ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า
"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่
"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร
"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง
"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะเขากลัวภรรยาจะรู้สึกไม่ดี มันเหมือนซื้อขายแลกเปลี่ยนคนคนหนึ่งเลย ไม่มีการยกน้ำชาให้ญาติ และยังไม่บอกเวลาว่าจะมาส่งเจ้าสาวตอนไหน บอกแค่ให้เขารออยู่ที่บ้านเท่านั้น
ในตอนแรกเขานึกว่าพ่อแม่พี่น้องจะเป็นคนมาส่ง ที่ไหนได้กลับเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวมาส่งภรรยา มันเลยทำให้เขานั้นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพราะไม่ไว้ใจใคร
"ฉันเหมือนถูกคนบ้านนั้นขายเลย งานแต่งไม่มีไม่ว่า แต่เหมือนขายฉันเลย" หนิงหนิงไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับรู้ เพราะเธอคิดว่าชีวิตคนเรามีคุณค่ามากกว่านี้ แล้วที่สำคัญเงินตั้งเยอะไม่คิดจะแบ่งให้เธอเลยสักนิด!!
"อย่าคิดแบบนั้น ผมคิดว่ามันคือเงินสินสอด แล้วเชื่อไหมว่าคุณมีค่ามากกว่า 100 หยวน" ฉิงหมิงพยายามพูดให้ภรรยาสบายใจและเขาหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ
"ฉันรู้ว่าฉันสวย มีค่ามากกว่านั้นแน่นอน แต่ฉันเจ็บใจที่พวกเขาได้ค่าสินสอดแล้วกลับเงียบ แม้แต่เฟินเดียวยังไม่ให้ฉันเลย มันเลยเสียดาย แต่คุณสบายใจได้เลย ฉันไม่เสียใจสักนิดที่เหมือนเขาขายฉันออกมา แต่ฉันเจ็บใจที่แม้แต่การออกมาของฉัน พวกเขาก็ยังเรียกร้องเงิน" อยากเอาคืน ไม่ได้เสียใจกับคนพวกนั้นเลยสักนิดเดียว อยากตบ อยากระบาย อยากกระชากพวกนั้นแล้วจับหัวโขกพื้นให้เลือดชั่ว ๆ มันออกบ้าง
"หากอยากเอาคืนผมจะช่วย อย่าเพิ่งคิดมาก คนพวกนั้นไม่หนีไปไหน ได้เอาคืนแน่นอน แต่ตอนนี้เราไปช่วยพยานเรากันดีกว่า เอาคืนทีละคน ผมจะเป็นคนช่วยคุณเอง สั่งมาได้เลยเมียจ๋า สามีคนนี้จะจัดการให้" ฉิงหมิงดีใจที่ภรรยาไม่ได้น้อยใจในเรื่องนั้น และเขาพร้อมช่วยภรรยาตามที่เขาบอกจริง ๆ
"ขอบคุณนะ ฉันต้องได้เอาคืน ไม่อย่างนั้นฉันจะอึดอัดตรงนี้" หนิงหนิงชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธออึดอัดตายแน่ ๆ
"เมียจ๋าอย่าอึดอัดเลย... ตรงนั้นก็แทบไม่มี... ยังจะอึดอัดอีกเหรอ" ฉิงหมิงพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ที่พูดแบบนี้เพื่อให้ภรรยาจดจ่อแต่กับเขา ไม่ต้องคิดถึงเรื่องไร้สาระพวกนั้น
หนิงหนิงเดินตามสามี แต่สายตายังคงจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง มีอย่างที่ไหนชอบยั่วโมโหอยู่เรื่อย ถึงจะรู้ว่าเขาทำไปเพื่อไม่ให้เธอมานั่งเสียเวลาคิดเรื่องที่ผ่านมา และมันได้ผล ได้ผลมากด้วยกับการที่เขาชอบว่าหน้าอกเธอเล็กเนี่ย!! มันทำให้เธอลืมเรื่องอื่นจริง ๆ
"อ้าวเสร็จแล้วเหรอ ทำไมพากันมาเร็ว" เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่มาแล้ว ก็ถามอย่างแปลกใจ เพราะรอไม่นาน ทำไมทำเรื่องรวดเร็วแบบนี้
"เรียบร้อยแล้วจ้ะ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าทำเรื่องไม่นาน ได้มาครบทุกอย่างเลยจ้ะ" หนิงหนิงรีบตอบ เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่ามาเดินเรื่องเองก็สามารถทำได้ และยังรวดเร็วทันใจ เชื่อเถอะว่าป้าทั้ง 5 คนนี้ต้องเอาไปพูดต่อแน่ ๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสามีเธอมาเดินเรื่องไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
"ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเลยเสร็จเร็วครับ หากเจ้าหน้าที่มีงานเยอะ ก็ประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก็เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะแจ้งตอนที่เราทำเรื่องครับ" เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคตเขาเลยต้องบอกไปตามความจริง
"อาทิตย์สองอาทิตย์ก็ไม่ถือว่านานหรอก" ไม่ต้องเสียเงิน รอเพียงสองอาทิตย์นั้นบอกเลยว่าไม่นาน
"แต่หากให้หัวหน้าทำให้ก็เร็วนะจ๊ะ ที่บ้านทำเรื่องตัดขาดให้ฉันได้ภายในวันเดียว" ช่องไหนเสียบได้ หนิงหนิงก็เสียบทันที ไม่มีปล่อยให้ว่างโดยเปล่าประโยชน์
"วันเดียวนั้นต้องจ่ายค่าเดินเรื่องมากโข หนิงหนิงไม่รู้เลยเหรอ" เพราะคิดว่าเด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสา ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทุกคนที่มาวันนี้ต่างคิดว่าหนิงหนิงคือคนที่ไม่ทันคน เพราะวัน ๆ ทำแต่งานอยู่ในบ้าน หากทำงานเสร็จยังต้องไปช่วยงานข้างนอก ไม่เคยได้ออกไปไหน เลยยิ่งทำให้ทุกคนเตือนและบอกให้รู้ไว้ สามีก็เพิ่งกลับมาจะไปรู้เรื่องราวในหมู่บ้านดีเท่าพวกเธอได้อย่างไร
"น่าจะเป็นแบบที่ป้าบอก เพราะตอนเย็นวันเกิดเรื่อง ผมไปที่บ้านแล้วพ่อตาบอกว่าต้องการเงินสินสอดตอนนั้นเลย" เมื่อรู้ว่าภรรยาอยากเอาคืน ฉิงหมิงก็ไม่รอช้ารับไม้ต่อจากภรรยาทันที
"จริงเหรอ เรียกตอนนั้นเลยเหรอ บอกได้ไหมค่าสินสอดหนิงหนิงเท่าไหร่ ที่ถามไม่ใช่อะไร... รู้ไหมว่าคนที่หมู่บ้านพูดกันออกเป็นหลายเสียง บางคนบอกไม่ได้ บางคนบอกได้ บางคนบอกไม่ได้ไม่ว่ายังต้องให้เงินหนิงหนิงไปตั้งตัวอีกด้วย" เรื่องนี้ชาวบ้านพูดกันทั่วทั้งหมู่บ้าน หากฟังจากบ้านเดิมของหนิงหนิงเอง คนพวกนั้นบอกไม่ได้และยังให้เงินลูกสาวออกไปอีกด้วย คนก็เชื่อเรื่องนี้เยอะ เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัว
"วันนั้นพ่อตาเรียก 100 หยวน" ในเมื่อเปิดมาขนาดนี้แล้ว ก็ช่วยแก้ข่าวให้ภรรยาเลยแล้วกัน
"เรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน สามีเพิ่งจะมาบอก" หนิงหนิงตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องจริงให้บรรดาป้าทั้งหลายรับรู้
"ผมว่าเราไปจัดการเรื่องที่เราตั้งใจมาตั้งแต่แรกดีกว่าครับ" เมื่อเปิดแล้วก็รีบพูดเรื่องอื่นให้เหมือนเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้มันไม่ได้สำคัญ ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้อะไรแล้วเพราะตัดขาดแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าคนที่ได้ยินสามารถไปเล่าต่อได้อย่างแน่นอน
"อือ ๆ ไปกัน" ถึงจะตอบแบบนั้น แต่คำว่า 100 หยวนยังติดอยู่ในหู เงินไม่ใช่น้อย ๆ ค่าสินสอดที่แพงกว่าสาว ๆ ในหมู่บ้าน ขนาดสาว ๆ ที่เรียนหนังสือยังไม่เคยได้ยินใครได้ค่าสินสอดมากขนาดนี้ นั่นอาจเป็นเงินแทบทั้งหมดจากการปลดประจำการของสามีหนิงหนิงก็ได้
หนิงหนิงนั่งรออยู่ด้านนอก โดยให้สามีพาป้าทั้งหลายเข้าไปสอบถามกันเอง เธอไม่อยากเข้าไปให้เกะกะ เธอมั่นใจว่าสามีจัดการคนเดียวได้อย่างแน่นอน
"เพิ่งรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหลอกเอาเงินพวกเราไปกินไปใช้อย่างสบายใจ" หากไม่มาในวันนี้ไม่มีทางที่จะได้รู้ ยังดีนะที่วันนี้มา ไม่อย่างนั้นต้องเสียรู้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
"คืออะไรเหรอจ๊ะ" หนิงหนิงเงยหน้าถามคนที่ออกมานั่งลงใกล้ ๆ
"พอให้เจ้าหน้าที่ตรวจดู บางคนลงชื่อแล้ว บางคนยังไม่ได้ลงนะสิ แต่หัวหน้าบอกลงชื่อหมดแล้ว และยังมีใบลงชื่อให้เราเก็บไว้ ไอ้เราก็ดีใจ นึกว่าแค่รอเวลาถึงคิวตัวเองเท่านั้น ที่ไหนได้ของฉันยังไม่ได้ลงชื่อเลย" พอรู้ยิ่งโมโห และยิ่งเสียรู้ก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมอีก
"อาจเป็นการเข้าใจผิดก็ได้นะจ๊ะ" เมื่อจุดไฟติดแล้ว ก็ควรปล่อยให้ไฟเผาไหม้เองและค่อย ๆ เติมน้ำมันทีละนิดเท่านั้นพอ หากมากไปมันอาจลามมาถึงตัวเธอได้ แบบนั้นไม่ดีแน่ ๆ
"เฮ้อ... ผิดอะไรล่ะอาหนิง เจ้าหน้าที่หาให้หลายรอบมาก สามีของอาหนิงก็ช่วยหา" เสียเงินไม่ว่า แต่กลับไม่มีรายชื่อ
"แล้วป้าสองคนลงชื่อหรือยังจ๊ะ"
"คงต้องมาใหม่ เอาเอกสารมาไม่ครบ แต่เจ้าหน้าที่เขียนบอกแล้วว่าต้องเอาอะไรมาบ้าง คงต้องรบกวนสามีหนิงหนิงช่วยอ่านเอกสารให้หน่อย เพราะป้าอ่านไม่ออก" ยังดีที่วันนี้ได้สองสามีภรรยามาช่วย ไม่อย่างนั้นอาจยุ่งยากมากกว่านี้
"เอ่อ... หากหัวหน้ารู้ เขาจะว่าพวกฉันไหมจ๊ะ" ทุกอย่างต้องตีกรอบให้ดี ในเมื่อเขายังอยู่ในตำแหน่งก็ต้องระวังไว้
"ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนมืด ๆ จะให้ลูกกับสามีถือกระดาษไปหา ป้ารับประกันไม่เดือดร้อนแน่นอน" เรื่องนี้จะพูดมั่ว ๆ ไม่ได้ มันมีทั้งคนที่ได้ผลประโยชน์และเสียผลประโยชน์
"ฉันแค่กลัว แค่ฉันไปเอาเอกสารคืน เขาก็บอกว่าจะไม่ช่วยทำเรื่องอะไรให้อีก" หนิงหนิงยังคงหยอดน้ำมันทีละนิด
"โอ๊ย... ถึงอยากช่วยก็ไม่ให้ช่วยแล้ว ช่วยทีไม่ต่ำกว่า 5 หยวน เรื่องยากหน่อย 10 หยวน บางทีก็ 20 หยวน ไม่ใช่น้อย ๆ " เมื่อได้มารู้ข้อมูลที่ตัวเองไม่เคยรู้ เลยยิ่งทำให้เจ็บใจ นับถือเขานึกว่าเขาใจดีช่วยลูกบ้าน ที่ไหนได้ ช่วยใช้เงินจากลูกบ้านนะสิไม่ว่า
"แล้วแบบนี้คนที่ไม่รู้ในหมู่บ้านล่ะ เราจะบอกพวกเขาไหม" หนิงหนิงเพียงหยั่งเชิง ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักทุกคนในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาแล้วจะเข้าข้างหัวหน้าอีกไหม
"หนิงหนิงอย่าไปพูดเชียวนะ หมู่บ้านเราก็มีคนของเขาด้วย ยิ่งไม่ทันคนอยู่ เราเงียบไว้เข้าใจไหม" สำหรับพวกเธอ 5 คนนั้นผ่านอะไรมาหลายอย่าง เอาตัวรอดได้ กลัวแต่หนิงหนิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนี่แหละจะไปพูด
"คนอื่นที่ไม่รู้ เขาก็น่าเห็นใจนะจ๊ะ ป้าบอกเองว่าเสียเงินไม่ใช่น้อย ๆ " บทนางเอกแสนดีที่ปกติไม่ได้แสดง พอมาอยู่ที่นี่เธอสวมบทบาทนี้บ่อยมาก ๆ
"หนิงหนิงรู้เหรอว่าใครเป็นยังไง รู้ไหมคนไหนคือคนของหัวหน้า พูดไปทั่ว เรานั่นแหละจะเป็นคนเดือดร้อน" บอกคนอื่นนั้นบอกแน่ แต่เลือกบอกเป็นบางคนเท่านั้น
"เรียบร้อยแล้วเหรอ" เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินออกมาก็รีบถามทันที
"รู้เรื่องแล้ว ของฉันยังไม่ถึงคิว อีกสองสามเดือนนั่นแหละ เจ้าหน้าที่บอกว่าเข้ามาถามได้ตลอด ฉันไม่คิดว่าจะเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้" ทุกคนดูแปลกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้
"มันมีทั้งเข้าถึงง่ายและยากครับ เรื่องไหนที่เขามีบริการประชาชนอยู่แล้วก็ง่ายหน่อย" ฉิงหมิงบอกให้ทุกคนรับรู้ว่ามันมีทั้งยากและง่าย เหมือนคนนั่นแหละที่พูดง่ายและยากแตกต่างกันไป แต่ก่อนที่นี่ไม่เป็นแบบนี้ เข้าหายาก แต่ละคนพูดจากับคนอื่นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพิ่งถูกจัดระเบียบเมื่อไม่นานนี้เอง ไม่อย่างนั้นชาวบ้านก็ยังเข้าหาได้ยากอยู่ดี
"ยังไงก็ขอบใจมาก หากไม่มาคือไม่รู้อะไรเลย และอย่าเอาไปพูดเข้าใจไหม เดี๋ยวเจอหัวหน้ามาเล่นงาน ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่หากไม่มีพรรคพวกก็สู้ไม่ได้อยู่ดี" ทั้งห้าคนนั้นผ่านอะไรมาเยอะกว่าสองสามีภรรยา จึงต้องกำชับไว้
"วันนี้ผมมาเดินเรื่องของผมครับ" ฉิงหมิงรีบบอกให้ทุกคนสบายใจ เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้เขาก็ยังไม่อยากให้คนอื่นรู้เหมือนกัน
"ฉันห่วงอาหนิงนี่แหละ ซื่อ ๆ ตามคนไม่ทัน อย่าไปพูดเชียว เข้าใจไหม วันนี้เราไม่ได้มาด้วยกัน ต่างคนต่างมา" ในเมื่อเห็นว่าคนเป็นสามีพอจะพูดเข้าใจง่าย ก็หันมากำชับอีกคนที่ดูเหมือนจะซื่อเหลือเกิน กลัวคนอื่นมาหลอกถามจริง ๆ
"ฉันรู้จ้ะ" ...ลงทุนเล่นเป็นนางเอกขนาดนี้แล้ว เพราะต้องการให้ผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้แหละ
เมื่อทุกคนพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ต่างคนต่างแยกกันไปทำธุระอย่างอื่นต่อ เพราะเข้ามาไม่ถึงสองชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาให้ไปเดินดูของ ไปกินข้าว หรือทำธุระอย่างอื่นอีกมาก
สองสามีภรรยาเดินพูดคุยกันตลอดทาง วันนี้เข้าเมืองได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อย รวมถึงได้ยื่นเรื่องร้องเรียนหัวหน้าชุมชน หลักฐานก็ได้มาจากเอกสารที่นำกลับมาจากหัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละ ด้วยความเคยชินในการทำงาน ฉิงหมิงได้ลงวันที่ดำเนินการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว และในวันที่ยื่นเรื่องหัวหน้าก็เป็นคนลงชื่อไว้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่เขารับสินบนนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ได้พวกป้าทั้งห้าคนเป็นพยาน โดยป้าทั้งห้าคนยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกคนมีใบจองคิวรอซื้อวัสดุต่าง ๆ คนที่ออกให้คือหัวหน้าชุมชน เอกสารทุกใบหัวหน้าเป็นคนลงชื่อไว้ในเอกสารด้วยเช่นกัน ตอนนี้ที่สามารถเอาผิดได้เลยคือปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ แต่ทุกอย่างก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เป็นคนจัดการ...
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
แรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่มีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับมีเครื่องประดับที่มีความพิเศษซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเหมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเองตามหานายหญิงไปด้วย...ตอนที่ 1 สร้อยไข่มุกเป็นเหตุเย่เผยหนิง นักแสดงมากฝีมือที่ถือครองตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่ง ถึงจะมี ใครบางคน บอกว่าเธอเป็นนางร้ายอันดับสอง แต่เธอไม่ยอมรับเพราะเธอมั่นใจว่าเธอคือที่หนึ่ง!!วันนี้ก็เช่นกัน!! เมื่อคนที่ไม่ชอบหน้าต้องการประมูล สร้อยไข่มุกโบราณ มีหรือที่ หนิงหนิง คนนี้จะยอม กู้เจ้าหรู นางร้ายอันดับสอง (ที่
ตอนที่ 2 ลาก่อนนางร้ายอันดับหนึ่งหนิงหนิงยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างที่มีแต่แสงสีขาวคล้าย ๆ หมอกลอยอยู่ทั่วบริเวณ เธอใช้ความคิดอย่างหนักว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน และตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน แล้วฝันอะไรถึงมีแต่หมอกเต็มไปหมด..."มาถึงแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงร้องถามดังขึ้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหันซ้ายแลขวา เพื่อตามหาที่มาของเสียง และสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือร่างกลมอวบอ้วนของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนยิ้มแฉ่งส่งมาให้"หนู... พูดกับพี่หรือเปล่าคะ" หนิงหนิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าได้คุยกับเธอจริง ๆ ไหม"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เสียงใสยังคงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี"หนูเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหนเหรอ" หนิงหนิงเริ่มถามเพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้ทันที"พี่สาวคนสวยตายแล้ว ที่นี่คือเส้นแบ่งความเป็นและความตาย ที่แห่งนี้มีไว้สำหรับพิจารณา เพื่อให้เลือกว่าจะไปเกิดใหม่ที่ไหน" เจ้าตัวเล็กยังคงอธิบายต่อเรื่อย ๆ"ตายแล้วเหรอ... " หนิงหนิงทวนคำที่ได้ยิน เหมือนกับว่าเธอยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน"ใช่ พี่สาวอยากไปเกิดที่ไหน ถิงถิงมีข้อเสนอให้ สนใจไหมเจ้าคะ" ถิงถิงเอียงคออย่างน่ารัก พร้อมทั้ง
ตอนที่ 3 สัญชาตญาณหนิงหนิงยังคงมีเรื่องสงสัย แต่ทุกอย่างกลับหายไปกับตา หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและมืดมิดได้ยินเสียงแว่วมาตามลม... เหมือนมีคนกำลังเรียกหาเธอ....โครม!!!"ตื่น!!! นังตัวดี!!! "หนิงหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ภาพเบื้องหน้าเหมือนมีม่านหมอกจาง ๆ บดบังไม่ให้มองเห็นได้ชัด แต่กลับมีความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกาะกุมร่างกาย ความรู้สึกช่างเหมือนการแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด ร่างกายชาหนึบจนไม่สามารถขยับได้ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจจนรู้สึกหนาวจับจิตจับใจ ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพียะ!!"ออกไปจากบ้านฉันเลยนะ!! " เสียงเด็กสาวตวาดดังลั่นหนิงหนิงนางร้ายอันดับหนึ่ง ผู้ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอเริ่มที่จะตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับว่างเปล่า เธอยังคงสับสนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้แค่ว่าเธอข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างใหม่... ซึ่งก็คือตัวเธอในโลกใบนี้! หนิงหนิงค่อย ๆ มองดูทุกอย่างรอบ ๆ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่เธอก็ต้องป้องกันตัว หลังจากโดนกระทำตั้งแต่ยังไม่
ตอนที่ 4 เย่เผยหนิงผู้โชคดี ตื่นมามีสามีเป็นของตัวเองหนิงหนิงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอป้องกันตัวและทำตามสัญชาตญาณทั้งหมด โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะมองไปที่คนที่แทนตัวเองว่า ป้า และยังอาสาเดินไปส่ง ยังดีที่มีคนใจดีพาเธอไปส่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลงทางแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ความทรงจำเดิมก็ไม่มี"ทีหลัง อย่าไปพูดแบบนั้นกับพ่อรู้ไหม ถ้าเดือดร้อนมาแล้วไปขอให้เขาช่วยเหลือ เขาจะไม่ช่วย" เหลียนฮวาที่เดินนำก็สอนหลานไปด้วย"ป้าคิดว่าเขาจะช่วยฉันจริง ๆ เหรอคะ" ถึงจะพึ่งมาอยู่ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนแบบนั้นไม่มีทางช่วยเหลือเธอแน่นอน"ตายแล้ว... อย่าพูด แต่ก่อนยังทนได้ ทนอีกนิด เผื่อเราเดือดร้อน" เหลียนฮวากลัวหลานลำบาก เลยไม่อยากให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ"เดือดร้อนฉันก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ป้าเป็นพยานให้ฉันด้วย เรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้" หนิงหนิงรีบหาพวกทันที อย่างน้อยตอนนี้ ป้าคนนี้ก็หวังดีกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น"เด็กคนนี้นี่นะ" เหลียนฮวาส่ายหัวกับคำพูดหลานสาว ถามว่าเธอเห็นด้วยไหม จริง ๆ
ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคนหนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรกในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคยยิ่งมอง ยิ่งผูกพันยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นเฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมา
ตอนที่ 6 เครื่องแลกเปลี่ยนหลังจากอีกคนออกไปแล้ว หนิงหนิงก็เริ่มทำงานบ้าน ถึงแม้ว่าก่อนจากมาแทบไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก่อนที่จะไปเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องช่วยงานที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนต้องช่วยงานกันทั้งหมด ยิ่งโตขึ้นยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม เรื่องเท่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแน่นอน เธอยังจำได้ดีว่าต้องทำแบบไหน และหนิงหนิงในโลกนี้สามารถทำงานได้สารพัด งานบ้านเลยกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอไปเสียแล้ว"ปัจจัย 4 คือสิ่งจำเป็นมาก ๆ ในยุคนี้" หนิงหนิงพึมพำไปพร้อมกับใช้ความคิดทางการอนุญาตให้เลี้ยงหมูได้ครอบครัวละ 1 ตัว และเลี้ยงไก่ได้บ้านละ 2 ตัว นั่นหมายถึงเธอสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูได้ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอต้องรอเจ้าของบ้านกลับมาแล้วค่อยปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้"ไข่มุกจ๋าาา... มีพรวิเศษอะไรให้หนิงหนิงบ้าง" หนิงหนิงลูบสร้อยไข่มุกและทดลองหลับตา ทำทุกวิธีที่ตัวเองเคยได้ยินได้อ่านมา อาจเป็นมิติวิเศษ ห้างขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ระบบฟาร์ม สิ่งไหนก็ได้ขอให้ได้มา ตั้งจิตอธิษฐานอย่างใจเย็น... แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..."อาจมาช้าแบบที่ถิงถิงบอก อย่าช้าจนฉันตายอี
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ "ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย "ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีล
ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกันผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอนวันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามา
ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่องหนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง..."หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละเมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสาม
ตอนที่ 9 ความลับของนางร้ายหนิงหนิงทดลองใช้กระเป๋าแลกเปลี่ยน ในเมื่อเครื่องสี่เหลี่ยมเปลี่ยนเป็นกระเป๋า หนิงหนิงเลยเรียกแบบใหม่ให้มันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองใช้ โดยเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋า ต้นแรกไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ อาจเพราะต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพร การทดลองทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะความรู้เรื่องสมุนไพรหรือต้นไม้ไม่มีอยู่ในหัวเลย เลยต้องสุ่มขุดทั้งรากส่งเข้าไป หากสิ่งไหนแลกได้ก็จะหายไปจากกระเป๋า แต่หากสิ่งไหนแลกไม่ได้ มันจะอยู่แบบนั้นจนกว่าเราจะเอาออกต้องลองใช้งานเครื่องเองทุกอย่าง ยิ่งใช้งานยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม กระเป๋าใบเล็กแต่สามารถเอาต้นไม้ต้นใหญ่ใส่ได้ เหมือนเล็กแค่ขนาดของกระเป๋าเท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งของจะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน หากสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ กระเป๋าใบนี้จะดูดเข้าเอง โดยไม่ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นใส่ลงไปในกระเป๋า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มีสมุดบันทึกและปากกาหนึ่งด้ามเพิ่มมา ให้ได้รู้ว่าแลกอะไรไปบ้าง สิ่งของในช่องว่างมีจำนวนเท่าไหร่ และเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้หาสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะจะมีรูปภาพสิ่งของที่สามารถแลกได้ หากให้เปรียบเทียบเหมือ
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง