ถานจาวหรงถอยหลังกรูด ม่านตาเบิกกว้างด้วยอาการตื่นตระหนก พลางเหลือบมองสาวใช้ซ้ายขวาซึ่งถูกหินก้อนเล็กจ้อยเล่นงานอย่างน่าอับอายจนร่างกระเด็นไปคนละทิศ
"ท่านพี่ซื่อจวิน มะ...มาได้อย่างไรเจ้าคะ"
"ข้าต้องถามองค์หญิงมากกว่าว่ามาได้อย่างไร องค์หญิงกำลังจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮางั้นหรือ"
"เอ่อ...เอ่อ..." ถานจาวหรงหลุกหลิก ทว่านางเป็นถึงองค์หญิง จะให้อีกฝ่ายกำเริบกับตนโดยใช่เหตุได้อย่างไร "หึ! ข้าจะไปที่ไหนก็ได้นี่เจ้าคะ ราชวังแห่งนี้คือพื้นที่ของข้า"
นัยน์ตาคมหรี่ลง "งั้นหรือ" นัยน์ตาคมกริบลดมองสตรีบนอ้อมแขนของตน ซึ่งยามนี้ตัวแข็งค้างกลายเป็นหุ่นขี้ผึ้งไม้แกะสลักไปแล้ว "องค์หญิงผ่านทางมา หรือจงใจมุ่งหน้ามากันแน่"
เจียงซื่อจวินเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงถ้อยคำทุกประโยคที่หลิวจือหลินเอ่ยออกมาเขาก็จดจำได้ไม่มีลืม
"นางเดินไม่ระวังก่อน"
"นางก็เดินมาตามเส้นทางของนาง องค์หญิงเป็นฝ่ายย่างกรายเข้าใกล้นางมิใช่หรือ"
ถานจาวหรงศีรษะชาวาบ "ละ...แล้วอย่างไรเจ้าคะ ก็ข้าจะเดินทางนี้แต่นางดันมาขวางเอง ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุช่วยไม่ได้"
"อ่า...อุบัติเหตุสิ
หลังกลับจากราชวังหลิวจือหลินก็ต้องพักผ่อนราวสองสามวัน เจียงซื่อจวินเป็นฝ่ายจัดการส่งคนไปแจ้งทางร้านฟ่านอินว่านางไม่สบายมิอาจทำงานได้ ฟ่านเทียนเผยทราบข่าวจึงอยากมาเยี่ยมเยียนนาง ทว่ากลับถูกเจียงซื่อจวินดักคอไว้เสียได้ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ ขันทีร้อนใจแทน [1] ริมฝีปากได้รูปกระตุกแผ่วเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษแผ่นเล็กที่องครักษ์ของอีกฝ่ายยื่นให้ตนเป็นคราที่สอง ดูเอาเถิดเขาเป็นหุ้นส่วนฮูหยินเจียงโหวโดยแท้ กระทั่งอยากเยี่ยมเยียนนางในฐานะสหาย ยังถูกกีดขวางจากสามีของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไหน้ำส้มเจียงซื่อจวินใหญ่โตเท่าใดกันหรือนี่"ฮูหยิน ลุกขึ้นมาทำอะไรเจ้าคะ" เจียวเจียวถือถ้วยกระเบื้องเคลือบอันเต็มไปด้วยของเหลวสีขุ่นเข้ามาในห้อง นางเร่งวางลงจากนั้นถลาเข้าดูอาการนายหญิงด้วยสีหน้าร้อนใจหลิวจือหลินนั่งอยู่บริเวณหน้าโต๊ะไม้สัก มือทั้งสองข้างถูกพันด้วยผ้าสีขาวประหนึ่งมัมมี่หมื่นปีกำลังจับพู่กันตวัดซ้ายตวัดขวาลงบนกระดาษ หลิวจือหลินละสายตาจากการกระทำของตน พลางแหงนหน้าขึ้น"เจียวเจียว ข้า
หลิวจือหลินมองตามพลางจิ๊ปาก "เอ๊ะ ท่านโหว ข้าต้องทำงานนะเจ้าคะ ไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับท่านได้หรอกนะ เอามาเจ้าค่ะ"หลิวจือหลินเอื้อมมือคว้าพู่กันจากเขา แต่อีกฝ่ายก็เบี่ยงหลบ "ไม่ได้ หากไม่กินยาข้าจะง้างปากเจ้าให้ดู""ข้าไม่กิน เอามานะเจ้าคะ" หลิวจือหลินไม่ยอมฟังเสียงของเขา ร่างระหงลุกพรึบหมายช่วงชิงพู่กันจากชายหนุ่มให้ได้เจียงซื่อจวินหยัดกายกำยำยืนเต็มความสูง แขนยาวชูของในมือขึ้นจนสุด ร่างเล็กกระโดดโหยงราวกับกระต่ายขาเดียว ไม่ว่าพยายามอย่างไรก็มิสามารถเอื้อมถึง "ท่านโหว รังแกข้าสนุกนักหรือ เอามานะ!"นัยน์ตาคมลดมองสตรีตัวจ้อยที่พยายามยื้อแย่งเอาเป็นเอาตาย "บอกว่ากินยาก่อน""ข้าไม่กิน" หลิวจือหลินยังพยายามควานมือขึ้นสูงต่อไป ในเมื่อนางกระโดดไม่ถึงเช่นนั้นก็ต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายเสียแล้วดูเหมือนเจียงซื่อจวินรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของนางเข้าแล้ว ริมฝีปากได้รูปจุดรอยยิ้มหนึ่งฝั่ง ร่างระหงตั้งท่ากระโดดเกาะเอวเขาดั่งลูกลิง ไม่ทันสมใจหวังกลับถูกแขนแกร่งคว้าเข้าบริเวณเอวคอดประหนึ่งอสรพิษร้าย นางถูกเขาพันธนาการเอาไว้เสียจนไม่อาจขยับไหว"อ๊ะ! ปล่อยน
ยามนี้หลิวจือหลินแทบหายจากอาการบาดเจ็บเป็นปลิดทิ้ง เพราะมีใครบางคนเฝ้าจับตามองนางให้ทานยาและพักผ่อนอยู่ไม่ห่าง งานราษฎร์งานหลวงอันยุ่งเหยิงของเขา เจียงโหวยังสู้อุตส่าห์กระเตงหอบมาทำที่เรือนตะวันออกทั้งหมดด้วยเหตุนี้หม่าลี่เจี่ยทราบเรื่องจึงรู้สึกเคืองขุ่นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจบุ่มบ่ามทำสิ่งใดได้ กระนั้นนางทราบมาว่าหลิวจือหลินได้รับหน้าที่ตัดเย็บฉลองพระองค์ให้ฮองเฮาในวันคล้ายวันประสูติที่จะถึงในอีกไม่ช้า"อีกกี่วันนางจะส่งฉลองพระองค์ไปที่วังหลวง"สาวใช้กระซิบตอบ "อีกสองสัปดาห์เจ้าค่ะ"หม่าลี่เจี่ยขบคิด หากหลิวจือหลินทำทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ นางก็ไม่ต่างจากคนใช้ที่ถูกเจียงโหวเก็บมาเลี้ยง กว่านางจะอ้อนวอนปู่เพื่อเกลี้ยกล่อมเจียงซื่อจวินให้รับตนเป็นอนุได้มิใช่เรื่องง่ายดายคาดไม่ถึงต่อให้เจียงซื่อจวินในเมื่อก่อนไม่ชมชอบฮูหยินตนอย่างไร เขาก็ไม่คิดแตะต้องนางเช่นกัน ความมาดมั่นจะถูกโหวหนุ่มยกยอให้เป็นใหญ่ในภายภาคหน้ากำลังพังครืนไม่เป็นท่าเสียแล้ว..ณ ร้านฟ่านอิน"ฮูหยิน ท่านมาได้เสียที อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างหรือ"
"คุณชายฟ่าน""...""คุณชายฟ่านเจ้าคะ""..."เมื่อไร้เสียงตอบรับ มือเรียวจึงโบกสะบัดขึ้นลงผ่านหน้าชายหนุ่มเพื่อเรียกสติ เจียวเจียวและปี้อี๋เบิกตากว้างตื่นตระหนกเมื่อนายหญิงใกล้สิงร่างบุรุษตัวสูงให้แล้วหลิวจือหลินเป็นสตรีที่มีจิตวิญญาณตื่นรู้จากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ใจของนางคิดเพียงว่าฟ่านเทียนเผยเป็นสหาย ซ้ำยังเป็นสหายที่ดีอีกด้วย นางจึงมิได้คำนึงถึงเรื่องความเหมาะสมใด"ฮูหยิน...ทำอะไรของท่าน"นัยน์ตาคมลดมองร่างระหงที่ยืนเขย่งปลายเท้าพลางแหงนสบตาเขาปริบ ๆ สีหน้าของชายหนุ่มแดงซ่านราวลูกตำลึงสุก เพราะยามนี้พวกเขาห่างกันเพียงลมหายใจกั้นหลิวจือหลินผละห่าง แขนเรียวเท้าเอวเอียงคอมองตอบ "ท่านได้สติแล้วหรือ ข้าเรียกอยู่ตั้งนาน เอ...หรือกำลังมองสาวงามกันน้า..."หลิวจือหลินหมุนตัวขวับ เมียงมองไปยังเส้นทางที่ฟ่านเทียนเผยจดจ้องเพื่อเย้าแหย่ กระนั้นกลับพบเพียงความว่างเปล่า มือเรียวยกขึ้นเกาศีรษะเกาแก้มด้วยความงุนงง"อ้าว นี่ท่านมองอะไรกันแน่""ไม่มีอะไร ข้าเพียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฮูหยินอย่าได้ใส่ใจเลย""โอเคเจ้
การเดินทางกลับเรือนครั้งนี้ก็ยังเหมือนยามปกติ หลิวจือหลินอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ ดูเหมือนฟ่านเทียนเผยกังวลใจมากเกินไปแล้วหลิวจือหลินจึงเร่งชำระร่างกายอันเหนอะหนะเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่ตนพบเจอตลอดทั้งวัน ดูเหมือนวันนี้เจียงซื่อจวินก็กลับดึกไม่ต่างกันเดิมทีหลิวจือหลินมักเห็นเขานั่งปั้นหน้าถมึงทึงรออยู่โต๊ะทำงานที่ประจำเพื่อจ้องจับผิดนางร่ำไป เมื่อสาแก่ใจเขาก็สะบัดกายกลับเรือนหลัก โดยไม่คิดเหลือบแลนางอีกเวลาล่วงเลยจนถึงยามฮ่าย [1] หลิวจือหลินจึงได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนย่างกรายใกล้เข้ามาทุกขณะ เจียงโหวมักปรากฏกายอนึ่งผีสางเช่นนี้เสมอ นางเองก็ชินเสียแล้ว"...ท่านโหว ยามวิกาลเช่นนี้ หากท่านจะมาก็ช่วยส่งเสียงหน่อยมิได้หรือเจ้าคะ ทำราวกับผีสางผู้อื่นจะได้ตกใจแตกตื่นกันหมด"หลิวจือหลินเอ่ยทั้งที่ตนยังวุ่นกับงานอันล้นมือโดยไม่ละสายตา จู่ ๆ ลมหายใจอุ่น ๆ ก็เป่าปะทะบริเวณใบหูเสียจนขนลุกเกรียว"วันนี้เจ้าทำอะไรมางั้นหรือ"หลิวจือหลินผงะ "ก็ทำงานอย่างไรเจ้าคะ พูดปกติไม่ได้หรือ เหตุใดต้
"โอ๊ย! ท่านโหว เป็นไบโพล่ารึ!" หลิวจือหลินหน้างอ เมื่ออีกฝ่ายโยนนางลงเตียงนอนหนานุ่มโดยไร้เหตุผลเจียงซื่อจวินมิได้ปล่อยนางเป็นอิสระนานนัก เขารวบจับแขนทั้งสองไว้เหนือศีรษะพลางกดกายระหงแนบลู่ลงบนที่นอน หลิวจือหลินตื่นตระหนก ม่านตาขยายกว้างเมื่อถูกบุรุษกายกำยำคร่อมอยู่บนเรือนร่างของตนรวดเร็วดุจสายอสนี"ทะ...ทำอะไรของท่าน ปล่อยข้านะ"ต่อให้นางดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ แรงของเขาเฉกเช่นม้าศึกคึกคะนอง"หลิวจือหลิน เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงสนิทสนมกับชายอื่น""ห๊ะ!..."นี่เขากำลังหึงหวงข้าหรือ"เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่อยู่ด้วยจะทำอันใดตามใจตนเองก็ได้ อย่าลืมสถานะของเจ้าว่าคือใคร หากจำไม่ได้ข้าจะช่วยทบทวนความจำให้ดีหรือไม่ หืม..."ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงหมายรังแกสตรีเบื้องล่าง จู่ ๆ หลิวจือหลินก็ร้องไห้โฮไม่มีปี่มีขลุ่ย"ฮึก ฮื่อ...คนบ้า ปล่อยข้านะ ข้าเจ็บ" แขนเล็กขยับไปมาเพื่อให้เขาผ่อนแรงลง หลิวจือหลินรู้สึกว่าข้อมือของตนใกล้หักอยู่รอมร่อ ยามนี้นางทราบถึงจุดอ่อนหนึ่งของเขา เจียงโหวแพ้น้ำตาสตรี นางจะแสร้งงอแงจนกว่าเขาน
หลิวจือหลินตื่นขึ้นอีกครั้งก็ไม่พบท่านโหวบ้าดีเดือดแล้ว เขามักทำตัวดั่งเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง [1] แบบนี้อยู่เรื่อย รังแกนางจนสาแก่ใจ ยามเช้าก็หนีหน้า ร่างระหงดีดกายลุกพรึบ พลันรู้สึกเมื่อยขบไปหมดทั้งตัวเพราะเมื่อคืนได้เกิดสงครามขนาดย่อม อีกคนหลับสบายส่วนนางต้องนอนนิ่งให้เขากอดก่ายอย่างกับตุ๊กตาไร้ชีวิตกว่าจะข่มตาหลับฟ้าก็ใกล้สว่างหลิวจือหลินบิดซ้ายบิดขวา เสียงสวบสาบที่ดังสะท้อนเป็นเหตุให้สาวใช้หน้าห้องทราบว่านายหญิงของตนนั้นตื่นเป็นที่เรียบร้อยปี้อี๋ "ฮูหยิน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ""อืม...ตื่นแล้ว พวกเจ้าเข้ามาสิ"เจียวเจียวถือภาชนะทองแดงรองน้ำสะอาดตามหลังปี้อี๋ส่วนปี้อี๋รุดเข้าช่วยประคองหลิวจือหลินที่ดูเหมือนนางจะโรยแรงอยู่ไม่น้อย"เป็นอะไรเจ้าคะ เมื่อคืนท่านโหวคงไม่ได้...""อะไร พวกเจ้าคิดอะไร เมื่อคืนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้น เว้นเพียงเขารังแกข้าจนร้าวระบมไปทั้งตัว"ร่างระหงบิดซ้ายบิดขวาเสียจนกระดูกลั่นกร็อบแกร็บ เจียวเจียวลอบส่งสายตาพล
ถึงเวลาต้องถวายฉลองพระองค์แด่ฮองเฮา วันนี้หลิวจือหลินสวมใส่อาภรณ์ที่ตนตัดเย็บเองกับมือ แม้สีสันดูเรียบง่ายสบายตา ทว่ายังสามารถขับเน้นรูปร่างและผิวพรรณให้ดูผุดผาด ร่างระหงย่างกรายขึ้นรถม้าด้วยทีท่าสงบนิ่งประดุจสายน้ำ เจ้าของร่างสูงสาวเท้าตามหลังสตรีร่างบอบบางอยู่ไม่ห่าง ไม่นานล้อไม้ก็เคลื่อนบดไปตามเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ราชวังภาพเมื่อครู่ล้วนอยู่ในสายตาของหม่าลี่เจี่ย เดิมนางต้องการเยาะหยันเมื่อหลิวจือหลินมีสีหน้ากระวนกระวายซีดขาวขลาดเกรง ทว่าสิ่งที่นางเห็นเมื่อครู่กลับเป็นใบงดงามเรียบเฉยเฉกเช่นหลิวหลีชั้นยอด จากความกระหยิ่มยิ้มย่องก็พลิกกลับเป็นเคืองขุ่น"ไหนว่านางไม่มีหยกมณีเพลิงแล้ว เหตุใดนางยังเข้าราชวังด้วยสีหน้าใจเย็นเช่นนั้น"สาวใช้ข้างกายก้มหน้างุด "บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ บางทีฮูหยินอาจกำลังหวาดกลัวอยู่ในใจก็ได้นะเจ้าคะ เพราะตั้งแต่วันนั้น บ่าวก็ไม่เห็นฮูหยินนำฉลองพระองค์มาแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ดูเหมือนอาจใช้หยกปลอมเพื่อตบตาฮองเฮา หากฝ่าบาททรงทราบ บ่าวว่าอย่างไรฮูหยินก็ต้องถูกโทษทัณฑ์อย่างหนักแน่นอน"ได้ยินคำกล่าวของสาวใช้ จากใบหน้ากราดเกรี้ยวก็พลิกผันเป็น
ตั้งแต่เจียงซื่อจวินพูดคุยกับหลิวจือหลินวันนั้น เขาก็ไม่โผล่หน้ามายังเรือนตะวันออกเลย ดูเหมือนต้องใช้คำว่าไม่กลับจวนเลยเสียมากกว่า ดูเหมือนงานของเขาหนนี้คงยุ่งจริงจัง หลิวจือหลินนั่งเหม่อมองหยกในมือตาละห้อย"ตาทึ่ม ไม่โผล่หน้ามาเลย ไหนบอกจะพาข้าไปเข้าเฝ้าฮองเฮาอย่างไรเล่า แล้วช่วงนี้หายไปไหนกัน...เฮ้อ"ปี้อี๋ "ฮูหยิน คิดถึงท่านโหวหรือเจ้าคะ"หลิวจือหลินอึกอัก "ซะ...ซี้ซั้ว ใครคิดถึงเขา ข้าอยากไปเข้าเฝ้าฮองเฮาต่างหาก"แม้ปากเอ่ยปฏิเสธทว่าจิตใจของนางกลับระส่ำระสายอย่างยิ่งยวด เขาไม่ว่างกระทั่งโผล่มาหานางสักเสี้ยวเลยงั้นหรือ หลิวจือหลินพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งไปโหวเผด็จการนั่นไม่อยู่ก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องมีใครมาบงการหรือบีบบังคับ ซ้ำยังไม่ต้องเจอหน้าที่แสนเกลียดชังนั่นด้วยหลิวจือหลินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด "ปี้อี๋ เจียวเจียว เตรียมรถม้า""ฮูหยินจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ" เจียวเจียวเอ่ยถามด้วยความฉงน"ข้าอยากไปเข้าเฝ้าฮองเฮา ข้าทำอาภรณ์ชุดใหม่ขึ้นมา ต้องการถวายฮองเฮาเพื่อเป็นของกำนัล ยามนั้นชุลมุนเกิน
"นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใด" เสียงทุ้มโพล่งจากทางเบื้องหลังหลิวจือหลินสะดุ้งโหยง หลายวันแล้วที่นางนั่ง ๆ นอน ๆ จนรู้สึกเบื่อหน่าย เหตุใดนางมักล้มหมอนนอนเสื่ออยู่เรื่อย หายจากอาการโน้นก็มีเรื่องร้ายแทรกซ้อนเข้ามาไม่หยุดหย่อน"ท่านโหว ข้าเพียงหาอะไรทำเล็กน้อยเท่านั้น ช่วงนี้ร้านฟ่านอินก็ไม่ให้ข้าเฉียดเข้าใกล้ เพราะคุณชายฟ่านเกรงว่าข้าจะทำงานหนัก กระทั่งข้าอยู่เรือนท่านก็ยังจะห้ามข้าไม่ให้ทำอะไรอีกคนหรือ"เจียงซื่อจวินถอนหายใจเบา นางเอาแต่กล่าวถึงบุรุษอื่นอีกแล้ว "ข้ามิได้ห้าม เจ้ายังไม่หายดีจะหักโหมได้อย่างไร"หลิวจือหลินคลี่ยิ้มให้เขา "ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ ตั้งแต่งานพิธีวันนั้น ข้ายังไม่เห็นฮองเฮาสวมฉลองพระองค์กระจะตาเลย ข้าอยากทำคอลเลคชั่นใหม่ไปถวายฮองเฮาเจ้าค่ะ""คอลเลคชั่นใหม่?" เจียงซื่อจวินเลิกคิ้ว ขบคิดไปพักหนึ่ง จากนั้นเอ่ยต่อ "ตื่นมากี่คราวาจาก็ยังประหลาด""ท่านโหวพาข้าไปเข้าเฝ้าฮองเฮาได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ารับรองว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านต้องลำบากใจ" หลิวจือหลินเว้าวอน เปลือกตาบางกะพริบปริบเจียงซื่อจวินเห็นใบหน้าดั่งแมวน้อยขี้
ภายในคุกใต้ดินอันแสนสกปรกและอับชื้น ท่อนขาสูงยาวเยื้องย่างเนิบนาบ ขนาบข้างซ้ายขวาคือแสงรำไรจากเชิงเทียนที่คอยส่องสว่างเป็นแนวทอดยาว ใบหน้าหล่อเหลายามนี้แข็งกระด้างเยือกเย็นเต็มไปด้วยไอสังหารชายฉกรรจ์ที่ลักพาตัวโฮ่วถิงในงานพิธีวันนั้นถูกจับได้ทั้งหมด โชคยังดีที่พวกมันมิได้ปู้ยี่ปู้ยำสตรีแต่อย่างใด เพียงอุ้มไปทิ้งในพื้นที่เปลี่ยวร้าง สิ่งที่น่าตระหนกไปกว่านั้น บรรดาชายเหล่านี้หาใช่มืออาชีพอย่างที่คิด กระทั่งเค้นสอบถาม และทรมานเพียงใดก็มิยอมปริปากว่าผู้ใดคือคนบงการเบื้องหลัง ดูเหมือนจะเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เสียด้วย หนำซ้ำยังซื้อตัวพวกเขาได้อย่างเฉียบขาดชายกำยำผู้หนึ่งถูกปลดลงจากขื่อ จากนั้นถูกจับแขนทั้งสองกางออกให้นอนหงายท้อง กระดาษแผ่นแรกวางโป๊ะลงบนใบหน้าคร้ามแดด น้ำสกปรกในถังไม้ถูกเทลงไปแช่มช้าซ่าาาาา...แค่ก แค่ก"จะบอกหรือไม่ ว่าใครส่งพวกเจ้ามา!"มีเพียงเสียงกระอักไอทว่าไร้คำตอบ นักโทษรายอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันหลุกหลิก วิธีที่เขาใช้ทรมานนักโทษดูไม่น่ากลัว แท้จริงแล้วช่างเป็นการสอบปากคำอันแสนทรมานอย่างยิ่งยวด ชายที่นอนอยู่ถูกแผ่นกระดาษป
หลิวจือหลินผละกายออกไปแล้ว ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่นาง แม้นใบหน้านั้นถูกบดบังด้วยผ้าแพรผืนบาง ทว่าเจียงซื่อจวินและฟ่านเทียนเผยกลับจดจำได้ว่าเป็นผู้ใดเฉิงซือหานเดินดุ่ม ๆ เข้ามาพลางกระซิบแผ่วที่ข้างหูผู้เป็นนาย ม่านตาเจียงโหวขยายกว้าง เขาตวัดหางตามองสตรีข้างกายก็เห็นอีกฝ่ายนั่งตัวสั่นหน้าซีดขาวราวกระดาษหลิวจือหลินเริ่มออกลวดลายร่ายรำด้วยท่วงท่างามสง่า การร่ายรำชวนประหลาดตาส่งผลให้ทุกคนดั่งต้องมนตร์สะกด หลิวจือหลินมิได้ร่ายรำตามฉบับสมัยโบราณ นางกำลังผสมผสานการร่ายรำเข้ากับยุคสมัยเดิมของตน ดูเหมือนนางพยายามใช้ข้อเท้าให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันพิษเข้าสู่กระแสโลหิต ร่างระหงยอบกายลงเบื้องล่าง พลางไขว้ขาออกลวดลายอ่อนช้อย ขยับเพียงเรียวนิ้ว กับช่วงแขนให้กลมกลืนกับท่วงทำนองมากที่สุดฮองเฮาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "ฝ่าบาท ท่าร่ายรำนี่ช่างงดงามประหลาดตายิ่ง ดูเหมือนคงเป็นฝีมือของจือหลินอีกแน่แท้"ฮ่องเต้พยักหน้าเห็นด้วย "งดงามจริง ๆ ข้ายังไม่เคยเห็นท่าร่ายรำเช่นนี้มาก่อนเลย" จากนั้นผินหน้ามองไปยังโต๊ะของเจียงโหว"จวินเอ๋อร์""...""จวินเอ๋อร์"
การถวายฉลองพระองค์แด่ฮองเฮาเป็นไปอย่างราบรื่น ทว่าหลิวจือหลินกลับได้รับหน้าที่เพิ่มเติมอีกอย่าง เพราะนางก็เปรียบดั่งสะใภ้ราชวงศ์คนหนึ่ง งานนี้จะขาดฝีมือการจัดแสดงของเจียงโหวฮูหยินได้อย่างไรหญิงสาวนามว่าโฮ่วถิง โฉมสะคราญอันดับต้น ๆ ได้รับเลือกให้สวมอาภรณ์ตัวใหม่ล่าสุดเป็นการตบท้ายการแสดง งานนี้ไม่ง่ายดายแต่ก็ไม่ยากเท่าใด ด้านในพิธียิ่งใหญ่อลังการมากล้นด้วยบรรดาแขกเหรื่อจากราชวงศ์ขุนนาง หลิวจือหลินจึงมิอาจทำพลาดได้เพียงครึ่งก้าว“องค์หญิง หากท่านโหวทราบเข้า จะเป็นเรื่องใหญ่นะเพคะ” นางกำนัลผู้หนึ่งกล่าวกระซิบถานจาวหรงจิ๊ปาก “ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด ผู้ใดจะเค้นเอาความผิดได้งั้นหรือ อีกอย่างด้านหลังลานพิธีก็เป็นป่ารกร้าง ย่อมต้องมีงูเงี้ยวเป็นเรื่องปกติ”“พะ...เพคะ” นางกำนัลตอบกลับเสียงค่อย จากนั้นโบกมือให้ชายฉกรรจ์ซึ่งสวมเครื่องแต่งกายสีเข้มลอบปล่อยสัตว์เลื้อยคลานตัวเขื่องออกจากกระสอบผ้าสีหม่นหม่าลี่เจี่ยเดินใจลอยพลางขบคิดเรื่องราวเรื่อยเปื่อย กระทั่งวนมายังด้านหลังงานพิธีโดยไม่รู้ตัว นางบังเอิญพบเห็นกลุ่มคนกำลังกระทำบางอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เข้าพอดี จึงตัด
ถึงเวลาต้องถวายฉลองพระองค์แด่ฮองเฮา วันนี้หลิวจือหลินสวมใส่อาภรณ์ที่ตนตัดเย็บเองกับมือ แม้สีสันดูเรียบง่ายสบายตา ทว่ายังสามารถขับเน้นรูปร่างและผิวพรรณให้ดูผุดผาด ร่างระหงย่างกรายขึ้นรถม้าด้วยทีท่าสงบนิ่งประดุจสายน้ำ เจ้าของร่างสูงสาวเท้าตามหลังสตรีร่างบอบบางอยู่ไม่ห่าง ไม่นานล้อไม้ก็เคลื่อนบดไปตามเส้นทางเพื่อมุ่งสู่ราชวังภาพเมื่อครู่ล้วนอยู่ในสายตาของหม่าลี่เจี่ย เดิมนางต้องการเยาะหยันเมื่อหลิวจือหลินมีสีหน้ากระวนกระวายซีดขาวขลาดเกรง ทว่าสิ่งที่นางเห็นเมื่อครู่กลับเป็นใบงดงามเรียบเฉยเฉกเช่นหลิวหลีชั้นยอด จากความกระหยิ่มยิ้มย่องก็พลิกกลับเป็นเคืองขุ่น"ไหนว่านางไม่มีหยกมณีเพลิงแล้ว เหตุใดนางยังเข้าราชวังด้วยสีหน้าใจเย็นเช่นนั้น"สาวใช้ข้างกายก้มหน้างุด "บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ บางทีฮูหยินอาจกำลังหวาดกลัวอยู่ในใจก็ได้นะเจ้าคะ เพราะตั้งแต่วันนั้น บ่าวก็ไม่เห็นฮูหยินนำฉลองพระองค์มาแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ดูเหมือนอาจใช้หยกปลอมเพื่อตบตาฮองเฮา หากฝ่าบาททรงทราบ บ่าวว่าอย่างไรฮูหยินก็ต้องถูกโทษทัณฑ์อย่างหนักแน่นอน"ได้ยินคำกล่าวของสาวใช้ จากใบหน้ากราดเกรี้ยวก็พลิกผันเป็น
หลิวจือหลินตื่นขึ้นอีกครั้งก็ไม่พบท่านโหวบ้าดีเดือดแล้ว เขามักทำตัวดั่งเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง [1] แบบนี้อยู่เรื่อย รังแกนางจนสาแก่ใจ ยามเช้าก็หนีหน้า ร่างระหงดีดกายลุกพรึบ พลันรู้สึกเมื่อยขบไปหมดทั้งตัวเพราะเมื่อคืนได้เกิดสงครามขนาดย่อม อีกคนหลับสบายส่วนนางต้องนอนนิ่งให้เขากอดก่ายอย่างกับตุ๊กตาไร้ชีวิตกว่าจะข่มตาหลับฟ้าก็ใกล้สว่างหลิวจือหลินบิดซ้ายบิดขวา เสียงสวบสาบที่ดังสะท้อนเป็นเหตุให้สาวใช้หน้าห้องทราบว่านายหญิงของตนนั้นตื่นเป็นที่เรียบร้อยปี้อี๋ "ฮูหยิน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ""อืม...ตื่นแล้ว พวกเจ้าเข้ามาสิ"เจียวเจียวถือภาชนะทองแดงรองน้ำสะอาดตามหลังปี้อี๋ส่วนปี้อี๋รุดเข้าช่วยประคองหลิวจือหลินที่ดูเหมือนนางจะโรยแรงอยู่ไม่น้อย"เป็นอะไรเจ้าคะ เมื่อคืนท่านโหวคงไม่ได้...""อะไร พวกเจ้าคิดอะไร เมื่อคืนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้น เว้นเพียงเขารังแกข้าจนร้าวระบมไปทั้งตัว"ร่างระหงบิดซ้ายบิดขวาเสียจนกระดูกลั่นกร็อบแกร็บ เจียวเจียวลอบส่งสายตาพล
"โอ๊ย! ท่านโหว เป็นไบโพล่ารึ!" หลิวจือหลินหน้างอ เมื่ออีกฝ่ายโยนนางลงเตียงนอนหนานุ่มโดยไร้เหตุผลเจียงซื่อจวินมิได้ปล่อยนางเป็นอิสระนานนัก เขารวบจับแขนทั้งสองไว้เหนือศีรษะพลางกดกายระหงแนบลู่ลงบนที่นอน หลิวจือหลินตื่นตระหนก ม่านตาขยายกว้างเมื่อถูกบุรุษกายกำยำคร่อมอยู่บนเรือนร่างของตนรวดเร็วดุจสายอสนี"ทะ...ทำอะไรของท่าน ปล่อยข้านะ"ต่อให้นางดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ แรงของเขาเฉกเช่นม้าศึกคึกคะนอง"หลิวจือหลิน เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงสนิทสนมกับชายอื่น""ห๊ะ!..."นี่เขากำลังหึงหวงข้าหรือ"เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่อยู่ด้วยจะทำอันใดตามใจตนเองก็ได้ อย่าลืมสถานะของเจ้าว่าคือใคร หากจำไม่ได้ข้าจะช่วยทบทวนความจำให้ดีหรือไม่ หืม..."ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงหมายรังแกสตรีเบื้องล่าง จู่ ๆ หลิวจือหลินก็ร้องไห้โฮไม่มีปี่มีขลุ่ย"ฮึก ฮื่อ...คนบ้า ปล่อยข้านะ ข้าเจ็บ" แขนเล็กขยับไปมาเพื่อให้เขาผ่อนแรงลง หลิวจือหลินรู้สึกว่าข้อมือของตนใกล้หักอยู่รอมร่อ ยามนี้นางทราบถึงจุดอ่อนหนึ่งของเขา เจียงโหวแพ้น้ำตาสตรี นางจะแสร้งงอแงจนกว่าเขาน
การเดินทางกลับเรือนครั้งนี้ก็ยังเหมือนยามปกติ หลิวจือหลินอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ ดูเหมือนฟ่านเทียนเผยกังวลใจมากเกินไปแล้วหลิวจือหลินจึงเร่งชำระร่างกายอันเหนอะหนะเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่ตนพบเจอตลอดทั้งวัน ดูเหมือนวันนี้เจียงซื่อจวินก็กลับดึกไม่ต่างกันเดิมทีหลิวจือหลินมักเห็นเขานั่งปั้นหน้าถมึงทึงรออยู่โต๊ะทำงานที่ประจำเพื่อจ้องจับผิดนางร่ำไป เมื่อสาแก่ใจเขาก็สะบัดกายกลับเรือนหลัก โดยไม่คิดเหลือบแลนางอีกเวลาล่วงเลยจนถึงยามฮ่าย [1] หลิวจือหลินจึงได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนย่างกรายใกล้เข้ามาทุกขณะ เจียงโหวมักปรากฏกายอนึ่งผีสางเช่นนี้เสมอ นางเองก็ชินเสียแล้ว"...ท่านโหว ยามวิกาลเช่นนี้ หากท่านจะมาก็ช่วยส่งเสียงหน่อยมิได้หรือเจ้าคะ ทำราวกับผีสางผู้อื่นจะได้ตกใจแตกตื่นกันหมด"หลิวจือหลินเอ่ยทั้งที่ตนยังวุ่นกับงานอันล้นมือโดยไม่ละสายตา จู่ ๆ ลมหายใจอุ่น ๆ ก็เป่าปะทะบริเวณใบหูเสียจนขนลุกเกรียว"วันนี้เจ้าทำอะไรมางั้นหรือ"หลิวจือหลินผงะ "ก็ทำงานอย่างไรเจ้าคะ พูดปกติไม่ได้หรือ เหตุใดต้