Share

บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (2/2)

last update Last Updated: 2025-03-08 12:00:17

"เรื่องอื่นเล่า หมดเพียงเท่านี้รึ"

เฉิงซือหานเริ่มสับสน อย่างอื่นล้วนไม่มีแล้ว หากเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์หนุ่มจึงเหลียวมองหน้าสหายที่ยืนสงบนิ่งประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งแกะสลักเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายเขม้นสายตาดั่งต้องการบอกว่า เรื่องท่านโหวเล่า มีหรือไม่

เฉิงซือหานจึงเข้าใจในบัดดล เพราะเขาเป็นคนตรง ๆ ได้เห็นมาอย่างไรก็กล่าวเช่นนั้น "หากเป็นเรื่องที่ฮูหยินมักเที่ยวมาอาละวาดหน้าเรือนของท่านเช่นเมื่อก่อน ยามนี้ไม่มีแล้วขอรับ ดูเหมือนข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงท่านโหวเลยด้วยซ้ำ"

จู่ ๆ ช่ายจินซินก็รู้สึกว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ เขากระทุ้งข้อศอกไปยังหน้าท้องหนั่นแน่นของสหายเพื่อให้รู้สึกตัว

"เอ่อ เอ่อ มีเอ่ยถึงตอนที่บอกว่าไม่อยากทราบเรื่องท่านโหวแล้วขอรับ" เฉิงซือหานเหงื่อซึมแผ่นหลัง

ช่ายจินซินได้ฟังแทบอยากกัดลิ้นตนเพื่อลงไปนอนแดดิ้นเสีย ดูเหมือนเฉิงซือหานยังซื่อบื้อไม่แปรเปลี่ยน เขานั้นอยู่กับเจียงซื่อจวินตลอด ทราบดีว่าจิตใจอีกฝ่ายยามนี้กระวนกระวายเพียงใด เพราะเจียงซื่อจวินทำตัวราวกับว่า ไม่ใกล้สูญเสียก็ไม่รู้ใจตนเอง แม้เป็นเช่นนั้น นายของเขาก็ยังไม่ยินยอมไปเหยียบเรือนตะวันออกสักครั้ง ช่ายจินซินเป็นเพียงองครักษ์ จะริอ่านเสี้ยมสอนเจ้านายได้อย่างไร

ใบหน้าวสันต์กำลังแผ่รังสีสังหารออกมาเสียจนขนอ่อนพวกเขาลุกเกรียว นัยน์ตาคมกริบดุจมีดดาบตวัดมองฉับ

"เจ้าหมายความว่า นางไม่เห็นหัวข้าแล้วงั้นหรือ"

เฉิงซือหานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมทีนายของตนก็มักรำคาญฮูหยินอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ หากนางไม่มายุ่มย่ามสักคนเจียงซื่อจวินก็ควรสบายใจ เหตุใดสีหน้าของเขากำลังบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก

"ท่านโหว ฮูหยินไม่เข้ามาวุ่นวายกับท่านแล้ว ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ เพราะเดิมทีข้าเองก็ไม่เห็นท่านออกไปพบฮูหยินสักครั้ง"

ปัง!

องครักษ์ทั้งสองสะดุ้งโหยง พวกเขาไม่อาจคาดเดาจิตใจของผู้เป็นนายได้จริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดอ่านเช่นไรกันแน่

"สตรีตลบตะแลงทำตัวไม่มีหนังไม่มีหน้าอย่างนางจะมาไม้ไหนกันแน่"

เจียงซื่อจวินใจเต้นระส่ำ เขาไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นหมายความอย่างไร เขาเฝ้าฝันให้นางไม่ต้องสนใจตนโดยตลอด ยามนี้สมใจปรารถนาแล้ว ทว่าเขากลับไม่ยินดีสักนิด เฉกเช่นตนกำลังถูกนางร่ายเสน่ห์มนตราปีศาจจิ้งจอกใส่อย่างจัง

จือหลิน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ นิสัยเช่นนี้มิใช่เจ้าเลยสักนิด

"ซือหาน เจ้ากลับไปสังเกตนางให้ดี หากนางทำตัวประหลาดอีก รีบกลับมารายงานข้า"

"ขอรับ"

.

.

ภายในหอนอนขนาดกว้าง แสงจากบุหลันสะท้อนผ่านช่องลมทรงกลมเข้ามา ความสว่างจากทั้งเชิงเทียน และดวงจันทราส่งผลให้ผิวกายของหญิงสาวแลดูผุดผาดงดงามขึ้นอีกหลายส่วน

เจียวเจียวกำลังแปรงผมสีดำนุ่มสลวยซึ่งส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ส่วนปี้อี๋ช่วยหลิวจือหลินละเลงบางอย่างลงบนผิวด้วยความแผ่วเบา

เจียวเจียว "ฮูหยินเจ้าคะ เครื่องประทินโฉมพวกนี้ไยกลิ่นหอมยิ่งนัก แตกต่างจากที่ข้าเคยได้กลิ่นตามท้องตลาดมากโข ทั้งสดชื่น ทั้งรู้สึกช่วยให้ผ่อนคลาย หนำซ้ำยามนี้ใบหน้าของฮูหยินก็กลับมาสะสวยเช่นกาลก่อนแล้ว ท่านช่างเก่งกาจนัก กระทั่งท่านหมอยังตื่นตกใจที่รอยแผลเป็นของฮูหยินไม่หลงเหลือแล้ว"

หลิวจือหลินคลี่ยิ้ม "ข้าก็ไม่คิดว่าสมุนไพรธรรมชาติจะช่วยสมานแผลซ้ำยังสามารถรักษาร่องรอยได้ดีเพียงนี้ เช่นนั้นข้ายกให้เจ้าทั้งสองได้ใช้ด้วยดีหรือไม่"

ปี้อี๋เบิกตากว้าง "ได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ"

หลิวจือหลินยิ้มขัน "ของพวกนี้เจ้าทั้งสองก็ช่วยข้าเช่นกันมิใช่หรือ เอาไปเถิดไว้ค่อยทำใหม่ก็ได้"

"แต่..."

"ไม่ต้องแต่แล้ว...เอาเป็นว่าตามนี้ ไว้พรุ่งนี้ไปตลาดกัน ข้าอยู่ที่นี่นานมากแล้วยังไม่เคยออกไปไหนเลย"

เจียวเจียวหน้าสลดลง "เอ่อ...ถ้าออกไปข้างนอกต้องขออนุญาตท่านโหวก่อนหรือไม่เจ้าคะ เกรงว่าหากเราออกไปกันเอง..."

"ต้องบอกเขาด้วยหรือ เดิมทีข้าคิดว่าเขาไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ อีกอย่างเจ้าคิดว่าเขานั้นใส่ใจข้าหรือ ดูเอาเถิดตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไม่เคยมาดูดำดูดีข้าสักครั้ง แล้วพวกเจ้าจะเกรงกลัวไปไย หากเกิดอะไรขึ้นข้ายินดีรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"

เจียวเจียวและปี้อี๋ก้มหน้างุด นายหญิงออกปากเช่นนี้ พวกนางควรออกไปเปิดหูเปิดตากันเสียหน่อยย่อมเป็นเรื่องดี จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เจียงซื่อจวินล้วนมิเคยให้พวกนางเฉียดเข้าใกล้เลยสักครั้ง เช่นนั้นการรายงานก็ย่อมมิสลักสำคัญใด

"ก็ได้เจ้าค่ะ" สาวใช้ตอบรับโดยพร้อมเพรียง

"ดูพวกเจ้าสิ หงอยเป็นแมวเชื่อง ๆ" หลิวจือหลินคลี่ยิ้ม พลางเอื้อมมือบีบบี้พวงแก้มสาวใช้คนละฝั่งอย่างนึกมันเขี้ยว

"ฮูหยิน เหตุใดซนนักเล่าเจ้าคะ" เจียวเจียวเอ่ยอู้อี้ ส่วนปี้อี๋หน้าเบี้ยวตามแรงบีบขยุ้มเสียแล้ว หลิวจือหลินหัวเราะคิกคักอย่างนึกสนุก สาวใช้ทั้งสองเห็นรอยยิ้มเริงร่าของนายหญิงก็พลอยขบขันไปตามกัน

"ไม่ต้องห่วงหรอกนา เขายังจำว่ามีข้าอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้" หลิวจือหลินลอยหน้าตอบ จากนั้นเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพราะไม่อยากเอ่ยถึงบุรุษที่ไม่เคยมีใจให้ฮูหยินตัวเอง ซ้ำใบหน้าของเขายังเป็นภาพเลือนรางจนมองไม่ชัด ดูเหมือนหลิวจือหลินคนก่อนคงเสียใจมากที่เขารับอนุสิท่า นางจึงได้พยายามลบอีกฝ่ายออกจากความทรงจำเช่นนี้

ทุกการกระทำและคำพูดของหลิวจือหลินล้วนสร้างความประหลาดใจให้บุรุษบนหลังคาอย่างยิ่งยวด เฉิงซือหานดีดกายผึง พลางเกาศีรษะพร้อมพ่นกิ่งไม้ขนาดเล็กให้พ้นทาง "นี่ฮูหยินเพี้ยนไปแล้วหรือ ดูเหมือนข้าต้องไปรายงานท่านโหวเดี๋ยวนี้"

Related chapters

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (1/2)

    ยามฮ่าย [1] ในคืนเดียวกัน ร่างดำทะมึนขององครักษ์มือซ้ายกระโจนลงจากหลังคาท่ามกลางความอนธการ เขาค้อมศีรษะพลางเอ่ยรายงานนายของตนซึ่งยังง่วนกับกองรายงานม้วนไม้ไผ่แทบไม่ว่างเว้น"ท่านโหว วันพรุ่งฮูหยินบอกว่าจะออกไปข้างนอกขอรับ"สิ่งที่อีกฝ่ายรายงานหาได้สลักสำคัญใด ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลิวจือหลินก็ไม่ได้ก้าวออกจากจวนโหวเลย "นางอยากไปก็ไป""แต่...เดิมทีก่อนฮูหยินจะไปที่ใดมักมาแจ้งท่านโหวก่อนเสมอ ครั้งนี้ฮูหยินเอ่ยว่า..." เฉิงซือหานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีเขาอาจคิดผิดที่มารายงานเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้"หืม..." มือหยาบระคายวางพู่กันหางจิ้งจอกลง เขาทำงานจนลืมดูว่ายามนี้ดึกมากแล้ว คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน "เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นประเภทเรรวนไปตั้งแต่เมื่อใด""ขออภัยท่านโหว คือ...ฮูหยินกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานท่านก็ย่อมได้ เพราะท่านโหวคงลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ อีกอย่างฮูหยินเองก็ลืมไปแล้วเช่นกันว่ามีท่านอยู่"ปัง!องครักษ์ซ้ายขวาพร้อมใจสะดุ้งโหยง ช่ายจินซินยกมือกุมขมับ บางทีห

    Last Updated : 2025-03-09
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (2/2)

    หลิวจือหลินพิเคราะห์หน้าตาที่มีผ้าแพรปกปิดพลางตบข้างบั้นท้ายตนเปาะหนึ่งเจียวเจียวยกมือทาบอก "…ฮูหยิน ทำเช่นนี้ไม่งามนะเจ้าคะ"หลิวจือหลินเหลียวหน้ามองสาวใช้ พลางหัวเราะขบขัน เปลือกตาบางขยิบหนึ่งฝั่งหยอกล้อ จากนั้นเท้าเรียวเดินบ้างกระโดดบ้างดั่งกระต่ายเริงร่า หลิวจือหลินฮัมเพลงเสียงแผ่ว ไม่ใส่ใจสาวใช้ตนอีกเจียวเจียวแทบเกิดลมจับ เพราะเจียวเจียวมักเคร่งครัดเรื่องความเป็นกุลสตรีเช่นนี้เสมอ ส่วนปี้อี๋ยิ้มขบขันปี้อี๋ "เอาน่าอาเจียว ฮูหยินเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ""แต่…""ไม่ต้องแต่แล้ว เห็นหรือไม่ฮูหยินจะถึงรถม้าแล้ว เจ้าอยากหลังลายรึ"เจียวเจียวพยักหน้าหงึกหงัก พวกนางเร่งถลันกายตามนายหญิงไปทันควันบุรุษร่างสูงผินหน้ามองเรือนตะวันออกด้วยความใคร่รู้ ดูนางไม่แยแสเขาจริงดังว่า คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน แม้นางอยู่ห่างจากเขาจนเห็นไม่ชัด แต่เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาวที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหางตาของหลิวจือหลินพลันเหลือบเห็นรถม้าอีกคันจอดไว้ไกลลิบ คงมิใช่ทางฝั่งเรือนหลักกระมัง ช่

    Last Updated : 2025-03-10
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 1 สร้อยปริศนานำพาข้ามยุคสมัย

    ถนนทอดยาวในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนซึ่งปกคลุมทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งบริเวณ แสงสะท้อนจากเสาไฟสองข้างทางบ่งบอกว่าราตรีกาลมาเยือนแล้ว หญิงสาวร่างเพรียวบางสวมเครื่องแต่งกายล้ำสมัย กำลังก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา มีเพียงลาดไหล่แคบที่กระเพื่อมไหวสั่นระริก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยเปื้อนเขรอะคราบน้ำตาจนดูไม่จืด ขาเรียวเยื้องย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางความหนาวเหน็บวันนี้คือเทศกาลแห่งความรัก มองไปทางไหนก็พบแต่คนเคียงคู่ นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตของเธอไม่ใช่เหรอ ในขณะที่เธอตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อมอบแด่ชายอันเป็นที่รัก เหตุใดจึงต้องเผชิญกับภาพบาดตาบาดใจแทนใบหน้าแย้มยิ้มของเพื่อนสาวและชายซึ่งเธอรักสุดหัวใจ โผกอดกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย มันกำลังปรากฏฉายชัดดั่งภาพสามมิติวนซ้ำไปมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดคล้ายถูกปลายมีดอันแหลมคมเสียบลึกตรงอกซ้าย เธอไว้เนื้อเชื่อใจพวกเขามาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าแทงเธอจากข้างหลังอย่างเลือดเย็นเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...หญิงสาวง้างมือขึ้น จากนั้นปากล่องของขวัญทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างระหงยอบกายลงพลางกอดเข่าซบหน้าสะอื้นไห้ เธอไม่กลัวความหนาวเย็นเลยสั

    Last Updated : 2025-03-07
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 2 นิสัยพลิกกลับ

    "ท่านโหว ยามนี้ฮูหยินได้สติแล้วขอรับ"มือที่จับพู่กันยังคงตวัดเขียนด้วยความใจเย็น เสียงทุ้มตอบกลับแบบขอไปที "อืม รู้แล้ว" องครักษ์ทั้งสองต่างเหลือบมองกันหลุกหลิก พวกเขาทราบดีว่านายของตนนั้นแสนชิงชังฮูหยินใหญ่เพียงใด เพราะนางชมชอบเจียงโหวหรือเจียงซื่อจวินจนหน้ามืดตามัว ยามที่ทั้งสองยังไม่ออกเรือนหลิวจือหลินก็ตามราวีโหวหนุ่มไม่ลดละ กระทั่งหลิวจือหลินไม่อาจทนมองท่าทีกระด้างกระเดื่องจากบุรุษที่ตนชมชอบได้ นางจึงตัดสินใจร้องขอบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงซ่างซูเสิ่ง [1] ทูลขอราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อมอบสมรสพระราชทานให้แก่หลิวจือหลินและเจียงซื่อจวินอย่างไม่มีหนังไม่มีหน้า [2] บิดาที่เลี้ยงดูบุตรสาวดุจไข่ในหินเช่นใต้เท้าหลิวเฝ้าตามใจนางไปเสียทุกอย่าง ส่งผลให้หลิวจือหลินเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีร้ายกาจซ้ำยังนิสัยเสีย หากเป็นสิ่งที่นางต้องการแล้วล่ะก็ ผู้ใดก็อย่ามาขวาง หลิวจือหลินคิดเพียงว่าแต่งแล้วอยู่กินกันไปอีกฝ่ายก็ต้องหลงรักตนเข้าสักวัน ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังคิดผิดมหันต์ นับวันโหวหนุ่มก็ยิ่งรังเกียจชิงชังนาง กระทั่งย่างกรายเข้าไปเหยียบเรือนฝั่งตะวันออกสักครั้งก็ไม่เคยเพราะหลิวตงมีผลงานมากมายเป็น

    Last Updated : 2025-03-07
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (1/2)

    เป็นเวลาครึ่งค่อนเดือนที่หลิวจือหลินนั้นใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ นางมิได้สนใจหรือใส่ใจเจ้าของเรือนสักนิด กระทั่งอนุที่โหวหนุ่มตบแต่งเข้ามานางก็ยังไม่เคยเห็นหน้า พวกเขาเป็นเพียงภาพเลือนรางในมโนสำนึกของหลิวจือหลินคนเดิมเท่านั้น ทว่าหลิวจือหลินผู้นี้ก็ไม่อยากเห็นคนทั้งสองเท่าใด และไม่อยากรู้ด้วยว่าพวกเขาหน้าตาแบบไหนเจียงซื่อจวินไม่คิดโผล่หน้ามาพบนางก็นับเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ หลิวจือหลินจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเพราะนางไม่ใช่ฮูหยินตัวจริงของเขา เรือนที่นี่ใหญ่โตโอ่โถงประหนึ่งราชวังขนาดย่อม แค่เดินไปหอตำราก็กินเวลาเกือบเป็นชั่วยาม [1] หนำซ้ำต่อให้หลิวจือหลินคนเดิมจะน่ารังเกียจเดียดฉันท์ ทว่านางกลับมีเรือนร่างงดงามประหนึ่งโฉมสะคราญ ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้น นางเป็นสาวบริสุทธิ์ที่แต่งงานมานานแล้ว พรหมจรรย์ที่หาได้ยากอย่างนี้กลับทำให้หลิวจือหลินจากยุคสองพันดีใจเป็นล้นพ้นถึงแม้นางคบหากับแฟนหนุ่มมาหลายปีทว่าหลิวจือหลินในโลกอีกด้านก็ไม่เคยเกินเลยกับเขาสักครั้ง อาจมีจับมือ จุมพิต หรือกอดเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน นี่คงเป็นเหตุให้อีกฝ่ายคิดนอกใจหลิวจือหลินไปหาหญิงอื่นที่สามารถมอบความสุขก่อนแต่งให้เขาได

    Last Updated : 2025-03-07

Latest chapter

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (2/2)

    หลิวจือหลินพิเคราะห์หน้าตาที่มีผ้าแพรปกปิดพลางตบข้างบั้นท้ายตนเปาะหนึ่งเจียวเจียวยกมือทาบอก "…ฮูหยิน ทำเช่นนี้ไม่งามนะเจ้าคะ"หลิวจือหลินเหลียวหน้ามองสาวใช้ พลางหัวเราะขบขัน เปลือกตาบางขยิบหนึ่งฝั่งหยอกล้อ จากนั้นเท้าเรียวเดินบ้างกระโดดบ้างดั่งกระต่ายเริงร่า หลิวจือหลินฮัมเพลงเสียงแผ่ว ไม่ใส่ใจสาวใช้ตนอีกเจียวเจียวแทบเกิดลมจับ เพราะเจียวเจียวมักเคร่งครัดเรื่องความเป็นกุลสตรีเช่นนี้เสมอ ส่วนปี้อี๋ยิ้มขบขันปี้อี๋ "เอาน่าอาเจียว ฮูหยินเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ""แต่…""ไม่ต้องแต่แล้ว เห็นหรือไม่ฮูหยินจะถึงรถม้าแล้ว เจ้าอยากหลังลายรึ"เจียวเจียวพยักหน้าหงึกหงัก พวกนางเร่งถลันกายตามนายหญิงไปทันควันบุรุษร่างสูงผินหน้ามองเรือนตะวันออกด้วยความใคร่รู้ ดูนางไม่แยแสเขาจริงดังว่า คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน แม้นางอยู่ห่างจากเขาจนเห็นไม่ชัด แต่เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาวที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหางตาของหลิวจือหลินพลันเหลือบเห็นรถม้าอีกคันจอดไว้ไกลลิบ คงมิใช่ทางฝั่งเรือนหลักกระมัง ช่

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (1/2)

    ยามฮ่าย [1] ในคืนเดียวกัน ร่างดำทะมึนขององครักษ์มือซ้ายกระโจนลงจากหลังคาท่ามกลางความอนธการ เขาค้อมศีรษะพลางเอ่ยรายงานนายของตนซึ่งยังง่วนกับกองรายงานม้วนไม้ไผ่แทบไม่ว่างเว้น"ท่านโหว วันพรุ่งฮูหยินบอกว่าจะออกไปข้างนอกขอรับ"สิ่งที่อีกฝ่ายรายงานหาได้สลักสำคัญใด ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลิวจือหลินก็ไม่ได้ก้าวออกจากจวนโหวเลย "นางอยากไปก็ไป""แต่...เดิมทีก่อนฮูหยินจะไปที่ใดมักมาแจ้งท่านโหวก่อนเสมอ ครั้งนี้ฮูหยินเอ่ยว่า..." เฉิงซือหานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีเขาอาจคิดผิดที่มารายงานเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้"หืม..." มือหยาบระคายวางพู่กันหางจิ้งจอกลง เขาทำงานจนลืมดูว่ายามนี้ดึกมากแล้ว คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน "เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นประเภทเรรวนไปตั้งแต่เมื่อใด""ขออภัยท่านโหว คือ...ฮูหยินกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานท่านก็ย่อมได้ เพราะท่านโหวคงลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ อีกอย่างฮูหยินเองก็ลืมไปแล้วเช่นกันว่ามีท่านอยู่"ปัง!องครักษ์ซ้ายขวาพร้อมใจสะดุ้งโหยง ช่ายจินซินยกมือกุมขมับ บางทีห

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (2/2)

    "เรื่องอื่นเล่า หมดเพียงเท่านี้รึ"เฉิงซือหานเริ่มสับสน อย่างอื่นล้วนไม่มีแล้ว หากเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์หนุ่มจึงเหลียวมองหน้าสหายที่ยืนสงบนิ่งประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งแกะสลักเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายเขม้นสายตาดั่งต้องการบอกว่า เรื่องท่านโหวเล่า มีหรือไม่เฉิงซือหานจึงเข้าใจในบัดดล เพราะเขาเป็นคนตรง ๆ ได้เห็นมาอย่างไรก็กล่าวเช่นนั้น "หากเป็นเรื่องที่ฮูหยินมักเที่ยวมาอาละวาดหน้าเรือนของท่านเช่นเมื่อก่อน ยามนี้ไม่มีแล้วขอรับ ดูเหมือนข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงท่านโหวเลยด้วยซ้ำ"จู่ ๆ ช่ายจินซินก็รู้สึกว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ เขากระทุ้งข้อศอกไปยังหน้าท้องหนั่นแน่นของสหายเพื่อให้รู้สึกตัว"เอ่อ เอ่อ มีเอ่ยถึงตอนที่บอกว่าไม่อยากทราบเรื่องท่านโหวแล้วขอรับ" เฉิงซือหานเหงื่อซึมแผ่นหลังช่ายจินซินได้ฟังแทบอยากกัดลิ้นตนเพื่อลงไปนอนแดดิ้นเสีย ดูเหมือนเฉิงซือหานยังซื่อบื้อไม่แปรเปลี่ยน เขานั้นอยู่กับเจียงซื่อจวินตลอด ทราบดีว่าจิตใจอีกฝ่ายยามนี้กระวนกระวายเพียงใด เพราะเจียงซื่อจวินทำตัวราวกับว่า ไม่ใกล้สูญเสียก็ไม

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (1/2)

    เป็นเวลาครึ่งค่อนเดือนที่หลิวจือหลินนั้นใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ นางมิได้สนใจหรือใส่ใจเจ้าของเรือนสักนิด กระทั่งอนุที่โหวหนุ่มตบแต่งเข้ามานางก็ยังไม่เคยเห็นหน้า พวกเขาเป็นเพียงภาพเลือนรางในมโนสำนึกของหลิวจือหลินคนเดิมเท่านั้น ทว่าหลิวจือหลินผู้นี้ก็ไม่อยากเห็นคนทั้งสองเท่าใด และไม่อยากรู้ด้วยว่าพวกเขาหน้าตาแบบไหนเจียงซื่อจวินไม่คิดโผล่หน้ามาพบนางก็นับเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ หลิวจือหลินจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเพราะนางไม่ใช่ฮูหยินตัวจริงของเขา เรือนที่นี่ใหญ่โตโอ่โถงประหนึ่งราชวังขนาดย่อม แค่เดินไปหอตำราก็กินเวลาเกือบเป็นชั่วยาม [1] หนำซ้ำต่อให้หลิวจือหลินคนเดิมจะน่ารังเกียจเดียดฉันท์ ทว่านางกลับมีเรือนร่างงดงามประหนึ่งโฉมสะคราญ ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้น นางเป็นสาวบริสุทธิ์ที่แต่งงานมานานแล้ว พรหมจรรย์ที่หาได้ยากอย่างนี้กลับทำให้หลิวจือหลินจากยุคสองพันดีใจเป็นล้นพ้นถึงแม้นางคบหากับแฟนหนุ่มมาหลายปีทว่าหลิวจือหลินในโลกอีกด้านก็ไม่เคยเกินเลยกับเขาสักครั้ง อาจมีจับมือ จุมพิต หรือกอดเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน นี่คงเป็นเหตุให้อีกฝ่ายคิดนอกใจหลิวจือหลินไปหาหญิงอื่นที่สามารถมอบความสุขก่อนแต่งให้เขาได

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 2 นิสัยพลิกกลับ

    "ท่านโหว ยามนี้ฮูหยินได้สติแล้วขอรับ"มือที่จับพู่กันยังคงตวัดเขียนด้วยความใจเย็น เสียงทุ้มตอบกลับแบบขอไปที "อืม รู้แล้ว" องครักษ์ทั้งสองต่างเหลือบมองกันหลุกหลิก พวกเขาทราบดีว่านายของตนนั้นแสนชิงชังฮูหยินใหญ่เพียงใด เพราะนางชมชอบเจียงโหวหรือเจียงซื่อจวินจนหน้ามืดตามัว ยามที่ทั้งสองยังไม่ออกเรือนหลิวจือหลินก็ตามราวีโหวหนุ่มไม่ลดละ กระทั่งหลิวจือหลินไม่อาจทนมองท่าทีกระด้างกระเดื่องจากบุรุษที่ตนชมชอบได้ นางจึงตัดสินใจร้องขอบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงซ่างซูเสิ่ง [1] ทูลขอราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อมอบสมรสพระราชทานให้แก่หลิวจือหลินและเจียงซื่อจวินอย่างไม่มีหนังไม่มีหน้า [2] บิดาที่เลี้ยงดูบุตรสาวดุจไข่ในหินเช่นใต้เท้าหลิวเฝ้าตามใจนางไปเสียทุกอย่าง ส่งผลให้หลิวจือหลินเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีร้ายกาจซ้ำยังนิสัยเสีย หากเป็นสิ่งที่นางต้องการแล้วล่ะก็ ผู้ใดก็อย่ามาขวาง หลิวจือหลินคิดเพียงว่าแต่งแล้วอยู่กินกันไปอีกฝ่ายก็ต้องหลงรักตนเข้าสักวัน ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังคิดผิดมหันต์ นับวันโหวหนุ่มก็ยิ่งรังเกียจชิงชังนาง กระทั่งย่างกรายเข้าไปเหยียบเรือนฝั่งตะวันออกสักครั้งก็ไม่เคยเพราะหลิวตงมีผลงานมากมายเป็น

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 1 สร้อยปริศนานำพาข้ามยุคสมัย

    ถนนทอดยาวในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนซึ่งปกคลุมทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งบริเวณ แสงสะท้อนจากเสาไฟสองข้างทางบ่งบอกว่าราตรีกาลมาเยือนแล้ว หญิงสาวร่างเพรียวบางสวมเครื่องแต่งกายล้ำสมัย กำลังก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา มีเพียงลาดไหล่แคบที่กระเพื่อมไหวสั่นระริก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยเปื้อนเขรอะคราบน้ำตาจนดูไม่จืด ขาเรียวเยื้องย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางความหนาวเหน็บวันนี้คือเทศกาลแห่งความรัก มองไปทางไหนก็พบแต่คนเคียงคู่ นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตของเธอไม่ใช่เหรอ ในขณะที่เธอตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อมอบแด่ชายอันเป็นที่รัก เหตุใดจึงต้องเผชิญกับภาพบาดตาบาดใจแทนใบหน้าแย้มยิ้มของเพื่อนสาวและชายซึ่งเธอรักสุดหัวใจ โผกอดกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย มันกำลังปรากฏฉายชัดดั่งภาพสามมิติวนซ้ำไปมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดคล้ายถูกปลายมีดอันแหลมคมเสียบลึกตรงอกซ้าย เธอไว้เนื้อเชื่อใจพวกเขามาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าแทงเธอจากข้างหลังอย่างเลือดเย็นเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...หญิงสาวง้างมือขึ้น จากนั้นปากล่องของขวัญทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างระหงยอบกายลงพลางกอดเข่าซบหน้าสะอื้นไห้ เธอไม่กลัวความหนาวเย็นเลยสั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status