ทั้งที่เขาไม่เคยบอก แต่เธอก็ช่างสังเกตและรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเสมอ ความใส่ใจของเธอทำให้เขาเคยตัว และชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ จนสุดท้ายก็เป็นความเบื่อหน่าย แล้วก็จบที่การแยกย้ายอย่างที่เกิดขึ้น
เขาควรตามเธอไป หรือไม่ก็ขอให้มิรันดาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทวงเงินราวกับเขาเป็นลูกหนี้
“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว ทำไมพี่ไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”
จะให้กินอะไรเล่า บนโต๊ะมีแต่ซาซิมิ ของดิบทั้งนั้น หรือซูชิที่สั่งมาก็เป็นหน้าปลาสด กุ้งสด หมึกสด ปลาไหล อูนิ แล้วก็อะไรหน้าตาแปลกๆ เขากินได้ที่ไหนกัน
“มาค่ะ ลองชิมอันนี้ดีกว่า เห็นว่าเป็นเมนูแนะนำของเดือนนี้เลยนะคะ ซาชิมิปลาฮามาจิสดๆ เนื้อหวานนุ่มมากเลยนะคะ”
ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหวังดีคีบปลาที่ว่าปาดวาซาบิกับโชยุมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอาใจ ทำให้ดิฐกรยากจะปฏิเสธ เลยจำต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่าพอเนื้อปลาดิบแตะที่ลิ้นเท่านั้น ความพะอืดพะอมก็พลันมาเยือน จนจะต้องรีบคายอาหารในปากออกมาแทบไม่ทัน
“อุ๊บ!”
“พี่ดิวเป็นอะไรคะ นี่ค่ะน้ำดื่มก่อนนะคะ”
ดิฐกรรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นดื่มพรวดๆ แต่ทว่าแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น รสคาวในปากเมื่อเจอกับชาเขียวเข้าไปกลิ่นมันกลับตีขึ้นจมูกจนเขาทนไม่ไหวต้องรีบผุดลุกขึ้นและวิ่งหน้าตั้งไปห้องน้ำทันที
“พี่ดิวคะ จะไปไหนคะ เดี๋ยวสิคะ เอ๊ะ!” เจนิสาร้องเอะอะอย่างตกใจเมื่อเห็นหัวหน้าสุดหล่อปิดปากวิ่งแน่บไม่เหลียวหลัง
“เป็นบ้าอะไรของเขาเนี่ย” หญิงสาวบ่นพลางคีบอาหารที่ตนสั่งเข้าปากอย่างเสียอารมณ์
//////////////////
“ไหวไหมแก”
นิลุบลถามคนที่เอาแต่นั่งจ้วงชาบูเข้าปากทั้งน้ำตาที่ไหลพรากๆ อย่างเป็นห่วง ตั้งแต่ที่แม่เพื่อนสาวเดินกลับมาก็ไม่ยอมพูดยอมจา
“สบายมาก” คนพูดถอนสะอื้นฮัก พลางคีบปลาดอลลี่ลวกจุ่มน้ำจิ้มชาบูเข้าปากอย่างไม่รู้รส
อยากจะถามก็เกรงจะจี้ใจดำให้เพื่อนช้ำยิ่งกว่าเดิม ทำให้นิลุบลได้แต่นั่งมองตาปริบๆ จนอีกฝ่ายราตะเกียบลงเพราะไม่อาจกระเดือกอะไรเข้าไปได้อีก ไม่สิ อันที่จริงที่กระเดือกเข้าไปนั่นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคีบอะไรเข้าปากไปบ้าง
ทุกอย่างเป็นเพราะเขาคนเดียว
ไอ้ผัวห่วยแตกเอ๊ย...
หนอย เพื่อนรุ่นน้องงั้นเหรอ ว่าจะไม่อารมณ์เสีย แต่พอคิดขึ้นมามันก็อดจี๊ดใจไม่ได้
“แก...กินอะไรก็ระวังตัวเล็กในท้องหน่อยดีกว่านะ”
คำเตือนของเพื่อนกระชากสติให้คิดถึงอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้อง ลูกจะรู้สึกอย่างไรหากได้ยินสิ่งที่พ่อพูดกับแม่ ไหนจะการกินประชดชีวิตของเธออีกล่ะ
“ฮือๆ ไอ้พี่ดิวบ้า ผัวเฮงซวย...” สุดท้ายความอัดอั้นก็ทำให้ฮอร์โมนคนท้องแปรปรวนจนฟูมฟายออกมาในที่สุด
“ใจเย็นๆ ก่อนแก อายเขา คนมองใหญ่แล้ว”
ลอบพลางหันไปมองรอบกายที่มีสายตาสอดรู้ของคนในร้านมองมาที่โต๊ะเธอ
“แก...ไอ้พี่ดิวมัน ฮึก...มันบอกว่าฉันงี่เง่า แล้วก็ยังแนะนำฉันกับกิ๊กใหม่ว่าเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้อง ดูมันทำสิ ไอ้คนบ้าเอ๊ย แถมยังบอกว่าฉันน่าเบื่ออีกนะ คนปากหมา ฮือๆ”
นิลุบลได้ฟังก็แอบเคืองแทนเพื่อน ถ้าเป็นผัวที่บ้านเธอพูดอย่างที่ผัวเพื่อนพูดล่ะก็รับรองได้...
มันต้องตายอย่างเขียด!
“แกอย่าเพิ่งคิดมาก พี่ดิวเขาอาจพูดเพราะความโมโห เดี๋ยวอารมณ์เย็นลงเขาก็มาง้อแกเองแหละน่า”
“ง้อเหรอ! แกรู้ไหม ฉันลองทวงเงินฝากของเราส่วนที่เป็นของฉันมาหวังว่าเขาจะเอ่ยปากทัดทานบ้าง แต่เขากลับรีบโอนให้อย่างไว ไม่ง้อฉันสักนิดเลย เขาอยากเลิกกับฉันไปหาคนใหม่จะแย่แล้ว ฮือๆ”
“อะๆ งั้นแกก็ร้องไห้ให้พอแล้วกัน ถ้าชีวิตมันบัดซบนัก มีผัวมันก็ไม่รักดี ก็ระบายมันออกมาให้หมด เผื่อจะได้ดีขึ้น อยากกินอะไรอีกไหม ขนมหวานไหมหรือจะเอาบิงซูเผื่อช่วยได้ เดี๋ยวฉันกินเป็นเพื่อน”
พอห้ามไม่ฟัง ก็ยุส่งแม่งเลยจบๆ ไป แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อคนฟังถอนสะอื้น ปาดน้ำตาออกรัวๆ
“ไม่ร้องแล้ว ทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้คนบ้านั่นด้วย”
อ้าว! เป็นงั้นไป
นิลุบลแอบส่ายหน้าเบาๆ พลางหันไปกวักเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งขนมหวานมาปลอบใจคนอกหักรักคุด
หลังจากกินประชดชีวิตเสร็จมิรันดาก็พยายามรวบรวมสติกลับมา ในเมื่อคนเขาไม่รัก เธอจะทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้มันเป็นไป และทำใจยอมรับให้ได้ แล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่
ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียว แต่มีเด็กน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีกคนที่ต้องรับผิดชอบหลังจากได้เงินจากเขามารวมกับเงินเก็บที่มีมันก็คงพอประทังได้สักระยะหนึ่ง แต่เท่าที่ได้ยินมาการเลี้ยงเด็กสักคนกว่าที่จะโตพอที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้มันต้องใช้เงินมากอยู่ จะมานั่งฟูมฟายไปก็ใช่เรื่อง ตัวเองอดไม่ว่าแต่เจ้าตัวเล็กที่ไร้ความผิดนี่จะมาอดด้วยไม่ได้
หลังจากคิดตก เธอก็รีบจัดการย้ายของออกจากคอนโดของเขาในวันต่อมา แอบหวังเล็กๆ ว่าเขาจะคิดได้แล้วกลับมาที่คอนโด แต่ก็เปล่าเลย
มิรันดาหันไปมองห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรังรักระหว่างเธอและดิฐกรมาหลายปีอย่างใจหาย หากการตัดใจมันง่ายเหมือนตัดเส้นด้ายก็ดีสิ มองไปทางไหนก็เหมือนมีความทรงจำระหว่างเราทั่วห้อง จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เขาทำร้ายจิตใจเธออย่างเจ็บแสบ
ดวงตาคู่งามหันไปสะดุดเข้ากับของสิ่งหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร
สร้อยที่มีจี้รูปหัวใจ ของขวัญชิ้นแรกที่เขาซื้อให้เพื่อมัดใจเธอไว้แทนคำสัญญาที่บัดนี้เขาทำไม่ได้วางอยู่ตรงนั้นอย่างอ้างว้าง หญิงสาวเดินตรงเข้าไปมองมันเป็นครั้งสุดท้ายอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะตัดใจเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่หยิบมันติดมือไปด้วย
ลาก่อน ของขวัญที่แสนรัก หากเขาไม่ต้องการก็ทิ้งเองแล้วกัน ทิ้งเหมือนที่ทิ้งเธอกับลูกนี่ไง
“ไอ้ดิว นี่มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไงวะ” พิรามถามเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อพยบมาขอนอนที่บ้านเขาอยู่พักใหญ่แล้วดิฐกรถอนหายใจหนักๆ ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความหรือใครโทรมาหลายวันแล้ว หลังจากวันที่เจอเธอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มิรันดาก็หายเงียบไปเลยทั้งที่เมื่อก่อนข้อความของเธอ หรือการโทรจิกเขาวันละหลายรอบมันทำให้เขาแสนจะรำคาญ หลายครั้งที่งานกำลังยุ่งๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความเข้ามาถี่ยิบ เพื่อถามคำถามเดิมๆกินข้าวหรือยังเย็นนี้อยากกินอะไรวันนี้พี่จะกลับกี่โมงทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ตอบไลน์...และอีกสารพัดคำถามที่เธอจะส่งมาให้เขาทั้งวัน แรกๆ ก็ขยันตอบหรอก แต่หลังๆ มันก็น่าเบื่อที่ต้องมาตอบคำถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวี่ทุกวันแต่มาตอนนี้โทรศัพท์เขามันว่างเปล่าข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาตั้งแต่ตอนวันเกิดเขา“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” พิรามถามเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อนรัก“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกับเมียอีกเหรอ”“เปล่า...เราเลิกกันแล้วต่างหาก” คำตอบที่แสนเนือยนั้นทำคนฟังอ้าปากค้าง“หา! เลิกกันแล้วเนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ก็ไหนว่าแค่ห่างกันสักพักไง”คนถูกถามถอนหายใจอีกเฮือก
“นี่มันวันที่เท่าไหร่แล้วน่ะดาว”“วันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่ะพี่ ถามทำไมเหรอคะ”“กรรม งั้นหวยงวดก่อนก็ออกไปแล้วสิ พี่ลืมสนิทเลย”จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร ในเมื่อช่วงนี้ราหูเข้าเธอชุดใหญ่ขนาดนั้น พอเลิกกับดิฐกรไป ชีวิตเธอก็เหมือนคนเสียศูนย์ ว่าจะทำใจให้ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดเขาขึ้นมาทีไร ไหนจะภาพบาดตาในวันนั้น เธอก็อดเสียใจไม่ได้“งั้นบอกตัวเลขมาสิคะ เดี๋ยวหนูช่วยตรวจให้”มิรันดาพยักหน้า พลางล้วงกระเป๋าสะพายหยิบลอตเตอรี่ออกมา“557990”“5-5-7-9-9-0 เหรอคะ อืม...” ดาวทวนคำก่อนพิมพ์ตัวเลขลงไปในระบบที่ตรวจลอตเตอรี่ ก่อนที่ข้อความสีเขียวสดใสจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอยินดีด้วยค่ะคุณถูกรางวัล!“หืม...”คนตรวจเพ่งตามองอีกครั้ง ก่อนกรีดร้องเสียงหลง“กรี๊ดดด พี่มี่คะ พี่ถูกหวย!”“หา! จริงเหรอ รางวัลไหนน่ะ”คำนั้นทำให้เจ้าของหวยตาโต รามือจากงานที่ทำรีบเผ่นมาดูที่หน้าจอมือถือของเพื่อนรุ่นน้องที่เบิกตาค้างอย่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอ“พะ...พี่มี่ ระ...รางวัลที่หนึ่ง หะ...หกล้านพี่!”“หา! ว่าไงนะ...” มิรันดาอ้าปากค้าง รีบก้มลงมองข้อความตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูไม่ผิด! ตัวเล
มิรันดาหารู้ไม่ว่าเย็นวันนั้นคนที่เธอกำลังคิดถึงได้กลับมายืนอยู่หน้าห้องที่เปรียบเสมือนรังรักของสองเราอีกครั้ง ดิฐกรจดๆ จ้องๆ หน้าประตูมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่กล้าเข้าไปด้านในเปล่าหรอก เขาไม่ได้กลัวว่าจะเจอคนรักที่กลายเป็นอดีตไปหมาดๆ ก็แค่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย หากต้องพบหน้ากันเขาควรทำตัวอย่างไร“เอาวะ เจอก็เจอไปสิ ใครสน” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่สั่นไหวแม้บรรยากาศในห้องยังคงเป็นเหมือนในวันที่เขาตัดสินใจก้าวออกไป แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิม“มี่...”ดิฐกรตัดสินใจเรียก หากทว่ากลับเงียบกริบ หรือเธอยังโกรธเขาอยู่ โกรธแล้วไง ใครแคร์ เขาก็แค่กลับบ้านตัวเองปกติ ใครจะทำไมดวงตาคมกริบเหลียวมองรอบกาย ไม่ได้คิดจะหาใครหรอก แค่ดูความเรียบร้อยของบ้านก็เท่านั้น หากทว่าตอนที่มองไปทางโต๊ะอาหาร กลับมีอะไรบางอย่างกระแทกสายตาจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“สร้อยนี่...” ชายหนุ่มหรี่ตามอง พลางยื่นมือไปหยิบของขวัญแทนใจที่เขาเคยให้มิรันดาในวันที่ความรักยังอยู่เต็มหัวใจปกติเธอมักจะสวมติดคอเสมอไม่เคยถอดออก หรือว่าจะถอดวันนั้นแล้วลืม ลืมเ
แรกๆ เขาก็ชอบในความเป็นธรรมชาติแบบนั้น แต่นานไปมันก็เริ่มชินตาและกลายเป็นเฉยชาเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรดึงดูดใจเหมือนกับคนใหม่ที่เพิ่งพบกัน ได้ทำงานด้วยกันทุกวันจริงอยู่ที่เจนิสาสวย ทำงานเก่ง แถมช่างเจรจาฉอเลาะออดอ้อนเอาใจ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เขาอดเปรียบเทียบกับอดีตคนรักไม่ได้ ความใส่ใจของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับมิรันดายังห่างไกลนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากับอีกฝ่ายจึงยังไม่ได้เกินเลยกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน เพื่อนคุย“พอดีวันนี้พี่มีธุระน่ะครับเลยรีบกลับก่อน”“แล้วตอนนี้เสร็จธุระหรือยังคะ”“ครับ เสร็จแล้ว ทำไมเหรอ”“งั้นคืนนี้ออกมาเจอกันไหมคะ ที่ผับแถวทองหล่อ มานะคะ เจนี่อยากเจอพี่ดิว คิดถึง...” ปลายสายไม่วายออดอ้อนเสียงหวานชายหนุ่มกำลังจะตอบปฏิเสธไปเพราะความเซ็ง แต่พอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นวางอยู่ คำตอบเลยเปลี่ยนไปทันใด“ได้สิครับ งั้นคืนนี้เจอกันนะ”ดิฐกรตอบพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหาร และคว้าสร้อยแทนใจเส้นนั้นไปหย่อนลงในก้นลิ้นชักตู้เก็บของไม่ใช้แล้วในเมื่อเธอไปแล้ว เขาก็ควรเริ่มต้นกับคนใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจได้เมียใหม่แซ่บๆ มาแท
เพล้ง!“อุ๊บ! แหวะ...”ดิฐกรปัดแก้วในมือของหญิงสาวจนหล่นลงพื้นแตกกระจายเกลื่อน พร้อมกับของเก่าในท้องที่พุ่งพรวดใส่ริมฝีปากและใบหน้าสวยๆ ของเจนิสาเต็มรัก“อุ๊บ! ว้ายยย...พี่ดิว อี๋ โสโครกที่สุดเลย อุแหวะ ถุ้ยๆ”เจนิสาพลอยคลื่นไส้จะอาเจียนตาม เธอสะบัดตัวเร่าๆ รีบถมถุยแล้วปาดเศษอาเจียนน่าขยะแขยงออกจากริมฝีปากและใบหน้าเป็นพัลวัน ก่อนกระเด้งตัวถอยห่างจากร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว“โอ๊ย หน้าฉัน ชุดฉัน ทุเรศที่สุดเลย มาอ้วกอะไรตอนนี้เนี่ย ไปไกลๆ เลยนะ อี๋ เลอะอ้วกหมดแล้วเนี่ย ถอยไปห่างๆ เลยนะไอ้บ้า”หญิงสาวเต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว พลางแหกปากด่าแว้ดๆ จนความสวยที่มีหดหายกลายเป็นนางยักษ์ขมูขี ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ดวงตาสวยเฉี่ยวมองหนุ่มที่หมายตาอย่างขยะแขยงระคนโมโห แล้วรีบวิ่งผละไปห้องน้ำเพื่อจัดการกับชุดแบรนด์เนมราคาแพงที่เลอะเทอะอาเจียนของอีกฝ่ายก่อน โดยทิ้งให้ดิฐกรเผชิญชะตากรรมอย่างไม่สนใจไยดีผ่านไปพักใหญ่ คลื่นสึนามิที่ถาโถมออกมาอย่างหนักหน่วงก็ค่อยๆ บรรเทาลง จนดิฐกรหมดเรี่ยวแรงฟุบหน้ากับโต๊ะ หอบหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดไร้สีเลือด ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มาเที่ยวหาความสุขในผั
“หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบเอ็ดล้านกว่า!” มิรันดาถึงกับน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นจำนวนเงินในสมุดบัญชีที่เธอเพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ เพื่อรับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งถึงสองใบ มูลค่าถึงสิบสองล้าน ที่แม้โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปไม่น้อย ทว่าก็ยังเหลือมากเกินกว่าที่เธอเคยคิดฝันว่าจะมีได้ในชีวิต เมื่อรวมกับเงินเก็บที่มีตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอดตายหรือว่าต้องง้อใครอีกแล้ว“ตัวเล็กลูกแม่ เรารอดแล้วลูกรัก” มิรันดากระซิบกับคนที่อยู่ในท้องอย่างมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่เลิกกับพ่อของลูกมา โชคใหญ่คราวนี้ทำให้ความกังวลต่างๆ ในใจมันหายไปหมดจนนึกอยากจะร้องออกมาเป็นเพลงดังๆเงินที่ได้มาเธอตั้งใจจะใช้เพื่ออนาคตของตัวเองและลูก แต่กระนั้นก็ไม่คิดประมาท เคยได้ยินมาว่าเงินจากการถูกหวยนั้นเป็นเงินร้อนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหมด เธอจึงต้องคิดหาทางทำให้เงินที่มีงอกเงย แต่ระหว่างนี้ก็คงต้องทำงานประจำต่อไปก่อน จนกว่าจะคิดออกว่าต้องการทำอะไรต่อไปแล้วค่อยลาออกตอนนั้นก็ยังไม่สายต่อให้เธอไม่ต้องมีดิฐกรในชีวิต ก็ไม่ทำให้เธอกับลูกต้องลำบากอีกต่อไป ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีคนมาช่วยใช้เงินที่ได้มา หากอีพี่ดิวรู้ว่า
“คุณไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหมครับ”“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ตกใจ ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่คุณเบรกทัน ไม่งั้นฉันกับลูกคงแย่แน่”“ลูก...” ชายหนุ่มทวนคำ พลางมองสำรวจเจ้าของเรือนร่างเพรียวตรงหน้าอย่างแปลกใจ“พอดีฉันกำลังท้องอยู่น่ะค่ะ เอ่อ...งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”“คุณจะไปที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งดีไหม”“โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”หญิงสาวรีบบอก พร้อมกับหันไปโบกเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี ก่อนหันไปมองคู่กรณีอีกหนถึงเขาจะหน้าตาดี ขับรถคันโก้ แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ไม่ควรไว้ใจทางวางใจคน เพราะขนาดคนที่เคยไว้ใจยังหักหลังกันได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่รู้จักล่ะเพียงไม่นานมิรันดาก็มาถึงบริษัท หญิงสาวรีบลงจากรถแท็กซี่แล้วเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่แล่นตามมาจอดด้านหลังติดๆดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังของคู่กรณีสาวที่เขาเกือบขับรถชนอย่างแปลกใจ เธอทำงานที่นี่ด้วยงั้นหรือพอคิดถึงดวงหน้าหวานในยามตื่นตกใจ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ด้วยความเอ็นดู ยอมรับว่าสวยสะดุดใจ หน้าตาก็ตรงสเปก แต่น่าเส
การประชุมเริ่มจากแนะนำหัวหน้าแผนกต่างๆ และถามไถ่เรื่องทั่วๆ ไปของแต่ละแผนก มิรันดานั่งฟังเพลินๆ หากเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปทางหัวโต๊ะก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสายตาของใครบางคนที่มองตรงมาที่หลังห้อง ไม่รู้มองใคร พอเธอจ้องกลับ เขาก็เบนสายตาไปทางอื่น“แก...เห็นสายตาผู้จัดการคนใหม่ไหม เมื่อกี้เขามองฉันด้วย”“มองแกที่ไหน มองฉันต่างหาก” ขาเม้าท์ที่นั่งข้างๆ กระซิบกระซาบกันคิกคัก ทำให้คนไม่ตั้งใจได้ยินเผลอยิ้มไปด้วยไม่ได้ไม่ต้องว่าใคร ดูวันวิสาหัวหน้าแผนกของเธอเสียก่อน นั่งมองคนหล่อตาเยิ้มเชียว ใจลอยจนกระทั่งไม่ได้ยินคำถามจากผู้จัดการคนใหม่ จนลูกน้องที่นั่งข้างๆ ต้องรีบสะกิด“คะ เมื่อกี้ผู้จัดการถามว่าอะไรนะคะ”ดวงตาเข้มคมมองไปที่คนไม่ตั้งใจฟังนิ่งๆ หากกลับทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันใด“ผมถามว่ายอดขายของทีมหนึ่งเมื่อเดือนก่อนเพิ่มขึ้นหรือลดลงกี่เปอร์เซนต์ครับ”มิรันดาเห็นอาการเลิ่กลั่กของคนถูกถามก็พอรู้ ว่ารายงานที่อีกฝ่ายใช้เธอทำไปหลายวันก่อน วันวิสาไม่ได้อ่านทบทวนมาด้วยซ้ำ ขอแค่ได้มีส่งให้ผู้จัดการเสร็จก็จบกัน ส่วนคนทำอย่างเธอก็ดันนั่งอยู่เสียหลังห้อง จะกระซิบหรือส่งซิกซ์คำตอบให้ก็ลำบากคร
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของดิฐกรและลูกสาวเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้นคิดถึงวันเกิดครั้งแรกที่เขาเคยจัดให้“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของมิรันดา“อธิษฐานสิมี่”มิรันดาหันไปมองคนรอบข้างทั้งเพื่อนเธอแล้วยังมีครอบครัวของดิฐกรพร้อมหน้า ทำให้เธออดคิดถึงวันเกิดของดิฐกรในปีนั้นที่เธอต้องนั่งรอเขาคนเดียว ก่อนเลิกกัน มาวันนี้เขากลับเป็นคนถือเค้กออกมาให้เธออีกครั้งพร้อมกับลูกสาวสุดที่รักชีวิตเธอควรจะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีแล้ว แต่ทว่ายังมีใครอีกคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ และอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาคนนั้นจะยอมมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอไหมมิรันดาหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะเป่าเค้กวันเกิดจนดับ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน“สุขสันต์วันเกิดครับมี่” ดิฐกรอวยพร พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ใบหนึ่งให้“อะไรคะ”“ลองเปิดดูสิครับ”มิรันดาทำตามที่เขาบอกและพบว่าของในกล่องคือ...สร้อยแทนใจเส้นนั้น“นี่มัน!”“ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้มี่ไง” คำนั้นทำใ
แม้ชีวิตของเธอกับลูกจะมีสีสันมากขึ้น ทว่ากลับมีบางสิ่งที่หายไปแทน แม้กระทั่งคนรอบข้างเองก็ยังรู้สึก“แม่มี่ขา...” เจ้าของขวัญวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามากอดเอวอ้อนแม่ หลังจากที่เพิ่งส่งคุณปู่คุณย่าและลุงดลกลับไปเมื่อครู่“ขา...คนเก่ง”“เมื่อไหร่ลุงคิมจะมาบ้านเราอีกคะ น้องมิวคิดถึงม้ากมาก ทำไมคราวนี้ลุงคิมไปเมืองนอกนานจังคะ” คำถามนั้นทำให้เธอสะอึกอึ้งไป เพราะรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปดีกว่าใคร“นั่นสิแก นี่มันก็นานแล้วนะ คุณคิมเขาไม่บอกแกเหรอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ถามยายดาวก็บอกไม่รู้” “เปล่า ไม่ได้บอก” หลังจากวันที่เขาบอกรักและจูบเธอวันนั้น คีรินก็หายหน้าไป หรือเขาจะถอดใจเสียแล้วนะ หรือเธอเล่นตัวมากไป“ยัยนิ ฉันถามหน่อยสิ”“อะไร ถามอะไร ทำหน้าเครียดแบบนี้ เรื่องใหญ่ล่ะสิ” “คือ...จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องฉันหรอก แต่เป็นเรื่องคนอื่นอีกที คือเขามีผู้ชายมาสารภาพรัก แล้วก็ขอแต่งงานน่ะ แต่เขายังเข็ดกับความรักที่โดนแฟนเก่าทิ้งจนกลัวจะมีรักใหม่เลยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นไป”“นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว คุณคิมหายไปเพราะโดนแกปฏิเสธนี่เอง”“เฮ้ย! ไม่ใช่ฉัน”“แหม แต่สตอรี่ตรงเชียวนะยะ เฮ้อ...” นิลุบลค้อนเพื่อน “แล้วไง เขาหาย
“คุณ!” มิรันดาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเพื่อนบ้านผู้ลึกลับตัวจริง ไม่ใช่คุณป้าที่เธอเคยพบแต่กลับเป็น...อดีตผัวเก่า!“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” คนถูกจับได้เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เอาอาหารเช้ามาให้มี่กับลูก” คนฟังได้แต่กลอกตาไปมา เชื่อเขาเลย “ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ แล้วบ้านหลังนั้นของใครกันแน่”เมื่อถึงคราวจนมุม จำเลยจึงต้องยอมรับสารภาพ“ของพี่เอง” “ว่าไงนะ แล้ววันนั้นคุณป้าที่ออกมารับขนมหน้าบ้านล่ะใครกัน”“นั่นแม่บ้านที่พี่จ้างมาทำความสะอาดน่ะ” เขาสารภาพเสียงอ่อย หน้าจ๋อยสนิทมิรันดาได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ก็ไม่นานนะ ยังไม่ถึงปี แค่เกือบๆ เอง” คนฟังเริ่มกำหมัด กัดฟันกรอด“มี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมี่และลูกของเราเลยนะ” “แล้วทำไปทำไม”“พี่ก็แค่อยากชดเชยความผิดที่ผ่านมาให้มี่กับลูกบ้าง แต่ถ้ามี่ไม่ต้องการพี่ก็จะไม่ทำอีกก็ได้นะ” มิรันดามองคนพูดที่ตอนนี้อ่อนเป็นงูกลัวเชือกกล้วย “มี่จ๋า...พี่สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่มี่จะยอมให้อภัยพี่สักที อย่างน้อยก็ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อบ้าง น้องมิวเป็นลูกพี่ ขนาดพ่อแม่พี่น้องของพี่ มี่ก
เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยทำให้ดิฐกรสะดุ้งหันขวับ หัวใจพองฟูอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง“คุณพ่อให้แคทมาเยี่ยมพี่ดิวค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ดิฐกรมองน้องสาวของศัตรูหัวใจที่มาเยี่ยมเขาเกือบทุกวัน พลางแอบบ่นในใจคนที่อยากให้มาก็ดันไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากเจอกลับขยันมาเสียจริงๆ ทำไมเขาจะไม่รู้แผนของบิดาสุดที่รักกับเพื่อนสนิทของท่านที่ต้องการจับคู่ให้เขากับผู้หญิงสุดเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าก็ถ้าหัวใจมันมูปออนกันได้ง่ายๆ เขาคงหาเมียใหม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอเมียเก่าใจอ่อนให้อภัยมาจนถึงวันนี้รอเหมือนโดนสาป ขนาดเจอแล้วก็ยังต้องรอเหมือนเดิม“ผมดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คุณแคทไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้นะครับ”แคทรียาถอนใจอย่างลำไย เธอเองก็ใช่ว่าอยากมา แต่เพราะโดนพ่อกับแม่บังคับให้มาหรอก จะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวระเบิดลง แล้วเธอก็จะโดนตัดออกจากกองมรดกเสียก่อนแถมเรื่องราวของดิฐกรในงานวันเกิดของคุณเมธาก็ดังกระฉ่อนเข้าหูเธอขนาดนั้น ทำให้รู้ว่าที่แท
ฝ่ายคีรินที่พาสองแม่ลูกกลับมาส่งถึงบ้าน เขาก็ช่วยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปส่งถึงห้องนอน โดยมีมิรันดาเดินตามมาด้านหลัง“ขอบคุณพี่คิมมากนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้มี่ทำให้พี่ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”“พี่ยินดีวุ่นวาย หากเป็นเรื่องของมี่กับลูก แล้วมี่ล่ะ...”“มี่ทำไมเหรอคะ”“มี่จะยอมให้พี่ผ่านโปรของเราได้หรือยังครับ” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง“พี่รอได้ แต่ไม่อยากรอแล้ว เรื่องวันนี้ทำให้พี่อยากได้สิทธิ์ในการปกป้องดูแลมี่กับน้องมิว ไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจได้อีก พี่รักมี่ แต่งงานกับพี่นะครับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้น คำที่เธอเคยอยากให้ดิฐกรพูดกับเธอมาตลอด แต่แล้วกลับเป็นผู้ชายตรงหน้าที่พูดมันออกมา เขาขอเธอแต่งงาน และบอกรัก ถึงจะไม่โรแมนติก แต่เมื่อมองสบตากันเธอก็รับรู้ได้ถึงความจริงในที่เขามีให้“มี่รังเกียจพี่หรือเปล่า หรือว่า...ยังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ มี่ไม่ได้รักพี่ดิวแล้ว ไม่ได้รักนานแล้ว” คราวนี้หญิงสาวตอบอย่างมั่นใ
ดิฐกรถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา มิรันดาและคีรินที่พาเขามาส่งโรงพยาบาลนั่งรอหน้าห้อง ชุดเดรสแสนสวยตอนนี้มีคราบเลือดคราบเลอะติดเป็นหย่อมๆ หากเจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจ ในสมองยังคงคิดถึงภาพตอนที่คนเจ็บนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอย่างน่าตกใจเมื่อครู่ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คีรินจึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับได้ไว ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนย้ายเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักกว่าเดิม“แม่คะ คุณลุงคนนั้นจะตายไหมคะ” คำถามของลูกน้อย ทำให้ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจของมิรันดาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างเธอเกลียดในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอจนไม่อยากให้อภัยก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายตายจริงอย่างที่ลั่นปากไป“ไม่หรอกลูก คุณลุงต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” คีรินปลอบขวัญ“คุณลุงคนนั้นเขาเป็นพ่อน้องมิว จริงๆ เหรอคะแม่มี่”คำถามนั้นเสียดลึกเข้าไปในอก กับความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเลิกกันแล้ว แม้เขาจะเคยไม่ต้องการมีลูกกับเธอ แต่เด็กหญิงของขวัญก็คือลูกสาวของดิฐกร ไม่ม
“ทำไมหนูถึงว่าคุณลุงคนนั้นใจร้ายล่ะคะลูก” “ก็เขาเคยมาที่บ้านน้องมิว แล้วก็รังแกแม่มี่ของหนูจนร้องไห้เลย น้องมิวไม่ชอบเขา เขานิสัยไม่ดี” คุณดารณีได้ฟังก็งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้อง หันไปมองหน้าลูกชายคนกลางอย่างคาดคั้น“นี่มันเรื่องอะไรกันตาดิว ลูกทำแบบที่น้องมิวว่าจริงเหรอ ทำไปทำไม” “ผม...เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” คำนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไป “มี่คือเมียผม แล้วก็น้องมิวก็เป็นลูกของผมแล้วก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณแม่ครับ” “หา! ว่าไงนะตาดิว” คุณดารณีเบิกตาค้างอย่างตื่นตะลึง โชคดีที่แขกเหรื่อเข้างานกันหมดแล้วเหลือแต่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” คีรินกุมมือหญิงสาวไว้แน่น มืออีกข้างก็เอื้อมไปจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไว้ “มี่คือคนที่ผมเคยบอกแม่ เธอเป็นเมียผม แต่เราเลิกกันไปเพราะเข
“ตาคิมเขาพาแฟนมาอวดน่ะสิคุณดา คนนั้นไง” คำนั้นทำให้คุณดารณีหันไปมองที่หญิงสาวข้างกายคีรินทันที “เอ๊ะ! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะหนู” มิรันดาเองก็จำได้ตั้งแต่เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน“ใช่ค่ะ เจอกันที่โรงพยาบาล” “จริงด้วย ป้าจำได้แล้ว นี่ไงคะแม่หนูที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าช่วยฉันตอนโดนชนจนล้มข้อเท้าพลิกที่โรงพยาบาลไง ตายจริงโลกกลมเหลือเกิน ตาดลลูกก็จำน้องได้ใช่ไหม”“จำได้ครับแม่” ดลธวัชส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้มีพระคุณของแม่“แล้วเจ้าแก้มยุ้ยคนนี้ใครจ๊ะ หน้าตาน่าเอ็นดูจริงเชียว” คนอยากมีหลานสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก “แต่เอ...แม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” คุณดารณีครุ่นคิด หากแล้วสายตาก็หันไปเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาพอดีจึงคิดออก“นึกออกแล้ว หน้าเหมือนตาดิวตอนเด็
เขาอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่คีรินเหลือเกิน แต่ยิ่งทำอย่างที่ใจต้องการ ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนเธอจะยิ่งไกลห่างออกไปทุกที ดูจากที่ร้านไอศกรีมวันนี้ ขนาดนั่งใกล้กันมิรันดายังแทบไม่มองหน้า ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เธอทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศไร้ตัวตน แล้วจู่ๆ คำพูดของพิรามก็ดังขึ้นในหู‘มูปออนง่ายกว่ามั้งเพื่อน’หรือเขาควรทำเช่นนั้น แต่จะให้ตัดใจจากเธอและลูกยังไง มือหนาหยิบสร้อยรูปจี้หัวใจขึ้นมาดูอย่างปวดใจ“ต้องทำยังไง มี่ถึงจะให้อภัยพี่เสียที พี่ต้องทำยังไง...” เย็นวันต่อมา คีรินก็มาถึงบ้านของหญิงสาวตรงตามเวลานัดเป๊ะ“ลุงคิมมาแล้ว โห...วันนี้หล่อจัง” เด็กหญิงของขวัญทำตาโตมอง ปกติเวลามาหาสองแม่ลูก เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตแบบไม่สวมสูทเพื่อเป็นกันเอง แต่วันนี้เขาใส่ทักซิโด้หล่อเต็มยศ“ไงครับคนสวยของลุง ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยได้ไหม”