ตอนที่ 17 นางร้ายกับคนบ้านเดิมผ่านมาอาทิตย์หนึ่งหลังจากที่สองสามีภรรยาได้เดินทางเข้าเมือง ตอนนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือหลังบ้านของหนิงหนิงมีบ่อน้ำใสอยู่สองบ่อ บ่อแรกไว้ใช้สำหรับใช้สอยในบ้าน อีกบ่อไว้สำหรับเลี้ยงปลาและเอาไว้รดน้ำผักและต้นไม้สิ่งของอำนวยความสะดวกหลายอย่างถูกแลกมา สิ่งแรกที่หนิงหนิงแลกมาคือหินแร่ธาตุ ซึ่งเป็นธาตุน้ำ เพราะเธอไม่อยากให้สามีต้องคอยตักน้ำไว้ใช้บ่อย ๆ เพราะบ้านหลังนี้ถูกทิ้งไว้หลายปี สิ่งที่ควรมีก็ยังไม่มี หนิงหนิงเลยต้องการบ่อน้ำส่วนตัวไว้ใช้ในบ้าน หนิงหนิงได้เหรียญจากการแลกสิ่งของในครั้งเดียว หากเปลี่ยนเป็นเงิน เธอจะมีเงินสองถึงสามพันหยวนเลยทีเดียว ซึ่งในยุคนี้ถือว่ามีเยอะมาก แต่ตอนนี้เธอต้องการสิ่งของที่จำเป็นมากกว่า เธอต้องแลกตั้งแต่อุปกรณ์ทำครัว อุปกรณ์ทำสวน และอุปกรณ์ทำมาหากินทั้งหลาย ถึงต้องใช้จำนวนเหรียญเยอะก็ยอมแลก ดีกว่าเข้าไปซื้อในเมือง เพราะมันไม่ได้สะดวก อยากซื้ออะไรต้องใช้คูปอง มีจำกัดจำนวนอีกด้วย หนิงหนิงเลยแลกกับเครื่องแลกเปลี่ยน แลกง่าย ไม่ยุ่งยากตอนนี้เธอมีแปลงผักเกือบสิบแปลง แต่ยังไม่ได้ลงมือปลูกอะไร ได้แต่เตรียมดินไว้ก่อน อีกอย่างค
ตอนที่ 18 นางร้ายกับหัวหน้าชุมชนตอนนี้ชาวบ้านเริ่มแบ่งเป็นสองฝ่าย แต่ฝ่ายที่ออกห่างหัวหน้านั้นมีมากกว่าฝ่ายที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ วันนี้วันเดียวหนิงหนิงสามารถใช้ความสามารถในการแสดงปลุกปั่นให้คนอื่นเดือดร้อนได้ถึงสองสามคนเลยทีเดียว"หัวหน้าได้เข้าไปหาหมอมาบ้างไหม" ทั้งที่ไม่รู้ว่าภรรยาทำอะไรไว้ แต่ภรรยาเปิดช่องแล้วก็เตรียมทะลวงต่อ โดนไม่โดนเดี๋ยวก็รู้ผลเอง"แค่ผื่นคัน ทำไมต้องไปหาหมอ" หัวหน้าตอบออกมาไม่เต็มเสียง เพราะเขาก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกันว่าตัวเองเป็นอะไร เพิ่งจะมีตุ่มขึ้นตามร่างกายเมื่อตอนเช้านี่เอง"อาทิตย์ที่แล้วตอนที่ฉันเข้าไปในเมือง ได้ยินคนพูดเรื่องโรคระบาดที่มีตุ่มขึ้นตามตัว แรก ๆ มันจะคัน ต่อไปมันจะกลัดหนอง ตอนนี้กำลังระบาดอย่างหนักเลย หัวหน้าเข้าไปในเมืองบ่อย ๆ ไม่รู้ข่าวเลยเหรอ" หนิงหนิงพูดยาวเหยียด และทุกคำของเธอเสียงดังฟังชัด เพื่อให้ทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง"เมืองนี้ยังไม่เจอคนติด แต่เมืองข้าง ๆ มีคนติดเยอะแล้ว เจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้อยู่ใกล้กัน เพราะเชื้อโรคมันมาทางอากาศ ผมว่าหัวหน้าควรไปหาหมอ อย่าปล่อยไว้เลย หากไม่ห่วงตัวเองก็ควรห่วงลูกบ้านนะครับ" ฉิงหมิงผู้ที่ปรับเปลี่
ตอนที่ 19 เรื่องที่อยากให้เป็น... อาจเป็นเรื่องจริงผ่านมาอาทิตย์กว่า ที่บ้านหนิงหนิงก่อกำแพงล้อมรอบที่ดินของตัวเอง โดยมีเพื่อนของสามีมาช่วย และมีครอบครัวป้าเหลียนฮวาคอยจัดหาที่นอนและทำอาหารให้ ส่วนวัตถุดิบที่เอามาทำอาหาร หนิงหนิงเป็นคนจัดเตรียมให้ทั้งหมด คาดว่าไม่เกินสามวันกำแพงก็คงแล้วเสร็จ"ถือว่าโชคดีที่หนิงหนิงได้สามีคนนี้" เหลียนฮวาที่ออกมาช่วยหลานสาวทำอาหารก็มองไปที่กลุ่มคนงาน ซึ่งมีสามีของหลานรวมอยู่ในนั้นด้วย"เขาก็ดีจ้ะ" ...แต่กะล่อนไปหน่อย"แม่ของเราคงหมดห่วง" เหลียนฮวายิ้มเมื่อพูดถึงเพื่อนตัวเอง ตอนแรกเธอไม่รู้ว่าสามีหลานเป็นคนแบบไหน รู้แต่ว่าเคยอยู่ท้ายหมู่บ้าน พ่อแม่จากไปเพราะโรคระบาด"ป้าเหลียนรู้ไหมว่าพ่อแม่ของเขาก็จากไปเพราะโรคระบาดเหมือนกันกับแม่" หนิงหนิงรู้เรื่องนี้เพราะสามีเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง คนที่เสียชีวิตเพราะโรคระบาดไม่ได้ฝังศพเหมือนคนอื่น ๆ เขาบอกว่าทางการจัดการให้ทั้งหมด แต่หนิงหนิงเดาว่าเจ้าหน้าที่คงต้องเผารวมแล้วฝังกลบอีกรอบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่มีหลุมศพให้เคารพเหมือนคนที่เสียชีวิตทั่วไป"รู้สิ ปีนั้นหมู่บ้านเราคนตายกันเยอะ พอตายแล้
ตอนที่ 20 ควรช่วยเหลือตัวเองก่อนช่วยคนอื่นกำแพงบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนของสามีต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านของตัวเองแล้วเช่นกัน สามีรับผิดชอบจ่ายค่าแรงให้เพื่อนที่มาช่วยงานในครั้งนี้ และยังมีข้าวสาร อาหารแห้งให้ทุกคนได้เอากลับไปด้วยหนิงหนิงได้เตรียมอาหารไว้ให้ครอบครัวป้าเหลียนแล้ว แต่ยังไม่ได้เอาไปให้ เพราะป้าเหลียนไปบ้านครอบครัวสามี กว่าจะกลับก็คงอีกหนึ่งหรือสองอาทิตย์สามีของเธอได้จ่ายค่าแรงให้ครอบครัวป้าเหลียนไปแล้ว ตอนแรกทั้งสองไม่ยอมรับ แต่ก็พูดจนพวกเขารับค่าแรง หนิงหนิงคิดว่าทำแบบนี้ดีแล้ว พวกเขาก็มีครอบครัวภาระที่ต้องรับผิดชอบเหมือนกันตอนนี้หนิงหนิงเริ่มเลี้ยงปลาในกระชัง แยกชนิดของปลา ทุกอย่างก็มาจากเครื่องแลกเปลี่ยน ตอนแรกก็กลัวว่าปลาจะตายเหมือนกัน เพราะเธอไม่เคยเลี้ยงปลามาก่อนในชีวิต เคยแต่ให้อาหารเพียงเท่านั้น หากเป็นปลูกผักยังพอที่จะทำได้บ้าง"คุณว่าปลามันโตเร็วเกินไปไหม" ฉิงหมิงใช้กระชอนช้อนปลาขึ้นมาดู ปกติปลาไม่น่าโตเร็วขนาดนี้ "ฉันไม่เคยเลี้ยงปลาเลยไม่รู้ว่าโตเร็วหรือช้า แต่เท่าที่เห็นปลาตัวอ้วนและตัวมันโตมาก อย่าว่าแต่ปลาเลย ผักที่ลองปลูกยังรอดเลย ทั้งที่เราปลู
ตอนที่ 21 เตรียมทุกอย่างให้พร้อมหนิงหนิงยืนมองบ้านสองชั้นด้วยความยินดี มันคือบ้านที่เธอต้องการ ถึงแม้ว่าจะแลกมาด้วยเหรียญทั้งหมดที่มี แต่มันคุ้มค่ามาก ๆ เพราะทุกอย่างภายในบ้านตกแต่งไว้เสร็จสรรพ มีตู้ มีเตียง มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาเพิ่มให้ยุ่งยาก หนิงหนิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเตียงที่ได้มา ถึงแม้มันจะไม่ใช่เตียงเตาแบบที่คนยุคนี้นิยมใช้ ยังไงในบ้านของเธอก็อบอุ่น เพราะมีหินธาตุไฟวางอยู่ทั่วทุกมุมบ้าน"ยังขาดอะไรอีกไหม จะไปซื้อหรือว่าจะรอแลก" ฉิงหมิงที่รดน้ำต้นไม้เรียบร้อยแล้วเดินมาถามภรรยาที่ยืนมองบ้านหลังใหม่เหมือนกำลังใช้ความคิด"ฉันรอแลกเอาดีกว่า มันใช้ถนัดมือและคล่องมากกว่า หากไปซื้อต้องใช้คูปองอีก มันยุ่งยาก ตอนนี้มีแบบไหนก็ใช้แบบนั้นไปก่อนดีกว่า" หนิงหนิงบอกไปตามตรง คูปองมีจำนวนจำกัด สิ่งไหนซื้อได้ก็จำกัดจำนวนอีก เครื่องนอนผ้าห่มมีพร้อมแล้ว เครื่องครัวมีแค่ไหนใช้แค่นั้น ส่วนเสื้อผ้าของเธอและสามีก็มีอยู่แล้ว เธอแลกไว้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ซึ่งมันมากพอ สามียังบอกว่ามันเยอะเกินไปด้วยซ้ำ ในส่วนเสบียงอาหารมีพร้อมทั้งของคาวของหวาน ทั้งอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ทุกอย่าง
ตอนที่ 22 ตอบแทนเนื่องจากภรรยาสุดที่รักต้องการเหรียญเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของ เลยทำให้ฉิงหมิงต้องพาภรรยาสุดที่รักไปที่ตลาดมืดเพื่อหาซื้อสิ่งของแลกเปลี่ยน ก่อนที่จะเดินทางไปหาคนรักเก่าของแม่ยายเขานั้นเฉย ๆ แต่อีกคนเหมือนเด็กน้อยที่จะได้ไปเที่ยว ไม่รู้เพราะอะไร ตื่นแต่เช้า ให้อาหารปลา รดน้ำผักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พร้อมทั้งเตรียมอาหารเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนอีกด้วย ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าในตลาดมืดจะมีสิ่งของที่ตัวเองต้องการไหม แต่ภรรยากลับเตรียมพร้อม เหมือนมั่นใจว่าตัวเองต้องได้สิ่งที่ต้องการแน่นอนเขาเพิ่งได้อ่านสมุดที่แจ้งยอดสิ่งของที่ภรรยามีในช่องว่าง ตอนแรกที่รู้ก็คิดว่าเยอะแล้ว แต่ล่าสุดเขาแทบล้มทั้งยืน เพราะมันเยอะมากกว่าเดิม มันทำให้เขาคิดว่าภรรยากำลังตุนของหนีภัยหนาว แต่ภัยหนาวนั้นน่าจะยาวนานเกือบปีหากให้คำนวณคงอยู่ได้เป็นปี ๆ ไม่ใช่เพียงเสบียงอาหาร ตู้ยาต่าง ๆ ของภรรยานี่น่าจะมากกว่ายาที่มีอยู่ที่สถานีแพทย์ประจำชุมชนเสียอีก เท่านั้นยังไม่พอ ชุดกันหนาวทั้งของเขาและของเธอนั้นมีมากกว่า 20 ชุด และยังมีรองเท้าถุงเท้าอีก 10 กว่าคู่ยังไม่หมดแค่นั้น ชุดที่นอน หมอนใบเล็กใบน้อย หมอนข้าง ผ
ตอนที่ 23 แลกเปลี่ยนสิ่งของที่ตลาดมืดครั้งแรกในชีวิตกับการมาตลาดมืด ไม่ว่าจะเป็นนิยาย ละคร หรือภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่เคยได้ดู ได้ฟัง และเคยได้อ่าน หรือแม้แต่ตัวเองที่รับบทแสดงในเรื่องนั้น จะต้องมีฉากตลาดมืด ตลาดค้าขายเสรี ที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถมาค้าขายหรือหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ ในสถานที่แห่งนี้"เป็นอย่างที่คุณคิดไหม" ฉิงหมิงขยับผ้าคลุมหน้าให้ภรรยาสุดที่รัก"คล้าย ๆ แต่มันตื่นเต้น หรือเพราะว่ากำลังทำเรื่องต้องห้ามเลยรู้สึกตื่นเต้น" หนิงหนิงอยากรู้ว่าเขารู้สึกแบบเดียวกันกับเธอไหม"ครั้งแรกจะเป็นแบบนี้ แต่หากมาบ่อย ๆ ก็จะเคยชินไปเอง แต่ผมคิดว่าพวกเราไม่น่าจะได้มาบ่อย ๆ " เพราะภรรยามีอาหาร สิ่งของที่จำเป็นจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ และเขาไม่คิดที่จะพาภรรยามาค้าขายที่ตลาดมืดด้วยเช่นกัน"ทำไมคะ เราลองขายไหม ฉันอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง" อาจขายดีจนไม่พอขายก็ได้ ครอบครัวเหอชอบเอาปลาแห้งมาขายที่ตลาดมืด แล้วได้เงินดีกว่าแอบขายในหมู่บ้าน และที่สำคัญขายดีอีกด้วย"คุณน่าจะรู้... มีมากก็อันตราย อย่าเสี่ยง หาซื้อในสิ่งที่เราต้องการดีกว่า จะได้รีบไปช่วยคนที่คุณอยากช่วย" ฉิงหมิงรู้ว่าภรรยาอยากรู้
ตอนที่ 24 ตามหาเมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว และได้ให้ครอบครัวเหอเป็นคนมาดูแลสวนผัก ในตอนแรกคนเป็นพี่ใหญ่บอกว่าไม่ต้องจ้าง แค่มาดูแลสวนให้ไม่ได้เสียเวลานาน แต่สามีผู้มีความเชี่ยวชาญในการพูดก็สามารถทำให้เขายอมรับข้อเสนอ และยังให้ทำกระโจมให้อีกหลายหลังหากมีกระโจมมากพอ หนิงหนิงจะทดลองปลูกเห็ด ภรรยาเสนอ สามีที่ดีก็รีบสนอง ไม่ขัดใจ มีแต่เสนอเพิ่มให้อีกเยอะ ๆ จนภรรยาคิดว่าสามีประชด ทั้งที่จริง ๆ แล้วสามีนั้นอยากเอาใจภรรยาให้มาก ๆ เนื่องด้วยอีกไม่นานก็จะครบสามเดือนตามที่สามีเคยพูดไว้ เขาคิดเอง ตกลงกับตัวเอง โดยที่ภรรยายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ช่วงนี้เขาเลยต้องเอาใจภรรยาให้มาก ๆ เมื่อมอบหมายงานเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปแวะหาป้าเหลียน บอกถึงสถานที่ที่จะไป จะเจอหรือไม่เจอก็จะกลับมาในวันมะรืน แต่หากมาก่อนกำหนดจะแวะมาบอกอีกที เพื่อไม่ให้ป้าเหลียนเป็นห่วงในหมู่บ้านแห่งนี้ป้าเหลียนเปรียบเสมือนญาติคนหนึ่ง จะคอยถามหา ถ้าหายไปหลายวันจะต้องออกมาหาถึงที่บ้าน แต่ช่วงนี้ที่บ้านของเธอเปลี่ยนไปมาก ก่อนที่ป้าเหลียนจะไป เธอเลยมาหาเองก่อนทุกครั้งคนในหมู่บ้านไม่รู้หรอกว่าภายในกำแพงมีอะไร แต่ป้าเหลียนรู้เพราะอยู่ช่วย
ตอนที่ 48 บทส่งท้ายห้าปีผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัว หลี่อี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยแล้ว สามารถช่วยงานลูกเขยได้อย่างสบายซูหรงเป็นคุณย่าและคุณย่าทวดที่แข็งแรงเช่นเดียวกัน รับหน้าที่ช่วยหลานเขยและลูกชายในการดูแลสวนผัก บ่อปลา และโรงเพาะเห็ดที่ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนซื้อขายที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว จึงทำให้ครอบครัวของหนิงหนิงซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน และตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้ทำการค้าได้อย่างเสรีอีกด้วย แต่หนิงหนิงก็ยังทำการค้ากับตระกูลจ้าวเหมือนเดิม เพราะว่าทำกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม และเธอเน้นขายส่งมากกว่าขายปลีกหนิงหนิงไม่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเหมือนคนอื่น ๆ ที่นิยมเข้าไปอยู่ในเมือง เนื่องจากมีการเปิดให้ค้าขายอย่างเสรีแล้ว จึงทำให้คนนิยมย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะสามารถเปิดร้านค้าขาย คนเลยย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังอยู่ที่เดิม บ้านหลังเดิม เธอคุ้นเคยกับที่นี่ เธอชอบที่จะอยู่แบบนี้ มันไม่ได้วุ่นวาย มีแต่คนกันเองและคนในครอบครัวเพียงเท่านั้นส่วนครอบครัวเหอได้ย
ตอนที่ 47 ครอบครัวเราใหญ่มากหนิงหนิงกลับมาอยู่บ้านได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว การเลี้ยงลูกของเธอไม่ค่อยวุ่นวายสักเท่าไหร่ เพราะฝาแฝดเลี้ยงง่าย กินแล้วก็นอนอย่างเดียว วันนี้เป็นวันแต่งงานของเหอหยวน ซึ่งคนที่เป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอเจ้าสาวก็คือครอบครัวของเธอนั่นเอง แต่งเสร็จก็เข้ามาอยู่รวมกับครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างบ้าน ก็เลยยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ตรงสวนหลังบ้านนั่นเองหนิงหนิงก็ไม่อยากให้ทั้งสามคนออกไปอยู่ที่อื่น หากสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยย้าย แบบนั้นจะสบายใจมากกว่า เพราะอยู่ด้วยกันมานานและรู้ว่าพวกเขาเป็นแบบไหน มันเลยทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงสามพี่น้องบ้านเหอมากพอสมควร"วันนี้ลูกสาวของพ่อแต่งตัวสวยจังเลย... " ฉิงหมิงเข้ามาในบ้านเห็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสีแดง บ่งบอกถึงวันมงคล ถึงแม้จะห่อด้วยผ้าห่มหนานุ่ม แต่เขาก็ยังชมลูกสาวอยู่ดี"พาเฟยเฟยออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง ให้หยางหยางกินนมให้เสร็จก่อน ยังไม่ยอมหยุดกินเลยสงสัยจะหิว" หนิงหนิงก้มมองลูกชายที่กำลังดูดนมไม่ยอมหยุดกินสักที เอาออกก็ร้องจึงต้องปล่อยให้กินต่อ"อย่าดีกว่า... กลัวคนอยากอุ้มเฟยเฟย เดี๋ยวคนสว
ตอนที่ 46 กลับบ้านนับเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่หนิงหนิงคลอดฝาแฝดชายหญิง ปกติแล้วหลังคลอดเด็กจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลไม่เกินอาทิตย์ แต่หนิงหนิงกลับอยู่ถึงหนึ่งเดือนไม่ใช่ว่าร่างกายไม่แข็งแรง ทุกอย่างสมบูรณ์แข็งแรงดีหมด แข็งแรงทั้งแม่และลูก แต่เพราะความเป็นห่วงที่สามีมีให้ทั้งแม่และลูกเลยให้อยู่ที่โรงพยาบาลก่อน เพราะถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลยังมีปู่และมีย่าทวดอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วยหากให้หนิงหนิงบอกเล่าถึงโรงพยาบาล ก็คงไม่แตกต่างจากโรงพยาบาลเอกชนในโลกที่จากมา หากจ่ายค่ารักษาก็สามารถอยู่ได้นานตามที่ต้องการได้เลย ทั้งที่โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของพวกเขาสักเท่าไหร่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญนั่นคือ รอกลับบ้านพร้อมกับปู่ ซึ่งตอนนี้อาการถือว่าดีขึ้นมาก สามารถช่วยเหลือตัวเอง เดินเองในระยะใกล้ได้แล้ว แต่หากเดินในระยะไกลยังใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แล้วค่อยหัดเดินบ่อย ๆ และต้องมาหาหมอตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามอาการ ซึ่งพ่อก็รับปากหมอทุกอย่าง เพราะอยากกลับพร้อมหลานแฝด ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วส่วนลูกฝาแฝดของเธอเป็นผู้หญิงและผู้ชายแฝดพี่เป็
ตอนที่ 45 พวกเรามาแล้ว...เมื่อคนเราตั้งใจทำอะไร จึงเป็นเรื่องง่ายที่มันจะสำเร็จ เจ้าก้อนแป้งที่บอกว่าจะปั้นแล้วเกิดการตื่นเต้นในวันนั้น... ผลออกมาเป็นเจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องของคนเป็นแม่ในวันนี้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนแป้งจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้นเองชายหรือหญิงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คนที่แพ้ท้องอย่างหนักกลับเป็นว่าที่คุณพ่อ!!"ไหวไหมคะ" หนิงหนิงเข้ามาลูบหลังสามีที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงกำแพงห้องน้ำอย่างหมดแรง"ขอพักสักหน่อยนะเมียจ๋า ตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ " ฉิงหมิงกอดภรรยาพร้อมกับซุกหน้าไว้บริเวณหน้าอกของภรรยา"ไปนอนบนเตียงไหม" หนิงหนิงเสนอ เพราะเขากินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ดูแล้วน่าจะหมดแรง"ต้องไปดูงานก่อน" เพราะวันนี้คือวันที่จับปลาจำนวนมาก เขาอยากไปดูด้วยตัวเอง"ฉันจะไปดูให้ ไม่ต้องห่วง ทนอีกหน่อย เคยได้ยินว่าแพ้ท้องแค่ไม่กี่เดือน" หนิงหนิงปลอบใจสามี เธอไม่รู้หรอกว่าแพ้ท้องเป็นแบบไหน เพราะเธอยังปกติดีทุกอย่าง"คนเราตั้งครรภ์กี่เดือนถึงจะคลอด" ฉิงหมิงหลับตาอยู่แต่ก็ยังถามคำถามที่ตัวเองอยากมั่นใจ... ว่าที่ตัวเองรู้มามันตรงกันไหม"เจ็ดถึงเก้าเดือน แต่ส่วนมากจะคลอดตอนเก้าเดือน แต่บา
ตอนที่ 44 มาเถิดนะ... เจ้าก้อนแป้ง NC+++เมื่อหลายสิ่งหลายอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่เคยพูดไว้ก็ถึงเวลาปฏิบัติภารกิจปั้นเจ้าก้อนแป้ง ซึ่งคนที่ตื่นเต้นที่ก็หนีไม่พ้นฉิงหมิง ทั้งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่วันนี้กลับตื่นเต้นเป็นพิเศษภรรยาบอกว่าหยุดกินยาคุมกำเนิดแล้ว และวันนี้คือวันดี หากอยากมีเจ้าตัวเล็กก็ต้องเป็นวันนี้ เพราะวันนี้คือ วันไข่ตก เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าวันนี้คือวันที่เขาต้องปั้นเจ้าก้อนแป้งเท่านั้นเอง ภายในห้องนอนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความสลัว ฉิงหมิงนั่งจ้องหน้าภรรยาที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มันน่าแปลกตรงที่ว่าทุกครั้งเขาไม่เคยกังวล แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไมเขาต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ไม่รู้"คุณรู้ไหมว่า... หากเครียดมากเกินไป สิ่งที่คุณต้องการมันจะไม่สำเร็จ" ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนที่พูดอยู่แทบทุกวันว่าอยากมีลูก แต่พอถึงเวลากลับนั่งจ้องหน้าเธอ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น"คุณฟังมาจากไหน จำผิดหรือเปล่า ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำท่าไหนดี จะลองท่าไหนก่อน ลูกชายและลูกสาวจะต้องใช้ท่าไหน... ผมกำลังคำนวณและใช้ความคิดเท่านั้นเอง" บอกภรรยาไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเขากำลังตื่นเต้นเป็
ตอนที่ 43 เข้าที่เข้าทางผ่านมาสามเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เริ่มแลกเปลี่ยนกับแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม หนิงหนิงได้ผู้ช่วยตัวน้อยมาคอยช่วยรดน้ำผัก และให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำได้ หนิงหนิงส่งผลผลิตขายให้กับตระกูลจ้าวไปหลายรอบแล้ว ตอนนี้เธอมีคนมาช่วยงานเพิ่มแล้ว นั่นคือครอบครัวของป้าเหลียน หลังจากวันนั้นที่นัดพูดคุยกัน เธอได้ชักชวนให้มาช่วยงาน โดยมาดูแลที่ดินผืนใหม่ที่ตอนนี้มีแปลงผักและมีบ่อปลาจำนวนมากในหมู่บ้านรู้แล้วว่าหนิงหนิงรับแลกเปลี่ยนสิ่งของ ชาวบ้านก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ถึงแม้จะได้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไป แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้แบบนั้น จึงกลายเป็นรายได้อีกทางให้ชาวบ้านได้นำของที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบ้าง อาหารบ้าง"พี่สาว... จะมีโรงเรียนในหมู่บ้านจริง ๆ เหรอ" เหอเหรินถามคำถามนี้มาหลายรอบแล้ว ถามตั้งแต่เช้าก็ยังไม่หยุดถามสักที "ยังไม่แน่ใจ ต้องรอดูว่ายื่นเรื่องผ่านไหม" หนิงหนิงตอบแบบเดิม และตอบคำถามทุกครั้งที่เหอเหรินถาม จนจำไม่ได้แล้วว่าตอบไปกี่ครั้งแล้ว ที่เหอเหรินยังถามคำถามนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนได้ยินและได้ฟังคำตอบ เพราะตอนนี้ที่บ้านของพี่สาวไม่ได้มีเธอเป็น
ตอนที่ 42 หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมวันนี้เป็นวันแรกที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมทั้งหลาย หนิงหนิงเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุด เตรียมข้าวปลาอาหาร เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เพื่อรอเด็ก ๆ โดยมีเหอเหรินกับเหอหมิงเป็นผู้ช่วยส่วนฉิงหมิงกับเหอหยวนไปช่วยกันทำในงานอยู่ตรงสวนหลังบ้าน เขาต้องรีบจัดการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่โตเร็วกว่าปกติให้เรียบร้อย เพื่อส่งขายให้ตระกูลจ้าวที่จะมารับสินค้าเย็นนี้ ผลผลิตชุดนี้เป็นชุดแรกของปี และเป็นชุดแรกที่มียอดผลผลิตจำนวนมาก ที่น่าอัศจรรย์ใจมากกว่าสิ่งอื่นนั่นคือ.. เห็ดที่ภรรยาเพาะมีจำนวนมาก แม้แต่ภรรยาที่เป็นคนทำยังตกใจกับผลผลิตที่ได้ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิ่งเข้าออกหน้าบ้านหลังบ้านนั้นคือย่า เพราะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่เรียกร้องความสนใจย่าได้มากที่สุดคือสวนผักที่อยู่หลังบ้าน บ่อปลา และโรงเพาะเห็ด จากตอนแรกไม่อยากจะมา หลีกเลี่ยงตลอด ตอนนี้กลับกำลังเพลิดเพลิน ไม่อยากกลับไปที่โรงพยาบาลอีกแล้วหนิงหนิงมองย่าทีไรก็ต้องยิ้มตามทุกครั้ง เพราะย่ามีสีหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด พอรู้ว่าจะมีเด็ก ๆ มา ย่ายิ่งชอบใจ เหมือนได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่ย่าอยากทำ พอ
ตอนที่ 41 คุณรู้ไหม... คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวันเหตุการณ์เติมเชื้อเพลิงปาระเบิดในครั้งนั้น ผลออกมาเป็นเช่นไร หนิงหนิงไม่ได้สนใจรอดูผลงานของตัวเอง เพราะเธอมีงานมากมายที่ต้องทำ คนพวกนี้เล่นสนุกได้เป็นบางครั้ง แต่อย่าเอามาทำให้เสียเวลาชีวิต จะรักกันหรือตีกันก็ตามสบาย เจอหน้าเมื่อไหร่ก็โยนเชื้อไฟให้เมื่อนั้นเท่านั้นเอง"น่าจะเรียกย่าไปร่วมสนุกด้วย... เสียดายจริง ๆ " ซูหรงได้ยินที่หลานสาวเจอกับคนบ้านเดิมทีไรก็เสียดายทุกครั้ง เธอชอบใจที่หลานสาวสู้คน มีการเอาคืน ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ "ฉันไม่รู้ว่าจะเจอพวกเขา พอเจอแล้วมันก็นึกถึงตอนที่ตัวเองโดนรังแก เลยไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ " หนิงหนิงบอกกับย่าพร้อมกับหัวเราะท่าทางการแสดงออกของย่าที่พร้อมสนับสนุนหลาน ทั้งที่หลานสาวจะไปมีเรื่องกับคนอื่น"ระวัง... อาหมิงรู้... " หลี่อี้เตือนลูกสาว เพราะรู้ว่าลูกเขยรักและห่วงใยลูกสาวเป็นอย่างมาก รักมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ความยับยั้งชั่งใจเกี่ยวกับภรรยาไม่มีเลย ไม่เคยเขินอาย อยากกอดรัดภรรยาเวลาไหนก็ทำเลย ไม่ได้สนใจสถานที่หรือสนใจผู้คนรอบข้าง ไม่มีอายใคร ไม่มีเกรงใจหากคิดว่านั่นคือสิ่งที่ลูกเขยเป็นหนั
ตอนที่ 40 สวัสดีน้องสาวสุดที่รักนับเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนที่พ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการของพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเดินเองได้ เท่านี้ก็ถือว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาแล้วสองสามีภรรยารู้ดีว่าที่อาการพ่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นเพราะอะไร แต่ทั้งสองก็ได้แต่เงียบไว้เท่านั้นเองส่วนอาการของเย่อี้เตอยังไม่เห็นผลอะไรเลย ทั้งที่ตอนนี้มีการรักษาแบบเดียวกัน ต้องยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขาเป็นคนที่ฉลาด รู้จักพูด รู้จักเข้าหาคนพอรู้เรื่องคนป่วยอีกคนที่มีอาการดีขึ้น หลีเฟิงเลยเข้าไปคุยกับหมอพร้อมเสนอแนวทางให้หมอช่วยรักษาแบบเดียวกัน จะได้มีการเปรียบเทียบว่า การรักษาแบบเดียวกันสามารถหายเหมือนกันได้ไหมซึ่งตอนนั้นหมอก็ต้องการคนไข้ที่มีอาการแบบเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบ เพื่อหาข้อบกพร่อง เพื่อที่จะได้แก้ไข จึงทำให้เย่อี้เตอกลายมาเป็นคนไข้พิเศษเช่นเดียวกันกับพ่อของหนิงหนิงด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลต่อได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะว่าลูกชายคนโตยังทำงานเพียงคนเดียว แต่ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งพ่อและแม่ในส่วนของแม่เลี้ยงนั้นอาการยังเหม