“นี่มันวันที่เท่าไหร่แล้วน่ะดาว”
“วันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่ะพี่ ถามทำไมเหรอคะ”
“กรรม งั้นหวยงวดก่อนก็ออกไปแล้วสิ พี่ลืมสนิทเลย”
จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร ในเมื่อช่วงนี้ราหูเข้าเธอชุดใหญ่ขนาดนั้น พอเลิกกับดิฐกรไป ชีวิตเธอก็เหมือนคนเสียศูนย์ ว่าจะทำใจให้ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดเขาขึ้นมาทีไร ไหนจะภาพบาดตาในวันนั้น เธอก็อดเสียใจไม่ได้
“งั้นบอกตัวเลขมาสิคะ เดี๋ยวหนูช่วยตรวจให้”
มิรันดาพยักหน้า พลางล้วงกระเป๋าสะพายหยิบลอตเตอรี่ออกมา
“557990”
“5-5-7-9-9-0 เหรอคะ อืม...” ดาวทวนคำก่อนพิมพ์ตัวเลขลงไปในระบบที่ตรวจลอตเตอรี่ ก่อนที่ข้อความสีเขียวสดใสจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
ยินดีด้วยค่ะคุณถูกรางวัล!
“หืม...”
คนตรวจเพ่งตามองอีกครั้ง ก่อนกรีดร้องเสียงหลง
“กรี๊ดดด พี่มี่คะ พี่ถูกหวย!”
“หา! จริงเหรอ รางวัลไหนน่ะ”
คำนั้นทำให้เจ้าของหวยตาโต รามือจากงานที่ทำรีบเผ่นมาดูที่หน้าจอมือถือของเพื่อนรุ่นน้องที่เบิกตาค้างอย่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอ
“พะ...พี่มี่ ระ...รางวัลที่หนึ่ง หะ...หกล้านพี่!”
“หา! ว่าไงนะ...” มิรันดาอ้าปากค้าง รีบก้มลงมองข้อความตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู
ไม่ผิด! ตัวเลขตรงกับที่เธอซื้อ ดูซ้ำกี่รอบก็ตรง
รางวัลที่ 1 จริงๆ ด้วย!
“กรี๊ดดดด...” สองสาวหวีดร้องพร้อมกันสุดเสียง
“พี่รวยแล้วพี่มี่ พี่ซื้อมากี่ใบน่ะ”
มิรันดาก้มมองลอตเตอรี่ มือไม้สั่น
“สะ...สองใบ พี่ซื้อมาสองใบ”
“หา! สองใบ ใบละหกล้าน ก็ได้...สิบสองล้านเลยนะ โห...”
มิรันดาหายใจเข้าปอดแรงๆ ด้วยความตื่นเต้น มือลูบท้องที่มีลูกน้อยนอนอยู่
เรารอดแล้วลูก หนูนำโชคมาให้แม่ใช่ไหมเนี่ยตัวเล็ก
ความดีใจทำให้ลืมตัวรีบหันไปคว้าโทรศัพท์มือถือหมายจะบอกข่าวดีกับใครบางคนเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอมีเรื่องดีๆ ในชีวิตก็อยากแบ่งปันให้เขารู้ มือเรียวกดหมายเลขที่บันทึกไว้เป็นเบอร์คนสำคัญ แต่ตอนที่จะกดโทรออกก็พลันชะงักอย่างนึกขึ้นได้
จะโทรหาเขาทำไมวะ ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว!
หัวใจที่กำลังพองโตหม่นหมองลงในทันใด มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ตกลงข้างตัว
“เอะอะโวยวายอะไรกัน ดังลั่นไปนอกออฟฟิศ งานที่ให้ทำเสร็จหรือยังล่ะมี่ พี่ต้องใช้ตอนบ่ายสองนี้แล้วนะ”
วันวิสาถามลูกน้องสาวที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมตอบ
“มี่! พี่ถามว่างานที่สั่งเสร็จหรือยัง” เสียงแปดหลอดแผดถามเสียงดังทำให้คนถูกถามได้สติ
“คะ เมื่อกี้หัวหน้าถามว่าไงนะคะ”
คนเป็นหัวหน้ากระแทกลมหายใจใส่ ก่อนย้ำคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง
“ยังค่ะ”
“ยังทำไม่เสร็จแล้ว มัวมานั่งอู้อะไรกันอยู่เนี่ย แล้วเธอล่ะยัยดาว พักเที่ยงแล้วไม่ไปกินข้าว ถ้างานไม่เสร็จฉันจะให้เขาหักเงินเดือนพวกเธอแน่ โบนัสก็ไม่ต้องเอา ทั้งคู่เลย”
“ดาวไม่ได้อู้นะคะแค่ช่วยพี่มี่เขาตรวจ...” มิรันดารีบกระตุกมืออีกฝ่ายไม่ให้บอกความจริง
“มี่จะรีบไปทำงานต่อเดี๋ยวนี้ค่ะ” ดาวหันไปสบตาเศรษฐีนีรางวัลที่หนึ่งหมาดๆ พลางนึกขัดใจ
แหม...ถ้าเป็นเธอหน่อยล่ะก็ จะเขวี้ยงใบลาออกใส่หน้าให้เดี๋ยวนี้เลย ขู่ดีนัก ทีตัวเองเอาเวลางานไปช็อปปิ้ง กินข้าวเที่ยงทีกว่าจะเสด็จกลับมาทำงานได้ก็เกือบเลิกงานแล้ว หรือไม่ก็แอบกลับบ้านก่อนเวลาทั้งที่มีงานค้างแล้วโยนให้ลูกน้องทำ คนรู้ทั้งแผนกเขายังไม่พูด ที่เป็นหัวหน้าได้เพราะอายุงานที่อยู่มานานกว่าใครหรอกน่า ไม่ใช่เพราะฝีมือหรือทำงานเก่งอะไร สโลแกนนางใครๆ ก็รู้
มาสาย นอนหลับ กลับไว อู้งานเก่งเป็นที่หนึ่ง ความผิดไม่เคยรับ รับแต่ความชอบ เรื่องเอาหน้าขอให้บอกนางถนัดนัก คนอื่นไม่เท่าไหร่ จะมีก็แต่มิรันดานี่แหละที่นางชอบกดข่มบ่อยที่สุด เพียงเพราะหน้าตาดีกว่าใครในแผนก ทำงานก็ละเอียดรอบคอบ ซ้ำยังดูเป็นคนหัวอ่อน สั่งอะไรก็ทำไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครนี่ล่ะ นึกแล้วก็ยิ่งขัดใจสุดๆ
“งั้นก็รีบทำสิ ถ้าเสร็จไม่ทันล่ะน่าดู เธออีกคนนะยัยดาว”
“แต่นี่มันพักเที่ยงนะคะหัวหน้า” ดาวอดปากไม่ได้
“แล้วไง ก็รีบพักรีบกลับมาทำงานสิยะ”
มิรันดารีบดึงมือเพื่อนรุ่นน้องไว้ไม่ให้วู่วามจนทำตัวเองเดือดร้อนในเมื่ออีกฝ่ายมีตำแหน่งใหญ่กว่า แม้ตัวเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน เพราะงานที่ว่านั่น จริงๆ ไม่ใช่หน้าที่ของเธอหรือดาวที่ต้องทำ แต่เป็นหน้าที่ของวันวิสาที่เป็นหัวหน้าแผนกต่างหาก
“พี่มี่! ทำไมต้องไปยอมพี่วิทุกทีเลย” ดาวบ่นหน้ามุ่ย เมื่อคล้อยหลังคนเป็นหัวหน้าแผนก
“ไหนๆ พี่ก็รวยแล้ว ต้องกลัวอะไรอีกคะ ไล่ออกก็ไล่สิ ตอนนี้พี่มีเงินตั้งหลายล้านแล้ว พี่จะกลัวอะไร”
“ไม่ได้กลัวอะไรหรอก แต่พี่ห่วงดาวต่างหาก ไปเถอะ รีบไปกินข้าวก่อน จะได้รีบกลับมาทำงานนะ”
“แล้วพี่มี่ล่ะคะ”
“เดี๋ยวพี่รีบทำงานให้เสร็จแล้วตามไป อ้อ! จริงสิ...” มิรันดานึกขึ้นได้ ก่อนลดเสียงเป็นกระซิบ
“เรื่องที่พี่ถูกหวย ดาวอย่าไปบอกใครได้ไหม เดี๋ยวพี่ค่อยพาดาวไปเลี้ยงฉลองอีกทีนะ”
“ได้สิคะ ดาวไม่บอกใครหรอกค่ะ เรื่องฉลองก็ไม่ต้องหรอกพี่สิ้นเปลืองเปล่าๆ รอให้พี่คลอดเจ้าตัวเล็กก่อนค่อยฉลองรวบยอดก็ยังทัน”
ดาวยักคิ้วหลิ่วตาพลางมองไปที่หน้าท้องของมิรันดาที่ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนในบริษัทที่รู้ว่าคนสวยประจำแผนกนี้กำลังตั้งครรภ์ หนึ่งในนั้นก็คือเธอนี่เอง
“แต่ลูกพี่มี่นี่ต้องเป็นเด็กมีบุญสุดๆ นำโชคใหญ่มาให้แม่ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกแบบนี้” ดาวพูดติดตลก พลางย่อตัวลงเสมอเอวของเพื่อนรุ่นพี่
“ไงคะตัวเล็ก ไว้งวดหน้ามาให้โชคน้าดาวบ้างนะคะ”
มิรันดาฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้าขำๆ แต่แอบเห็นด้วยอยู่ในใจลึกๆ ในความโชคร้ายของชีวิต อย่างน้อยเธอก็ยังมีลูกเป็นของขวัญปลอบใจแม่
ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งท้อง นอกจากจะไม่แพ้ท้องหนักอย่างที่กลัว แล้วยังพัดพาโชคใหญ่มาให้เธออีก ถ้าพ่อของลูกรู้เข้า เขาจะเสียดายบ้างไหมที่ทิ้งของขวัญมีค่าชิ้นนี้และเธอไป
ช่างประไร ถ้ามีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ เนอะลูกเนอะ
มิรันดาหารู้ไม่ว่าเย็นวันนั้นคนที่เธอกำลังคิดถึงได้กลับมายืนอยู่หน้าห้องที่เปรียบเสมือนรังรักของสองเราอีกครั้ง ดิฐกรจดๆ จ้องๆ หน้าประตูมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่กล้าเข้าไปด้านในเปล่าหรอก เขาไม่ได้กลัวว่าจะเจอคนรักที่กลายเป็นอดีตไปหมาดๆ ก็แค่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย หากต้องพบหน้ากันเขาควรทำตัวอย่างไร“เอาวะ เจอก็เจอไปสิ ใครสน” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่สั่นไหวแม้บรรยากาศในห้องยังคงเป็นเหมือนในวันที่เขาตัดสินใจก้าวออกไป แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิม“มี่...”ดิฐกรตัดสินใจเรียก หากทว่ากลับเงียบกริบ หรือเธอยังโกรธเขาอยู่ โกรธแล้วไง ใครแคร์ เขาก็แค่กลับบ้านตัวเองปกติ ใครจะทำไมดวงตาคมกริบเหลียวมองรอบกาย ไม่ได้คิดจะหาใครหรอก แค่ดูความเรียบร้อยของบ้านก็เท่านั้น หากทว่าตอนที่มองไปทางโต๊ะอาหาร กลับมีอะไรบางอย่างกระแทกสายตาจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“สร้อยนี่...” ชายหนุ่มหรี่ตามอง พลางยื่นมือไปหยิบของขวัญแทนใจที่เขาเคยให้มิรันดาในวันที่ความรักยังอยู่เต็มหัวใจปกติเธอมักจะสวมติดคอเสมอไม่เคยถอดออก หรือว่าจะถอดวันนั้นแล้วลืม ลืมเ
แรกๆ เขาก็ชอบในความเป็นธรรมชาติแบบนั้น แต่นานไปมันก็เริ่มชินตาและกลายเป็นเฉยชาเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรดึงดูดใจเหมือนกับคนใหม่ที่เพิ่งพบกัน ได้ทำงานด้วยกันทุกวันจริงอยู่ที่เจนิสาสวย ทำงานเก่ง แถมช่างเจรจาฉอเลาะออดอ้อนเอาใจ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เขาอดเปรียบเทียบกับอดีตคนรักไม่ได้ ความใส่ใจของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับมิรันดายังห่างไกลนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากับอีกฝ่ายจึงยังไม่ได้เกินเลยกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน เพื่อนคุย“พอดีวันนี้พี่มีธุระน่ะครับเลยรีบกลับก่อน”“แล้วตอนนี้เสร็จธุระหรือยังคะ”“ครับ เสร็จแล้ว ทำไมเหรอ”“งั้นคืนนี้ออกมาเจอกันไหมคะ ที่ผับแถวทองหล่อ มานะคะ เจนี่อยากเจอพี่ดิว คิดถึง...” ปลายสายไม่วายออดอ้อนเสียงหวานชายหนุ่มกำลังจะตอบปฏิเสธไปเพราะความเซ็ง แต่พอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นวางอยู่ คำตอบเลยเปลี่ยนไปทันใด“ได้สิครับ งั้นคืนนี้เจอกันนะ”ดิฐกรตอบพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหาร และคว้าสร้อยแทนใจเส้นนั้นไปหย่อนลงในก้นลิ้นชักตู้เก็บของไม่ใช้แล้วในเมื่อเธอไปแล้ว เขาก็ควรเริ่มต้นกับคนใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจได้เมียใหม่แซ่บๆ มาแท
เพล้ง!“อุ๊บ! แหวะ...”ดิฐกรปัดแก้วในมือของหญิงสาวจนหล่นลงพื้นแตกกระจายเกลื่อน พร้อมกับของเก่าในท้องที่พุ่งพรวดใส่ริมฝีปากและใบหน้าสวยๆ ของเจนิสาเต็มรัก“อุ๊บ! ว้ายยย...พี่ดิว อี๋ โสโครกที่สุดเลย อุแหวะ ถุ้ยๆ”เจนิสาพลอยคลื่นไส้จะอาเจียนตาม เธอสะบัดตัวเร่าๆ รีบถมถุยแล้วปาดเศษอาเจียนน่าขยะแขยงออกจากริมฝีปากและใบหน้าเป็นพัลวัน ก่อนกระเด้งตัวถอยห่างจากร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว“โอ๊ย หน้าฉัน ชุดฉัน ทุเรศที่สุดเลย มาอ้วกอะไรตอนนี้เนี่ย ไปไกลๆ เลยนะ อี๋ เลอะอ้วกหมดแล้วเนี่ย ถอยไปห่างๆ เลยนะไอ้บ้า”หญิงสาวเต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว พลางแหกปากด่าแว้ดๆ จนความสวยที่มีหดหายกลายเป็นนางยักษ์ขมูขี ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ดวงตาสวยเฉี่ยวมองหนุ่มที่หมายตาอย่างขยะแขยงระคนโมโห แล้วรีบวิ่งผละไปห้องน้ำเพื่อจัดการกับชุดแบรนด์เนมราคาแพงที่เลอะเทอะอาเจียนของอีกฝ่ายก่อน โดยทิ้งให้ดิฐกรเผชิญชะตากรรมอย่างไม่สนใจไยดีผ่านไปพักใหญ่ คลื่นสึนามิที่ถาโถมออกมาอย่างหนักหน่วงก็ค่อยๆ บรรเทาลง จนดิฐกรหมดเรี่ยวแรงฟุบหน้ากับโต๊ะ หอบหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดไร้สีเลือด ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มาเที่ยวหาความสุขในผั
“หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบเอ็ดล้านกว่า!” มิรันดาถึงกับน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นจำนวนเงินในสมุดบัญชีที่เธอเพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ เพื่อรับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งถึงสองใบ มูลค่าถึงสิบสองล้าน ที่แม้โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปไม่น้อย ทว่าก็ยังเหลือมากเกินกว่าที่เธอเคยคิดฝันว่าจะมีได้ในชีวิต เมื่อรวมกับเงินเก็บที่มีตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอดตายหรือว่าต้องง้อใครอีกแล้ว“ตัวเล็กลูกแม่ เรารอดแล้วลูกรัก” มิรันดากระซิบกับคนที่อยู่ในท้องอย่างมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่เลิกกับพ่อของลูกมา โชคใหญ่คราวนี้ทำให้ความกังวลต่างๆ ในใจมันหายไปหมดจนนึกอยากจะร้องออกมาเป็นเพลงดังๆเงินที่ได้มาเธอตั้งใจจะใช้เพื่ออนาคตของตัวเองและลูก แต่กระนั้นก็ไม่คิดประมาท เคยได้ยินมาว่าเงินจากการถูกหวยนั้นเป็นเงินร้อนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหมด เธอจึงต้องคิดหาทางทำให้เงินที่มีงอกเงย แต่ระหว่างนี้ก็คงต้องทำงานประจำต่อไปก่อน จนกว่าจะคิดออกว่าต้องการทำอะไรต่อไปแล้วค่อยลาออกตอนนั้นก็ยังไม่สายต่อให้เธอไม่ต้องมีดิฐกรในชีวิต ก็ไม่ทำให้เธอกับลูกต้องลำบากอีกต่อไป ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีคนมาช่วยใช้เงินที่ได้มา หากอีพี่ดิวรู้ว่า
“คุณไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหมครับ”“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ตกใจ ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่คุณเบรกทัน ไม่งั้นฉันกับลูกคงแย่แน่”“ลูก...” ชายหนุ่มทวนคำ พลางมองสำรวจเจ้าของเรือนร่างเพรียวตรงหน้าอย่างแปลกใจ“พอดีฉันกำลังท้องอยู่น่ะค่ะ เอ่อ...งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”“คุณจะไปที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งดีไหม”“โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”หญิงสาวรีบบอก พร้อมกับหันไปโบกเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี ก่อนหันไปมองคู่กรณีอีกหนถึงเขาจะหน้าตาดี ขับรถคันโก้ แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ไม่ควรไว้ใจทางวางใจคน เพราะขนาดคนที่เคยไว้ใจยังหักหลังกันได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่รู้จักล่ะเพียงไม่นานมิรันดาก็มาถึงบริษัท หญิงสาวรีบลงจากรถแท็กซี่แล้วเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่แล่นตามมาจอดด้านหลังติดๆดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังของคู่กรณีสาวที่เขาเกือบขับรถชนอย่างแปลกใจ เธอทำงานที่นี่ด้วยงั้นหรือพอคิดถึงดวงหน้าหวานในยามตื่นตกใจ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ด้วยความเอ็นดู ยอมรับว่าสวยสะดุดใจ หน้าตาก็ตรงสเปก แต่น่าเส
การประชุมเริ่มจากแนะนำหัวหน้าแผนกต่างๆ และถามไถ่เรื่องทั่วๆ ไปของแต่ละแผนก มิรันดานั่งฟังเพลินๆ หากเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปทางหัวโต๊ะก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสายตาของใครบางคนที่มองตรงมาที่หลังห้อง ไม่รู้มองใคร พอเธอจ้องกลับ เขาก็เบนสายตาไปทางอื่น“แก...เห็นสายตาผู้จัดการคนใหม่ไหม เมื่อกี้เขามองฉันด้วย”“มองแกที่ไหน มองฉันต่างหาก” ขาเม้าท์ที่นั่งข้างๆ กระซิบกระซาบกันคิกคัก ทำให้คนไม่ตั้งใจได้ยินเผลอยิ้มไปด้วยไม่ได้ไม่ต้องว่าใคร ดูวันวิสาหัวหน้าแผนกของเธอเสียก่อน นั่งมองคนหล่อตาเยิ้มเชียว ใจลอยจนกระทั่งไม่ได้ยินคำถามจากผู้จัดการคนใหม่ จนลูกน้องที่นั่งข้างๆ ต้องรีบสะกิด“คะ เมื่อกี้ผู้จัดการถามว่าอะไรนะคะ”ดวงตาเข้มคมมองไปที่คนไม่ตั้งใจฟังนิ่งๆ หากกลับทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันใด“ผมถามว่ายอดขายของทีมหนึ่งเมื่อเดือนก่อนเพิ่มขึ้นหรือลดลงกี่เปอร์เซนต์ครับ”มิรันดาเห็นอาการเลิ่กลั่กของคนถูกถามก็พอรู้ ว่ารายงานที่อีกฝ่ายใช้เธอทำไปหลายวันก่อน วันวิสาไม่ได้อ่านทบทวนมาด้วยซ้ำ ขอแค่ได้มีส่งให้ผู้จัดการเสร็จก็จบกัน ส่วนคนทำอย่างเธอก็ดันนั่งอยู่เสียหลังห้อง จะกระซิบหรือส่งซิกซ์คำตอบให้ก็ลำบากคร
“อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง...”“หรือคุณกลัวว่าพ่อของลูกจะเข้าใจผิด จะโทรบอกเขาก่อนก็ได้นะ”คำถามนั้นมาพร้อมใบหน้าใครบางคนที่เธอต้องรีบปัดมันออกไปจากสมองอย่างหงุดหงิด“ไม่ค่ะ! ไม่ได้กลัว ไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นซิงเกิลมัม...”เผลอพูดไปแล้วก็ฉุกใจนึกขึ้นได้ ไปบอกเขาทำไมล่ะนี่ ยังไงอีกฝ่ายก็คนแปลกหน้า ไม่สิ ตอนนี้เป็นเจ้านายเธอด้วยเขาจะหาว่าเธออ่อยไหมวะ“เอ่อ คือฉันไม่ได้...”“งั้นก็เอาตามนี้นะครับ”“คะ เอาอะไรคะ”“ก็เย็นนี้ผมจะพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกันเพื่อความสบายใจของผม อ้อ ขอเบอร์มือถือคุณหน่อยได้ไหม เผื่อจะได้นัดว่าเย็นนี้จะเจอกันที่จุดไหน”มิรันดาถึงกับอึ้งที่โดนอีกฝ่ายมัดมือชก หากเป็นคนอื่นเธอคงปฏิเสธออกไปง่ายๆ แต่คนตรงหน้าเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ เธอมันพนักงานเล็กๆ จะไปทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการคือบอกเบอร์มือถือไปโดยดีคีรินกดเมมเบอร์โทรของอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับโทรออก“นั่นเบอร์ผม คุณเมมไว้หน่อยแล้วกัน หากมีอะไรให้ช่วยก็โทรมาได้ หรือจะแอดไลน์ผมไว้ก็ได้นะ”ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นกันล่ะ หญิงสาวค่อนขอดในใจ“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะค
“อีมี่!”“หยุดค่ะ อย่ามาขึ้นไอ้อีกับฉัน ถ้าจะด่าก็ควรด่าตัวเองที่ไม่ได้เรื่องมากกว่า”“แก...คอยดูนะ ฉันจะรายงานเรื่องแกกับผู้จัดการ ให้เขาไล่แกออก”มิรันดากลอกตาอย่างเซ็งๆ กับไม้ตายเดิมๆ ที่อีกฝ่ายเคยใช้มาข่มขู่คนอื่น เธอเองพอได้ระบายสิ่งที่เก็บกดในใจมานานออกมา ก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่ออยู่แล้ว ขืนทำงานกับหัวหน้าผีบ้าแบบนี้ ก็อาจทำให้เสียสุขภาพจิตจนส่งผลถึงลูกในท้อง หรือไม่ก็คงได้ฟาดฟันกับหัวหน้าอย่างวันวิสาจนไม่ใครก็ใครได้ตายกันไปข้างหนึ่งสักวัน“ได้ค่ะ รายงานเดี๋ยวนี้เลยไหม แต่ถ้าจะไล่ออกแบบไร้เหตุผล ฉันก็จะได้เรียกเงินชดเชยหนักๆ แล้วอย่าคิดว่าตัวเองฟ้องเป็นคนเดียว คนที่ชอบกดขี่ข่มเหงลูกน้อง ทำงานเอาหน้าแบบคุณนี่ ฉันก็ไม่อยากทำงานด้วยเหมือนกัน”“พี่มี่...”ดาวถึงกับตาค้าง เมื่อเห็นมุมเอาเรื่องของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่จนอยากจะตีลังกาปรบมือให้ถ้าไม่ติดต้องถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปน่ะนะเมื่อใช้ไม้ขู่ไม่ได้ วันวิสาก็หันรีหันขวาง ยิ่งมองเห็นสายตาลูกน้องในแผนกที่มองมาอย่างเห็นด้วยกับมิรันดา ก็ยิ่งรู้สึกของขึ้น ตามองใบหน้าสวยหวานแทบถลน หากขู่ไล่ออกไม่ได้ผล ก็คงเหลือวิธีเดียวที่จะระบายโทสะได้“แก!”
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของดิฐกรและลูกสาวเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้นคิดถึงวันเกิดครั้งแรกที่เขาเคยจัดให้“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของมิรันดา“อธิษฐานสิมี่”มิรันดาหันไปมองคนรอบข้างทั้งเพื่อนเธอแล้วยังมีครอบครัวของดิฐกรพร้อมหน้า ทำให้เธออดคิดถึงวันเกิดของดิฐกรในปีนั้นที่เธอต้องนั่งรอเขาคนเดียว ก่อนเลิกกัน มาวันนี้เขากลับเป็นคนถือเค้กออกมาให้เธออีกครั้งพร้อมกับลูกสาวสุดที่รักชีวิตเธอควรจะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีแล้ว แต่ทว่ายังมีใครอีกคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ และอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาคนนั้นจะยอมมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอไหมมิรันดาหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะเป่าเค้กวันเกิดจนดับ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน“สุขสันต์วันเกิดครับมี่” ดิฐกรอวยพร พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ใบหนึ่งให้“อะไรคะ”“ลองเปิดดูสิครับ”มิรันดาทำตามที่เขาบอกและพบว่าของในกล่องคือ...สร้อยแทนใจเส้นนั้น“นี่มัน!”“ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้มี่ไง” คำนั้นทำใ
แม้ชีวิตของเธอกับลูกจะมีสีสันมากขึ้น ทว่ากลับมีบางสิ่งที่หายไปแทน แม้กระทั่งคนรอบข้างเองก็ยังรู้สึก“แม่มี่ขา...” เจ้าของขวัญวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามากอดเอวอ้อนแม่ หลังจากที่เพิ่งส่งคุณปู่คุณย่าและลุงดลกลับไปเมื่อครู่“ขา...คนเก่ง”“เมื่อไหร่ลุงคิมจะมาบ้านเราอีกคะ น้องมิวคิดถึงม้ากมาก ทำไมคราวนี้ลุงคิมไปเมืองนอกนานจังคะ” คำถามนั้นทำให้เธอสะอึกอึ้งไป เพราะรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปดีกว่าใคร“นั่นสิแก นี่มันก็นานแล้วนะ คุณคิมเขาไม่บอกแกเหรอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ถามยายดาวก็บอกไม่รู้” “เปล่า ไม่ได้บอก” หลังจากวันที่เขาบอกรักและจูบเธอวันนั้น คีรินก็หายหน้าไป หรือเขาจะถอดใจเสียแล้วนะ หรือเธอเล่นตัวมากไป“ยัยนิ ฉันถามหน่อยสิ”“อะไร ถามอะไร ทำหน้าเครียดแบบนี้ เรื่องใหญ่ล่ะสิ” “คือ...จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องฉันหรอก แต่เป็นเรื่องคนอื่นอีกที คือเขามีผู้ชายมาสารภาพรัก แล้วก็ขอแต่งงานน่ะ แต่เขายังเข็ดกับความรักที่โดนแฟนเก่าทิ้งจนกลัวจะมีรักใหม่เลยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นไป”“นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว คุณคิมหายไปเพราะโดนแกปฏิเสธนี่เอง”“เฮ้ย! ไม่ใช่ฉัน”“แหม แต่สตอรี่ตรงเชียวนะยะ เฮ้อ...” นิลุบลค้อนเพื่อน “แล้วไง เขาหาย
“คุณ!” มิรันดาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเพื่อนบ้านผู้ลึกลับตัวจริง ไม่ใช่คุณป้าที่เธอเคยพบแต่กลับเป็น...อดีตผัวเก่า!“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” คนถูกจับได้เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เอาอาหารเช้ามาให้มี่กับลูก” คนฟังได้แต่กลอกตาไปมา เชื่อเขาเลย “ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ แล้วบ้านหลังนั้นของใครกันแน่”เมื่อถึงคราวจนมุม จำเลยจึงต้องยอมรับสารภาพ“ของพี่เอง” “ว่าไงนะ แล้ววันนั้นคุณป้าที่ออกมารับขนมหน้าบ้านล่ะใครกัน”“นั่นแม่บ้านที่พี่จ้างมาทำความสะอาดน่ะ” เขาสารภาพเสียงอ่อย หน้าจ๋อยสนิทมิรันดาได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ก็ไม่นานนะ ยังไม่ถึงปี แค่เกือบๆ เอง” คนฟังเริ่มกำหมัด กัดฟันกรอด“มี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมี่และลูกของเราเลยนะ” “แล้วทำไปทำไม”“พี่ก็แค่อยากชดเชยความผิดที่ผ่านมาให้มี่กับลูกบ้าง แต่ถ้ามี่ไม่ต้องการพี่ก็จะไม่ทำอีกก็ได้นะ” มิรันดามองคนพูดที่ตอนนี้อ่อนเป็นงูกลัวเชือกกล้วย “มี่จ๋า...พี่สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่มี่จะยอมให้อภัยพี่สักที อย่างน้อยก็ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อบ้าง น้องมิวเป็นลูกพี่ ขนาดพ่อแม่พี่น้องของพี่ มี่ก
เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยทำให้ดิฐกรสะดุ้งหันขวับ หัวใจพองฟูอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง“คุณพ่อให้แคทมาเยี่ยมพี่ดิวค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ดิฐกรมองน้องสาวของศัตรูหัวใจที่มาเยี่ยมเขาเกือบทุกวัน พลางแอบบ่นในใจคนที่อยากให้มาก็ดันไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากเจอกลับขยันมาเสียจริงๆ ทำไมเขาจะไม่รู้แผนของบิดาสุดที่รักกับเพื่อนสนิทของท่านที่ต้องการจับคู่ให้เขากับผู้หญิงสุดเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าก็ถ้าหัวใจมันมูปออนกันได้ง่ายๆ เขาคงหาเมียใหม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอเมียเก่าใจอ่อนให้อภัยมาจนถึงวันนี้รอเหมือนโดนสาป ขนาดเจอแล้วก็ยังต้องรอเหมือนเดิม“ผมดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คุณแคทไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้นะครับ”แคทรียาถอนใจอย่างลำไย เธอเองก็ใช่ว่าอยากมา แต่เพราะโดนพ่อกับแม่บังคับให้มาหรอก จะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวระเบิดลง แล้วเธอก็จะโดนตัดออกจากกองมรดกเสียก่อนแถมเรื่องราวของดิฐกรในงานวันเกิดของคุณเมธาก็ดังกระฉ่อนเข้าหูเธอขนาดนั้น ทำให้รู้ว่าที่แท
ฝ่ายคีรินที่พาสองแม่ลูกกลับมาส่งถึงบ้าน เขาก็ช่วยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปส่งถึงห้องนอน โดยมีมิรันดาเดินตามมาด้านหลัง“ขอบคุณพี่คิมมากนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้มี่ทำให้พี่ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”“พี่ยินดีวุ่นวาย หากเป็นเรื่องของมี่กับลูก แล้วมี่ล่ะ...”“มี่ทำไมเหรอคะ”“มี่จะยอมให้พี่ผ่านโปรของเราได้หรือยังครับ” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง“พี่รอได้ แต่ไม่อยากรอแล้ว เรื่องวันนี้ทำให้พี่อยากได้สิทธิ์ในการปกป้องดูแลมี่กับน้องมิว ไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจได้อีก พี่รักมี่ แต่งงานกับพี่นะครับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้น คำที่เธอเคยอยากให้ดิฐกรพูดกับเธอมาตลอด แต่แล้วกลับเป็นผู้ชายตรงหน้าที่พูดมันออกมา เขาขอเธอแต่งงาน และบอกรัก ถึงจะไม่โรแมนติก แต่เมื่อมองสบตากันเธอก็รับรู้ได้ถึงความจริงในที่เขามีให้“มี่รังเกียจพี่หรือเปล่า หรือว่า...ยังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ มี่ไม่ได้รักพี่ดิวแล้ว ไม่ได้รักนานแล้ว” คราวนี้หญิงสาวตอบอย่างมั่นใ
ดิฐกรถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา มิรันดาและคีรินที่พาเขามาส่งโรงพยาบาลนั่งรอหน้าห้อง ชุดเดรสแสนสวยตอนนี้มีคราบเลือดคราบเลอะติดเป็นหย่อมๆ หากเจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจ ในสมองยังคงคิดถึงภาพตอนที่คนเจ็บนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอย่างน่าตกใจเมื่อครู่ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คีรินจึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับได้ไว ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนย้ายเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักกว่าเดิม“แม่คะ คุณลุงคนนั้นจะตายไหมคะ” คำถามของลูกน้อย ทำให้ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจของมิรันดาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างเธอเกลียดในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอจนไม่อยากให้อภัยก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายตายจริงอย่างที่ลั่นปากไป“ไม่หรอกลูก คุณลุงต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” คีรินปลอบขวัญ“คุณลุงคนนั้นเขาเป็นพ่อน้องมิว จริงๆ เหรอคะแม่มี่”คำถามนั้นเสียดลึกเข้าไปในอก กับความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเลิกกันแล้ว แม้เขาจะเคยไม่ต้องการมีลูกกับเธอ แต่เด็กหญิงของขวัญก็คือลูกสาวของดิฐกร ไม่ม
“ทำไมหนูถึงว่าคุณลุงคนนั้นใจร้ายล่ะคะลูก” “ก็เขาเคยมาที่บ้านน้องมิว แล้วก็รังแกแม่มี่ของหนูจนร้องไห้เลย น้องมิวไม่ชอบเขา เขานิสัยไม่ดี” คุณดารณีได้ฟังก็งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้อง หันไปมองหน้าลูกชายคนกลางอย่างคาดคั้น“นี่มันเรื่องอะไรกันตาดิว ลูกทำแบบที่น้องมิวว่าจริงเหรอ ทำไปทำไม” “ผม...เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” คำนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไป “มี่คือเมียผม แล้วก็น้องมิวก็เป็นลูกของผมแล้วก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณแม่ครับ” “หา! ว่าไงนะตาดิว” คุณดารณีเบิกตาค้างอย่างตื่นตะลึง โชคดีที่แขกเหรื่อเข้างานกันหมดแล้วเหลือแต่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” คีรินกุมมือหญิงสาวไว้แน่น มืออีกข้างก็เอื้อมไปจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไว้ “มี่คือคนที่ผมเคยบอกแม่ เธอเป็นเมียผม แต่เราเลิกกันไปเพราะเข
“ตาคิมเขาพาแฟนมาอวดน่ะสิคุณดา คนนั้นไง” คำนั้นทำให้คุณดารณีหันไปมองที่หญิงสาวข้างกายคีรินทันที “เอ๊ะ! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะหนู” มิรันดาเองก็จำได้ตั้งแต่เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน“ใช่ค่ะ เจอกันที่โรงพยาบาล” “จริงด้วย ป้าจำได้แล้ว นี่ไงคะแม่หนูที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าช่วยฉันตอนโดนชนจนล้มข้อเท้าพลิกที่โรงพยาบาลไง ตายจริงโลกกลมเหลือเกิน ตาดลลูกก็จำน้องได้ใช่ไหม”“จำได้ครับแม่” ดลธวัชส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้มีพระคุณของแม่“แล้วเจ้าแก้มยุ้ยคนนี้ใครจ๊ะ หน้าตาน่าเอ็นดูจริงเชียว” คนอยากมีหลานสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก “แต่เอ...แม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” คุณดารณีครุ่นคิด หากแล้วสายตาก็หันไปเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาพอดีจึงคิดออก“นึกออกแล้ว หน้าเหมือนตาดิวตอนเด็
เขาอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่คีรินเหลือเกิน แต่ยิ่งทำอย่างที่ใจต้องการ ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนเธอจะยิ่งไกลห่างออกไปทุกที ดูจากที่ร้านไอศกรีมวันนี้ ขนาดนั่งใกล้กันมิรันดายังแทบไม่มองหน้า ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เธอทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศไร้ตัวตน แล้วจู่ๆ คำพูดของพิรามก็ดังขึ้นในหู‘มูปออนง่ายกว่ามั้งเพื่อน’หรือเขาควรทำเช่นนั้น แต่จะให้ตัดใจจากเธอและลูกยังไง มือหนาหยิบสร้อยรูปจี้หัวใจขึ้นมาดูอย่างปวดใจ“ต้องทำยังไง มี่ถึงจะให้อภัยพี่เสียที พี่ต้องทำยังไง...” เย็นวันต่อมา คีรินก็มาถึงบ้านของหญิงสาวตรงตามเวลานัดเป๊ะ“ลุงคิมมาแล้ว โห...วันนี้หล่อจัง” เด็กหญิงของขวัญทำตาโตมอง ปกติเวลามาหาสองแม่ลูก เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตแบบไม่สวมสูทเพื่อเป็นกันเอง แต่วันนี้เขาใส่ทักซิโด้หล่อเต็มยศ“ไงครับคนสวยของลุง ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยได้ไหม”