แชร์

บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (1/2)

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-09 12:00:47

ยามฮ่าย [1] ในคืนเดียวกัน ร่างดำทะมึนขององครักษ์มือซ้ายกระโจนลงจากหลังคาท่ามกลางความอนธการ เขาค้อมศีรษะพลางเอ่ยรายงานนายของตนซึ่งยังง่วนกับกองรายงานม้วนไม้ไผ่แทบไม่ว่างเว้น

"ท่านโหว วันพรุ่งฮูหยินบอกว่าจะออกไปข้างนอกขอรับ"

สิ่งที่อีกฝ่ายรายงานหาได้สลักสำคัญใด ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลิวจือหลินก็ไม่ได้ก้าวออกจากจวนโหวเลย "นางอยากไปก็ไป"

"แต่...เดิมทีก่อนฮูหยินจะไปที่ใดมักมาแจ้งท่านโหวก่อนเสมอ ครั้งนี้ฮูหยินเอ่ยว่า..." เฉิงซือหานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีเขาอาจคิดผิดที่มารายงานเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้

"หืม..." มือหยาบระคายวางพู่กันหางจิ้งจอกลง เขาทำงานจนลืมดูว่ายามนี้ดึกมากแล้ว คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน "เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นประเภทเรรวนไปตั้งแต่เมื่อใด"

"ขออภัยท่านโหว คือ...ฮูหยินกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานท่านก็ย่อมได้ เพราะท่านโหวคงลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ อีกอย่างฮูหยินเองก็ลืมไปแล้วเช่นกันว่ามีท่านอยู่"

ปัง!

องครักษ์ซ้ายขวาพร้อมใจสะดุ้งโหยง ช่ายจินซินยกมือกุมขมับ บางทีหน้าที่นี้เขาควรเป็นฝ่ายทำเสียเอง ไม่เช่นนั้นต้องได้เห็นนายของตนอาละวาดจนกายพวกเขาถูกเผาวอดเข้าสักวัน

"นางกล้าเอ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร เดิมทีเห็นวนเวียนเว้าวอนอยากใกล้ชิดข้านัก หรือว่านางกำลัง..." นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างนึกคลางแคลง เขายกมือขึ้นเกาคางขบคิด คำพูดถัดไปที่เก็บงำเขาคิดว่านางจงใจสวมหมวกเขียวให้ตนอยู่

คนที่ติดตามหลิวจือหลินทุกก้าวย่างจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าหลิวจือหลินประพฤติตนเช่นไร "ท่านโหว หากเป็นเรื่องนั้นเกรงว่าคงมิใช่ ท่านจะลองไปหาฮูหยินที่เรือนตะวันออกดูหรือไม่ขอรับ"

เจียงซื่อจวินกำลังคิดไปเองเป็นตุเป็นตะ ขณะที่เขาไม่แม้จะเหยียบย่างไปยังเรือนตะวันออกสักเสี้ยว ทว่าเรือนตะวันตกกลับเทียวมาเทียวไปอยู่เสมอ กระนั้นองครักษ์ที่อยู่ข้างกายโหวหนุ่มเช่นช่ายจินซินกลับไม่เคยเห็นเขาค้างอ้างแรมที่นั่นสักครา ซ้ำยังแวบเข้าออกดั่งผีสาง แท้จริงแล้วนายของเขากำลังคิดอ่านเช่นไรพวกตนก็สุดจะรู้

นัยน์ตาคมกริบตวัดมองฉับ ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ขัดอีกครั้ง "ข้าไม่ไป นี่อาจเป็นอุบายของนางเพื่อเรียกร้องความสนใจจากข้า เช่นนั้นเจ้าก็ติดตามนางไปแล้วกัน พรุ่งนี้ข้ามีนัดกับไท่จื่อ ไม่อาจทำตัวไร้สาระได้"

"ขอรับ"

.

.

ย่ำรุ่งมาถึง หลิวจือหลินแต่งกายด้วยอาภรณ์สีอ่อน ใบหน้าแต่งแต้มสีสันเล็กน้อย ทว่ากลับมิได้ประโคมโบกเฉกเช่นที่เคยทำมาก่อน ส่งผลให้ความอ่อนเยาว์ประหนึ่งดรุณีแรกแย้มเจิดจรัส

เจียวเจียวและปี้อี๋ปากอ้าตาค้าง เดิมทีหากออกไปที่ใดหลิวจือหลินมักผัดหน้าทาปากจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม จะว่างามก็งามอยู่ ทว่าผิวพรรณอันแท้จริงของนาง กลับผุดผาดกว่าการประโคมฉาบเครื่องประทินโฉมเหล่านั้นเป็นไหน ๆ

"ฮูหยิน ท่านงดงามเพียงนี้ เอ่อ...ต่อไปข้าว่าท่านอย่า..." เจียวเจียวรู้สึกประหม่า นางเกรงว่าหลิวจือหลินจะบังเกิดโทสะ

จู่ ๆ เสียงใสก็หลุดหัวเราะเบา หลิวจือหลินรู้ดีว่าเจียวเจียวกำลังคิดอ่านสิ่งใด ใช่นางไม่ทราบว่าหลิวจือหลินคนเดิมมักฉาบหน้าเฉกเช่นไปเล่นละครงิ้ว แต่หลิวจือหลินผู้นี้มิใช่คนรสนิยมย่ำแย่ถึงเพียงนั้นเสียหน่อย

"เจียวเจียว วางใจได้ ข้ารับรองจะไม่กลับไปแต่งหน้าแต่งตาเฉิ่มเชยเช่นนั้นอีก เครื่องสำอางนี่ควรโล๊ะทิ้งไปซะ"

ปี้อี๋งุนงง "ฮูหยินเจ้าคะ คะ...เครื่องอะไรนะเจ้าคะ"

หลิวจือหลินอมยิ้ม "เครื่องสำอาง หมายถึงเครื่องประทินโฉมอย่างไรเล่า ดูไปแล้วของเดิมสีฉูดฉาดไปหน่อย ไว้ข้าค่อยคิดสูตรขึ้นเองดีกว่า เห็นวิธีการทำในหอตำราเยอะเลย"

เอ่ยพลางมือเรียวก็หยิบผ้าแพรสีขาวขึ้นมาคาดครึ่งหน้า

เจียวเจียว "ฮูหยิน รอยไฟไหม้หายแล้ว ไยท่านต้องปกปิดใบหน้าอีกล่ะเจ้าคะ"

"อ้อ...ข้าไม่ชินน่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปข้างนอกบางทีปิดไว้อย่างนี้อาจช่วยลดความประหม่าได้บ้าง อีกอย่างคงมีคนคอยซ้ำเติมข้าอยู่ว่าอัปลักษณ์น่าเกลียด ข้าอยากส่งเสริมคนเหล่านั้นให้สมใจสักครา"

"ฮูหยิน ครั้งแรกเมื่อใดกันเจ้าคะ เดิมทีท่านก็เที่ยวพบปะพวกคุณหนูคุณหญิงออกบ่อย ต่อให้ท่าน เอ่อ...นะ..." เจียวเจียวอึกอัก

"น่าเกลียดกว่านี้ ก็มิมีผู้ใดกล้าว่าข้า ใช่หรือไม่"

เจียวเจียวตัวแข็งทื่อ หลิวจือหลินดุจดั่งมานั่งกลางใจนาง

หลิวจือหลินระบายหายใจอ่อน อธิบายเสียงแผ่ว "หญิงสาวเหล่านั้นล้วนแต่เป็นพวกรอยยิ้มซ่อนมีด ลองให้ข้าไม่ได้แต่งเข้าจวนโหว อีกทั้งบิดาไม่มียศหนาศักดิ์ใหญ่ จะมีผู้ใดกล้าเข้าใกล้หรือคบค้าสมาคมกับสตรีตัวร้ายเช่นข้า เจ้าเชื่อรึว่ามิมีใครว่าข้า ด่าทอข้า จริง ๆ พวกนางกำลังค่อนขอดในใจตนทั้งนั้น พวกเจ้าว่าหรือไม่"

เจียวเจียวกับปี้อี๋มองหน้ากันหลุกหลิก "...ฮูหยิน แต่ยามนี้ท่าน..."

"เอาเถอะ" หลิวจือหลินตัดบท เอ่ยต่อว่า "ไม่ต้องพูดแล้ว ไปกันเถิด ข้าตื่นเต้นอยากเห็นโลกภายนอกเต็มแก่ ดูสิจะเหมือนซีรีส์ย้อนยุคที่เคยดูหรือเปล่า"

ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันนางไม่ชอบสุงสิงกับใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงคบหาเพื่อนน้อยนัก สหายสนิทในชาติก่อนก็มิอยากเอ่ยถึงอีก ร่างระหงยืนขึ้นพลางหมุนกายแย้มยิ้มกับคันฉ่องสีอำพัน

"หลิวจือหลิน เรือนร่างนี้งดงามจริง ๆ ถึงเราจะคล้ายกันแต่หุ่นเจ้านี่เซี๊ยะกว่าข้าอยู่หน่อย หน้าตาก็สวยขึ้นแล้ว เลิกแต่งหน้าอัปลักษณ์เสียทียัยบื้อ"

 

เชิงอรรถ

^ยามฮ่าย - 21:00 - 23:00 เดิมเรียก 人定 (réndìng | คนนิ่ง) ต่อมาเปลี่ยนเป็น 亥时 (haìshí | ยามฮ่าย)

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (2/2)

    หลิวจือหลินพิเคราะห์หน้าตาที่มีผ้าแพรปกปิดพลางตบข้างบั้นท้ายตนเปาะหนึ่งเจียวเจียวยกมือทาบอก "…ฮูหยิน ทำเช่นนี้ไม่งามนะเจ้าคะ"หลิวจือหลินเหลียวหน้ามองสาวใช้ พลางหัวเราะขบขัน เปลือกตาบางขยิบหนึ่งฝั่งหยอกล้อ จากนั้นเท้าเรียวเดินบ้างกระโดดบ้างดั่งกระต่ายเริงร่า หลิวจือหลินฮัมเพลงเสียงแผ่ว ไม่ใส่ใจสาวใช้ตนอีกเจียวเจียวแทบเกิดลมจับ เพราะเจียวเจียวมักเคร่งครัดเรื่องความเป็นกุลสตรีเช่นนี้เสมอ ส่วนปี้อี๋ยิ้มขบขันปี้อี๋ "เอาน่าอาเจียว ฮูหยินเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ""แต่…""ไม่ต้องแต่แล้ว เห็นหรือไม่ฮูหยินจะถึงรถม้าแล้ว เจ้าอยากหลังลายรึ"เจียวเจียวพยักหน้าหงึกหงัก พวกนางเร่งถลันกายตามนายหญิงไปทันควันบุรุษร่างสูงผินหน้ามองเรือนตะวันออกด้วยความใคร่รู้ ดูนางไม่แยแสเขาจริงดังว่า คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน แม้นางอยู่ห่างจากเขาจนเห็นไม่ชัด แต่เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาวที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหางตาของหลิวจือหลินพลันเหลือบเห็นรถม้าอีกคันจอดไว้ไกลลิบ คงมิใช่ทางฝั่งเรือนหลักกระมัง ช่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-10
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 1 สร้อยปริศนานำพาข้ามยุคสมัย

    ถนนทอดยาวในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนซึ่งปกคลุมทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งบริเวณ แสงสะท้อนจากเสาไฟสองข้างทางบ่งบอกว่าราตรีกาลมาเยือนแล้ว หญิงสาวร่างเพรียวบางสวมเครื่องแต่งกายล้ำสมัย กำลังก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา มีเพียงลาดไหล่แคบที่กระเพื่อมไหวสั่นระริก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยเปื้อนเขรอะคราบน้ำตาจนดูไม่จืด ขาเรียวเยื้องย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางความหนาวเหน็บวันนี้คือเทศกาลแห่งความรัก มองไปทางไหนก็พบแต่คนเคียงคู่ นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตของเธอไม่ใช่เหรอ ในขณะที่เธอตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อมอบแด่ชายอันเป็นที่รัก เหตุใดจึงต้องเผชิญกับภาพบาดตาบาดใจแทนใบหน้าแย้มยิ้มของเพื่อนสาวและชายซึ่งเธอรักสุดหัวใจ โผกอดกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย มันกำลังปรากฏฉายชัดดั่งภาพสามมิติวนซ้ำไปมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดคล้ายถูกปลายมีดอันแหลมคมเสียบลึกตรงอกซ้าย เธอไว้เนื้อเชื่อใจพวกเขามาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าแทงเธอจากข้างหลังอย่างเลือดเย็นเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...หญิงสาวง้างมือขึ้น จากนั้นปากล่องของขวัญทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างระหงยอบกายลงพลางกอดเข่าซบหน้าสะอื้นไห้ เธอไม่กลัวความหนาวเย็นเลยสั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-07
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 2 นิสัยพลิกกลับ

    "ท่านโหว ยามนี้ฮูหยินได้สติแล้วขอรับ"มือที่จับพู่กันยังคงตวัดเขียนด้วยความใจเย็น เสียงทุ้มตอบกลับแบบขอไปที "อืม รู้แล้ว" องครักษ์ทั้งสองต่างเหลือบมองกันหลุกหลิก พวกเขาทราบดีว่านายของตนนั้นแสนชิงชังฮูหยินใหญ่เพียงใด เพราะนางชมชอบเจียงโหวหรือเจียงซื่อจวินจนหน้ามืดตามัว ยามที่ทั้งสองยังไม่ออกเรือนหลิวจือหลินก็ตามราวีโหวหนุ่มไม่ลดละ กระทั่งหลิวจือหลินไม่อาจทนมองท่าทีกระด้างกระเดื่องจากบุรุษที่ตนชมชอบได้ นางจึงตัดสินใจร้องขอบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงซ่างซูเสิ่ง [1] ทูลขอราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อมอบสมรสพระราชทานให้แก่หลิวจือหลินและเจียงซื่อจวินอย่างไม่มีหนังไม่มีหน้า [2] บิดาที่เลี้ยงดูบุตรสาวดุจไข่ในหินเช่นใต้เท้าหลิวเฝ้าตามใจนางไปเสียทุกอย่าง ส่งผลให้หลิวจือหลินเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีร้ายกาจซ้ำยังนิสัยเสีย หากเป็นสิ่งที่นางต้องการแล้วล่ะก็ ผู้ใดก็อย่ามาขวาง หลิวจือหลินคิดเพียงว่าแต่งแล้วอยู่กินกันไปอีกฝ่ายก็ต้องหลงรักตนเข้าสักวัน ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังคิดผิดมหันต์ นับวันโหวหนุ่มก็ยิ่งรังเกียจชิงชังนาง กระทั่งย่างกรายเข้าไปเหยียบเรือนฝั่งตะวันออกสักครั้งก็ไม่เคยเพราะหลิวตงมีผลงานมากมายเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-07
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (1/2)

    เป็นเวลาครึ่งค่อนเดือนที่หลิวจือหลินนั้นใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ นางมิได้สนใจหรือใส่ใจเจ้าของเรือนสักนิด กระทั่งอนุที่โหวหนุ่มตบแต่งเข้ามานางก็ยังไม่เคยเห็นหน้า พวกเขาเป็นเพียงภาพเลือนรางในมโนสำนึกของหลิวจือหลินคนเดิมเท่านั้น ทว่าหลิวจือหลินผู้นี้ก็ไม่อยากเห็นคนทั้งสองเท่าใด และไม่อยากรู้ด้วยว่าพวกเขาหน้าตาแบบไหนเจียงซื่อจวินไม่คิดโผล่หน้ามาพบนางก็นับเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ หลิวจือหลินจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเพราะนางไม่ใช่ฮูหยินตัวจริงของเขา เรือนที่นี่ใหญ่โตโอ่โถงประหนึ่งราชวังขนาดย่อม แค่เดินไปหอตำราก็กินเวลาเกือบเป็นชั่วยาม [1] หนำซ้ำต่อให้หลิวจือหลินคนเดิมจะน่ารังเกียจเดียดฉันท์ ทว่านางกลับมีเรือนร่างงดงามประหนึ่งโฉมสะคราญ ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้น นางเป็นสาวบริสุทธิ์ที่แต่งงานมานานแล้ว พรหมจรรย์ที่หาได้ยากอย่างนี้กลับทำให้หลิวจือหลินจากยุคสองพันดีใจเป็นล้นพ้นถึงแม้นางคบหากับแฟนหนุ่มมาหลายปีทว่าหลิวจือหลินในโลกอีกด้านก็ไม่เคยเกินเลยกับเขาสักครั้ง อาจมีจับมือ จุมพิต หรือกอดเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน นี่คงเป็นเหตุให้อีกฝ่ายคิดนอกใจหลิวจือหลินไปหาหญิงอื่นที่สามารถมอบความสุขก่อนแต่งให้เขาได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-07
  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (2/2)

    "เรื่องอื่นเล่า หมดเพียงเท่านี้รึ"เฉิงซือหานเริ่มสับสน อย่างอื่นล้วนไม่มีแล้ว หากเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์หนุ่มจึงเหลียวมองหน้าสหายที่ยืนสงบนิ่งประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งแกะสลักเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายเขม้นสายตาดั่งต้องการบอกว่า เรื่องท่านโหวเล่า มีหรือไม่เฉิงซือหานจึงเข้าใจในบัดดล เพราะเขาเป็นคนตรง ๆ ได้เห็นมาอย่างไรก็กล่าวเช่นนั้น "หากเป็นเรื่องที่ฮูหยินมักเที่ยวมาอาละวาดหน้าเรือนของท่านเช่นเมื่อก่อน ยามนี้ไม่มีแล้วขอรับ ดูเหมือนข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงท่านโหวเลยด้วยซ้ำ"จู่ ๆ ช่ายจินซินก็รู้สึกว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ เขากระทุ้งข้อศอกไปยังหน้าท้องหนั่นแน่นของสหายเพื่อให้รู้สึกตัว"เอ่อ เอ่อ มีเอ่ยถึงตอนที่บอกว่าไม่อยากทราบเรื่องท่านโหวแล้วขอรับ" เฉิงซือหานเหงื่อซึมแผ่นหลังช่ายจินซินได้ฟังแทบอยากกัดลิ้นตนเพื่อลงไปนอนแดดิ้นเสีย ดูเหมือนเฉิงซือหานยังซื่อบื้อไม่แปรเปลี่ยน เขานั้นอยู่กับเจียงซื่อจวินตลอด ทราบดีว่าจิตใจอีกฝ่ายยามนี้กระวนกระวายเพียงใด เพราะเจียงซื่อจวินทำตัวราวกับว่า ไม่ใกล้สูญเสียก็ไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-08

บทล่าสุด

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (2/2)

    หลิวจือหลินพิเคราะห์หน้าตาที่มีผ้าแพรปกปิดพลางตบข้างบั้นท้ายตนเปาะหนึ่งเจียวเจียวยกมือทาบอก "…ฮูหยิน ทำเช่นนี้ไม่งามนะเจ้าคะ"หลิวจือหลินเหลียวหน้ามองสาวใช้ พลางหัวเราะขบขัน เปลือกตาบางขยิบหนึ่งฝั่งหยอกล้อ จากนั้นเท้าเรียวเดินบ้างกระโดดบ้างดั่งกระต่ายเริงร่า หลิวจือหลินฮัมเพลงเสียงแผ่ว ไม่ใส่ใจสาวใช้ตนอีกเจียวเจียวแทบเกิดลมจับ เพราะเจียวเจียวมักเคร่งครัดเรื่องความเป็นกุลสตรีเช่นนี้เสมอ ส่วนปี้อี๋ยิ้มขบขันปี้อี๋ "เอาน่าอาเจียว ฮูหยินเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วมิใช่หรือ""แต่…""ไม่ต้องแต่แล้ว เห็นหรือไม่ฮูหยินจะถึงรถม้าแล้ว เจ้าอยากหลังลายรึ"เจียวเจียวพยักหน้าหงึกหงัก พวกนางเร่งถลันกายตามนายหญิงไปทันควันบุรุษร่างสูงผินหน้ามองเรือนตะวันออกด้วยความใคร่รู้ ดูนางไม่แยแสเขาจริงดังว่า คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน แม้นางอยู่ห่างจากเขาจนเห็นไม่ชัด แต่เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของหญิงสาวที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหางตาของหลิวจือหลินพลันเหลือบเห็นรถม้าอีกคันจอดไว้ไกลลิบ คงมิใช่ทางฝั่งเรือนหลักกระมัง ช่

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 4 ลืมไปแล้วว่ามีตัวตน (1/2)

    ยามฮ่าย [1] ในคืนเดียวกัน ร่างดำทะมึนขององครักษ์มือซ้ายกระโจนลงจากหลังคาท่ามกลางความอนธการ เขาค้อมศีรษะพลางเอ่ยรายงานนายของตนซึ่งยังง่วนกับกองรายงานม้วนไม้ไผ่แทบไม่ว่างเว้น"ท่านโหว วันพรุ่งฮูหยินบอกว่าจะออกไปข้างนอกขอรับ"สิ่งที่อีกฝ่ายรายงานหาได้สลักสำคัญใด ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลิวจือหลินก็ไม่ได้ก้าวออกจากจวนโหวเลย "นางอยากไปก็ไป""แต่...เดิมทีก่อนฮูหยินจะไปที่ใดมักมาแจ้งท่านโหวก่อนเสมอ ครั้งนี้ฮูหยินเอ่ยว่า..." เฉิงซือหานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีเขาอาจคิดผิดที่มารายงานเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้"หืม..." มือหยาบระคายวางพู่กันหางจิ้งจอกลง เขาทำงานจนลืมดูว่ายามนี้ดึกมากแล้ว คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน "เดี๋ยวนี้เจ้ากลายเป็นประเภทเรรวนไปตั้งแต่เมื่อใด""ขออภัยท่านโหว คือ...ฮูหยินกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรายงานท่านก็ย่อมได้ เพราะท่านโหวคงลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ อีกอย่างฮูหยินเองก็ลืมไปแล้วเช่นกันว่ามีท่านอยู่"ปัง!องครักษ์ซ้ายขวาพร้อมใจสะดุ้งโหยง ช่ายจินซินยกมือกุมขมับ บางทีห

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (2/2)

    "เรื่องอื่นเล่า หมดเพียงเท่านี้รึ"เฉิงซือหานเริ่มสับสน อย่างอื่นล้วนไม่มีแล้ว หากเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์หนุ่มจึงเหลียวมองหน้าสหายที่ยืนสงบนิ่งประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งแกะสลักเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายเขม้นสายตาดั่งต้องการบอกว่า เรื่องท่านโหวเล่า มีหรือไม่เฉิงซือหานจึงเข้าใจในบัดดล เพราะเขาเป็นคนตรง ๆ ได้เห็นมาอย่างไรก็กล่าวเช่นนั้น "หากเป็นเรื่องที่ฮูหยินมักเที่ยวมาอาละวาดหน้าเรือนของท่านเช่นเมื่อก่อน ยามนี้ไม่มีแล้วขอรับ ดูเหมือนข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงท่านโหวเลยด้วยซ้ำ"จู่ ๆ ช่ายจินซินก็รู้สึกว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ เขากระทุ้งข้อศอกไปยังหน้าท้องหนั่นแน่นของสหายเพื่อให้รู้สึกตัว"เอ่อ เอ่อ มีเอ่ยถึงตอนที่บอกว่าไม่อยากทราบเรื่องท่านโหวแล้วขอรับ" เฉิงซือหานเหงื่อซึมแผ่นหลังช่ายจินซินได้ฟังแทบอยากกัดลิ้นตนเพื่อลงไปนอนแดดิ้นเสีย ดูเหมือนเฉิงซือหานยังซื่อบื้อไม่แปรเปลี่ยน เขานั้นอยู่กับเจียงซื่อจวินตลอด ทราบดีว่าจิตใจอีกฝ่ายยามนี้กระวนกระวายเพียงใด เพราะเจียงซื่อจวินทำตัวราวกับว่า ไม่ใกล้สูญเสียก็ไม

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (1/2)

    เป็นเวลาครึ่งค่อนเดือนที่หลิวจือหลินนั้นใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ นางมิได้สนใจหรือใส่ใจเจ้าของเรือนสักนิด กระทั่งอนุที่โหวหนุ่มตบแต่งเข้ามานางก็ยังไม่เคยเห็นหน้า พวกเขาเป็นเพียงภาพเลือนรางในมโนสำนึกของหลิวจือหลินคนเดิมเท่านั้น ทว่าหลิวจือหลินผู้นี้ก็ไม่อยากเห็นคนทั้งสองเท่าใด และไม่อยากรู้ด้วยว่าพวกเขาหน้าตาแบบไหนเจียงซื่อจวินไม่คิดโผล่หน้ามาพบนางก็นับเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ หลิวจือหลินจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเพราะนางไม่ใช่ฮูหยินตัวจริงของเขา เรือนที่นี่ใหญ่โตโอ่โถงประหนึ่งราชวังขนาดย่อม แค่เดินไปหอตำราก็กินเวลาเกือบเป็นชั่วยาม [1] หนำซ้ำต่อให้หลิวจือหลินคนเดิมจะน่ารังเกียจเดียดฉันท์ ทว่านางกลับมีเรือนร่างงดงามประหนึ่งโฉมสะคราญ ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้น นางเป็นสาวบริสุทธิ์ที่แต่งงานมานานแล้ว พรหมจรรย์ที่หาได้ยากอย่างนี้กลับทำให้หลิวจือหลินจากยุคสองพันดีใจเป็นล้นพ้นถึงแม้นางคบหากับแฟนหนุ่มมาหลายปีทว่าหลิวจือหลินในโลกอีกด้านก็ไม่เคยเกินเลยกับเขาสักครั้ง อาจมีจับมือ จุมพิต หรือกอดเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน นี่คงเป็นเหตุให้อีกฝ่ายคิดนอกใจหลิวจือหลินไปหาหญิงอื่นที่สามารถมอบความสุขก่อนแต่งให้เขาได

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 2 นิสัยพลิกกลับ

    "ท่านโหว ยามนี้ฮูหยินได้สติแล้วขอรับ"มือที่จับพู่กันยังคงตวัดเขียนด้วยความใจเย็น เสียงทุ้มตอบกลับแบบขอไปที "อืม รู้แล้ว" องครักษ์ทั้งสองต่างเหลือบมองกันหลุกหลิก พวกเขาทราบดีว่านายของตนนั้นแสนชิงชังฮูหยินใหญ่เพียงใด เพราะนางชมชอบเจียงโหวหรือเจียงซื่อจวินจนหน้ามืดตามัว ยามที่ทั้งสองยังไม่ออกเรือนหลิวจือหลินก็ตามราวีโหวหนุ่มไม่ลดละ กระทั่งหลิวจือหลินไม่อาจทนมองท่าทีกระด้างกระเดื่องจากบุรุษที่ตนชมชอบได้ นางจึงตัดสินใจร้องขอบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงซ่างซูเสิ่ง [1] ทูลขอราชโองการจากฮ่องเต้เพื่อมอบสมรสพระราชทานให้แก่หลิวจือหลินและเจียงซื่อจวินอย่างไม่มีหนังไม่มีหน้า [2] บิดาที่เลี้ยงดูบุตรสาวดุจไข่ในหินเช่นใต้เท้าหลิวเฝ้าตามใจนางไปเสียทุกอย่าง ส่งผลให้หลิวจือหลินเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีร้ายกาจซ้ำยังนิสัยเสีย หากเป็นสิ่งที่นางต้องการแล้วล่ะก็ ผู้ใดก็อย่ามาขวาง หลิวจือหลินคิดเพียงว่าแต่งแล้วอยู่กินกันไปอีกฝ่ายก็ต้องหลงรักตนเข้าสักวัน ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังคิดผิดมหันต์ นับวันโหวหนุ่มก็ยิ่งรังเกียจชิงชังนาง กระทั่งย่างกรายเข้าไปเหยียบเรือนฝั่งตะวันออกสักครั้งก็ไม่เคยเพราะหลิวตงมีผลงานมากมายเป็น

  • ข้านี่หรือขึ้นชื่อว่าสตรีตัวร้ายแสนอัปลักษณ์   บทที่ 1 สร้อยปริศนานำพาข้ามยุคสมัย

    ถนนทอดยาวในเมืองหลวงตอนนี้ล้วนประดับไปด้วยเกล็ดหิมะสีขาวโพลนซึ่งปกคลุมทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งบริเวณ แสงสะท้อนจากเสาไฟสองข้างทางบ่งบอกว่าราตรีกาลมาเยือนแล้ว หญิงสาวร่างเพรียวบางสวมเครื่องแต่งกายล้ำสมัย กำลังก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา มีเพียงลาดไหล่แคบที่กระเพื่อมไหวสั่นระริก ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะสวยเปื้อนเขรอะคราบน้ำตาจนดูไม่จืด ขาเรียวเยื้องย่างไร้เรี่ยวแรงท่ามกลางความหนาวเหน็บวันนี้คือเทศกาลแห่งความรัก มองไปทางไหนก็พบแต่คนเคียงคู่ นี่ควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในชีวิตของเธอไม่ใช่เหรอ ในขณะที่เธอตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อมอบแด่ชายอันเป็นที่รัก เหตุใดจึงต้องเผชิญกับภาพบาดตาบาดใจแทนใบหน้าแย้มยิ้มของเพื่อนสาวและชายซึ่งเธอรักสุดหัวใจ โผกอดกันท่ามกลางหิมะโปรยปราย มันกำลังปรากฏฉายชัดดั่งภาพสามมิติวนซ้ำไปมา ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดคล้ายถูกปลายมีดอันแหลมคมเสียบลึกตรงอกซ้าย เธอไว้เนื้อเชื่อใจพวกเขามาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าแทงเธอจากข้างหลังอย่างเลือดเย็นเจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...หญิงสาวง้างมือขึ้น จากนั้นปากล่องของขวัญทิ้งอย่างไม่ไยดี ร่างระหงยอบกายลงพลางกอดเข่าซบหน้าสะอื้นไห้ เธอไม่กลัวความหนาวเย็นเลยสั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status