ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน
"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย
"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว
"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้
"ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย
"ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
"จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีลูกบ้านมากมายที่คอยสนับสนุน
"แล้วเรื่องเอกสารตัดขาดของฉันทำไมถึงยื่นได้ละคะ" ตอนแรกหนิงหนิงยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องตัดขาดเพิ่มเติม
"ประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็เรียบร้อยแล้ว เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว" หัวหน้าหมู่บ้านหันมามองเผยหนิงชัด ๆ เพิ่งรู้ว่าเด็กสาวคนนี้หน้าตาผิวพรรณดีขนาดนี้ ทำไมแต่ก่อนถึงผมเผ้ารุงรัง ผอมแห้งกว่านี้ ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อน
"แล้วเรื่องทะเบียนสมรส ไม่ได้เอาให้ฉันประทับตราพร้อมกันกับใบตัดขาดเหรอคะ" หนิงหนิงยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ทั้งที่อยากจะถีบไอ้หัวหน้าชุมชนหน้าเงิน แต่การแสดงออกของเธอกลับตรงกันข้าม
"พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาเอา อยากไปเดินเรื่องกันเองก็ไป แต่ต้องรู้ไว้ด้วยว่า คนในชุมชนส่วนมากจะให้หัวหน้าชุมชนเป็นคนทำเรื่องให้" ฝันไปเถอะว่าจะเดินเรื่องเองได้ง่าย ๆ ทุกอย่างต้องใช้เส้นสาย และการใช้เส้นสายต่าง ๆ ส่วนมากก็ต้องมีสินน้ำใจให้ทั้งนั้น เงินไม่อยากเสียอยากเดินเรื่องเอง แบบนี้ก็ดี จะได้พูดให้ลูกบ้านคนอื่นรับรู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา
"ผมจะเอาวันนี้ และจะเอาตอนนี้ด้วย เป็นหัวหน้าชุมชน แต่ใช้คำพูดเหมือนกำลังข่มขู่ลูกบ้าน" จะพูดแบบไหนเขาก็ไม่สนใจ เขาแค่ต้องการเอกสารคืนตอนนี้เท่านั้น
"มากไปแล้วไอ้หนุ่ม เป็นแค่ลูกบ้านอย่ามาดูถูกเจ้าหน้าที่ อยากย้ายไปอยู่อื่นหรือยังไง ทุกเรื่องก็ต้องผ่านหัวหน้าชุมชนทั้งนั้น" ในเมื่อเด็กมองข้ามหัว มีหรือที่เขาจะยอม ทำงานมาตั้งกี่ปี มีแต่คนเข้าหา มีแต่คนพูดจาดี ๆ ด้วย เพิ่งจะมาเจอสองคนนี้แหละที่กล้ามาพูดแบบนี้กับเขา
"อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ตอนนี้เอาเอกสารมาคืนได้แล้ว" ความหงุดหงิดเริ่มพุ่งขึ้นสูง มองอีกคนอย่างหาเรื่อง
"ไหนบอกจะใจเย็น" เมื่อเห็นหัวหน้าชุมชนเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก หนิงหนิงก็หันไปพูดกับสามีที่ยืนทำหน้าบึ้งตึง
คนคนนี้ความอดทนช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน ตอนออกมาบอกเธอ กำชับเธอให้ใจเย็น ๆ ให้อยู่นิ่ง ๆ ทุกอย่างจะเป็นคนจัดการเอง แต่ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนจะพุ่งเข้าหาเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านมากกว่า
"เอาไป!! ทีหลังเดือดร้อนอะไรมาไม่ต้องมา อยากดูน้ำหน้าพวกแกทั้งสองคนจะอยู่ยังไง!! " ทหารก็ไม่ได้เป็นแล้ว หากไม่ทำงานในชุมชนหรือในคอมมูนจะเอาอะไรกิน อย่าหวังว่าเขาจะช่วย เขาจะเป็นคนกีดกันจนถึงที่สุด!!
หนิงหนิงรับเอกสารมาจากมือหัวหน้าหมู่บ้าน โดยไม่พูดอะไร พร้อมกับเดินจูงมือสามีให้ออกมาข้างนอก เธอยังไม่อยากให้มีเรื่องกัน ดีที่ว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ในบ้าน ไม่อย่างนั้นต้องมีคนเอาไปพูดจนเรื่องราวบานปลาย ต่อไปเธอสองคนจะทำอะไรลำบากมากกว่าเดิม ไม่ได้กลัวการมีปัญหาหรือมีเรื่องกับหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ยังเสียเปรียบจึงจำเป็นต้องใจเย็นก่อน
"ทีหลังคุณต้องบอกตัวเองด้วย ไม่ใช่บอกแต่ฉันให้ใจเย็น ๆ " เมื่อเดินออกมาแล้วหนิงหนิงก็บอกสามี แล้วมุ่งหน้าพากันไปที่สหกรณ์ของหมู่บ้านตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
"หนิงหนิงเหรอ... " คนที่สหกรณ์ร้องทัก แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม เพราะไม่เคยเห็นหน้าชัด ๆ เลยสักครั้ง
"ใช่จ้ะ ฉันอยากได้นมผง มีไหมจ๊ะ" หนิงหนิงยิ้มให้คนที่ถาม ซึ่งมีชาวบ้านอยู่กันหลายคน เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านจะรวมตัวพูดคุยกันอยู่แล้ว และที่สหกรณ์ร้านค้าหมู่บ้านคือสถานที่ที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเป็นประจำ
"ไม่มีหรอก หมดตั้งแต่สองวันก่อน ของยังไม่มีมาเลย ตั้งใจมาซื้อของหรือจะพากันไปไหน" ในหมู่บ้านมีไม่กี่เรื่องที่คนอยากรู้อยากเห็น นั่นคือเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง และยิ่งคนที่ถูกตัดขาดจากครอบครัวเพราะกระโดดเข้าหาผู้ชายอย่างเผยหนิง คนยิ่งพากันพูดไปสามบ้านแปดบ้าน ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้เลย
"ไปเอาเอกสารที่บ้านหัวหน้ามาจ้ะ เขานัดให้มาเอา แต่พอมาเอามันยังไม่เรียบร้อย ฉันเลยต้องเอาเอกสารกลับคืน เพื่อไปทำเรื่องเอง" หนิงหนิงแสดงสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสา ส่วนมือก็หยิกสามีไว้ กลัวเขาพูดอะไรแปลก ๆ ออกมา ของแบบนี้ต้องให้ผู้หญิงลงมือ รับรองได้ผลแน่นอน
"วันนี้เขาก็เข้าเมืองไม่ใช่เหรอ" เมื่อมีประเด็น ชาวบ้านก็เริ่มถกกันต่อ และพวกเขารู้ดีว่าสองสามีภรรยาคงไม่มีสินน้ำใจจ่ายให้ ไม่อย่างนั้นเรื่องน่าจะเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ว่าสองสามีภรรยาเท่านั้นที่โดนแบบนี้ ใครยื่นเอกสารราชการแล้วไม่มีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ มอบให้หัวหน้า ก็ต้องรอนานเป็นธรรมดา
"หนิงหนิง หากไม่มีเงินก็ให้อาหารหรือไข่ไก่ก็ได้" ชาวบ้านบางคนไม่มีเงินก็เปลี่ยนเป็นอาหารหรืออะไรที่พอหาได้ให้เขาไป เวลาเข้าเมืองเขาอาจจะถือเอกสารไปยื่นให้ก็ได้ ยังไงเขาก็ต้องเข้าไปในเมืองแทบทุกวัน
"ต้องให้ด้วยเหรอจ๊ะ เขาต้องเป็นคนทำให้ไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเขาเป็นตัวแทนของพวกเรา และเป็นตัวแทนของรัฐด้วย เขากินเงินเดือนไม่ใช่เหรอ หรือว่าหัวหน้าใจดีทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ฉันไม่รู้ว่าเขาไม่ได้รับเงินจากรัฐ เลยไม่ได้เอาอะไรติดไม้ติดมือไปให้" หนิงหนิงยังคงสวมบทบาทนางสาวไม่รู้ และยังอ่อนด้อยไร้เดียงสาอย่างที่สุด และเท่าที่ดูแล้วทุกคนเชื่อสนิทใจเลยว่าเธอไม่รู้จริง ๆ
"รับสิ ทำไมจะไม่รับ แต่หากไม่จ่าย เขาก็ทำงานให้ช้าแบบนี้แหละ ไม่รู้ว่าหมู่บ้านอื่นเป็นแบบนี้ไหม แต่ที่หมู่บ้านเราเป็นแบบนี้มานานแล้ว" เมื่อมีคนมาเปิดประเด็น ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่จะอยากเสียเงิน ยิ่งยุคข้าวยากหมากแพง ยิ่งทำให้ทุกคนประหยัด
"แล้วแบบนี้ ฉันต้องทำยังไงต่อดี... ฉันเอาเอกสารกลับมาแล้วด้วย" นางไม่รู้แบบหนิงหนิงยังตีหน้าซื่อถามคำถามต่อ
"หากไม่รีบก็ให้เขาทำให้ แต่หากรีบก็อย่างที่บอก" เพราะทุกคนอยู่แต่หมู่บ้าน ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกเป็นแบบไหนยังไง ส่วนมากก็ต้องให้เขาเดินเรื่องให้ทั้งนั้น
"แต่หัวหน้าบอกว่าให้พวกฉันทำเอง เขาไม่ทำให้แล้ว" หนิงหนิงยังตีหน้าเศร้า เล่าเรื่องราวได้อย่างน่าสงสาร
"พรุ่งนี้เราก็เข้าเมืองไปเดินเรื่องเองได้ ไม่นานครับ" แค่มองตาก็รู้ใจคงเป็นแบบนี้ เพราะแค่ภรรยาปรายตามามองเท่านั้น ฉิงหมิงก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองต้องพูดหรือทำยังไงต่อ
"มันยุ่งยากไหม หนังสือหนังหาอ่านไม่ออกอีก" เมื่อได้ยินว่าเดินเรื่องเองได้ ไม่นานอีกด้วย ชาวบ้านต่างก็พากันอยากรู้ แต่เพราะไม่เคยทำเอง กลัวไปแล้วทำไม่ถูก ส่วนมากชาวบ้านก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น และที่สำคัญไม่ค่อยมีเอกสารหรือเรื่องอะไรให้ต้องเข้าไปทำอยู่แล้ว
"มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดครับ ช่วยอ่าน ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจ ที่สำคัญไม่ต้องรอนานเลยครับ" ฉิงหมิงเพิ่งจะไปเดินเรื่องซื้อของมาสร้างกำแพง เขารู้เรื่องนี้ดี
"พ่อหนุ่ม ที่เดินเรื่องซื้อของนั้นทหารทำให้หรือว่าทำเอง ชาวบ้านอย่างเราลงชื่อได้ไหม" ช่วงนี้เห็นรถบรรทุกอิฐวิ่งเข้าไปท้ายหมู่บ้านหลายรอบ ทุกคนรู้ดีว่าขนของมาสร้างบ้านสร้างกำแพงให้นายทหารที่ลาออกกลับมาอยู่บ้านเดิม
"ผมลงชื่อด้วยตัวเอง และหน่วยงานทหารเข้ามาช่วยทีหลังครับ"
"ชาวบ้านลงได้ไหม" เรื่องนี้ชาวบ้านสนใจเป็นอย่างมาก เพราะลงชื่อกับหัวหน้าหมู่บ้านแล้วยังเงียบอยู่เลย บางคนก็จ่ายเงินให้ช่วยตามเรื่อง หรือที่รู้ ๆ กันอยู่คือหากได้ก่อนยิ่งดี แต่ก็ยังช้าอยู่เลย
"ผมเห็นคนอื่น ๆ ไปลงชื่ออยู่นะครับ หากสร้างบ้านใหม่ใช้ของเยอะก็อาจนานสักหน่อย แต่หากต่อเติมไม่นานครับ" บอกไปตามตรง และเพื่อกระตุ้นชาวบ้านด้วยเช่นกัน เดินเรื่องเอกสารอาจนาน ๆ ที แต่เรื่องซ่อมแซมต่อเติมบ้านนั้นแทบทุกครัวเรือนที่ยื่น แต่ก็ต้องรออยู่อย่างนี้ไม่ถึงคิวตัวเองสักที
สองสามีภรรยาวางเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย ความอยากได้ ความอยากรู้ เพื่อกระตุ้นชาวบ้าน รู้ดีว่าเรื่องไหนที่ชาวบ้านต้องการก็เอาเรื่องนั้นออกมาพูดคุย เหมือนเป็นเรื่องทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วกลับมีความนัยแอบแฝง หากมีคนไปเดินเรื่องเอง นั่นหมายถึง หัวหน้าหมู่บ้านจะขาดรายได้จากตรงนี้ ชาวบ้านส่วนมากต้องเสียเงินให้หัวหน้าตามเรื่องนี้ให้
พูดง่าย ๆ คือติดสินบนให้เขาตามเรื่อง บางคนติดสินบนเพื่อที่จะได้แซงคิวให้ได้ของเร็วที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านไม่มีความสามารถช่วยชาวบ้านได้ขนาดนั้น แต่เขามีวิธีพูดให้ชาวบ้านเชื่อ และเงินที่ได้มาเขาก็เก็บไว้ใช้เองอย่างสบาย หากชาวบ้านได้เข้าไปฟังที่เจ้าหน้าที่บอก ชาวบ้านจะรู้เองว่ามันเป็นแบบไหน และแน่นอนว่าสิ่งที่หัวหน้าชุมชนพยายามปกปิดก็จะถูกเปิดเผยออกมา
"ผมเพิ่งรู้ว่าภรรยาเก่งก็วันนี้" ฉิงหมิงเดินโอบไหล่ภรรยากลับบ้านพร้อมทั้งเอ่ยชมไม่ขาดปาก เคยได้ยินแต่ภรรยาบอกว่าตัวเองเป็นนักแสดงนางร้ายอันดับหนึ่ง เพิ่งรู้ว่านางร้ายแสดงได้หลายบทบาท ภรรยาเขาตีสีหน้าได้ใสซื่อ ถึงขนาดเขาที่มาด้วยกันยังเชื่อเลย
"ไม่เสียชื่อนางร้ายอันดับหนึ่งแน่นอน แต่คุณไม่นิ่ง เคยได้ยินไหมทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง" หนิงหนิงหันมาต่อว่าสามี
"ภรรยาครับ หากผมไม่ทำแบบนั้นจะส่งไม้ต่อให้ภรรยาได้อย่างไร" ฉิงหมิงพูดจบพร้อมกับหัวเราะในลำคอ
"หือ... อย่าบอกนะว่านั่นคือการแสดง" ...หากเป็นแบบนั้นถือว่าเก่งกว่าเธอเสียอีก เพราะเธอมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขากำลังแสดง
"ไม่ถึงกับแสดง โมโหจริง อยากจะซัดสักสองหมัด คืนนี้เมียจ๋านอนคนเดียวได้ไหม ขอไปเอาคืนสักหน่อย หากไม่ได้เอาคืนอาจนอนไม่หลับไปหลายวันแน่ ๆ " ก่อนออกไป อุตส่าห์คิดว่าจะเป็นสามีที่ดี ไม่ให้ภรรยาลงมือเอง แต่ก็ยังต้องให้ภรรยาช่วยอยู่ดี ไม่อย่างนั้นมันไม่สมจริง
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ในเมื่อคุณคิดจะเล่นงานแบบนี้ตั้งแต่แรก ช้าหน่อย แต่เล่นให้หนักแบบนี้ดีแล้ว" หากสามีไม่บอกก่อนว่าจะทำอย่างไร เธอก็คงตามไม่ทัน ดีที่พอจะรู้เรื่องบ้าง หากไปแบบไม่รู้อะไรเลย อาจเป็นเธอที่โดดโหยง ๆ เพราะโมโหกับคำพูดของหัวหน้าชุมชนอย่างแน่นอน
"พรุ่งนี้เข้าเมืองกัน ทำเรื่องให้เรียบร้อย และจะได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนด้วย สามีจะพาเมียจ๋าไปลองกินอาหารในเมืองด้วย" ฉิงหมิงก้มลงหอมหัวภรรยาอย่างมันเขี้ยว เขารู้สึกว่ายิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งเหมือนกัน และแค่มองตาก็พากันไปต่อได้โดยที่ไม่ต้องพูดหรือบอกอะไร
"เขาจะได้หลุดจากตำแหน่งจริง ๆ ใช่ไหมคะ" การทำแบบนี้ใช้เวลานานในการตรวจสอบ กว่าจะเอาคืนได้ก็ลืม แบบนั้นมันไม่ค่อยทันใจเธอสักเท่าไหร่
"เมียจ๋า... สามีคนนี้มีทางลัด อย่าห่วงเลย นานสุดไม่เกินหนึ่งเดือนแน่นอน เรามีหลักฐานและพยานครบ ก่อนหน้านี้เราก็สร้างพยานไว้แล้ว อย่าห่วงเลย" ฉิงหมิงไม่อยากให้ภรรยาคิดเรื่องนี้แล้ว เพราะเขามั่นใจและคิดว่ามันจบแน่ ๆ และจบได้สวย ๆ เพราะได้ความร่วมมือจากภรรยา
"ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าคุณหรือฉันกันแน่ที่แสดงเก่ง เริ่มไม่น่าไว้ใจแล้ว" เพราะจากที่ดูเหมือนทุกอย่างเป็นแผนที่เขาวางไว้ และเหมือนเธอเป็นหมากให้เขาอีกด้วย
"จำไว้หนิงหนิง ผมเป็นตัวเองเวลาอยู่กับคุณเท่านั้น นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม กับคนอื่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ว่าไปแล้วเมียจ๋านี่น่าทำงานในกองทัพ น่าจะสืบข่าวได้ดี แสดงเนียนกริบ และเราทำงานเข้าขากันสุด ๆ ทั้งที่ผมไม่ได้บอกแผนทั้งหมด แต่สามารถรุกและรับได้ทัน เนื้อคู่กันจริง ๆ เนอะ" ฉิงหมิงยังคงเย้าแหย่ภรรยาอย่างอารมณ์ดี
"โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย" เพราะความกะล่อนของเขาที่พลิกไปพลิกมา เธอก็เริ่มปวดหัวแล้วเหมือนกัน
"ไม่แกล้งแล้ว ไม่ปวดแล้วเนอะ" ฉิงหมิงเลิกเล่นทันทีที่เห็นท่าทางของภรรยา เขารู้ว่าควรหยุดตอนไหน ไม่อย่างนั้นได้ทะเลาะกันจริง ๆ แน่
"ฉันหวังว่าวันหนึ่งคุณจะไม่วกกลับมาเล่นงานฉัน" เมื่อรู้ถึงความร้ายกาจของสามีภายใต้ใบหน้าทะเล้น หนิงหนิงรู้เลยว่าหากเป็นศัตรูกับเขา ต้องรับมือยากมากแน่ ๆ
"ไม่มีทาง ผมไม่ทำแบบนั้นกับภรรยาตัวเองเด็ดขาด แต่หากคุณคิดหย่าขาดเมื่อไหร่ ก็ค่อยเตรียมรับมือผมเมื่อนั้นได้เลย" เรื่องอื่นยอมหมด มีเรื่องหย่านี่แหละห้ามเด็ดขาด เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาจะไม่ยอมภรรยา
หนิงหนิงแหงนหน้ามองคนข้าง ๆ เธอคงหนีเขาไม่พ้นแน่ ๆ เห็นไส้เห็นพุงกันขนาดนี้ ขนาดแผนที่เธอคิดว่าไม่ใช่แผน ยังเป็นแผนจริง ๆ ของเขาเลย และเธอดันไปเป็นคนเดินหมากให้เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย
"อย่าคิดมาก เราเข้ากันได้ดี นี่ขนาดยังไม่แก้ผ้ายังเข้ากันขนาดนี้ หากเราแก้ผ้ารับรองเข้ากันจนมิดเลย... ลองไหม" เมื่อรู้ว่าแกล้งได้แล้ว เขาก็แกล้งต่อทันที
"ฉันบอกให้เงียบ ๆ นิ่ง ๆ เข้าใจไหม" หนิงหนิงหยิกเข้าที่สีข้างพร้อมกับเอ่ยเสียงลอดไรฟันให้อีกคนรับรู้
"โอ๊ย... ยอมครับ ยอมทุกอย่างเลยเมียจ๋า นิ่งแล้ว เงียบแล้ว ไม่พูดแล้ว เข้าใจแล้ว" เมื่อโดนบิดอย่างแรง ภรรยาสั่งอะไรรีบรับปากทันที
"เล่นให้มันรู้เวลาบ้าง ถ้ายังไม่หยุดไม่ต้องเข้ามานอนในห้อง!! "
เมื่อเจอคำขู่ของภรรยา แม้แต่เจ็บยังไม่กล้าซูดปากออกมาเลย ให้ทำอย่างอื่นที่ยากกว่านี้ยังดีกว่าไล่ออกมานอนนอกห้อง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเขาต้องกลัวเรื่องนี้ด้วย บ้านก็บ้านของเขา แต่หากภรรยาสั่งเขากลับรีบทำ ไม่อย่างนั้นเขาได้นอนข้างนอกแน่ ๆ นอนข้างนอกไม่น่ากลัวเท่าไม่ได้นอนกอด
เขาคุ้นชินกับการนอนกอดภรรยาเสียแล้ว ตัวนุ่ม ๆ กลิ่นหอม ๆ ระยะเวลาเพียงไม่นาน เขากลับชอบที่จะนอนกอดภรรยาจนยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เพราะกลัวโดนไล่ออกจากห้องตัวเอง ไม่รู้ผู้ชายคนอื่นจะเป็นเหมือนเขาไหม แค่ภรรยาหันมาจ้องนี่ก็ร้อนตัวแล้ว คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ไม่กล้าจ้องตาภรรยาที่กำลังโมโห
อาจเป็นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับคนที่หยุดหายใจแล้วฟื้นขึ้นมา อาการที่เขาเป็นนั้นมันประหลาดมาก ๆ คงต้องรีบไปหาหมอ หากรักษาได้จะได้รีบรักษาแต่เนิ่น ๆ เพราะเขากลัวเป็นหนักมากกว่าเดิม นี่ขนาดอยู่ด้วยกันยังไม่ถึงเดือนยังเป็นขนาดนี้ หากอยู่ด้วยกันนานไปเขาอาจเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ ๆ ต้องรีบหาหมอโดยด่วน...
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
แรกเริ่ม... ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มขึ้น...เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจาก ภูตน้อยถิงถิง ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่มีดวงชะตาถึงฆาตในโลกที่ถือกำเนิด ถิงถิงช่วยนำพาวิญญาณของสาว ๆ เหล่านั้นให้ย้อนกลับไปเป็นตัวเองในอีกโลกหนึ่ง มิติหนึ่ง ยุคหนึ่ง พร้อมกับมีเครื่องประดับที่มีความพิเศษซึ่งสามารถช่วยเหลือหญิงสาวแต่ละคนได้ แต่พรวิเศษจะเป็นอะไรนั้น... ขึ้นอยู่กับคนถือครอง บางคนอาจสามารถใช้สิ่งของวิเศษตั้งแต่ครั้งแรก บางคนต้องใช้เวลานานกว่าที่พรวิเศษจะปรากฏ เจตนาของภูตน้อยถิงถิงไม่ใช่ช่วยเหลือ ผู้ผ่านทาง เพียงเท่านั้น เครื่องประดับวิเศษที่หญิงสาวได้ไปนั้น เปรียบเหมือนเครื่องตามหา นายหญิง ของถิงถิงด้วยเช่นกัน สิ่งที่ภูตน้อยทำนั้นได้ทั้งช่วยผู้อื่นและช่วยตัวเองตามหานายหญิงไปด้วย...ตอนที่ 1 สร้อยไข่มุกเป็นเหตุเย่เผยหนิง นักแสดงมากฝีมือที่ถือครองตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่ง ถึงจะมี ใครบางคน บอกว่าเธอเป็นนางร้ายอันดับสอง แต่เธอไม่ยอมรับเพราะเธอมั่นใจว่าเธอคือที่หนึ่ง!!วันนี้ก็เช่นกัน!! เมื่อคนที่ไม่ชอบหน้าต้องการประมูล สร้อยไข่มุกโบราณ มีหรือที่ หนิงหนิง คนนี้จะยอม กู้เจ้าหรู นางร้ายอันดับสอง (ที่
ตอนที่ 2 ลาก่อนนางร้ายอันดับหนึ่งหนิงหนิงยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้างที่มีแต่แสงสีขาวคล้าย ๆ หมอกลอยอยู่ทั่วบริเวณ เธอใช้ความคิดอย่างหนักว่าก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน และตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หรือว่านี่จะเป็นความฝัน แล้วฝันอะไรถึงมีแต่หมอกเต็มไปหมด..."มาถึงแล้วหรือเจ้าคะ" เสียงร้องถามดังขึ้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับหันซ้ายแลขวา เพื่อตามหาที่มาของเสียง และสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือร่างกลมอวบอ้วนของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนยิ้มแฉ่งส่งมาให้"หนู... พูดกับพี่หรือเปล่าคะ" หนิงหนิงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าได้คุยกับเธอจริง ๆ ไหม"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" เสียงใสยังคงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี"หนูเป็นใคร ที่นี่คือที่ไหนเหรอ" หนิงหนิงเริ่มถามเพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้ทันที"พี่สาวคนสวยตายแล้ว ที่นี่คือเส้นแบ่งความเป็นและความตาย ที่แห่งนี้มีไว้สำหรับพิจารณา เพื่อให้เลือกว่าจะไปเกิดใหม่ที่ไหน" เจ้าตัวเล็กยังคงอธิบายต่อเรื่อย ๆ"ตายแล้วเหรอ... " หนิงหนิงทวนคำที่ได้ยิน เหมือนกับว่าเธอยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน"ใช่ พี่สาวอยากไปเกิดที่ไหน ถิงถิงมีข้อเสนอให้ สนใจไหมเจ้าคะ" ถิงถิงเอียงคออย่างน่ารัก พร้อมทั้ง
ตอนที่ 3 สัญชาตญาณหนิงหนิงยังคงมีเรื่องสงสัย แต่ทุกอย่างกลับหายไปกับตา หลงเหลือเพียงความว่างเปล่าและมืดมิดได้ยินเสียงแว่วมาตามลม... เหมือนมีคนกำลังเรียกหาเธอ....โครม!!!"ตื่น!!! นังตัวดี!!! "หนิงหนิงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ภาพเบื้องหน้าเหมือนมีม่านหมอกจาง ๆ บดบังไม่ให้มองเห็นได้ชัด แต่กลับมีความรู้สึกเหน็บหนาวที่เกาะกุมร่างกาย ความรู้สึกช่างเหมือนการแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด ร่างกายชาหนึบจนไม่สามารถขยับได้ ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่หัวใจจนรู้สึกหนาวจับจิตจับใจ ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพียะ!!"ออกไปจากบ้านฉันเลยนะ!! " เสียงเด็กสาวตวาดดังลั่นหนิงหนิงนางร้ายอันดับหนึ่ง ผู้ซึ่งมาใหม่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอเริ่มที่จะตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่หลายสิ่งหลายอย่างกลับว่างเปล่า เธอยังคงสับสนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้แค่ว่าเธอข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างใหม่... ซึ่งก็คือตัวเธอในโลกใบนี้! หนิงหนิงค่อย ๆ มองดูทุกอย่างรอบ ๆ ถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมด แต่เธอก็ต้องป้องกันตัว หลังจากโดนกระทำตั้งแต่ยังไม่
ตอนที่ 4 เย่เผยหนิงผู้โชคดี ตื่นมามีสามีเป็นของตัวเองหนิงหนิงคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คิดยังไงก็ยังคิดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอป้องกันตัวและทำตามสัญชาตญาณทั้งหมด โดยที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่จะมองไปที่คนที่แทนตัวเองว่า ป้า และยังอาสาเดินไปส่ง ยังดีที่มีคนใจดีพาเธอไปส่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลงทางแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเหมือนคนไม่รู้อะไรเลย ความทรงจำเดิมก็ไม่มี"ทีหลัง อย่าไปพูดแบบนั้นกับพ่อรู้ไหม ถ้าเดือดร้อนมาแล้วไปขอให้เขาช่วยเหลือ เขาจะไม่ช่วย" เหลียนฮวาที่เดินนำก็สอนหลานไปด้วย"ป้าคิดว่าเขาจะช่วยฉันจริง ๆ เหรอคะ" ถึงจะพึ่งมาอยู่ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนแบบนั้นไม่มีทางช่วยเหลือเธอแน่นอน"ตายแล้ว... อย่าพูด แต่ก่อนยังทนได้ ทนอีกนิด เผื่อเราเดือดร้อน" เหลียนฮวากลัวหลานลำบาก เลยไม่อยากให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ"เดือดร้อนฉันก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ป้าเป็นพยานให้ฉันด้วย เรื่องที่เขาพูดกับฉันก่อนหน้านี้" หนิงหนิงรีบหาพวกทันที อย่างน้อยตอนนี้ ป้าคนนี้ก็หวังดีกับเธอมากกว่าคนพวกนั้น"เด็กคนนี้นี่นะ" เหลียนฮวาส่ายหัวกับคำพูดหลานสาว ถามว่าเธอเห็นด้วยไหม จริง ๆ
ตอนที่ 5 ห้วงฝันของเธอ... แต่มันคือชีวิตจริงของใครอีกคนหนิงหนิงหลับสนิทตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย โดยที่อีกคนนั้นเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้นอนต่อไปจนกว่าจะตื่นมาเอง อาจทำให้คุยกันเข้าใจมากขึ้นกว่าตอนแรกในห้วงฝันที่หนิงหนิงเข้าใจนั้น ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตลำบากหลังจากที่แม่จากไป ทุกเหตุการณ์จากเด็กจนโตทำให้เธอ...ยิ่งมอง ยิ่งคุ้นเคยยิ่งมอง ยิ่งผูกพันยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเธอคือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นเฮือก!! หนิงหนิงสะดุ้งตื่นทันทีที่สบตาเข้ากับเด็กคนนั้น ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวด ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอให้รับรู้ ให้รู้สึก เมื่อความทรงจำและความรู้สึกประดังเข้ามาก็ทำให้เธอถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่"ฮือ ๆ... " หนิงหนิงปล่อยโฮออกมา เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ชีวิตในโลกนี้ของเธอนั้นหนักหนา เพราะด้วยสังคม ยุคสมัยที่บีบบังคับ มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ไม่มีโอกาสที่จะหลีกหนีได้นอกจากแต่งงานออกมา และการแต่งงานที่เหมือนกับการเสี่ยงดวง ไม่รู้ว่าคนที่แต่งงานด้วยนั้นจะมีจิตใจเป็นยังไง ในโลกนี้ลำบากมากกว่าที่เธอจากมา
ตอนที่ 15 นางร้ายกับโรงขยะหนิงหนิงยืนอยู่หน้าโรงขยะประจำจังหวัดนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาสถานที่แบบนี้ แต่เพราะต้องการหารายได้จึงต้องมาทนกลิ่นที่เหม็นคละคลุ้ง คนที่เดินผ่านไปมาต้องมีผ้าเอามาปิดจมูก คนงานก็เช่นกันหนิงหนิงเห็นคนทำงานแล้วได้แต่เห็นใจ เพราะมันไม่ถูกสุขอนามัยเลย แบบนี้มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในยุคนี้มันยังไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ทุกคนเลยต้องป้องกันตัวเองเท่าที่จะป้องกันได้แต่ที่ไม่เข้าใจคือ... ในยุคนี้มีขยะมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งที่บางอย่างยังขาดแคลน แต่กลับมีขยะจำนวนมากสามีบอกว่าทุกคนที่ทำงานที่โรงขยะยินดีที่จะทำ เพราะโรงขยะเป็นหน่วยงานของรัฐ คนทำงานได้สวัสดิการจากรัฐ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ หากเป็นคนของรัฐ การเป็นอยู่ อาหารการกินจะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"หนิงหนิง เราต้องไปอีกที่" ฉิงหมิงเดินเข้ามาจูงมือภรรยาเพื่อพาไปอีกสถานที่หนึ่ง "คนทำงานที่นี่เขาป่วยบ่อยไหมคะ" หนิงหนิงเดินตามแรงจูงก็ถามเรื่องทั่วไปไปด้วย"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขายอมป่วยบ่อยมากกว่ายอมให้ครอบครัวอดอาหาร" ภรรยาก็ช่างสงสัย เขาไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้เลยจะรู้ได้อย่างไร ฉิงหมิงยิ้
ตอนที่ 14 นางร้ายกับคุณป้าทั้งห้า"อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมแค่เดินเรื่องไว้ตั้งแต่แรกเท่านั้นเอง ผมถึงบอกว่าผมไม่รีบ เพราะเขาไม่ทำให้ ผมก็ทำเรียบร้อยแล้ว" ฉิงหมิงเดินจูงมือภรรยาออกมาข้างนอกเพื่อพาไปอีกอาคารหนึ่ง ที่มีพวกป้าในหมู่บ้านรออยู่"แล้วคุณมีเอกสารได้ยังไง" ทุกอย่างเป็นเอกสารทางราชการทั้งนั้น เขาเป็นทหารปลดประจำการ จะมีของแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร"ตอนเย็นวันเกิดเรื่องผมไปบ้านหัวหน้าชุมชนเพื่อแจ้งเรื่อง ในช่วงจังหวะที่เขาเผลอ ผมก็หยิบเอกสารราชการติดมือมาด้วย พอออกจากบ้านหัวหน้า ผมไปหาคุณที่บ้าน แต่ทุกคนกลับไม่ให้เข้าไป พวกเขาจึงคุยเรื่องค่าสินสอด ผมยอมรับว่าไม่ค่อยไว้ใจ เลยต่อรองด้วยการขอลายนิ้วมือของคุณ" ฉิงหมิงหยุดเดิน หันมาพูดและจ้องตากับภรรยา เขาอยากให้ภรรยาได้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง"สินสอดเหรอ เยอะไหม" หนิงหนิงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"ถามมาแบบนี้ ไม่รู้จะตอบว่าแบบไหนเลย... 100 หยวนครับ พ่อคุณเรียกค่าสินสอด 100 หยวน ซึ่งผมยินดีจ่าย แต่ต้องได้เอกสารที่ประทับตราก่อน ก็อย่างที่เห็น ผมได้มาหนึ่งฉบับ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่าผมเอาหนังสือราชการมาจากไหน" ที่เขาไม่ยอมพูดเรื่
ตอนที่ 13 นางร้ายเข้าเมืองหนิงหนิงเปิดสมุดที่ใช้แลกสิ่งของอย่างสนใจ เพราะตอนนี้มีสิ่งของที่เธออยากได้หลายอย่าง ดีที่สิ่งของแลกเปลี่ยนสามารถแลกได้จากยุคที่เธอจากมาและสามารถแลกสิ่งของที่มาจากยุคโบราณ ซึ่งมันช่างอัศจรรย์มาก นั่นคือหินที่เป็นสี ๆ ที่ระบุว่าเป็น หินแร่ธาตุหากเป็นหินธาตุน้ำจะมีน้ำไหลออกมาตลอด หากอยากได้บ่อน้ำเพียงขุดบ่อลงไปแล้วนำหินไว้ก้นบ่อก็จะมีน้ำไหลออกมาทันที ไม่ต้องขุดจนเจอตาน้ำก็ได้ ซึ่งหนิงหนิงคิดว่ามันดีมาก เพราะหากเธอต้องการบ่อน้ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชมันจะง่ายมาก ไม่ต้องเดินไปถึงลำธารเพื่อตักน้ำ หรือทำทางน้ำไหลให้ยุ่งยาก มันเลยทำให้เธอสนใจสิ่งนี้มาก ๆ เพราะเธออยากเป็นนางร้ายปลูกผักบ้าง อย่างไรก็มีกิน ไม่อดตายแน่ ๆ "ดูเมียจ๋าสนใจเจ้าสิ่งนี้" ฉิงหมิงทำหน้าที่ปิดบ้านพร้อมกับเตรียมตัวพากันเข้าเมือง"จะมีคนมาขโมยไหมคะ" หนิงหนิงไม่ได้สนใจตอบคำถามสามี แต่กลับถามคำถามอื่นแทนพร้อมกับมองไปที่กองหิน กองทราย และอิฐแดง"หากเอาไปก็เอาไปได้ไม่เยอะ และก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าในหมู่บ้านนี้ยังไม่มีใครจะต่อเติมบ้าน หากมีคนทำก็เอามาจากของเราทั้งนั้น และที่สำคัญ ภรรยาเก็บไว้ในช่องว่างแทบหม
ตอนที่ 12 แผนที่ไม่ใช่แผน"เรื่องทะเบียนสมรส เรียบร้อยหรือยังครับ" เมื่อมาถึงฉิงหมิงก็พูดธุระของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ทักทายเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย"จะเรียบร้อยได้ยังไง ในเมื่อเผยหนิงยังไม่ได้ลงชื่อ" หัวหน้าชุมชนตอบกลับอย่างรวดเร็วไม่ต่างกัน คนคนนี้มาใหม่ ไม่รู้ธรรมเนียมเลยหรืออย่างไร การทำงานมันต้องมีค่าน้ำชานิด ๆ หน่อยบ้างไม่ใช่แค่ใช้งานอย่างเดียว"อ้าว หัวหน้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเรื่องลงชื่อไม่มีปัญหา ยังบอกอีกว่าประทับตราด้วยลายนิ้วมือก็ได้ พอมาวันนี้จะมาบอกแบบนี้คืออะไร" เรื่องนี้คุยตั้งแต่วันแรกแล้ว บอกเองว่าจัดการได้ "ตอนนั้นนึกว่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว รอไปก่อน เข้าเมืองต้องใช้เงิน รอให้มีหลาย ๆ คนยื่นเรื่องค่อยเข้าเมืองทีเดียว" พูดขนาดนี้หากเงินไม่มา ก็รอไปก่อนได้เลย "ถ้าอย่างนั้นผมขอเอกสารคืนทั้งหมดด้วย" ฉิงหมิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ "จะไม่ทำแล้วหรืออย่างไร หากอยากได้วันหลังค่อยมาเอา มาถึงจะเอาทันทีทันใดได้อย่างไร ไม่ได้ทำงานให้คนคนเดียวนะ" หัวหน้าหมู่บ้านไม่สนใจทหารที่ลาออกมาอยู่บ้านเพราะบาดเจ็บอยู่แล้ว หายไปตั้งหลายปี พ่อแม่พี่น้องไม่มี ตัวคนเดียว จะมีปัญญาทำอะไรได้ เขามีล
ตอนที่ 11 จับมือลงเรือลำเดียวกันผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ทั้งสองพูดคุยเปิดเผยเรื่องราวของตนเองและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งสองตกลงจะอยู่ร่วมกันและศึกษากันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยยุคสมัยและสังคมที่ไม่ได้เปิดกว้าง ทำให้ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก และที่สำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจกัน ค่อนข้างที่จะพึงพอใจกันและกันมากพอสมควร เมื่อเปิดใจพูดคุยเรื่องความลับของแต่ละคนมาขนาดนี้แล้ว เลยลองเปิดใจในเรื่องอื่นด้วยเช่นกัน สำหรับหนิงหนิงมันเหมือนทดลองใช้ชีวิตการมีครอบครัว มีคนอีกคนมาเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน นอนด้วยกัน แต่ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่า กอด หอม เพราะตกลงกันไว้แบบนั้น แต่ทุกคืนน้องชายของเขาก็ทิ่มตามร่างกายเธอตลอด ไม่รู้จะตื่นมาทำไมทุกคืน เขาขยับตัวทีไรน้องชายของเขาก็ทิ่มสะเปะสะปะไปทั่ว พอเขาขยับตัว หนิงหนิงต้องรีบยกสองมือมาปิดน้องสาวของตัวเองทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวเขา แต่เธอกลัวน้องสาวของตัวเองอยากรู้จักน้องชายเขามากกว่า เลยต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่ให้ทั้งสองรู้จักกัน ไม่อย่างนั้นคำว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่น่าจะมีอยู่จริงแน่นอนวันนี้มีรถขนอิฐแดงมาส่งที่บ้านจำนวนหลายคัน ในตอนแรกฉิงหมิงต้องการเอามา
ตอนที่ 10 ความลับของคุณสามี"หากอยากรู้ก็นอนลงมา... ผมจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน"เมื่อได้ยินประโยคนั้นของสามี หนิงหนิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน วันแรกของการเผชิญหน้าก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย หากวันนี้ยังคุยกันหรือตกลงกันไม่ได้ มันจะทำให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันลำบาก"เขยิบนิดหนึ่ง อย่าเบียดมาก" ยังไงก็ต้องนอนรวมเตียง จะได้นอนคุยกันให้รู้เรื่องหนิงหนิงไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว สังคมและโลกที่จากมาไม่ใช่แบบนั้น และการทำงานของเธอต้องมีการแตะเนื้อต้องตัวเป็นธรรมดา ถึงแม้ยุคนี้จะตรงกันข้ามกับโลกที่เธอจากมา แต่คนที่นอนร่วมเตียงได้ชื่อว่าเป็นสามี เธอไม่คิดมากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะให้เธอเป็นนางเอกที่แสนดี แยกห้องนอน เธอไม่ทำแน่นอน อากาศหนาวแบบนี้ ไม่มีทางทรมานตัวเองเป็นอันขาด ที่สำคัญเธอไม่ใช่นางเอก เธอคือนางร้ายอันดับหนึ่ง..."หากขยับมากกว่านี้ ผมคงต้องลงไปนอนพื้น" ฉิงหมิงมองคนตัวเล็กที่ใช้สายตากดดันเขา มีอย่างที่ไหนที่ภรรยาคิดข่มสามีแบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเนี่ยแหละเมื่อล้มตัวนอนก็พอดี เบียดกันให้อุ่นขึ้น ไม่ถึงกับทำให้อึดอัด และจากที่ดูแล้วสาม
ตอนที่ 9 ความลับของนางร้ายหนิงหนิงทดลองใช้กระเป๋าแลกเปลี่ยน ในเมื่อเครื่องสี่เหลี่ยมเปลี่ยนเป็นกระเป๋า หนิงหนิงเลยเรียกแบบใหม่ให้มันเข้ากับสิ่งที่ตัวเองใช้ โดยเริ่มจากต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋า ต้นแรกไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ อาจเพราะต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพร การทดลองทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะความรู้เรื่องสมุนไพรหรือต้นไม้ไม่มีอยู่ในหัวเลย เลยต้องสุ่มขุดทั้งรากส่งเข้าไป หากสิ่งไหนแลกได้ก็จะหายไปจากกระเป๋า แต่หากสิ่งไหนแลกไม่ได้ มันจะอยู่แบบนั้นจนกว่าเราจะเอาออกต้องลองใช้งานเครื่องเองทุกอย่าง ยิ่งใช้งานยิ่งทำให้แปลกใจมากกว่าเดิม กระเป๋าใบเล็กแต่สามารถเอาต้นไม้ต้นใหญ่ใส่ได้ เหมือนเล็กแค่ขนาดของกระเป๋าเท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งของจะมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน หากสามารถทำการแลกเปลี่ยนได้ กระเป๋าใบนี้จะดูดเข้าเอง โดยไม่ต้องเอาสิ่งของเหล่านั้นใส่ลงไปในกระเป๋า ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด มีสมุดบันทึกและปากกาหนึ่งด้ามเพิ่มมา ให้ได้รู้ว่าแลกอะไรไปบ้าง สิ่งของในช่องว่างมีจำนวนเท่าไหร่ และเหมือนเป็นการเชื้อเชิญให้หาสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะจะมีรูปภาพสิ่งของที่สามารถแลกได้ หากให้เปรียบเทียบเหมือ
ตอนที่ 8 ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ผ่านมาสองคืนแล้วที่หนิงหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านของสามี และทั้งสองคืนเธอได้นอนคนเดียว สามียังไม่กลับมาบ้าน ตอนแรกนึกว่าเขาจะไปแค่คืนเดียว ที่ไหนได้หายไปเลย"ดี!! นอนคนเดียวแสนจะสุขใจ""พี่สาว... ถิงถิงมีิอะไรจะบอก" ถิงถิงพูดพร้อมกับลอบมองไปด้วย"นึกว่าถิงถิงจะเป็นผีเสื้อตัวน้อยอย่างที่เคยบอกไว้" เมื่อหันมาเจอเจ้าตัวกลมที่แยกกันเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างแปลกใจ"เวลาไปที่อื่นก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เวลาอยู่กับผู้ผ่านทางก็เป็นแบบนี้ และสิ่งที่ถิงถิงจะบอกคือบ้านพี่สาวถูกยึดคืน... หายไปแล้ว..." ถิงถิงตัดสินใจบอกให้ผู้ผ่านทางรับรู้"ยึดคืนคืออะไร แล้วของที่แลกไว้... เสื้อผ้าเครื่องใช้อีกมากมาย..." "มีเหลือแค่บางอย่าง หากมีตัวช่วยมากไป กลัวพี่สาวไม่ดิ้นรนเอาตัวรอด" เปล่าหรอก... เธอกลัวเบื้องบนจะรับรู้... เพราะตอนนี้เธอช่วยเหลือคนผ่านทางไปอยู่หลายมิติ การที่ให้ตัวช่วยผู้ผ่านทางมากเกินไปมันจะมีผลตามมา เลยต้องยึดคืนบางส่วน ช่วยพอที่จะช่วยได้เท่านั้น..."ที่ขุดดินเตรียมปลูกผักนี่ยังไม่ถือว่าดิ้นรนอีกเหรอ" หนิงหนิงกลอกตามองบน เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้งอมืองอเท้า หรือรอตัวช่วยอย
ตอนที่ 7 ลอกคราบเวลานี้หนิงหนิงกำลังอาบน้ำสระผม เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเกือบหนึ่งชั่วโมง ทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดจะได้ประหยัดเวลา แต่พออาบเข้าจริง ๆ กลับใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ เพราะสระผมหลายรอบแล้วแต่ผมก็ยังแข็งกระด้าง ทั้งที่ใช้ครีมหมักผมราคาแพง แต่ก่อนเธอใช้เพียงครั้งเดียวก็เห็นผล แต่ครั้งนี้ใช้ไปหลายรอบแล้วกลับไม่เห็นผล"พี่สาวเสร็จหรือยัง หายมานานมาก ถิงถิงแลกของเรียบร้อยแล้ว" ถิงถิงเดินเข้ามานั่งบนเตียง มองพี่สาวที่ยืนมองตัวเองในกระจก และเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก"ถิงถิง ช่วยพี่สาวตัดผมได้ไหม" ถิงถิงเคยบอกว่าตัวเองมีอายุที่ยืนนาน คนที่มีอายุยืนนานต้องผ่านและเจออะไรมาพอสมควร น่าจะช่วยเธอจัดการผมเจ้าปัญหานี้ได้"ได้แน่นอน ถิงถิงทำได้เจ้าค่ะ" จริง ๆ แล้วแค่สะบัดมือครั้งเดียวก็ได้ตามใจที่ต้องการแล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ใช้กรรไกรตัดผมคนเลยสักครั้ง ถิงถิงก็อยากลองทำบ้างเท่านั้นเอง"ถ้าอย่างนั้นพี่สาวตัดก่อน ถิงถิงค่อยตัดบริเวณที่พี่สาวทำเองไม่ได้ ตกลงไหม" หนิงหนิงถือกรรไกรเตรียมตัดผม โดยไม่รู้ชะตากรรมของผมเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร...วันนี้เป็นวันที่หนิงหนิง