พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก
‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์
‘เพราะอะไรล่ะ’
‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’
‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’
จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด
‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’
“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”
คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”
คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย
“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”
มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง
“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากมาย พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่ก็แต่งกับมี่เองแหละ มี่อย่าทำตัวน่ารำคาญได้ไหม”
“เดี๋ยวนะ มี่น่ะเหรอน่ารำคาญ” หญิงสาวแหวใส่อย่างน้อยใจ “มี่อยู่กับพี่ ดูแลพี่ทุกอย่าง ตามใจทุกอย่าง ตรงไหนที่ว่าน่ารำคาญ”
“ก็ตรงที่มาเซ้าซี้จะแต่งงานนี่ไง ถามจริง งานแต่งงานนี่มันสำคัญตรงไหน แต่งไม่แต่งเราก็อยู่ด้วยกัน เป็นผัวเมียกันแล้วไม่ใช่หรือไง เท่านี้พี่ว่ามี่ก็ควรจะพอใจแล้วนะ” เขาขึ้นเสียงใส่อย่างฉุนเฉียว
“แต่มี่อยากได้ความมั่นคงจากพี่ แต่งงานกัน จดทะเบียนกัน อย่างน้อยมี่ก็จะได้สบายใจว่าพี่เป็นของมี่คนเดียว”
“โธ่เว้ย...พูดไม่รู้เรื่อง น่ารำคาญชะมัด!”
“นั่นพี่จะไปไหน เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ” มิรันดาเอะอะ เมื่อเห็นแฟนหนุ่มผลุนผลันลุกจากเตียงกะทันหัน
“ไปนอนที่อื่น ขี้เกียจฟังเธอพล่ามไร้สาระ มันน่ารำคาญสิ้นดี”
เขาว่าพลางคว้าเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ ไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของแฟนสาวที่มองเขาตาค้างอย่างตกตะลึง
นี่เธอกลายเป็นตัวน่ารำคาญสำหรับเขาไปแล้วหรือ กะอีแค่เธออยากแต่งงาน อยากได้ความมั่นคงในชีวิตคู่ของเรา เธอผิดตรงไหน
“พี่ดิวหยุดนะ มี่ไม่ให้พี่ไป เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ถ้ามี่จะคุยเรื่องนี้ พี่ขี้เกียจคุย เธอไปสงบสติอารมณ์ให้ดีก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
ดิฐกรว่าพลางเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้หญิงสาวนั่งมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างน้อยใจ
************
“เซ็งโว้ย!”
ดิฐกรสบถอย่างหัวเสีย ก่อนกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว
“เฮ้ย! เบาได้เบามึงไอ้ดิว หลายแก้วแล้วนะเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มกันพอดี เมียมึงได้มาแหกอกถึงที่ กูไม่รู้ด้วย”
“กลัวทำไมวะ ก็ลองมาสิ หึ”
คนฟังชะงักกึก มองหน้าเพื่อนรักอย่างนึกรู้ทัน
“ทะเลาะกับเมียมาล่ะสิมึง”
“เออ น่ารำคาญชิบหาย เอะอะก็จะให้กูแต่งงานอยู่ได้”
“อ้าว ไอ้เวรนี่ เมียมึงก็ไม่ได้ผิดนี่หว่า มึงอยู่กับเขามาตั้งกี่ปี ก็ควรแต่งงานกันได้แล้ว ผู้หญิงเขาก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตทั้งนั้น”
“แต่กูยังไม่อยากแต่งนี่หว่า” ดิฐกรกระแทกลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็เลิกกับเขาไปเลยสิ” พิรามประชดอย่างหมั่นไส้ หากคำนั้นกลับทำให้คนฟังนิ่งงันไป เพราะคำๆ นี้ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขามาก่อน
“เลิกกันงั้นเหรอ...”
“เออ เลิกกับน้องเขาซะ กูสงสารน้องมี่คนสวยของมึงชิบหาย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ก็แค่อยากแต่งงานกับมึง ถ้ามึงไม่จริงจังกับเขาก็เลิกกันไปซะ อย่างน้อยเขาจะได้ไปหาผัวใหม่ดีๆ ที่อยากแต่งงานด้วยไง”
คำสุดท้ายทำดิฐกรหน้าตึง ถึงจะรำคาญแต่เขาก็ไม่ต้องการเห็นมิรันดามีใครอื่นนอกจากเขาคนเดียว เห็นแก่ตัวก็ยอมรับ แต่ก็นั่นแหละ จะให้แต่งงานกันตอนนี้เขาก็ยังไม่พร้อมจะเสียอิสรภาพในชีวิตไป หน้าที่การงานของเขาก็กำลังไปได้สวย อีกไม่นานก็จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง อย่างน้อยการเป็นแฟนไปแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่นี่นา
“ไอ้เพื่อนเวร”
“อ้าว ก็จริงนี่หว่า” พิรามหัวเราะ พลางเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือเพื่อนที่เงื้อขึ้นอย่างว่องไว
“กูไม่ขำ กูอึดอัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“คิดอะไรมากวะ นี่มันก็อาจจะเป็นวิกฤตชีวิตคู่ งั้นมึงก็ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม หรือไม่รักแล้วก็จะได้ปล่อยเขาไปมีอนาคตดีๆ ไม่ต้องมาจมปลักชีวิตแบบไร้อนาคตกับมึงไง”
“ห่างกันสักพักเหรอ...”
ดิฐกรนิ่งคิดตามที่เพื่อนพูด จริงอยู่เขายอมรับว่าความรักที่เคยมีให้มิรันดา แม้มันจะค่อยๆ ลดลงไปบ้าง เบื่อกันบ้างเป็นบางเวลา ทะเลาะกัน ดีกัน ก็เรื่องปกติ แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเลิกกับแฟนสาว หรือนี่จะเป็นวิกฤตชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกันนานเกินไปอย่างที่เพื่อนว่า
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม