“พี่รู้เหรอว่ามี่กำลังคิดอะไร”
“มี่...อย่างี่เง่าได้ไหม ขอร้อง” ดิฐกรบ่นอย่างหงุดหงิด
“งี่เง่าเหรอ...มี่งี่เง่า แล้วพี่ล่ะเรียกอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้พี่อยากเลิกกับมี่ เพื่อนร่วมงานเหรอ แอบกินกันไปกี่รอบแล้วล่ะ แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าพี่มีแฟนแล้ว หรือว่าถึงรู้ก็ยังจะแย่งผัวคนอื่น”
“พอได้แล้วมี่!” ดิฐกรตวาดใส่อย่างเหลืออด “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เอาเวลาที่มาสงสัยพี่ไปดูตัวเองเถอะ เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อ แม้แต่บ้านก็ยังไม่อยากกลับ”
มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นของเขา
“เบื่อมากไหม”
“มากสิ...” ชายหนุ่มตอกกลับก่อนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของอีกฝ่าย
“ก็ได้... ถ้าเบื่อมากนัก งั้นต่อไปมี่จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกแล้วกัน อยากจะไปเอากับใครก็เชิญเลย”
ประโยคนั้นทำให้ดิฐกรแอบใจหาย มองหน้าคนพูดนิ่งค้าง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเลิกกับเธอแบบนี้ ก็แค่อยากห่างกันสักพักให้เขาได้รู้ใจตัวเอง แต่เธอกลับขอเลิก
“อ้อ...อีกเรื่อง เงินฝากที่เราฝากร่วมกันน่ะ ถ้าพี่จะเลิกก็โอนส่วนของมี่คืนมาแล้วกัน จากนั้นก็ทางใครทางมัน”
มิรันดาตัดสินใจออกปาก ในเมื่อเขามีคนอื่นแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ เงินนั่นเธอก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงเหมือนกัน อีกอย่างมันจำเป็นสำหรับลูกของเธอที่กำลังจะเกิดมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดิฐกรได้ฟังก็ฉุนกึก จนฟิวส์ขาด
“ได้สิ เดี๋ยวพี่โอนให้ อยากได้อะไรอีกไหม”
“ไม่ล่ะ มี่ขอแค่เงินฝากส่วนที่เป็นของมี่ อย่างอื่นไม่เอา”
ดิฐกรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดรัวๆ ครู่หนึ่ง พร้อมกับเสียงสัญญาณข้อความในมือถือของหญิงสาวดังขึ้น
“พี่โอนให้แล้ว มากกว่าที่มี่ฝากด้วย พอใจหรือยัง”
มิรันดารู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา เมื่อมองเห็นยอดเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีที่มีมากถึงหกหลักนิดๆ สิ่งสุดท้ายที่เขาและเธอมีร่วมกันในที่สุดก็จบสิ้นลงตรงนี้สินะ
“อืม พอใจแล้ว งั้นมี่ไปล่ะ ขอให้เราไม่ต้องเจอกันอีก” เธอบอกเสียงเรียบ ไม่มีคำอวยพรใดๆ ให้ เธอไม่ใช่คนใจดีที่จะมานั่งอวยพรให้ผัวเก่ามีความสุข หรือมีคนรักใหม่ที่ดีกว่า
เรื่องอะไร! สิ่งที่เธออยากจะเขาได้รับคือคำแช่งต่างหาก เธอขอแช่งให้เขาทรมานจากการไม่มีเธอในชีวิต และไม่มีโอกาสรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา
ในเมื่อเขาไม่ต้องการของขวัญในท้องเธอ เขาก็ไม่ควรได้โอกาสในการเป็นพ่อของลูกเธออีกต่อไป
ไปลงนรกที่ไหนก็ไปเลย แล้วอย่ามาหอนทีหลังนะ
ไอ้ผัวเฮงซวย!
ดิฐกรมองตามหลังคนเคยรักอย่างใจหายแปลกๆ เพราะเขารู้สึกเบื่อชีวิตที่มีเธอมาพักใหญ่ๆ แล้ว หลังจากได้ห่างกันสักพัก เขากลับรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมา ราวกับภาระหนักอึ้งที่แบกมานานปีถูกวางลง ความอิสระได้กลับมาเป็นหนุ่มโสดอีกครั้ง
เขาควรดีใจที่เธอคืนอิสรภาพให้แบบถาวร แต่ทำไมนะ มันเหมือนดีใจไม่สุดยังไงก็บอกไม่ถูก
“พี่ดิว มาแล้วเหรอคะ”
คนถูกถามเงยหน้ามองหญิงสาวที่เขาพามาด้วย เธอคือเพื่อนร่วมงานคนใหม่จริงๆ ตามที่เขาบอกกับมิรันดา แต่ที่ไม่ได้บอกคือตอนนี้เขากำลังทดสอบหัวใจตัวเองด้วยการลองเปิดโอกาสพบคนใหม่ๆ เข้ามาบ้าง แล้วดูสิว่าความรู้สึกจะเป็นอย่างไร
ความรักที่เคยมีให้มิรันดาจะยังเหลือมากพอที่จะทำให้เขารักคนอื่นไม่ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนขอไปจากชีวิตเขาเอง
“เพื่อนรุ่นน้องพี่ล่ะคะ ไปแล้วเหรอคะ”
“อืม ไปแล้วล่ะ”
ดิฐกรตอบเสียงเนือย ตามองอาหารน่าอร่อยที่หญิงสาวตรงหน้าสั่งมาให้ แต่ตอนนี้เขากลับคอตีบตันจนกินอะไรไม่ลงเสียแล้ว
“คือ...เจนี่ไม่รู้ว่าพี่ชอบทานอะไรน่ะค่ะ ก็เลยสั่งแบบกลางๆ มา” เจนิสาบอกเสียงหวาน ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์เสียคมกริบมองเขาอย่างออดอ้อนในที
เธอถูกตาต้องใจหัวหน้าแผนกหล่อๆ อย่างดิฐกรตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ และในงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ เขาก็อาสาพาเธอไปส่งที่คอนโด แต่เจนิสาก็ไม่ได้เชื้อเชิญเขาขึ้นห้องตั้งแต่แรกพบกัน เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองง่าย ทำให้เขาเบื่อหน่ายไปเสียก่อน
เธอรู้จักจุดอ่อนของผู้ชายดีว่าชอบความท้าทาย อะไรที่ได้มายากๆ มันย่อมน่าสนุกกว่ายอมง่ายๆ
ได้ยินว่าอีกไม่นานผู้ชายตรงหน้ากำลังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไปประจำที่เมืองนอกเพราะบริษัทกำลังจะเปิดสาขาใหม่เร็วๆ นี้ อีกทั้งใครๆ ก็บอกว่าเขาโสดยังไม่แต่งงาน แต่ไม่ได้บอกว่ามีแฟนหรือเปล่า
เธอไม่ได้โง่ที่จะเชื่อว่าผู้หญิงคนเมื่อกี้จะเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้องของดิฐกร ทว่าในเมื่อผู้ชายแนะนำแบบนั้นเองเรื่องอะไรเธอต้องขัดล่ะ
ของดีๆ แบบนี้ใครดีใครได้
“พี่ดิวคะลองทานซาชิมินี่สิคะ สดมากๆ เลยนะคะ” ว่าพลางคีบเนื้อปลาสีส้มใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ
ดิฐกรมองปลาแซลมอนสีสวยแล่มาอย่างดีในจานค้าง เขาไม่ชอบกินของดิบ กินทีไรก็ท้องเสียทุกที หากเป็นมิรันดา เธอจะรู้ใจ เมื่อไปกินข้าวด้วยกัน หญิงสาวไม่เคยพลาดที่จะสั่งของโปรดมาให้เขา
ทั้งที่เขาไม่เคยบอก แต่เธอก็ช่างสังเกตและรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเสมอ ความใส่ใจของเธอทำให้เขาเคยตัว และชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ จนสุดท้ายก็เป็นความเบื่อหน่าย แล้วก็จบที่การแยกย้ายอย่างที่เกิดขึ้นเขาควรตามเธอไป หรือไม่ก็ขอให้มิรันดาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทวงเงินราวกับเขาเป็นลูกหนี้“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว ทำไมพี่ไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”จะให้กินอะไรเล่า บนโต๊ะมีแต่ซาซิมิ ของดิบทั้งนั้น หรือซูชิที่สั่งมาก็เป็นหน้าปลาสด กุ้งสด หมึกสด ปลาไหล อูนิ แล้วก็อะไรหน้าตาแปลกๆ เขากินได้ที่ไหนกัน“มาค่ะ ลองชิมอันนี้ดีกว่า เห็นว่าเป็นเมนูแนะนำของเดือนนี้เลยนะคะ ซาชิมิปลาฮามาจิสดๆ เนื้อหวานนุ่มมากเลยนะคะ”ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหวังดีคีบปลาที่ว่าปาดวาซาบิกับโชยุมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอาใจ ทำให้ดิฐกรยากจะปฏิเสธ เลยจำต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่าพอเนื้อปลาดิบแตะที่ลิ้นเท่านั้น ความพะอืดพะอมก็พลันมาเยือน จนจะต้องรีบคายอาหารในปากออกมาแทบไม่ทัน“อุ๊บ!”“พี่ดิวเป็นอะไรคะ นี่ค่ะน้ำดื่มก่อนนะคะ”ดิฐกรรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นดื่มพรวดๆ แต่ทว่าแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น รสคา
“ไอ้ดิว นี่มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไงวะ” พิรามถามเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อพยบมาขอนอนที่บ้านเขาอยู่พักใหญ่แล้วดิฐกรถอนหายใจหนักๆ ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความหรือใครโทรมาหลายวันแล้ว หลังจากวันที่เจอเธอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มิรันดาก็หายเงียบไปเลยทั้งที่เมื่อก่อนข้อความของเธอ หรือการโทรจิกเขาวันละหลายรอบมันทำให้เขาแสนจะรำคาญ หลายครั้งที่งานกำลังยุ่งๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความเข้ามาถี่ยิบ เพื่อถามคำถามเดิมๆกินข้าวหรือยังเย็นนี้อยากกินอะไรวันนี้พี่จะกลับกี่โมงทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ตอบไลน์...และอีกสารพัดคำถามที่เธอจะส่งมาให้เขาทั้งวัน แรกๆ ก็ขยันตอบหรอก แต่หลังๆ มันก็น่าเบื่อที่ต้องมาตอบคำถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวี่ทุกวันแต่มาตอนนี้โทรศัพท์เขามันว่างเปล่าข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาตั้งแต่ตอนวันเกิดเขา“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” พิรามถามเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อนรัก“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกับเมียอีกเหรอ”“เปล่า...เราเลิกกันแล้วต่างหาก” คำตอบที่แสนเนือยนั้นทำคนฟังอ้าปากค้าง“หา! เลิกกันแล้วเนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ก็ไหนว่าแค่ห่างกันสักพักไง”คนถูกถามถอนหายใจอีกเฮือก
“นี่มันวันที่เท่าไหร่แล้วน่ะดาว”“วันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่ะพี่ ถามทำไมเหรอคะ”“กรรม งั้นหวยงวดก่อนก็ออกไปแล้วสิ พี่ลืมสนิทเลย”จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร ในเมื่อช่วงนี้ราหูเข้าเธอชุดใหญ่ขนาดนั้น พอเลิกกับดิฐกรไป ชีวิตเธอก็เหมือนคนเสียศูนย์ ว่าจะทำใจให้ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดเขาขึ้นมาทีไร ไหนจะภาพบาดตาในวันนั้น เธอก็อดเสียใจไม่ได้“งั้นบอกตัวเลขมาสิคะ เดี๋ยวหนูช่วยตรวจให้”มิรันดาพยักหน้า พลางล้วงกระเป๋าสะพายหยิบลอตเตอรี่ออกมา“557990”“5-5-7-9-9-0 เหรอคะ อืม...” ดาวทวนคำก่อนพิมพ์ตัวเลขลงไปในระบบที่ตรวจลอตเตอรี่ ก่อนที่ข้อความสีเขียวสดใสจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอยินดีด้วยค่ะคุณถูกรางวัล!“หืม...”คนตรวจเพ่งตามองอีกครั้ง ก่อนกรีดร้องเสียงหลง“กรี๊ดดด พี่มี่คะ พี่ถูกหวย!”“หา! จริงเหรอ รางวัลไหนน่ะ”คำนั้นทำให้เจ้าของหวยตาโต รามือจากงานที่ทำรีบเผ่นมาดูที่หน้าจอมือถือของเพื่อนรุ่นน้องที่เบิกตาค้างอย่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอ“พะ...พี่มี่ ระ...รางวัลที่หนึ่ง หะ...หกล้านพี่!”“หา! ว่าไงนะ...” มิรันดาอ้าปากค้าง รีบก้มลงมองข้อความตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูไม่ผิด! ตัวเล
มิรันดาหารู้ไม่ว่าเย็นวันนั้นคนที่เธอกำลังคิดถึงได้กลับมายืนอยู่หน้าห้องที่เปรียบเสมือนรังรักของสองเราอีกครั้ง ดิฐกรจดๆ จ้องๆ หน้าประตูมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่กล้าเข้าไปด้านในเปล่าหรอก เขาไม่ได้กลัวว่าจะเจอคนรักที่กลายเป็นอดีตไปหมาดๆ ก็แค่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย หากต้องพบหน้ากันเขาควรทำตัวอย่างไร“เอาวะ เจอก็เจอไปสิ ใครสน” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่สั่นไหวแม้บรรยากาศในห้องยังคงเป็นเหมือนในวันที่เขาตัดสินใจก้าวออกไป แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิม“มี่...”ดิฐกรตัดสินใจเรียก หากทว่ากลับเงียบกริบ หรือเธอยังโกรธเขาอยู่ โกรธแล้วไง ใครแคร์ เขาก็แค่กลับบ้านตัวเองปกติ ใครจะทำไมดวงตาคมกริบเหลียวมองรอบกาย ไม่ได้คิดจะหาใครหรอก แค่ดูความเรียบร้อยของบ้านก็เท่านั้น หากทว่าตอนที่มองไปทางโต๊ะอาหาร กลับมีอะไรบางอย่างกระแทกสายตาจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“สร้อยนี่...” ชายหนุ่มหรี่ตามอง พลางยื่นมือไปหยิบของขวัญแทนใจที่เขาเคยให้มิรันดาในวันที่ความรักยังอยู่เต็มหัวใจปกติเธอมักจะสวมติดคอเสมอไม่เคยถอดออก หรือว่าจะถอดวันนั้นแล้วลืม ลืมเ
แรกๆ เขาก็ชอบในความเป็นธรรมชาติแบบนั้น แต่นานไปมันก็เริ่มชินตาและกลายเป็นเฉยชาเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรดึงดูดใจเหมือนกับคนใหม่ที่เพิ่งพบกัน ได้ทำงานด้วยกันทุกวันจริงอยู่ที่เจนิสาสวย ทำงานเก่ง แถมช่างเจรจาฉอเลาะออดอ้อนเอาใจ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เขาอดเปรียบเทียบกับอดีตคนรักไม่ได้ ความใส่ใจของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับมิรันดายังห่างไกลนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากับอีกฝ่ายจึงยังไม่ได้เกินเลยกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน เพื่อนคุย“พอดีวันนี้พี่มีธุระน่ะครับเลยรีบกลับก่อน”“แล้วตอนนี้เสร็จธุระหรือยังคะ”“ครับ เสร็จแล้ว ทำไมเหรอ”“งั้นคืนนี้ออกมาเจอกันไหมคะ ที่ผับแถวทองหล่อ มานะคะ เจนี่อยากเจอพี่ดิว คิดถึง...” ปลายสายไม่วายออดอ้อนเสียงหวานชายหนุ่มกำลังจะตอบปฏิเสธไปเพราะความเซ็ง แต่พอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นวางอยู่ คำตอบเลยเปลี่ยนไปทันใด“ได้สิครับ งั้นคืนนี้เจอกันนะ”ดิฐกรตอบพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหาร และคว้าสร้อยแทนใจเส้นนั้นไปหย่อนลงในก้นลิ้นชักตู้เก็บของไม่ใช้แล้วในเมื่อเธอไปแล้ว เขาก็ควรเริ่มต้นกับคนใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจได้เมียใหม่แซ่บๆ มาแท
เพล้ง!“อุ๊บ! แหวะ...”ดิฐกรปัดแก้วในมือของหญิงสาวจนหล่นลงพื้นแตกกระจายเกลื่อน พร้อมกับของเก่าในท้องที่พุ่งพรวดใส่ริมฝีปากและใบหน้าสวยๆ ของเจนิสาเต็มรัก“อุ๊บ! ว้ายยย...พี่ดิว อี๋ โสโครกที่สุดเลย อุแหวะ ถุ้ยๆ”เจนิสาพลอยคลื่นไส้จะอาเจียนตาม เธอสะบัดตัวเร่าๆ รีบถมถุยแล้วปาดเศษอาเจียนน่าขยะแขยงออกจากริมฝีปากและใบหน้าเป็นพัลวัน ก่อนกระเด้งตัวถอยห่างจากร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว“โอ๊ย หน้าฉัน ชุดฉัน ทุเรศที่สุดเลย มาอ้วกอะไรตอนนี้เนี่ย ไปไกลๆ เลยนะ อี๋ เลอะอ้วกหมดแล้วเนี่ย ถอยไปห่างๆ เลยนะไอ้บ้า”หญิงสาวเต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว พลางแหกปากด่าแว้ดๆ จนความสวยที่มีหดหายกลายเป็นนางยักษ์ขมูขี ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ดวงตาสวยเฉี่ยวมองหนุ่มที่หมายตาอย่างขยะแขยงระคนโมโห แล้วรีบวิ่งผละไปห้องน้ำเพื่อจัดการกับชุดแบรนด์เนมราคาแพงที่เลอะเทอะอาเจียนของอีกฝ่ายก่อน โดยทิ้งให้ดิฐกรเผชิญชะตากรรมอย่างไม่สนใจไยดีผ่านไปพักใหญ่ คลื่นสึนามิที่ถาโถมออกมาอย่างหนักหน่วงก็ค่อยๆ บรรเทาลง จนดิฐกรหมดเรี่ยวแรงฟุบหน้ากับโต๊ะ หอบหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดไร้สีเลือด ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มาเที่ยวหาความสุขในผั
“หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบเอ็ดล้านกว่า!” มิรันดาถึงกับน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นจำนวนเงินในสมุดบัญชีที่เธอเพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ เพื่อรับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งถึงสองใบ มูลค่าถึงสิบสองล้าน ที่แม้โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปไม่น้อย ทว่าก็ยังเหลือมากเกินกว่าที่เธอเคยคิดฝันว่าจะมีได้ในชีวิต เมื่อรวมกับเงินเก็บที่มีตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอดตายหรือว่าต้องง้อใครอีกแล้ว“ตัวเล็กลูกแม่ เรารอดแล้วลูกรัก” มิรันดากระซิบกับคนที่อยู่ในท้องอย่างมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่เลิกกับพ่อของลูกมา โชคใหญ่คราวนี้ทำให้ความกังวลต่างๆ ในใจมันหายไปหมดจนนึกอยากจะร้องออกมาเป็นเพลงดังๆเงินที่ได้มาเธอตั้งใจจะใช้เพื่ออนาคตของตัวเองและลูก แต่กระนั้นก็ไม่คิดประมาท เคยได้ยินมาว่าเงินจากการถูกหวยนั้นเป็นเงินร้อนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหมด เธอจึงต้องคิดหาทางทำให้เงินที่มีงอกเงย แต่ระหว่างนี้ก็คงต้องทำงานประจำต่อไปก่อน จนกว่าจะคิดออกว่าต้องการทำอะไรต่อไปแล้วค่อยลาออกตอนนั้นก็ยังไม่สายต่อให้เธอไม่ต้องมีดิฐกรในชีวิต ก็ไม่ทำให้เธอกับลูกต้องลำบากอีกต่อไป ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีคนมาช่วยใช้เงินที่ได้มา หากอีพี่ดิวรู้ว่า
“คุณไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหมครับ”“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ตกใจ ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่คุณเบรกทัน ไม่งั้นฉันกับลูกคงแย่แน่”“ลูก...” ชายหนุ่มทวนคำ พลางมองสำรวจเจ้าของเรือนร่างเพรียวตรงหน้าอย่างแปลกใจ“พอดีฉันกำลังท้องอยู่น่ะค่ะ เอ่อ...งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”“คุณจะไปที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งดีไหม”“โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”หญิงสาวรีบบอก พร้อมกับหันไปโบกเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี ก่อนหันไปมองคู่กรณีอีกหนถึงเขาจะหน้าตาดี ขับรถคันโก้ แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ไม่ควรไว้ใจทางวางใจคน เพราะขนาดคนที่เคยไว้ใจยังหักหลังกันได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่รู้จักล่ะเพียงไม่นานมิรันดาก็มาถึงบริษัท หญิงสาวรีบลงจากรถแท็กซี่แล้วเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่แล่นตามมาจอดด้านหลังติดๆดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังของคู่กรณีสาวที่เขาเกือบขับรถชนอย่างแปลกใจ เธอทำงานที่นี่ด้วยงั้นหรือพอคิดถึงดวงหน้าหวานในยามตื่นตกใจ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ด้วยความเอ็นดู ยอมรับว่าสวยสะดุดใจ หน้าตาก็ตรงสเปก แต่น่าเส
“พ่อคะ จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยนะคะ แคทอธิบายได้”“แล้วที่ลูกกับตาดิวมีอะไรกันแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” มาคำถามแรกก็ยิงเข้าประเด็นทันที สมแล้วที่เป็นพ่อเธอ หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดคอ“เอ่อคือ...” สาวมั่นเริ่มอึกอัก รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองไปรอบห้องที่ตอนนี้พุ่งเป้ามาที่เธอ นี่มันยิ่งกว่าโดนตำรวจสอบปากคำเมื่อกี้นี้เสียอีก“คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะถ้าพ่อจับได้ทีหลังว่าโกหก ลูกก็รู้ว่าจะเป็นยังไง” เสียงเรียบนิ่ง ดุในที ทำให้คนเป็นลูกนึกขยาดเธออาจจะมั่นหน้ากับใครทั้งโลกก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับบิดาของตัวเอง ความมั่นใจในตัวไม่เคยมีผล ทุกครั้งที่เธอคิดจะโกหก ต่อให้เนียนแค่ไหน เนียนชนิดคนทั้งโลกไม่มีทางจับไต๋ได้ แต่สุดท้ายก็โดนพ่อจับโป๊ะได้ทุกที เรียกว่าแพ้ทางก็ว่าได้หญิงสาวหันไปสบตาผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างหนักใจ เห็นไหม เธอก็เตือนแต่แรกแล้วว่าอย่ามาๆ เขาก็ยังดื้อแพ่งจะมา แล้วไงล่ะเนี่ย หัวจะปวด“ว่าไงตาดิว เธอเป็นลูกผู้ชายคงไม่คิดโกหกผู้ใหญ่หรอกใช่ไหม” คุณราเมศร์เบนเข็มไปทางชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังปฏิเสธไปสิ อย่ายอมรับง่ายๆ นะลูกพี่ อย่า...“ใช่ครับ เราสองคนมีอะไรกันแล้ว”“เห็นไหมคะพ่อ เรื่อ
เวลาต่อมา สองหนุ่มสาวก็มาถึงถ้ำเสือ แคทรียาหันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งทำหน้าเหมือนคนท้องผูกมาตลอดทาง“ถ้าอยากเปลี่ยนใจ จะกลับตอนนี้ก็ยังทันนะคะ”ดวงตาคมเข้มตวัดมองสบตาหญิงสาว“เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่อยากเปลี่ยนใจ”“อ้าว! ก็แคทไม่ได้โง่นี่นา เห็นพี่นั่งทำหน้าเป็นตูดมาตลอดทางก็รู้แล้วว่าไม่เต็มใจ”“รู้ดีจริงนะ”“เฮ้อ...ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าพี่น่ะหวงความโสดจะตาย พี่ไม่อยากแต่งงานกับแคท เลยหนีการดูตัวทุกครั้ง แล้วแคทเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รักกันแบบพี่ด้วย แต่ถ้าขืนเราเข้าไปเจอพ่อตอนนี้แล้วโดนพ่อแคทมัดมือชกบังคับให้เราสองคนแต่งงานกันล่ะ พี่ดิวจะว่ายังไง” หญิงสาวแกล้งขู่ทีเล่นทีจริง“พี่ก็รู้นี่ว่าพ่อแคทเป็นพวกหัวโบราณสุดๆ ขืนรู้ว่าที่ผ่านมาพวกเราแอบแซ่บกันแล้วตั้งหลายครั้ง มีหวัง...ชึ้บ!” หญิงสาวทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองด้วยสีหน้าสยองขั้นสุด“ในเมื่อเธอก็โสดแล้ว พี่เองก็ไม่มีใคร ถ้าต้องแต่งกันจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”“อย่ามาล้อเล่น หน้าสิ่วหน้าขวานนะคะ นี่แคทซีเรียส นะ พวกเราก็แค่แกล้งๆ คบกันตบตาชาวบ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน ถ้าขืนแต่งงานกันก็ผิดวัตถุประสง
“ก็ถ้ารู้ว่าต้องเสียค่าปรับแบบนี้ แคทน่าจะแถมให้อีตาบ้านั่นอีกสักหมัดสองหมัด เจ็บใจนัก”หญิงสาวบ่นอุบ จนคนฟังถึงกับส่ายหน้า ขืนไม่รีบสลบเหมือดคาที่สิ มีหวังเจ้าวรพลนั่นคงเดี้ยง ไม่ก็คงได้จองเมรุไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นเจ้าหมอนั่นก็คงเข็ดขยาดไปไม่น้อย เมื่อเจอตอสุดแสบอย่างแคทรียาคนนี้ เห็นตัวผอมๆ เพรียวๆ ใครจะคิดว่าเจ้าหล่อนจะแรงเยอะเอาเรื่องใช่ย่อย เล่นเอาผู้ชายตัวโตกว่าสลบคาที่ไม่พอ แม่ตัวดียังขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมารังควานเธออีกแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นแววตาอาฆาตจากอีกฝ่ายก่อนที่จะยอมแยกย้ายกลับไปแบบมือเปล่า“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว”“เมื่อกี้เธอเห็นสายตาของไอ้หมอนั่นไหม พี่ว่าท่าทางมันไม่น่าไว้ใจนะ ระหว่างนี้เธออย่ากลับไปพักที่คอนโดนั่นจะดีกว่านะ เพื่อความปลอดภัย”“พี่เป็นห่วงแคทด้วยเหรอคะ”“น้อยๆ หน่อย อย่าหลงตัวเอง...” แคทรียาเบ้ปากใส่“ไม่ให้พักที่คอนโดตัวเองแล้วจะให้ไปนอนที่ไหน ช่วงนี้แคทไม่อยากกลับไปนอนที่บ้านนี่นา”“งั้นก็ไปพักที่คอนโดพี่ก่อนแล้วกัน” หญิงสาวหันไปทำตาโตใส่คนใจป้ำ“ไปนอนคอนโดพี่เนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดมิดีมิร้ายหรือมีจุดประสงค์แ
เมื่อขาเรียวสวยเสยเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่ายอย่างจังจนสลบเหมือดกลางอากาศ ท่ามกลางสายตาไทยมุงทุกคนมองภาพนั้นตาค้าง ดิฐกรถึงกับอึ้ง เสียวทั้งเป้ากางเกงและปลายคางวาบ ชักรู้สึกเห็นใจไอ้หมอนั่นขึ้นมาหน่อยๆ แต่มันก็สมควรโดนแล้ว“อูย...” แคทรียาแอบครางเบาๆ ความโมโหทำให้เธอลืมตัวไปว่าเธอยังไม่หายระบมจากศึกหนักบนเตียงเมื่อคืน“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” ดิฐกรรีบเข้าไปประคองหญิงสาวไว้ด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรค่ะ สะใจชะมัด เสียดายไม่น่ารีบใจเสาะสลบเหมือดแบบนี้เลย ไม่งั้นแคทจะได้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้อีกสักยกเอาให้เข็ดหลาบ ปากดีนัก”“พอเถอะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะฟื้นตอนไหนแล้ว เธอไปเรียนต่อยมวยมาจากไหนนี่”“ไม่ใช่แค่ต่อยมวยนะคะ เทควันโด้ ยูโด คาราเต้ ฟันดาบ หรือว่ายิงปืนแคทก็ได้เหรียญทองมาแล้วทั้งนั้น”ดิฐกรฟังแม่ตัวยุ่งบรรยายสรรพคุณตัวเองอย่างอึ้งทึ่งเสียว ดวงตาคมกริบเหลือบมองวรพลที่นอนนิ่งหายใจรวยรินอย่างเห็นใจระคนสมเพชเวทนา หมอนี่มันจะรู้ไหมว่ามาแหยมผิดคน“แคทล้อเล่นค่ะ อย่าบอกนะว่าพี่เชื่อด้วย” หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างสดใส พลางคลี่ยิ้มหวานใส่ตาของเขา จนทำเอาดิฐกรถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ ความคิดหน
วรพลมองภาพหน้าจอตาค้าง เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าเมื่อเห็นหลักฐานที่มัดตัวเขาแน่นทั้งคลิปทั้งรูปถ่ายจนดิ้นไม่หลุด แก้ตัวไม่ออก แต่เขาก็ฝืนดังทุรัง“ก็แค่คนหน้าเหมือนหรือเปล่า ถ่ายไกลขนาดนั้น คุณอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ สิ”“หน้าเหมือนหรือหน้าด้านยะ คลิปกับรูปนั่นฉันเห็นเองกับตา ถ่ายเองกับมือ เดินตามดูจนแน่ใจว่าไม่ผิดตัว ไม่ได้ตัดต่อด้วย อ้อ! แล้วฉันก็ยังโทรเช็กเองด้วย จำได้ว่าคุณบอกติดประชุมที่บริษัท แต่กลับมาจู๋จี๋กับกิ๊กที่ร้านอาหารญี่ปุ่น จะเอาหลักฐานอะไรอีกไหม ไงล่ะ ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอ”วรพลถึงกับหน้าซีดเมื่อถูกจับโป๊ะจนไปไม่เป็น“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ แคทที่รักฟังผมก่อน ผมอธิบายได้นะดาร์ลิง”“จะอธิบายว่าไงล่ะ อธิบายว่าทำไมถึงนอกใจฉันไปมีกิ๊กงี้เหรอ ไงล่ะ พอโดนสวมเขา เห็นแฟนตัวเองนอกใจมีกิ๊กบ้างถึงกับรับไม่ได้เลยหรือไง”“แคท ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”“แล้วมันยังไงล่ะ ที่ผ่านมายังตอแหลไม่พออีกหรือไง จะเลิกตอแหลกี่โมงเนี่ย ฉันขี้เกียจฟังคำแก้ตัวแล้ว เสียเวลาชีวิต นายไม่ได้มีค่ามากพอขนาดนั้นหรอกนะ รู้ไว้ด้วย ที่ผ่านมาฉันก็แค่เวทนาเก็บงูเห่ามาเลี้ยง แต่ดันเลี้ยงไม่เชื่อง จากนี้ไปก็ทางใครทางมันแ
“น้อยๆ หน่อย ค่าตัวพี่แรงนะ เธอจะจ่ายไหวเหรอ ไอ้ประเภทจ่ายพันสองพันแล้วคิดจะใช้งานกันเกินคุ้มน่ะ เลิกคิดเลิกฝันได้” เขาเหน็บแนมคนที่เคยควักจ่ายค่าตัวเขาสองพันแล้วชิ่งหนี“แรงน่ะเท่าไหร่คะ แคทมีปัญญาจ่ายแล้วกัน หรือจะให้สแกนคิวอาร์โค้ดตอนนี้เลยก็ได้”“ปากดีแบบนี้ ระวังต้องจ่ายจนหมดตัว”แคทรียาย่นจมูก มองคนขี้อวดอย่างหมั่นไส้“อย่าเวอร์ค่ะ พี่ก็แค่ของมือสองใช้มาจนเยินแล้วด้วย จะมาโก่งค่าตัวทำไม แถมตอนนี้ก็มีตำหนิเต็มตัวด้วย ใครจะไปอยากได้ ขายเซียงกงจะรับไหมก็ไม่รู้เลย ฮึ”ดิฐกรฟังแล้วอยากดีดปากแม่ตัวดีให้บวมเจ่อ โทษฐานที่บังอาจมาดิสเครดิตว่าเขาเป็นของมือสองใช้แล้วแถมมีตำหนิอีก อย่างนี้ต้องเจอดีเสียแล้ว “ว้าย! พี่ดิวจะทำอะไร เดี๋ยวน้องตก”แคทรียาเอะอะ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นจากเตียงกะทันหัน จนเธอต้องรีบโอบรอบคอเขาไว้กันตก“เดี๋ยวก็รู้!”ว่าแล้วเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางลงในอ่างจากุซซี่เพื่อเริ่มต้นทำการทดสอบคุณภาพสินค้ากันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม จนหญิงสาวแทบสำลักความสุขส่งเสียงครวญครางออกมาไม่ขาดปาก กว่าที่การทดสอบสินค้าจะสิ้นสุดก็กินเวลาจนเกือบเที่ยง ดิฐกรถึงอุ้มเธอออกม
ดีเท่าไหร่เขาไม่บีบคอเธอตายคามือโทษฐานที่ย่ำยีร่างกายบุรุษจนลายพร้อยไปทั้งตัว นี่ยังไม่นับใต้ร่มผ้า ยิ่งอยากจะลืม ภาพความป่าเถื่อนต่างๆ ก็ไหลเข้ามาในสมองไม่หยุดทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะยัยแคทเอ๊ยกำลังคิดหาทางหนีทีไล่ จู่ๆ ดวงตาที่หลับพริ้มก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นและจ้องมองมาที่เธอจนเกือบสะดุ้ง“พะ...พี่ดิว เอ่อคือ...เรื่องเมื่อคืน แคท...” จู่ๆ สมองก็ชอร์ตขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น ปากมันพูดไม่ออก เลือดก็วิ่งขึ้นใบหน้าจนร้อนผ่าวๆ“เมื่อคืนแคททำไม” เขาถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่าโกรธหรืออะไร ยิ่งทำให้คนมีชนักถึงกับร้อนๆ หนาวๆ“ก็...”ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ เอามีดมาแทงเลยดีกว่าไหม คนยิ่งเขินๆ อยู่ หญิงสาวนินทาในใจ“ก็เรื่องที่แคททำพี่เจ็บตัวเมื่อคืนไงคะ”“อ๋อ...”“อ๋ออะไรคะ จะด่าอะไรก็ด่ามาเลย อูย...” เพียงขยับก็โดนร่างกายประท้วงจนน้ำตาแทบเล็ด“เจ็บตรงนั้นล่ะสิ” เสียงนุ่มหูแกล้งกระซิบถามให้เขิน“อืม...”“ใช้งานหนักไปหน่อย งั้นก็พักสักวันเถอะ เมื่อคืนแทบไม่ได้พัก โดนเธอปล้ำทั้งคืน เพลียจะแย่”“ปะ...ปล้ำ...”คนฟังรู้สึกหน้าร้อนฉ่า เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปตอนที่ถูกยาผีบ้านั่
แคทรียากลับยอมให้หมอนั่นกอด แถมยังกอดตอบ และยื่นมือไปดึงใบหน้าชายคนนั้นเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มโดยไม่สนสายตาใครราวกับถูกฟ้าผ่าเปรี้ยงที่กลางหัว ภาพบาดตาตรงหน้าทำให้วรพลถึงกับช็อกตาตั้ง ตัวแข็งทื่อ หน้าชาเหมือนโดนชกแรงๆ ซ้ำๆ นี่เองใช่ไหมเหตุผลที่เธอทำตัวแปลกไป ทั้งเย็นชาเหินห่างกับเขา ไหนจะเสียงผู้ชายที่รับโทรศัพท์ในตอนนั้นที่แท้เธอก็นอกใจเขานี่เอง!วรพลบดสันกรามแน่นด้วยความโมโหจนหน้ามืด ขาดสติ เขารีบจ้ำอ้าวจะตรงเข้าไปเอาเรื่องสองหนุ่มสาวที่ยืนกอดจูบเย้ยฟ้า แต่ทว่ากลับถูกขวางไว้“หลีกไปนะ นั่นแฟนผม ผมจะไปหาแฟน หลีกไปสิ!”“คุณเข้าไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่รปภ.หันไปเรียกเพื่อนอีกสองคนเข้ามาขวางไว้ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปง่ายๆ เกิดการยื้อยุดกัน จนสุดท้ายวรพลก็ถูกผลักจนกระเด็นหงายหลังก้นจ้ำเบ้าอย่างหมดท่า“แคท!”เมื่อสู้แรงไม่ไหววรพลจึงได้ตะโกนเรียกแฟนสาวเสียงดังลั่นอย่างสิ้นหวัง แต่ทว่าสองหนุ่มสาวก็เดินเข้าไปในตึกคอนโดเสียแล้วเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาชายหนุ่มกัดฟันกรอด กำมือแน่น ในใจร้อนรุ่มประหนึ่งมีกองไฟนรกแผดเผา ยัยบ้านั่นทำแบบนี้กับเขาได้อย่างไร ทีกับเขาเป็นแฟนกัน ทำได้แค่จับมือ จะจูบทีก็ห
“เดี๋ยวสิ พี่ดิว...” คำพูดนั้นถูกกลืนลงคอไปในทันใด เมื่ออีกฝ่ายจัดการปิดปากสวยๆ ของเธอด้วยริมฝีปากอุ่นร้อน ท่ามกลางสายตาของทุกคนในผับ บางคนถึงกับคว้าโทรศัพท์มาแอบถ่ายคลิปบอสและพรรคพวกที่มาด้วยกันมองภาพนั้นตาค้างเติ่งเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก แคทรียาก็เกือบเข่าอ่อน จูบดูดวิญญาณของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงกระหน่ำแทบทะลุอก จู่ๆ ร่างกายก็พลันร้อนวูบวาบขึ้นมา เลือดสูบฉีดขึ้นไปที่ใบหน้าสวยเก๋จนแดงซ่าน“หึ!” ดิฐกรกดยิ้มมุมปาก นึกอยากจะรังแกแม่สาวซ่าขึ้นมาอีกสักรอบ “ทีนี้จะกลับได้หรือยัง”“...”ไม่รอให้หญิงสาวตอบ เขาก็จัดการช้อนอุ้มร่างอรชรขึ้นแล้วพาเดินฝ่าวงล้อมไทยมุงออกไปโดยไม่สนใครหน้าไหนจะว่ายังไงทั้งนั้นดิฐกรอุ้มหญิงสาวออกมาถึงด้านหน้าผับเพื่อเรียกแท็กซี่ คืนนี้เขาดื่มไปไม่น้อยเหมือนกัน เลยไม่อยากขับรถกลับเองและอีกเหตุผลคือ...“พี่ดิว...อื้อ...แคทร้อนจัง เวียนหัวจะอ้วกด้วย ปล่อยก่อน...”ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าสวยเก๋ที่ตอนนี้ซีดเผือดมีเหงื่อซึมผุดพรายเต็มหน้า ดูเหมือนยานั่นเริ่มจะออกฤทธิ์เสียแล้ว“ทนหน่อย เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”“ไม่เอา แคทไม่กลับบ้าน เดี๋ยวพ่อด่า”“ทีอย่างนี้ล่ะกลัวพ่อด