เขานั้นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจใคร
"ฉันเหมือนถูกคนบ้านนั้นขายเลย งานแต่งไม่มีไม่ว่า แต่เหมือนขายฉันเลย" หนิงหนิงไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับรู้ เพราะเธอคิดว่าชีวิตคนเรามีคุณค่ามากกว่านี้ แล้วที่สำคัญเงินตั้งเยอะไม่คิดจะแบ่งให้เธอเลยสักนิด!!
"อย่าคิดแบบนั้น ผมคิดว่ามันคือเงินสินสอด แล้วเชื่อไหมว่าคุณมีค่ามากกว่า 100 หยวน" ฉิงหมิงพยายามพูดให้ภรรยาสบายใจและเขาหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ
"ฉันรู้ว่าฉันสวย มีค่ามากกว่านั้นแน่นอน แต่ฉันเจ็บใจที่พวกเขาได้ค่าสินสอดแล้วกลับเงียบ แม้แต่เฟินเดียวยังไม่ให้ฉันเลย มันเลยเสียดาย แต่คุณสบายใจได้เลย ฉันไม่เสียใจสักนิดที่เหมือนเขาขายฉันออกมา แต่ฉันเจ็บใจที่แม้แต่การออกมาของฉัน พวกเขาก็ยังเรียกร้องเงิน" อยากเอาคืน ไม่ได้เสียใจกับคนพวกนั้นเลยสักนิดเดียว อยากตบ อยากระบาย อยากกระชากพวกนั้นแล้วจับหัวโขกพื้นให้เลือดชั่ว ๆ มันออกบ้าง
"หากอยากเอาคืนผมจะช่วย อย่าเพิ่งคิดมาก คนพวกนั้นไม่หนีไปไหน ได้เอาคืนแน่นอน แต่ตอนนี้เราไปช่วยพยานเรากันดีกว่า เอาคืนทีละคน ผมจะเป็นคนช่วยคุณเอง สั่งมาได้เลยเมียจ๋า สามีคนนี้จะจัดการให้" ฉิงหมิงดีใจที่ภรรยาไม่ได้น้อยใจในเรื่องนั้น และเขาพร้อมช่วยภรรยาตามที่เขาบอกจริง ๆ
"ขอบคุณนะ ฉันต้องได้เอาคืน ไม่อย่างนั้นฉันจะอึดอัดตรงนี้" หนิงหนิงชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธออึดอัดตายแน่ ๆ
"เมียจ๋าอย่าอึดอัดเลย... ตรงนั้นก็แทบไม่มี... ยังจะอึดอัดอีกเหรอ" ฉิงหมิงพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ที่พูดแบบนี้เพื่อให้ภรรยาจดจ่อแต่กับเขา ไม่ต้องคิดถึงเรื่องไร้สาระพวกนั้น
หนิงหนิงเดินตามสามี แต่สายตายังคงจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง มีอย่างที่ไหนชอบยั่วโมโหอยู่เรื่อย ถึงจะรู้ว่าเขาทำไปเพื่อไม่ให้เธอมานั่งเสียเวลาคิดเรื่องที่ผ่านมา และมันได้ผล ได้ผลมากด้วยกับการที่เขาชอบว่าหน้าอกเธอเล็กเนี่ย!! มันทำให้เธอลืมเรื่องอื่นจริง ๆ
"อ้าวเสร็จแล้วเหรอ ทำไมพากันมาเร็ว" เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่มาแล้ว ก็ถามอย่างแปลกใจ เพราะรอไม่นาน ทำไมทำเรื่องรวดเร็วแบบนี้
"เรียบร้อยแล้วจ้ะ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าทำเรื่องไม่นาน ได้มาครบทุกอย่างเลยจ้ะ" หนิงหนิงรีบตอบ เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่ามาเดินเรื่องเองก็สามารถทำได้ และยังรวดเร็วทันใจ เชื่อเถอะว่าป้าทั้ง 5 คนนี้ต้องเอาไปพูดต่อแน่ ๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสามีเธอมาเดินเรื่องไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
"ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเลยเสร็จเร็วครับ หากเจ้าหน้าที่มีงานเยอะ ก็ประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก็เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะแจ้งตอนที่เราทำเรื่องครับ" เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคตเขาเลยต้องบอกไปตามความจริง
"อาทิตย์สองอาทิตย์ก็ไม่ถือว่านานหรอก" ไม่ต้องเสียเงิน รอเพียงสองอาทิตย์นั้นบอกเลยว่าไม่นาน
"แต่หากให้หัวหน้าทำให้ก็เร็วนะจ๊ะ ที่บ้านทำเรื่องตัดขาดให้ฉันได้ภายในวันเดียว" ช่องไหนเสียบได้ หนิงหนิงก็เสียบทันที ไม่มีปล่อยให้ว่างโดยเปล่าประโยชน์
"วันเดียวนั้นต้องจ่ายค่าเดินเรื่องมากโข หนิงหนิงไม่รู้เลยเหรอ" เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสา ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทุกคนที่มาวันนี้ต่างคิดว่าหนิงหนิงคือคนที่ไม่ทันคน เพราะวัน ๆ ทำแต่งานอยู่ในบ้าน หากทำงานเสร็จยังต้องไปช่วยงานข้างนอก ไม่เคยได้ออกไปไหน เลยยิ่งทำให้ทุกคนเตือนและบอกให้รู้ไว้ สามีก็เพิ่งกลับมาจะไปรู้เรื่องราวในหมู่บ้านดีเท่าพวกเธอได้อย่างไร
"น่าจะเป็นแบบที่ป้าบอก เพราะตอนเย็นวันเกิดเรื่อง ผมไปที่บ้านแล้วพ่อตาบอกว่าต้องการเงินสินสอดตอนนั้นเลย" เมื่อรู้ว่าภรรยาอยากเอาคืน ฉิงหมิงก็ไม่รอช้ารับไม้ต่อจากภรรยาทันที
"จริงเหรอ เรียกตอนนั้นเลยเหรอ บอกได้ไหมค่าสินสอดหนิงหนิงเท่าไหร่ ที่ถามไม่ใช่อะไร... รู้ไหมว่าคนที่หมู่บ้านพูดกันออกเป็นหลายเสียง บางคนบอกไม่ได้ บางคนบอกได้ บางคนบอกไม่ได้ไม่ว่ายังต้องให้เงินหนิงหนิงไปตั้งตัวอีกด้วย" เรื่องนี้ชาวบ้านพูดกันทั่วทั้งหมู่บ้าน หากฟังจากบ้านเดิมของหนิงหนิงเอง คนพวกนั้นบอกไม่ได้และยังให้เงินลูกสาวออกไปอีกด้วย คนก็เชื่อเรื่องนี้เยอะ เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัว
"วันนั้นพ่อตาเรียก 100 หยวน" ในเมื่อเปิดมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยแก้ข่าวให้ภรรยาเลยแล้วกัน
"เรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน สามีเพิ่งจะมาบอก" หนิงหนิงตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องจริงให้บรรดาป้าทั้งหลายรับรู้
"ผมว่าเราไปจัดการเรื่องที่เราตั้งใจมาตั้งแต่แรกดีกว่าครับ" เมื่อเปิดแล้วก็รีบพูดเรื่องอื่นให้เหมือนเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้มันไม่ได้สำคัญ ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้อะไรแล้วเพราะตัดขาดแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าคนที่ได้ยินสามารถไปเล่าต่อได้อย่างแน่นอน
"อือ ๆ ไปกัน" ถึงจะตอบแบบนั้น แต่คำว่า 100 หยวนยังติดอยู่ในหู เงินไม่ใช่น้อย ๆ ค่าสินสอดที่แพงกว่าสาว ๆ ในหมู่บ้าน ขนาดสาว ๆ ที่เรียนหนังสือยังไม่เคยได้ยินใครได้ค่าสินสอดมากขนาดนี้ นั่นอาจเป็นเงินแทบทั้งหมดจากการปลดประจำการของสามีหนิงหนิงก็ได้
หนิงหนิงนั่งรออยู่ด้านนอก โดยให้สามีพาป้าทั้งหลายเข้าไปสอบถามกันเอง เธอไม่อยากเข้าไปให้เกะกะ เธอมั่นใจว่าสามีจัดการคนเดียวได้อย่างแน่นอน
"เพิ่งรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลอกเอาเงินพวกเราไปกินไปใช้อย่างสบายใจ" หากไม่มาในวันนี้ไม่มีทางที่จะได้รู้ ยังดีนะที่วันนี้มา ไม่อย่างนั้นต้องเสียรู้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
"คืออะไรเหรอจ๊ะ" หนิงหนิงเงยหน้าถามคนที่ออกมานั่งลงใกล้ ๆ
"พอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดู บางคนลงชื่อแล้ว บางคนยังไม่ได้ลงนะสิ แต่หัวหน้าบอกลงชื่อหมดแล้ว และยังมีใบลงชื่อให้เราเก็บไว้ ไอ้เราก็ดีใจ นึกว่าแค่รอเวลาถึงคิวตัวเองเท่านั้น ที่ไหนได้ของฉันยังไม่ได้ลงชื่อเลย" พอรู้ยิ่งโมโห และยิ่งเสียรู้ก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมอีก
"อาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้นะจ๊ะ" เมื่อจุดไฟติดแล้ว ก็ควรปล่อยให้ไฟเผาไหม้เองและค่อย ๆ เติมน้ำมันทีละนิดเท่านั้นพอ หากมากไปมันอาจลามมาถึงตัวเธอได้ แบบนั้นไม่ดีแน่ ๆ
"เฮ้อ... ผิดอะไรล่ะอาหนิง เจ้าหน้าที่หาให้หลายรอบมาก สามีของอาหนิงก็ช่วยหา" เสียเงินไม่ว่า แต่กลับไม่มีรายชื่อ
"แล้วป้าสองคนลงชื่อหรือยังจ๊ะ"
"คงต้องมาใหม่ เอาเอกสารมาไม่ครบ แต่เจ้าหน้าที่เขียนบอกแล้วว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง คงต้องรบกวนสามีหนิงหนิงช่วยอ่านเอกสารให้หน่อย เพราะป้าอ่านไม่ออก" ยังดีที่วันนี้ได้สองสามีภรรยามาช่วย ไม่อย่างนั้นอาจยุ่งยากมากกว่านี้
"เอ่อ... หากหัวหน้ารู้ เขาจะว่าพวกฉันไหมจ๊ะ" ทุกอย่างต้องตีกรอบให้ดี ในเมื่อเขายังอยู่ในตำแหน่งก็ต้องระวังไว้
"ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนมืด ๆ จะให้ลูกกับสามีถือกระดาษไปหา ป้ารับประกันไม่เดือดร้อนแน่นอน" เรื่องนี้จะพูดมั่ว ๆ ไม่ได้ มันมีทั้งคนที่ได้ผลประโยชน์และเสียผลประโยชน์
"ฉันแค่กลัว แค่ฉันไปเอาเอกสารคืน เขาก็บอกว่าจะไม่ช่วยทำเรื่องอะไรให้อีก" หนิงหนิงยังคงหยอดน้ำมันทีละนิด
"โอ๊ย... ถึงอยากช่วยก็ไม่ให้ช่วยแล้ว ช่วยทีไม่ต่ำกว่า 5 หยวน เรื่องยากหน่อย 10 หยวน บางทีก็ 20 หยวน ไม่ใช่น้อย ๆ " เมื่อได้มารู้ข้อมูลที่ตัวเองไม่เคยรู้ เลยยิ่งทำให้เจ็บใจ นับถือเขานึกว่าเขาใจดีช่วยลูกบ้าน ที่ไหนได้ ช่วยใช้เงินจากลูกบ้านนะสิไม่ว่า
"แล้วแบบนี้คนที่ไม่รู้ในหมู่บ้านล่ะ เราจะบอกพวกเขาไหม" หนิงหนิงเพียงหยั่งเชิง ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักทุกคนในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาแล้วจะเข้าข้างหัวหน้าอีกไหม
"หนิงหนิงอย่าไปพูดเชียวนะ หมู่บ้านเราก็มีคนของเขาด้วย ยิ่งไม่ทันคนอยู่ เราเงียบไว้เข้าใจไหม" สำหรับพวกเธอ 5 คนนั้นผ่านอะไรมาหลายอย่าง เอาตัวรอดได้ กลัวแต่หนิงหนิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนี่แหละจะไปพูด
"คนอื่นที่ไม่รู้ เขาก็น่าเห็นใจนะจ๊ะ ป้าบอกเองว่าเสียเงินไม่ใช่น้อย ๆ " บทนางเอกแสนดีที่ปกติไม่ได้แสดง พอมาอยู่ที่นี่เธอสวมบทบาทนี้บ่อยมาก ๆ
"หนิงหนิงรู้เหรอว่าใครเป็นยังไง รู้ไหมคนไหนคือคนของหัวหน้า พูดไปทั่ว เรานั่นแหละจะเป็นคนเดือดร้อน" บอกคนอื่นนั้นบอกแน่ แต่เลือกบอกเป็นบางคนเท่านั้น
"เรียบร้อยแล้วเหรอ" เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินออกมาก็รีบถามทันที
"รู้เรื่องแล้ว ของฉันยังไม่ถึงคิว อีกสองสามเดือนนั่นแหละ เจ้าหน้าที่บอกว่าเข้ามาถามได้ตลอด ฉันไม่คิดว่าจะเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้" ทุกคนดูแปลกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้
"มันมีทั้งเข้าถึงง่ายและยากครับ เรื่องไหนที่เขามีบริการประชาชนอยู่แล้วก็ง่ายหน่อย" ฉิงหมิงบอกให้ทุกคนรับรู้ว่ามันมีทั้งยากและง่าย เหมือนคนนั่นแหละที่พูดง่ายและยากแตกต่างกันไป แต่ก่อนที่นี่ไม่เป็นแบบนี้ เข้าหายาก แต่ละคนพูดจากับคนอื่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพิ่งถูกจัดระเบียบเมื่อไม่นานนี้เอง ไม่อย่างนั้นชาวบ้านก็ยังเข้าหาได้ยากอยู่ดี
"ยังไงก็ขอบใจมาก หากไม่มาคือไม่รู้อะไรเลย และอย่าเอาไปพูดเข้าใจไหม เดี๋ยวเจอหัวหน้ามาเล่นงาน ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่หากไม่มีพรรคพวกก็สู้ไม่ได้อยู่ดี" ทั้งห้าคนนั้นผ่านอะไรมาเยอะกว่าสองสามีภรรยา จึงต้องกำชับไว้
"วันนี้ผมมาเดินเรื่องของผมครับ" ฉิงหมิงรีบบอกให้ทุกคนสบายใจ เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้เขาก็ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้เหมือนกัน
"ฉันห่วงอาหนิงนี่แหละ ซื่อ ๆ ตามคนไม่ทัน อย่าไปพูดเชียว เข้าใจไหม วันนี้เราไม่ได้มาด้วยกัน ต่างคนต่างมา" ในเมื่อเห็นว่าคนเป็นสามีพอจะพูดเข้าใจง่าย ก็หันมากำชับอีกคนที่ดูเหมือนจะซื่อเหลือเกิน กลัวคนอื่นมาหลอกถามจริง ๆ
"ฉันรู้จ้ะ" ...ลงทุนเล่นเป็นนางเอกขนาดนี้แล้ว เพราะต้องการให้ผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้แหละ
เมื่อทุกคนพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างคนต่างแยกกันไปทำธุระอย่างอื่นต่อ เพราะเข้ามาไม่ถึงสองชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาให้ไปเดินดูของ ไปกินข้าว หรือทำธุระอย่างอื่นอีกมาก
สองสามีภรรยาเดินพูดคุยกันตลอดทาง วันนี้เข้าเมืองได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อย รวมถึงได้ยื่นเรื่องร้องเรียนหัวหน้าชุมชน หลักฐานก็ได้มาจากเอกสารที่นำกลับมาจากหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ ด้วยความเคยชินในการทำงาน ฉิงหมิงได้ลงวันที่ดำเนินการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว และในวันที่ยื่นเรื่องหัวหน้าก็เป็นคนลงชื่อไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่เขารับสินบนนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ได้พวกป้าทั้งห้าคนเป็นพยาน โดยป้าทั้งห้าคนยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกคนมีใบจองคิวรอซื้อวัสดุต่าง ๆ คนที่ออกให้คือหัวหน้าชุมชน เอกสารทุกใบหัวหน้าเป็นคนลงชื่อไว้ในเอกสารด้วยเช่นกัน ตอนนี้ที่สามารถเอาผิดได้เลยคือปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ แต่ทุกอย่างก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการ...
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
ตอนที่ 16 ของที่คนอื่นไม่ต้องการ... กลับเป็นสิ่งของล้ำค่าของนางร้ายเมื่อกลับมาถึงบ้านทั้งสองต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ สิ่งของที่จะใช้แลกเปลี่ยนถูกเก็บไว้ในช่องว่าง ค่อยแลกตอนที่ทั้งสองว่างจากงาน ตอนนี้ต้องทำงานตรงหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อนหนิงหนิงเข้าครัวเตรียมมื้อเย็น อาหารเลือกทำอาหารง่าย ๆ กินอิ่มอยู่ท้อง ถึงอยู่ที่นี่จะลำบาก แต่เธอกินได้ทุกอย่าง ไม่ต้องมาคำนวณปริมาณ ไม่ต้องรักษาหุ่น เพราะเธอไม่ได้ใช้รูปร่างหน้าตาที่ต้องดูดีตลอดเวลา เพื่อการทำมาหากินเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้เธอได้กินในสิ่งที่อยากกิน มันก็ทำให้มีความสุขไปอีกแบบ ทางด้านฉิงหมิงที่เดินสำรวจบ้านอีกรอบ ตรวจดูสิ่งของต่าง ๆ ว่ายังอยู่ครบไหม และเขาจะเริ่มวางแผนทำงานในวันพรุ่งนี้แล้ว ตรงไหนทำได้จะได้เริ่มทำไปก่อน เขาไม่อยากเสียเวลา ทำอะไรได้ก็อยากจะทำ"เมียจ๋า... มีอะไรให้ช่วยไหม" เมื่อตัวเองเสร็จงานก็เข้ามาในครัวเพื่อช่วยภรรยา หากเป็นผู้ชายหรือสามีคนอื่น น้อยคนนักที่จะเข้าครัวมาช่วยงาน เพราะคนที่นี่จะบอกว่ามันคืองานของผู้หญิง แต่เขาไม่คิดแบบนั้น ยิ่งไปเห็นอะไรที่แปลกใหม่ ยิ่งทำให้เขาคิดไม่ต่างจากภรรยา ขนาดหาเงินภรรยาเขายังทำได้เอ
ตอนที่ 17 นางร้ายกับคนบ้านเดิมผ่านมาอาทิตย์หนึ่งหลังจากที่สองสามีภรรยาได้เดินทางเข้าเมือง ตอนนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือหลังบ้านของหนิงหนิงมีบ่อน้ำใสอยู่สองบ่อ บ่อแรกไว้ใช้สำหรับใช้สอยในบ้าน อีกบ่อไว้สำหรับเลี้ยงปลาและเอาไว้รดน้ำผักและต้นไม้สิ่งของอำนวยความสะดวกหลายอย่างถูกแลกมา สิ่งแรกที่หนิงหนิงแลกมาคือหินแร่ธาตุ ซึ่งเป็นธาตุน้ำ เพราะเธอไม่อยากให้สามีต้องคอยตักน้ำไว้ใช้บ่อย ๆ เพราะบ้านหลังนี้ถูกทิ้งไว้หลายปี สิ่งที่ควรมีก็ยังไม่มี หนิงหนิงเลยต้องการบ่อน้ำส่วนตัวไว้ใช้ในบ้าน หนิงหนิงได้เหรียญจากการแลกสิ่งของในครั้งเดียว หากเปลี่ยนเป็นเงิน เธอจะมีเงินสองถึงสามพันหยวนเลยทีเดียว ซึ่งในยุคนี้ถือว่ามีเยอะมาก แต่ตอนนี้เธอต้องการสิ่งของที่จำเป็นมากกว่า เธอต้องแลกตั้งแต่อุปกรณ์ทำครัว อุปกรณ์ทำสวน และอุปกรณ์ทำมาหากินทั้งหลาย ถึงต้องใช้จำนวนเหรียญเยอะก็ยอมแลก ดีกว่าเข้าไปซื้อในเมือง เพราะมันไม่ได้สะดวก อยากซื้ออะไรต้องใช้คูปอง มีจำกัดจำนวนอีกด้วย หนิงหนิงเลยแลกกับเครื่องแลกเปลี่ยน แลกง่าย ไม่ยุ่งยากตอนนี้เธอมีแปลงผักเกือบสิบแปลง แต่ยังไม่ได้ลงมือปลูกอะไร ได้แต่เตรียมดินไว้ก่อน อีกอย่างค
ตอนที่ 18 นางร้ายกับหัวหน้าชุมชนตอนนี้ชาวบ้านเริ่มแบ่งเป็นสองฝ่าย แต่ฝ่ายที่ออกห่างหัวหน้านั้นมีมากกว่าฝ่ายที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ วันนี้วันเดียวหนิงหนิงสามารถใช้ความสามารถในการแสดงปลุกปั่นให้คนอื่นเดือดร้อนได้ถึงสองสามคนเลยทีเดียว"หัวหน้าได้เข้าไปหาหมอมาบ้างไหม" ทั้งที่ไม่รู้ว่าภรรยาทำอะไรไว้ แต่ภรรยาเปิดช่องแล้วก็เตรียมทะลวงต่อ โดนไม่โดนเดี๋ยวก็รู้ผลเอง"แค่ผื่นคัน ทำไมต้องไปหาหมอ" หัวหน้าตอบออกมาไม่เต็มเสียง เพราะเขาก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกันว่าตัวเองเป็นอะไร เพิ่งจะมีตุ่มขึ้นตามร่างกายเมื่อตอนเช้านี่เอง"อาทิตย์ที่แล้วตอนที่ฉันเข้าไปในเมือง ได้ยินคนพูดเรื่องโรคระบาดที่มีตุ่มขึ้นตามตัว แรก ๆ มันจะคัน ต่อไปมันจะกลัดหนอง ตอนนี้กำลังระบาดอย่างหนักเลย หัวหน้าเข้าไปในเมืองบ่อย ๆ ไม่รู้ข่าวเลยเหรอ" หนิงหนิงพูดยาวเหยียด และทุกคำของเธอเสียงดังฟังชัด เพื่อให้ทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง"เมืองนี้ยังไม่เจอคนติด แต่เมืองข้าง ๆ มีคนติดเยอะแล้ว เจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้อยู่ใกล้กัน เพราะเชื้อโรคมันมาทางอากาศ ผมว่าหัวหน้าควรไปหาหมอ อย่าปล่อยไว้เลย หากไม่ห่วงตัวเองก็ควรห่วงลูกบ้านนะครับ" ฉิงหมิงผู้ที่ปรับเปลี่
ตอนที่ 19 เรื่องที่อยากให้เป็น... อาจเป็นเรื่องจริงผ่านมาอาทิตย์กว่า ที่บ้านหนิงหนิงก่อกำแพงล้อมรอบที่ดินของตัวเอง โดยมีเพื่อนของสามีมาช่วย และมีครอบครัวป้าเหลียนฮวาคอยจัดหาที่นอนและทำอาหารให้ ส่วนวัตถุดิบที่เอามาทำอาหาร หนิงหนิงเป็นคนจัดเตรียมให้ทั้งหมด คาดว่าไม่เกินสามวันกำแพงก็คงแล้วเสร็จ"ถือว่าโชคดีที่หนิงหนิงได้สามีคนนี้" เหลียนฮวาที่ออกมาช่วยหลานสาวทำอาหารก็มองไปที่กลุ่มคนงาน ซึ่งมีสามีของหลานรวมอยู่ในนั้นด้วย"เขาก็ดีจ้ะ" ...แต่กะล่อนไปหน่อย"แม่ของเราคงหมดห่วง" เหลียนฮวายิ้มเมื่อพูดถึงเพื่อนตัวเอง ตอนแรกเธอไม่รู้ว่าสามีหลานเป็นคนแบบไหน รู้แต่ว่าเคยอยู่ท้ายหมู่บ้าน พ่อแม่จากไปเพราะโรคระบาด"ป้าเหลียนรู้ไหมว่าพ่อแม่ของเขาก็จากไปเพราะโรคระบาดเหมือนกันกับแม่" หนิงหนิงรู้เรื่องนี้เพราะสามีเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง คนที่เสียชีวิตเพราะโรคระบาดไม่ได้ฝังศพเหมือนคนอื่น ๆ เขาบอกว่าทางการจัดการให้ทั้งหมด แต่หนิงหนิงเดาว่าเจ้าหน้าที่คงต้องเผารวมแล้วฝังกลบอีกรอบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่มีหลุมศพให้เคารพเหมือนคนที่เสียชีวิตทั่วไป"รู้สิ ปีนั้นหมู่บ้านเราคนตายกันเยอะ พอตายแล้
ตอนที่ 20 ควรช่วยเหลือตัวเองก่อนช่วยคนอื่นกำแพงบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนของสามีต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองแล้วเช่นกัน สามีรับผิดชอบจ่ายค่าแรงให้เพื่อนที่มาช่วยงานในครั้งนี้ และยังมีข้าวสาร อาหารแห้งให้ทุกคนได้เอากลับไปด้วยหนิงหนิงได้เตรียมอาหารไว้ให้ครอบครัวป้าเหลียนแล้ว แต่ยังไม่ได้เอาไปให้ เพราะป้าเหลียนไปบ้านครอบครัวสามี กว่าจะกลับก็คงอีกหนึ่งหรือสองอาทิตย์สามีของเธอได้จ่ายค่าแรงให้ครอบครัวป้าเหลียนไปแล้ว ตอนแรกทั้งสองไม่ยอมรับ แต่ก็พูดจนพวกเขารับค่าแรง หนิงหนิงคิดว่าทำแบบนี้ดีแล้ว พวกเขาก็มีครอบครัวภาระที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกันตอนนี้หนิงหนิงเริ่มเลี้ยงปลาในกระชัง แยกชนิดของปลา ทุกอย่างก็มาจากเครื่องแลกเปลี่ยน ตอนแรกก็กลัวว่าปลาจะตายเหมือนกัน เพราะเธอไม่เคยเลี้ยงปลามาก่อนในชีวิต เคยแต่ให้อาหารเพียงเท่านั้น หากเป็นปลูกผักยังพอที่จะทำได้บ้าง"คุณว่าปลามันโตเร็วเกินไปไหม" ฉิงหมิงใช้กระชอนช้อนปลาขึ้นมาดู ปกติปลาไม่น่าโตเร็วขนาดนี้ "ฉันไม่เคยเลี้ยงปลาเลยไม่รู้ว่าโตเร็วหรือช้า แต่เท่าที่เห็นปลาตัวอ้วนและตัวมันโตมาก อย่าว่าแต่ปลาเลย ผักที่ลองปลูกยังรอดเลย ทั้งที่เราปลู
ตอนที่ 21 เตรียมทุกอย่างให้พร้อมหนิงหนิงยืนมองบ้านสองชั้นด้วยความยินดี มันคือบ้านที่เธอต้องการ ถึงแม้ว่าจะแลกมาด้วยเหรียญทั้งหมดที่มี แต่มันคุ้มค่ามาก ๆ เพราะทุกอย่างภายในบ้านตกแต่งไว้เสร็จสรรพ มีตู้ มีเตียง มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาเพิ่มให้ยุ่งยาก หนิงหนิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเตียงที่ได้มา ถึงแม้มันจะไม่ใช่เตียงเตาแบบที่คนยุคนี้นิยมใช้ ยังไงในบ้านของเธอก็อบอุ่น เพราะมีหินธาตุไฟวางอยู่ทั่วทุกมุมบ้าน"ยังขาดอะไรอีกไหม จะไปซื้อหรือว่าจะรอแลก" ฉิงหมิงที่รดน้ำต้นไม้เรียบร้อยแล้วเดินมาถามภรรยาที่ยืนมองบ้านหลังใหม่เหมือนกำลังใช้ความคิด"ฉันรอแลกเอาดีกว่า มันใช้ถนัดมือและคล่องมากกว่า หากไปซื้อต้องใช้คูปองอีก มันยุ่งยาก ตอนนี้มีแบบไหนก็ใช้แบบนั้นไปก่อนดีกว่า" หนิงหนิงบอกไปตามตรง คูปองมีจำนวนจำกัด สิ่งไหนซื้อได้ก็จำกัดจำนวนอีก เครื่องนอนผ้าห่มมีพร้อมแล้ว เครื่องครัวมีแค่ไหนใช้แค่นั้น ส่วนเสื้อผ้าของเธอและสามีก็มีอยู่แล้ว เธอแลกไว้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ซึ่งมันมากพอ สามียังบอกว่ามันเยอะเกินไปด้วยซ้ำ ในส่วนเสบียงอาหารมีพร้อมทั้งของคาวของหวาน ทั้งอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ทุกอย่าง
ตอนที่ 22 ตอบแทนเนื่องจากภรรยาสุดที่รักต้องการเหรียญเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของ เลยทำให้ฉิงหมิงต้องพาภรรยาสุดที่รักไปที่ตลาดมืดเพื่อหาซื้อสิ่งของแลกเปลี่ยน ก่อนที่จะเดินทางไปหาคนรักเก่าของแม่ยายเขานั้นเฉย ๆ แต่อีกคนเหมือนเด็กน้อยที่จะได้ไปเที่ยว ไม่รู้เพราะอะไร ตื่นแต่เช้า ให้อาหารปลา รดน้ำผักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พร้อมทั้งเตรียมอาหารเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนอีกด้วย ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าในตลาดมืดจะมีสิ่งของที่ตัวเองต้องการไหม แต่ภรรยากลับเตรียมพร้อม เหมือนมั่นใจว่าตัวเองต้องได้สิ่งที่ต้องการแน่นอนเขาเพิ่งได้อ่านสมุดที่แจ้งยอดสิ่งของที่ภรรยามีในช่องว่าง ตอนแรกที่รู้ก็คิดว่าเยอะแล้ว แต่ล่าสุดเขาแทบล้มทั้งยืน เพราะมันเยอะมากกว่าเดิม มันทำให้เขาคิดว่าภรรยากำลังตุนของหนีภัยหนาว แต่ภัยหนาวนั้นน่าจะยาวนานเกือบปีหากให้คำนวณคงอยู่ได้เป็นปี ๆ ไม่ใช่เพียงเสบียงอาหาร ตู้ยาต่าง ๆ ของภรรยานี่น่าจะมากกว่ายาที่มีอยู่ที่สถานีแพทย์ประจำชุมชนเสียอีก เท่านั้นยังไม่พอ ชุดกันหนาวทั้งของเขาและของเธอนั้นมีมากกว่า 20 ชุด และยังมีรองเท้าถุงเท้าอีก 10 กว่าคู่ยังไม่หมดแค่นั้น ชุดที่นอน หมอนใบเล็กใบน้อย หมอนข้าง ผ
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น
ตอนที่ 42 หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมวันนี้เป็นวันแรกที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมทั้งหลาย หนิงหนิงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุด เตรียมข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เพื่อรอเด็ก ๆ โดยมีเหอเหรินกับเหอหมิงเป็นผู้ช่วยส่วนฉิงหมิงกับเหอหยวนไปช่วยกันทำในงานอยู่ตรงสวนหลังบ้าน เขาต้องรีบจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่โตเร็วกว่าปกติให้เรียบร้อย เพื่อส่งขายให้ตระกูลจ้าวที่จะมารับสินค้าเย็นนี้ ผลผลิตชุดนี้เป็นชุดแรกของปี และเป็นชุดแรกที่มียอดผลผลิตจำนวนมาก ที่น่าอัศจรรย์ใจมากกว่าสิ่งอื่นนั่นคือ.. เห็ดที่ภรรยาเพาะมีจำนวนมาก แม้แต่ภรรยาที่เป็นคนทำยังตกใจกับผลผลิตที่ได้ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิ่งเข้าออกหน้าบ้านหลังบ้านนั้นคือย่า เพราะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เรียกร้องความสนใจย่าได้มากที่สุดคือสวนผักที่อยู่หลังบ้าน บ่อปลา และโรงเพาะเห็ด จากตอนแรกไม่อยากจะมา หลีกเลี่ยงตลอด ตอนนี้กลับกำลังเพลิดเพลิน ไม่อยากกลับไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วหนิงหนิงมองย่าทีไรก็ต้องยิ้มตามทุกครั้ง เพราะย่ามีสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด พอรู้ว่าจะมีเด็ก ๆ มา ย่ายิ่งชอบใจ เหมือนได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ย่าอยากทำ พอ
ตอนที่ 41 คุณรู้ไหม... คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวันเหตุการณ์เติมเชื้อเพลิงปาระเบิดในครั้งนั้น ผลออกมาเป็นเช่นไร หนิงหนิงไม่ได้สนใจรอดูผลงานของตัวเอง เพราะเธอมีงานมากมายที่ต้องทำ คนพวกนี้เล่นสนุกได้เป็นบางครั้ง แต่อย่าเอามาทำให้เสียเวลาชีวิต จะรักกันหรือตีกันก็ตามสบาย เจอหน้าเมื่อไหร่ก็โยนเชื้อไฟให้เมื่อนั้นเท่านั้นเอง"น่าจะเรียกย่าไปร่วมสนุกด้วย... เสียดายจริง ๆ " ซูหรงได้ยินที่หลานสาวเจอกับคนบ้านเดิมทีไรก็เสียดายทุกครั้ง เธอชอบใจที่หลานสาวสู้คน มีการเอาคืน ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ "ฉันไม่รู้ว่าจะเจอพวกเขา พอเจอแล้วมันก็นึกถึงตอนที่ตัวเองโดนรังแก เลยไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ " หนิงหนิงบอกกับย่าพร้อมกับหัวเราะท่าทางการแสดงออกของย่าที่พร้อมสนับสนุนหลาน ทั้งที่หลานสาวจะไปมีเรื่องกับคนอื่น"ระวัง... อาหมิงรู้... " หลี่อี้เตือนลูกสาว เพราะรู้ว่าลูกเขยรักและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก รักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ความยับยั้งชั่งใจเกี่ยวกับภรรยาไม่มีเลย ไม่เคยเขินอาย อยากกอดรัดภรรยาเวลาไหนก็ทำเลย ไม่ได้สนใจสถานที่หรือสนใจผู้คนรอบข้าง ไม่มีอายใคร ไม่มีเกรงใจหากคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเขยเป็นหนั
ตอนที่ 40 สวัสดีน้องสาวสุดที่รักนับเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนที่พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดินเองได้ เท่านี้ก็ถือว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาแล้วสองสามีภรรยารู้ดีว่าที่อาการพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นเพราะอะไร แต่ทั้งสองก็ได้แต่เงียบไว้เท่านั้นเองส่วนอาการของเย่อี้เตอยังไม่เห็นผลอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้มีการรักษาแบบเดียวกัน ต้องยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่ฉลาด รู้จักพูด รู้จักเข้าหาคนพอรู้เรื่องคนป่วยอีกคนที่มีอาการดีขึ้น หลีเฟิงเลยเข้าไปคุยกับหมอพร้อมเสนอแนวทางให้หมอช่วยรักษาแบบเดียวกัน จะได้มีการเปรียบเทียบว่า การรักษาแบบเดียวกันสามารถหายเหมือนกันได้ไหมซึ่งตอนนั้นหมอก็ต้องการคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะได้แก้ไข จึงทำให้เย่อี้เตอกลายมาเป็นคนไข้พิเศษเช่นเดียวกันกับพ่อของหนิงหนิงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะว่าลูกชายคนโตยังทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งพ่อและแม่ในส่วนของแม่เลี้ยงนั้นอาการยังเหม