ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะ
หนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกัน
หนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมาก
สามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป
"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง
"คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้มกับความคิดของตัวเอง เหมือนว่าภรรยาจะคิดว่าเขานั้นรอบรู้เรื่องราวทุกเรื่อง เพราะถามหมดทุกอย่างที่ตัวเองอยากรู้
"เราจะไปไหนคะ เดินออกมาไกลมาก" เมื่อเดินมาตั้งนาน ห่างจากโรงขยะมาไกลจนกลิ่นที่เริ่มรุนแรงลดลงแล้วแต่ก็ยังเดินต่อเรื่อย ๆ
"โรงขยะแยกสิ่งของต่าง ๆ ครับ ที่เราอยู่ตอนแรกคือโรงขยะรวมต้องคัดแยกออก หากสิ่งไหนนำไปทำอย่างอื่นได้ ก็จะนำไปใช้ หากไม่ได้ใช้ก็ต้องทำลาย ที่เราต้องการคือเครื่องลายครามทั้งหลาย และพวกตู้เตียงไม้ที่เป็นของเก่า เราจึงต้องไปอีกที่ครับ"
เมื่อรับรู้แล้วก็เดินตามอย่างว่าง่าย ไม่ถามอะไรต่อ พอเข้าใจการทำงานของโรงขยะมากขึ้น แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หากให้อยู่โรงขยะรวมเธออาจทำเงินได้ไม่เยอะ เพราะอาจทนแสบจมูกได้ไม่นาน แต่หากแยกแบบนี้ เธอสามารถอยู่นานได้อย่างแน่นอน
"ลุงครับ ผมจะติดต่อใครได้บ้าง ผมอยากได้ของที่อยู่ในนี้ครับ" ฉิงหมิงชี้เข้าไปด้านในที่คล้าย ๆ โกดังเก็บของ
"อยากได้อะไรล่ะ ของทุกอย่างในนี้ซื้อขายได้เลยไม่ต้องใช้คูปอง ของทุกอย่างเอามาชั่งน้ำหนักคิดตามน้ำหนัก" ของพวกนี้ไม่ค่อยมีใครซื้อ เพราะมันเหมือนของตกแต่งบ้านและยังเป็นของเก่า คนที่พอมีเงินก็จะซื้อของใหม่ ไม่มาสนใจของเก่าที่โรงขยะแบบนี้ เลยต้องขายในราคาถูก ๆ ขนาดขายถูกยังไม่ค่อยมีใครเข้ามาซื้อ
"ขอฉันเลือกก่อนได้ไหมจ๊ะ" หนิงหนิงไม่ได้มีเงินเยอะมาก ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียง 30 หยวน เท่านั้น
"ได้ ๆ เอาใส่ตะกร้านี้มาก็ได้ ระวังมันแตกด้วย บางอันมันมีรอยร้าว" จริง ๆ แล้วแตกก็ไม่มีปัญหา ส่วนมากสิ่งของที่นี่แตกง่ายทั้งนั้น หากของดี ๆ คงไม่มีใครเอามาทิ้ง
"ครับ ผมจะระวัง" ฉิงหมิงเดินไปหยิบตะกร้าก่อนจะเดินนำเข้าไปในโกดัง
หนิงหนิงเอาสมุดปากกาที่มาจากเครื่องแลกเปลี่ยน ลองเขียนสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อของได้ทั้งหมด ประหยัดได้ก็ควรประหยัด
เครื่องลายครามต่าง ๆ สามารถแลกเปลี่ยนได้ไหม
หนิงหนิงลองเขียนข้อความแบบนี้ลงไปในสมุดสิ่งที่เกิดขึ้นคือรูปภาพเครื่องลายคราม ไม่ว่าจะเป็นภาพแจกัน ถ้วย ชาม ภาพสิ่งของมากมาย โดยมีข้อความระบุว่าสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ทุกชิ้น แต่ละชิ้นจะได้เหรียญหรือสิ่งของแตกต่างกันไป
"แลกได้หมดเลย" หนิงหนิงรีบยื่นสมุดให้สามีที่เดินอยู่ด้านหน้าได้ดู
"หืม... ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราเลือกมาบางส่วนก่อนดีกว่าเนอะ เรามีเวลาไม่เยอะ ต้องรีบกลับ วันหลังผมพามาอีกดีไหม"
"แบบนั้นก็ได้ค่ะ วันนี้อย่าเพิ่งเอาอะไรที่ชิ้นใหญ่ ๆ เลยค่ะ เอาเล็ก ๆ ก็พอ ฉันมีเงินอยู่ไม่มาก รอแลกเปลี่ยนได้ค่อยมาต่อยอดทีหลัง" หนิงหนิงบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
"แต่หากคุณไม่ว่าง ฉันมาคนเดียวได้ค่ะ จำได้แล้วว่าต้องมายังไง ขึ้นรถตรงไหน" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงอาทิตย์หน้าสามีต้องเริ่มสร้างกำแพงบ้านแล้ว อาจไม่มีเวลา
หากลองแลกแล้วได้สิ่งของหรือเหรียญมากกว่าการไปขุดต้นไม้ใบหญ้า เธอจะขึ้นรถมาเอง เสียค่าเดินทางไปกลับไม่เท่าไหร่ หากแลกแล้วคุ้มเธอจะเข้ามาบ่อย ๆ
"ไม่ได้ ที่นี่มีแต่ผู้ชาย" ฉิงหมิงไม่อยากปล่อยให้ภรรยามาเอง ถึงจะป้องกันตัวเองได้ แต่เขาก็ยังเป็นห่วง ทางที่ดีมาด้วยกันนี่แหละจะได้สบายใจ
"แบบนั้นก็ได้ค่ะ แยกกันไหมคะ" ตอนนี้ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา อยากเดินดูสิ่งของมากกว่า
เมื่อตกลงแยกย้ายกันเลือกดูสิ่งของแต่ละอย่าง สามีเข้าไปดูถ้วยชามแจกัน เขาไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก แต่เลือกเกี่ยวกับศิลปะภาพวาดว่าอ้างอิงยุคไหนยังไงบ้าง เขาจะเลือกอันนั้นมากกว่า ต้องบอกว่าสุ่มเลือกถึงจะถูก หากตอนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร เขาแทบอยากซื้อทั้งหมดนี่ให้ภรรยาจะได้ไม่ต้องออกมาบ่อย ๆ
ทางด้านหนิงหนิงมาอยู่ตรงที่มีเครื่องประดับโบราณ บางอย่างเป็นเพียงไม้แกะสลักมีน้ำหนักเบา หนิงหนิงก็หยิบ ด้วยความที่ดูไม่เป็นว่าสิ่งไหนเก่าไม่เก่า มีค่าหรือไม่มีค่า หนิงหนิงไม่มีข้อมูลอะไรเลย ทำได้เพียงเอาสิ่งของที่เบาและมีน้ำหนักน้อย เพราะเงินที่มีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด
ถึงแม้ก่อนหน้านั้นสามีบอกว่าจะจ่ายให้ ฟังแล้วรู้สึกดี เหมือนมีผู้ชายเลี้ยง แต่พอมาคิดดี ๆ อย่าเพิ่งเลย เอาไว้ซื้อข้าวปลาอาหารกินน่าจะดีกว่า การซื้อของแบบนี้มันเหมือนการวัดดวง ไม่รู้ว่าจะแลกได้อะไรมากน้อยแค่ไหน บางครั้งเอาเงินมาจ่าย 5 หยวนอาจได้กลับคืนไม่ถึง 2 หยวนก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีกว่า
สองสามีภรรยาใช้เวลาที่โรงเก็บขยะเกือบ 2 ชั่วโมง ตอนเลือกใช้เวลาไม่นาน แต่ที่ใช้เวลานานคือต้องรอให้คุณลุงชั่งน้ำหนักสิ่งของที่เธอจะซื้อ
"ลุง หากมันแพงเกินไปฉันฝากไว้ก่อนได้ไหม วันหลังฉันจะมาเอา" หนิงหนิงรีบบอกก่อน เลือกมาแล้วก็เสียดาย แต่จะเอาไปมันก็กลัวเกินงบประมาณที่ตัวเองตั้งไว้
"ได้อยู่แล้ว แต่มันไม่เยอะเท่าไหร่ ของพวกนี้ขายราคาไม่แพงเหมือนของใหม่หรอก ของเก่าไม่มีค่ามากนัก หากเป็นของเก่าที่มีค่าไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก พวกนาย พวกหัวหน้าต่างเก็บไว้หมดแล้ว" ตอบคำถามไปด้วย บอกเล่าไปด้วย และยังชั่งน้ำหนักจดตัวเลขไปด้วย
"ผมจ่ายให้" ฉิงหมิงเข้ามากระซิบบอกภรรยาอีกรอบ เขาก็บอกว่าจะจ่ายให้ แต่ดูท่าทางภรรยาจะไม่เชื่ออย่างที่เขาบอกเลยสักนิดเดียว
"เอาไว้ใช้อย่างอื่นด้วยค่ะ เราต้องสร้างบ้านอีก ยังต้องใช้เงินอีกมาก" หนิงหนิงหันไปตอบพร้อมทั้งใช้สายตากดข่มสามีไปด้วย
เมื่อมองเห็นสายตาของภรรยา ฉิงหมิงเลยเงียบ ไม่กล้าแม้แต่จะพูด เพราะจากสายตานั้น หากเขายังพูดอะไรไม่เข้าหู รับรองว่าคืนนี้อาจมีที่นอนและหมอนออกมาอยู่นอกห้องนอนอย่างแน่นอน
"ลุง... พวกนั้นจะเอาไปไหนเหรอจ๊ะ" เมื่อเห็นพวกของเก่าที่มีลักษณะไม่สมประกอบกองรวมกันอยู่ก็ถามทันที
"เอาไปทิ้ง ทำไมอยากได้เหรอ มีแต่ของที่มันใช้งานไม่ได้แล้วนะ" พอหันไปมองกองสิ่งของมากมายที่วางกองกันอยู่ก็หันมาตอบคำถาม
"ฉันขอได้ไหม" หนิงหนิงยิ้มหวานหยดย้อยส่งไปให้
"อยากได้ก็เอาไป ยังไงก็ต้องทิ้งอยู่แล้ว" ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องขนไปทิ้งให้เสียเวลา
"แต่วันนี้ฉันเลือกแค่บางอย่างไปก่อน วันหลังฉันค่อยมาเอาส่วนที่เหลือได้ไหมจ๊ะ" วันนี้ขนกลับไม่หมดแน่ ถึงจะเอาเก็บในช่องว่างได้ แต่การที่ของจำนวนมากหายไปในทีเดียวอาจทำให้คนสงสัยได้
"ฝากได้แต่อย่านาน เพราะหากมันเยอะเกินไปก็ต้องขนออกไป"
"ไม่นานจ้ะ ขอบคุณลุงมาก ๆ นี่เป็นสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ จ้ะ" ตอนนี้มีเพียงไข่เท่านั้นที่จะสามารถแบ่งปันได้ อย่างอื่นคนอาจสงสัยได้
"ขอบใจมาก จริง ๆ แล้วมันก็ต้องทิ้งอยู่แล้ว"
"ให้ลุงเก็บไว้ให้ฉันก่อน ฉันรับหน้าที่ขนไปทิ้งให้ลุงเอง อย่าห่วงเลยจ้ะ" หนิงหนิงที่เห็นภาพวาดเก่า ๆ ม้วนกองรวมอยู่ มือไม้เริ่มสั่น อยากจะไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้ แต่กลัวมีพิรุธ ภาวนาให้ภาพพวกนี้มาจากราชวงศ์สมัยโบราณ รับรองมันต้องมีคุณค่ามากแน่ ๆ
เมื่อไม่อยากใช้เงินสามีในการลงทุน หนิงหนิงก็จ่ายเงินไป 12 หยวน ยังมีเงินเหลืออีก 18 หยวน ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่เสี่ยงมาก ด้วยความที่ไม่เคยรู้เรื่องเงินสามี เลยไม่อยากเอามาลงกับสิ่งของพวกนี้ทั้งหมด เธอไม่รีบ หากมันไม่ได้เป็นเหรียญยังเป็นไข่เอาไว้กินได้ เท่านั้นเธอก็ถือว่าตัวเองไม่ได้ขาดทุนแล้ว
"ปกติแล้วคนเรายินดีรับความช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ แต่คุณกลับไม่รับเงินจากผม" ฉิงหมิงยืนมองภรรยาที่กำลังค้นของเก่าที่ทางโรงขยะเตรียมทิ้งอย่างสงสัย
"ฉันก็ชอบเงินนะคะ ไม่มีใครไม่ชอบหรอก แต่เพราะส่วนมากฉันหาเงินด้วยตัวเอง เวลาใช้ไม่ต้องมองหน้าใคร ไม่ต้องเกรงใจหรือขออนุญาตจากใคร แบบนั้นสบายใจมากกว่าค่ะ" หนิงหนิงตอบแต่มือก็เลือกม้วนภาพวาดต่าง ๆ เธอตั้งใจจะเอาภาพวาดพวกนี้ไปก่อนอย่างอื่น เพราะหากปล่อยทิ้งไว้เจอละอองน้ำอาจทำให้เสียหาย แอบเอาเก็บในช่องว่างบ้าง ถือเองบ้าง เธอไม่สามารถปล่อยให้ภาพพวกนี้อยู่ตรงนี้ได้
"โลกที่คุณจากมา... ทุกคนเป็นแบบนั้นเหรอ" ถึงจะเคยเห็นโลกคล้าย ๆ ที่ภรรยาจากมา แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดที่ลงลึกหรือเฉพาะเจาะจง
"ไม่ค่ะ คนเราไม่เหมือนกัน แล้วแต่บางคน แต่เพราะฉันเคยลำบากมาก่อน ฉันเลยไม่อยากไปเบียดเบียนคนอื่นเท่านั้นเอง" หนิงหนิงมีหลักการใช้ชีวิตง่าย ๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร และไม่ใช่คนที่จะริษยาหรือเกลียดใครง่าย ๆ ถึงโลกก่อนจะไม่ถูกกับ เจ้าหรู แต่พวกเธอไม่เคยลงไม้ลงมือหรือทำร้ายกัน พวกเธอเอาชนะกันด้วยวิธีของตัวเอง แค่แย่งซื้อสิ่งของที่อีกคนอยากได้เท่านั้นเอง ไม่เคยตบตีหรือมีเหตุการณ์รุนแรงอะไร แม้แต่งานต่าง ๆ ยังไม่เคยแย่งเลย
สองสามีภรรยาช่วยกันถือของออกจากโรงขยะเต็มสองไม้สองมือ คนงานที่เห็นก็หยุดมองเป็นบางครั้งบางคราว เพราะไม่ค่อยมีคนมาซื้อของเก่าจากโรงขยะ นาน ๆ ถึงจะมีมาสักครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครหอบหิ้วสิ่งของไปมากมายเท่ากับสองสามีภรรยา
คนเป็นสามีนั้นไม่รู้หรอกว่าจะแลกเปลี่ยนแบบไหนหรือยังไง ที่เขาทำนั้นคือสนับสนุนภรรยา มันไม่ได้มากมาย สิ่งไหนที่ช่วยภรรยาได้เขาก็ช่วย ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเครื่องแลกเปลี่ยนว่าจะสามารถช่วยให้ครอบครัวตัวเองดีขึ้นมาหรือยังไง ช่วยได้ย่อมดี หากช่วยไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาไม่มีทางปล่อยให้ภรรยาของเขาลำบากอย่างแน่นอน
ในส่วนของภรรยานั้นยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว ไม่ได้หวังรวยมากมาย แต่หากแลกเหรียญได้มาก เธอก็ยินดีรับ ภูตน้อยถิงถิงบอกว่าหากมีควรแบ่งปัน เธอคิดว่าหากยังลำบากจะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร เธอต้องช่วยตัวเองก่อนที่จะไปช่วยคนอื่น เธอไม่ใช่คนที่ใจดีช่วยแบบไม่คิดอะไร เพราะหากมากไปเธอไม่ทำอย่างแน่นอน...
แรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่มีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับมีเครื่องประดับที่มีความพิเศษซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเหมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเองตามหานายหญิงไปด้วย...ตอนที่ 1 สร้อยไข่มุกเป็นเหตุเย่เผยหนิง นักแสดงมากฝีมือที่ถือครองตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่ง ถึงจะมี ใครบางคน บอกว่าเธอเป็นนางร้ายอันดับสอง แต่เธอไม่ยอมรับเพราะเธอมั่นใจว่าเธอคือที่หนึ่ง!!วันนี้ก็เช่นกัน!! เมื่อคนที่ไม่ชอบหน้าต้องการประมูล สร้อยไข่มุกโบราณ มีหรือที่ หนิงหนิง คนนี้จะยอม กู้เจ้าหรู นางร้ายอันดับสอง (ที่
ตอนที่ 2 ลาก่อนนางร้ายอันดับหนึ่งหนิงหนิงยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างที่มีแต่แสงสีขาวคล้าย ๆ หมอกลอยอยู่ทั่วบริเวณ เธอใช้ความคิดอย่างหนักว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน และตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน แล้วฝันอะไรถึงมีแต่หมอกเต็มไปหมด..."มาถึงแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงร้องถามดังขึ้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหันซ้ายแลขวา เพื่อตามหาที่มาของเสียง และสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือร่างกลมอวบอ้วนของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนยิ้มแฉ่งส่งมาให้"หนู... พูดกับพี่หรือเปล่าคะ" หนิงหนิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าได้คุยกับเธอจริง ๆ ไหม"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เสียงใสยังคงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี"หนูเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหนเหรอ" หนิงหนิงเริ่มถามเพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้ทันที"พี่สาวคนสวยตายแล้ว ที่นี่คือเส้นแบ่งความเป็นและความตาย ที่แห่งนี้มีไว้สำหรับพิจารณา เพื่อให้เลือกว่าจะไปเกิดใหม่ที่ไหน" เจ้าตัวเล็กยังคงอธิบายต่อเรื่อย ๆ"ตายแล้วเหรอ... " หนิงหนิงทวนคำที่ได้ยิน เหมือนกับว่าเธอยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน"ใช่ พี่สาวอยากไปเกิดที่ไหน ถิงถิงมีข้อเสนอให้ สนใจไหมเจ้าคะ" ถิงถิงเอียงคออย่างน่ารัก พร้อมทั้ง
ตอนที่ 3 สัญชาตญาณหนิงหนิงยังคงมีเรื่องสงสัย แต่ทุกอย่างกลับหายไปกับตา หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและมืดมิดได้ยินเสียงแว่วมาตามลม... เหมือนมีคนกำลังเรียกหาเธอ....โครม!!!"ตื่น!!! นังตัวดี!!! "หนิงหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ภาพเบื้องหน้าเหมือนมีม่านหมอกจาง ๆ บดบังไม่ให้มองเห็นได้ชัด แต่กลับมีความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกาะกุมร่างกาย ความรู้สึกช่างเหมือนการแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด ร่างกายชาหนึบจนไม่สามารถขยับได้ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจจนรู้สึกหนาวจับจิตจับใจ ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพียะ!!"ออกไปจากบ้านฉันเลยนะ!! " เสียงเด็กสาวตวาดดังลั่นหนิงหนิงนางร้ายอันดับหนึ่ง ผู้ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอเริ่มที่จะตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับว่างเปล่า เธอยังคงสับสนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้แค่ว่าเธอข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างใหม่... ซึ่งก็คือตัวเธอในโลกใบนี้! หนิงหนิงค่อย ๆ มองดูทุกอย่างรอบ ๆ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่เธอก็ต้องป้องกันตัว หลังจากโดนกระทำตั้งแต่ยังไม่
ตอนที่ 4 เย่เผยหนิงผู้โชคดี ตื่นมามีสามีเป็นของตัวเองหนิงหนิงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอป้องกันตัวและทำตามสัญชาตญาณทั้งหมด โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะมองไปที่คนที่แทนตัวเองว่า ป้า และยังอาสาเดินไปส่ง ยังดีที่มีคนใจดีพาเธอไปส่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลงทางแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ความทรงจำเดิมก็ไม่มี"ทีหลัง อย่าไปพูดแบบนั้นกับพ่อรู้ไหม ถ้าเดือดร้อนมาแล้วไปขอให้เขาช่วยเหลือ เขาจะไม่ช่วย" เหลียนฮวาที่เดินนำก็สอนหลานไปด้วย"ป้าคิดว่าเขาจะช่วยฉันจริง ๆ เหรอคะ" ถึงจะพึ่งมาอยู่ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนแบบนั้นไม่มีทางช่วยเหลือเธอแน่นอน"ตายแล้ว... อย่าพูด แต่ก่อนยังทนได้ ทนอีกนิด เผื่อเราเดือดร้อน" เหลียนฮวากลัวหลานลำบาก เลยไม่อยากให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ"เดือดร้อนฉันก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ป้าเป็นพยานให้ฉันด้วย เรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้" หนิงหนิงรีบหาพวกทันที อย่างน้อยตอนนี้ ป้าคนนี้ก็หวังดีกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น"เด็กคนนี้นี่นะ" เหลียนฮวาส่ายหัวกับคำพูดหลานสาว ถามว่าเธอเห็นด้วยไหม จริง ๆ
ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคนหนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรกในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคยยิ่งมอง ยิ่งผูกพันยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นเฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมา
ตอนที่ 6 เครื่องแลกเปลี่ยนหลังจากอีกคนออกไปแล้ว หนิงหนิงก็เริ่มทำงานบ้าน ถึงแม้ว่าก่อนจากมาแทบไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก่อนที่จะไปเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง เธอก็ต้องช่วยงานที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนต้องช่วยงานกันทั้งหมด ยิ่งโตขึ้นยิ่งต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม เรื่องเท่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแน่นอน เธอยังจำได้ดีว่าต้องทำแบบไหน และหนิงหนิงในโลกนี้สามารถทำงานได้สารพัด งานบ้านเลยกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอไปเสียแล้ว"ปัจจัย 4 คือสิ่งจำเป็นมาก ๆ ในยุคนี้" หนิงหนิงพึมพำไปพร้อมกับใช้ความคิดทางการอนุญาตให้เลี้ยงหมูได้ครอบครัวละ 1 ตัว และเลี้ยงไก่ได้บ้านละ 2 ตัว นั่นหมายถึงเธอสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูได้ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอต้องรอเจ้าของบ้านกลับมาแล้วค่อยปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้"ไข่มุกจ๋าาา... มีพรวิเศษอะไรให้หนิงหนิงบ้าง" หนิงหนิงลูบสร้อยไข่มุกและทดลองหลับตา ทำทุกวิธีที่ตัวเองเคยได้ยินได้อ่านมา อาจเป็นมิติวิเศษ ห้างขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ระบบฟาร์ม สิ่งไหนก็ได้ขอให้ได้มา ตั้งจิตอธิษฐานอย่างใจเย็น... แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..."อาจมาช้าแบบที่ถิงถิงบอก อย่าช้าจนฉันตายอี
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ "ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย "ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีล
ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกันผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอนวันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามา
ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่องหนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง..."หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละเมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสาม
ตอนที่ 9 ความลับของนางร้ายหนิงหนิงทดลองใช้กระเป๋าแลกเปลี่ยน ในเมื่อเครื่องสี่เหลี่ยมเปลี่ยนเป็นกระเป๋า หนิงหนิงเลยเรียกแบบใหม่ให้มันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองใช้ โดยเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋า ต้นแรกไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ อาจเพราะต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพร การทดลองทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะความรู้เรื่องสมุนไพรหรือต้นไม้ไม่มีอยู่ในหัวเลย เลยต้องสุ่มขุดทั้งรากส่งเข้าไป หากสิ่งไหนแลกได้ก็จะหายไปจากกระเป๋า แต่หากสิ่งไหนแลกไม่ได้ มันจะอยู่แบบนั้นจนกว่าเราจะเอาออกต้องลองใช้งานเครื่องเองทุกอย่าง ยิ่งใช้งานยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม กระเป๋าใบเล็กแต่สามารถเอาต้นไม้ต้นใหญ่ใส่ได้ เหมือนเล็กแค่ขนาดของกระเป๋าเท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งของจะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน หากสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ กระเป๋าใบนี้จะดูดเข้าเอง โดยไม่ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นใส่ลงไปในกระเป๋า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มีสมุดบันทึกและปากกาหนึ่งด้ามเพิ่มมา ให้ได้รู้ว่าแลกอะไรไปบ้าง สิ่งของในช่องว่างมีจำนวนเท่าไหร่ และเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้หาสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะจะมีรูปภาพสิ่งของที่สามารถแลกได้ หากให้เปรียบเทียบเหมือ
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง