“หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบเอ็ดล้านกว่า!” มิรันดาถึงกับน้ำตาแตกเมื่อได้เห็นจำนวนเงินในสมุดบัญชีที่เธอเพิ่งเปิดใหม่หมาดๆ เพื่อรับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งถึงสองใบ มูลค่าถึงสิบสองล้าน ที่แม้โดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปไม่น้อย ทว่าก็ยังเหลือมากเกินกว่าที่เธอเคยคิดฝันว่าจะมีได้ในชีวิต เมื่อรวมกับเงินเก็บที่มีตอนนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอดตายหรือว่าต้องง้อใครอีกแล้ว“ตัวเล็กลูกแม่ เรารอดแล้วลูกรัก” มิรันดากระซิบกับคนที่อยู่ในท้องอย่างมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่เลิกกับพ่อของลูกมา โชคใหญ่คราวนี้ทำให้ความกังวลต่างๆ ในใจมันหายไปหมดจนนึกอยากจะร้องออกมาเป็นเพลงดังๆเงินที่ได้มาเธอตั้งใจจะใช้เพื่ออนาคตของตัวเองและลูก แต่กระนั้นก็ไม่คิดประมาท เคยได้ยินมาว่าเงินจากการถูกหวยนั้นเป็นเงินร้อนอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหมด เธอจึงต้องคิดหาทางทำให้เงินที่มีงอกเงย แต่ระหว่างนี้ก็คงต้องทำงานประจำต่อไปก่อน จนกว่าจะคิดออกว่าต้องการทำอะไรต่อไปแล้วค่อยลาออกตอนนั้นก็ยังไม่สายต่อให้เธอไม่ต้องมีดิฐกรในชีวิต ก็ไม่ทำให้เธอกับลูกต้องลำบากอีกต่อไป ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีคนมาช่วยใช้เงินที่ได้มา หากอีพี่ดิวรู้ว่า
“คุณไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลหน่อยดีไหมครับ”“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ตกใจ ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่คุณเบรกทัน ไม่งั้นฉันกับลูกคงแย่แน่”“ลูก...” ชายหนุ่มทวนคำ พลางมองสำรวจเจ้าของเรือนร่างเพรียวตรงหน้าอย่างแปลกใจ“พอดีฉันกำลังท้องอยู่น่ะค่ะ เอ่อ...งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”“คุณจะไปที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งดีไหม”“โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะคะ งั้นฉันขอตัวก่อน”หญิงสาวรีบบอก พร้อมกับหันไปโบกเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี ก่อนหันไปมองคู่กรณีอีกหนถึงเขาจะหน้าตาดี ขับรถคันโก้ แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดี ไม่ควรไว้ใจทางวางใจคน เพราะขนาดคนที่เคยไว้ใจยังหักหลังกันได้เลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่รู้จักล่ะเพียงไม่นานมิรันดาก็มาถึงบริษัท หญิงสาวรีบลงจากรถแท็กซี่แล้วเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่แล่นตามมาจอดด้านหลังติดๆดวงตาคมกริบมองตามแผ่นหลังของคู่กรณีสาวที่เขาเกือบขับรถชนอย่างแปลกใจ เธอทำงานที่นี่ด้วยงั้นหรือพอคิดถึงดวงหน้าหวานในยามตื่นตกใจ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ด้วยความเอ็นดู ยอมรับว่าสวยสะดุดใจ หน้าตาก็ตรงสเปก แต่น่าเส
การประชุมเริ่มจากแนะนำหัวหน้าแผนกต่างๆ และถามไถ่เรื่องทั่วๆ ไปของแต่ละแผนก มิรันดานั่งฟังเพลินๆ หากเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปทางหัวโต๊ะก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสายตาของใครบางคนที่มองตรงมาที่หลังห้อง ไม่รู้มองใคร พอเธอจ้องกลับ เขาก็เบนสายตาไปทางอื่น“แก...เห็นสายตาผู้จัดการคนใหม่ไหม เมื่อกี้เขามองฉันด้วย”“มองแกที่ไหน มองฉันต่างหาก” ขาเม้าท์ที่นั่งข้างๆ กระซิบกระซาบกันคิกคัก ทำให้คนไม่ตั้งใจได้ยินเผลอยิ้มไปด้วยไม่ได้ไม่ต้องว่าใคร ดูวันวิสาหัวหน้าแผนกของเธอเสียก่อน นั่งมองคนหล่อตาเยิ้มเชียว ใจลอยจนกระทั่งไม่ได้ยินคำถามจากผู้จัดการคนใหม่ จนลูกน้องที่นั่งข้างๆ ต้องรีบสะกิด“คะ เมื่อกี้ผู้จัดการถามว่าอะไรนะคะ”ดวงตาเข้มคมมองไปที่คนไม่ตั้งใจฟังนิ่งๆ หากกลับทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันใด“ผมถามว่ายอดขายของทีมหนึ่งเมื่อเดือนก่อนเพิ่มขึ้นหรือลดลงกี่เปอร์เซนต์ครับ”มิรันดาเห็นอาการเลิ่กลั่กของคนถูกถามก็พอรู้ ว่ารายงานที่อีกฝ่ายใช้เธอทำไปหลายวันก่อน วันวิสาไม่ได้อ่านทบทวนมาด้วยซ้ำ ขอแค่ได้มีส่งให้ผู้จัดการเสร็จก็จบกัน ส่วนคนทำอย่างเธอก็ดันนั่งอยู่เสียหลังห้อง จะกระซิบหรือส่งซิกซ์คำตอบให้ก็ลำบากคร
“อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง...”“หรือคุณกลัวว่าพ่อของลูกจะเข้าใจผิด จะโทรบอกเขาก่อนก็ได้นะ”คำถามนั้นมาพร้อมใบหน้าใครบางคนที่เธอต้องรีบปัดมันออกไปจากสมองอย่างหงุดหงิด“ไม่ค่ะ! ไม่ได้กลัว ไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นซิงเกิลมัม...”เผลอพูดไปแล้วก็ฉุกใจนึกขึ้นได้ ไปบอกเขาทำไมล่ะนี่ ยังไงอีกฝ่ายก็คนแปลกหน้า ไม่สิ ตอนนี้เป็นเจ้านายเธอด้วยเขาจะหาว่าเธออ่อยไหมวะ“เอ่อ คือฉันไม่ได้...”“งั้นก็เอาตามนี้นะครับ”“คะ เอาอะไรคะ”“ก็เย็นนี้ผมจะพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกันเพื่อความสบายใจของผม อ้อ ขอเบอร์มือถือคุณหน่อยได้ไหม เผื่อจะได้นัดว่าเย็นนี้จะเจอกันที่จุดไหน”มิรันดาถึงกับอึ้งที่โดนอีกฝ่ายมัดมือชก หากเป็นคนอื่นเธอคงปฏิเสธออกไปง่ายๆ แต่คนตรงหน้าเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ เธอมันพนักงานเล็กๆ จะไปทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการคือบอกเบอร์มือถือไปโดยดีคีรินกดเมมเบอร์โทรของอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับโทรออก“นั่นเบอร์ผม คุณเมมไว้หน่อยแล้วกัน หากมีอะไรให้ช่วยก็โทรมาได้ หรือจะแอดไลน์ผมไว้ก็ได้นะ”ใครจะไปกล้าทำแบบนั้นกันล่ะ หญิงสาวค่อนขอดในใจ“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะค
“อีมี่!”“หยุดค่ะ อย่ามาขึ้นไอ้อีกับฉัน ถ้าจะด่าก็ควรด่าตัวเองที่ไม่ได้เรื่องมากกว่า”“แก...คอยดูนะ ฉันจะรายงานเรื่องแกกับผู้จัดการ ให้เขาไล่แกออก”มิรันดากลอกตาอย่างเซ็งๆ กับไม้ตายเดิมๆ ที่อีกฝ่ายเคยใช้มาข่มขู่คนอื่น เธอเองพอได้ระบายสิ่งที่เก็บกดในใจมานานออกมา ก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่ออยู่แล้ว ขืนทำงานกับหัวหน้าผีบ้าแบบนี้ ก็อาจทำให้เสียสุขภาพจิตจนส่งผลถึงลูกในท้อง หรือไม่ก็คงได้ฟาดฟันกับหัวหน้าอย่างวันวิสาจนไม่ใครก็ใครได้ตายกันไปข้างหนึ่งสักวัน“ได้ค่ะ รายงานเดี๋ยวนี้เลยไหม แต่ถ้าจะไล่ออกแบบไร้เหตุผล ฉันก็จะได้เรียกเงินชดเชยหนักๆ แล้วอย่าคิดว่าตัวเองฟ้องเป็นคนเดียว คนที่ชอบกดขี่ข่มเหงลูกน้อง ทำงานเอาหน้าแบบคุณนี่ ฉันก็ไม่อยากทำงานด้วยเหมือนกัน”“พี่มี่...”ดาวถึงกับตาค้าง เมื่อเห็นมุมเอาเรื่องของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่จนอยากจะตีลังกาปรบมือให้ถ้าไม่ติดต้องถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปน่ะนะเมื่อใช้ไม้ขู่ไม่ได้ วันวิสาก็หันรีหันขวาง ยิ่งมองเห็นสายตาลูกน้องในแผนกที่มองมาอย่างเห็นด้วยกับมิรันดา ก็ยิ่งรู้สึกของขึ้น ตามองใบหน้าสวยหวานแทบถลน หากขู่ไล่ออกไม่ได้ผล ก็คงเหลือวิธีเดียวที่จะระบายโทสะได้“แก!”
“ไง เจ้าตัวเล็กของแม่ ขอโทษนะที่แม่ทำให้หนูตกใจอีกแล้ว แต่คราวหน้าแม่สัญญาว่าจะระวังให้มากกว่านี้นะคะคนดี” มือบางลูบไปที่หน้าท้องที่เริ่มมีความนูนให้เห็นเพียงไม่นานคีรินก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงยาในมือ เขายื่นมือมาช่วยประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นอย่างอ่อนโยน จนเธอแอบเกรงใจ“คิดไว้หรือยังครับว่าจะพาผมไปดินเนอร์ที่ไหนดี”“ผู้จัดการ...”“อะแฮ่ม! ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่บริษัท เรียกใหม่ครับ”มิรันดามองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งรู้จักแค่เพียงวันเดียวอย่างครุ่นคิดจีบเปล่าวะเนี่ยฮื้อ...ไม่หรอกมั้ง เขาออกจะหล่อ โพรไฟล์ก็เริ่ด จะมาสนใจอะไรกับคนท้องอย่างเธอ ถึงจะท้องแบบไร้พันธะแล้วก็เถอะ ไปหาสาวโสดสวยๆ คนอื่นไม่ดีกว่าหรือ พอคิดได้ดังนั้นก็สบายใจขึ้น“คุณคิม”“ว่าไงครับผม”“คุณนี่...” หญิงสาวรีบหลบลูกตาวาวๆ ที่มองมา เหาตัวใหม่นี่ดูท่าจะหว่านเสน่ห์เก่งเหลือเกิน“ผมทำไมเหรอ”“คิดจะไปกินข้าวกับมี่ ไม่กลัวคนที่บ้านว่าเหรอคะ”“ใครจะมาว่าคนโสดอย่างผม”“โสดเนี่ยนะ” มิรันดาแกล้งทำตาโตใส่ “ใครจะไปเชื่อ”“ใครไม่เชื่อก็ช่าง แค่คุณเชื่อคนเดียวก็พอ”คำนั้นทำเอาคนฟังเหวอ มองสบตาคนพูดค้างนอกจากมีโชคเรื่องห
คีรินรับรู้ถึงแรงสั่นสะท้านจากคนข้างกายเพราะคำถามนั้น เขาจึงตัดสินใจดึงมือนุ่มเย็นเฉียบมากุมไว้ราวกับส่งกำลังใจให้ มิรันดาเงยหน้ามองสบตาเจ้าของมืออบอุ่นอย่างซึ้งใจ รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เขาส่งมาให้ราวกับเป็นหลักให้เธอยึดเกาะในยามยาก ทั้งที่เขาควรไม่พอใจที่โดนเธอยืมมือมาประชดอดีตคนเคยรักด้วยซ้ำดิฐกรตาวาวโรจน์เมื่อเห็นภาพอันบาดใจนั่น ต่อหน้าผัวยังมาสบตาผู้ชายคนอื่นแบบนี้ มิรันดาเห็นเขาอยู่ในสายตาบ้างไหม“ว่าไงล่ะ ก่อนหรือหลัง”“เรื่องนั้นสำคัญด้วยเหรอครับ” เป็นคีรินที่ตอบแทน“สำคัญสิ ถ้าคบกันก่อนเลิก ก็คือการคบชู้นอกใจ แต่ถ้าหลังเลิก คุณก็คงไม่ปกติ”“ไม่ปกติ...ยังไงเหรอครับ”“ก็ไม่ปกติตรงที่...ชอบกินของเก่าที่คนอื่นคายทิ้งแล้วน่ะสิ”“ของเก่างั้นเหรอ?”มิรันดาฟังแล้วของขึ้น นึกอยากจะข่วนหน้าคนพูดให้แหกยับเยินคามือ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด มืออุ่นๆ ก็กระชับมือเธอไว้แน่นขึ้นเหมือนช่วยดึงสติให้กลับคืนมา“คุณพูดเหมือนเสียดายเลยนะครับ”ดิฐกรสะอึกอึ้ง หน้าเปลี่ยนสี เมื่อถูกแทงใจดำจังๆ“เหอะ เสียดายทำไม ผมก็แค่เห็นใจคุณต่างหาก”“เห็นใจตัวเองดีกว่าครับ”“หมายความว่าไง”“ของที่คุณทิ้งขว้างเพราะ
เลิกกันไม่ทันไร ยัยนั่นก็ท้องกับผู้ชายคนใหม่แล้วเหรอ แต่มันเร็วไปไหม แล้วถ้าหากสองคนนั่นคบกันก่อนหน้าที่จะเลิกกับเขาล่ะ ลูกในท้องนั่นมันควรจะเป็นลูกใครกันแน่ไม่ได้การ เขาต้องได้คำตอบจากมิรันดาเดี๋ยวนี้ หาไม่คงค้างคาใจไปอีกนานเป็นแน่ไวเท่าใจคิด แทนที่เขาจะเดินไปพบแพทย์เพื่อตรวจอาการประหลาดอย่างที่ตั้งใจมาแต่แรก ดิฐกรกลับเบนเท้าเดินจ้ำอ้าวตามทางที่คนทั้งสองเดินจากไปแทน ทันเห็นทั้งสองขึ้นรถคันหรูแล้วขับออกไป ทำให้เขาต้องรีบโบกเรียกแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านเข้ามา“ตามรถคันนั้นไป”ตั้งแต่รถแล่นออกจากโรงพยาบาล มิรันดาก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา คีรินหันไปมองหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาเป็นห่วงระคนเห็นใจอย่างที่ไม่เคยมีความรู้สึกนี้กับใครมาก่อนตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แย่ๆ ที่บริษัท แล้วไหนจะเรื่องที่โรงพยาบาลอีก ยิ่งเขาได้เห็นได้ยินสิ่งที่ ‘คนในอดีต’ ของเธอพูดและแสดงออกมาแบบนั้น เป็นคนอื่นคงรับมือไม่ไหว ไม่ก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมาแล้วทว่าจนถึงเดี๋ยวนี้เขาก็ยังไม่เห็นน้ำตาของผู้หญิงข้างกายสักหยด หากนั่นกลับทำให้เขายิ่งเป็นห่วงกว่าเดิม เพียงแต่ก็ไม่อยากถามละลาบละล้วงในสิ่งที่เจ้าตัวไม่อยากเล่า แต่หาก
“ยิ้มปลื้มเมีย”“หา...”“เมียพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาโอบเอวเธอเข้ามาใกล้พร้อมกับกดจูบที่หน้าผากมนเบาๆ“ขอบคุณแทนน้องมิวด้วยนะครับ”ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นทันใด“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ น้องมิวก็ลูกแคทเหมือนกันนี่นา”นี่ก็อีก หลังจากที่เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอ แคทรียาก็กลายเป็นแม่แคทของหนูน้อยของขวัญไปอีกคน แถมยังเข้ากับมิรันดาเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียด้วย ซึ่งทำให้เขาสบายใจไปได้อีกเปราะไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงตามมาในภายหลังภาพความหวานชื่นระหว่างสองสามีภรรยาทำให้ใครต่อใครที่เห็นแอบชื่นชมในความเหมาะสม ยกเว้นก็เพียงแต่...เจนิสาชะงักไปนิดๆ เมื่อมองเห็นภาพสวีตของทั้งสองที่เดินเคียงคู่กันผ่านไป โดยไม่ทันเห็นเธอที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ดิฐกรในวันนี้ทั้งภูมิฐานและดูมีฐานะดีเธอมันตาต่ำสิ้นดี!หากในวันนั้นเธอไม่คิดสั้นทิ้งดิฐกรมา วันนี้คนที่เดินควงแขนเขาก็คงเป็นเจนิสาคนนี้ เธอคงสุขสบายมีสามีรวย ไม่ต้องอยู่อย่างลำบากน่าสมเพชต้องคอยรองมือรองเท้าให้ไอ้ผู้ชายสารเลวอย่างวรพลนั่นหญิงสาวกุมใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยแมสก์และแว่นสีดำไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นร่องรอยฟกช้ำท
หลังจากได้พยาบาลดีคอยดูแลอาการบาดเจ็บของดิฐกรก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำก็คือขอร้องให้คุณเมธาและคุณดารณีไปเจรจาสู่ขอแคทรียาถึงบ้าน“แน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวอาจริงๆ” คุณราเมศร์ถามด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนรอบข้างแอบลุ้นปนหวาดผวาแทนคนถูกถาม“แน่ใจครับ”“ไม่ใช่แค่อยากรับผิดชอบ”“ไม่ใช่ครับ”“ไม่ได้รักแบบน้องสาว”“ผมรักแคทแบบคนรักครับ ไม่ใช่น้องสาว” แคทรียาหันไปสบตากับคนพูดด้วยหัวใจที่พองโตคับอกคุณเมธาหันไปสบตากับภรรยาที่ยิ้มจนแก้มปริ เมื่อได้ยินลูกชายตัวดีสารภาพรักสาวแบบเต็มปากเต็มคำ เห็นทีว่างานนี้เธอจะได้ลูกสะใภ้สมใจแม่สุดๆ“แล้วลูกล่ะยัยแคท อยากแต่งหรือเปล่า” คุณราเมศร์หันมาทางลูกสาว“แต่งค่ะ” หญิงสาวตอบโพล่งโดยไม่ต้องคิด ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค้อน“ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอ ถึงยังไงเราก็เป็นฝ่ายหญิงนะ” คุณราเมศร์อ่อนอกอ่อนใจกับความมั่นของลูกสาวคนเล็ก“ก็แคทคิดมาแล้ว ในเมื่อเราสองคนรักกัน แล้วยังต้องรออะไรล่ะคะ อีกอย่างถ้าแคทคิดมาก เดี๋ยวท้องโตกว่านี้ ก็แต่งชุดเจ้าสาวไม่สวยกันพอดี”“ท้องโต!” คุณราเมศร์อุทานลั่น ในขณ
“อย่าหนีพี่ไปอีกเลยนะ”ดิฐกรมองสบตาเธอนิ่ง มวลความรู้สึกมากมายอัดแน่นในอกของเขาจนแทบจะล้นทะลักออกมา เกรงว่าหากเขาไม่พูดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก“พี่ไม่ใช่คนดี เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนโง่งี่เง่ามากๆ ด้วย”แคทรียาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่“ครั้งหนึ่งพี่เคยทำพลาดเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและกลัวการผูกมัด กลัวที่จะต้องแต่งงาน กลัวเสียอิสรภาพบ้าๆ บอๆ จนกระทั่งเสียคนที่พี่รักให้คนอื่นไปคนหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียคนที่พี่รักไปอีก...”ราวกับเวลาหยุดหมุนในชั่ววินาทีนั้น คำว่า ‘คนที่พี่รัก’ ของเขากระแทกใจเธออย่างจัง นั่นเขาหมายถึงใครกันคงไม่ใช่เธอหรอกมั้ง“พี่รักแคท เราแต่งงานกันนะ”สาวมั่นถึงกับตะลึงงัน เมื่อเจอคำบอกรักแบบสายฟ้าแลบ“แล้วพี่มี่ล่ะ พี่ดิวลืมพี่มี่ได้แล้วเหรอ”“หึงเหรอ” คนเจ็บแกล้งตีหน้านิ่งถาม“หึงอะไร อย่ามาหลงตัวเองนะ”“งั้นพี่หลงเมียแทนได้ไหม”แคทรียาอ้าปากค้าง“ไม่ต้องหึงแล้วตัวแสบ ระหว่างพี่กับมี่ เราเหลือแค่สถานะพ่อแม่ของน้องมิวเท่านั้น”เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่เคยได้ยินจากปากมิรัน
“ไม่! อย่าไปนะ อย่าทิ้งพี่...” ชายหนุ่มรีบรั้งเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี กลัวว่าหากปล่อยให้เธอไป เขาจะไม่ได้พบเธออีก เขาไม่อยากเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้า อีกทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันทำให้เขารู้แล้วว่าชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนโชคดีแค่ไหนที่เขาไม่ได้เสียชีวิตไป โชคดีแค่ไหนที่เขายังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาพบเธออีกครั้ง ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า และเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับความกลัวอย่างงี่เง่าของตัวเองอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแคทรียามองสบสายตาเขานิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เธอตัดสินใจหายตัวไปก็คิดว่าจะตัดใจและตัดเขาออกไปได้ เธออยากจะทำใจแข็งให้มากกว่านี้ อยากจะโกรธ อยากจะงอน อยากจะเล่นตัวให้มากกว่านี้ อยากจะหนีไปให้เขาร้อนรนตามหาให้นานกว่านี้ แต่ทุกอย่างต้องพังครืน เมื่อได้รู้ข่าวจากมิรันดาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล เธอก็ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้าไปเสียสิ้น ยิ่งเมื่อได้เห็นสภาพของเขาที่เป็นตายเท่ากัน หัวใจก็เจ็บปวดแทบแหลกสลาย“พี่...” เสียงเขาเบาหวิวทำให้เธอต้องขยับเอียงหูเข้าไปใกล้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร“พี่ขอโทษ...” หญิงสาวชะงักเมื่อได้ยินคำเดียวกับใ
“จริงสิคะ มี่เลยรีบโทรมาบอกพี่ดิวก่อนนี่ไง พี่ดิวก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วนะคะ กลับไปคิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงต่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”ดิฐกรอยากจะโห่ร้องดังๆ กับข่าวดีที่เพิ่งได้ยิน แคทรียากำลังจะกลับมา และในตอนนี้เขาก็มีคำตอบกับตัวเองแล้วเขารักเธอ! และจะไม่ยอมเสียเธอกับลูกไปเหมือนผู้ชายคนเมื่อกี้เด็ดขาดชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกินดิฐกรรีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนขามาลิบลับ ตอนนี้เขามีความสุขล้นปรี่ มีความหวังเต็มเปี่ยม โลกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นเพียงคิดว่าจะได้พบแคทรียา ผู้หญิงที่เขารู้ตัวแล้วว่ารัก และไม่อยากเสียเธอไปไม่ว่าอย่างไรปรี๊น!!!ชายหนุ่มคิดเพลินจนเผลอขับรถฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีเสียงแตรดังลั่นมาจากที่ไกลๆ เขาจึงได้สติรีบหันไปมอง ก็เห็นแสงไฟสว่างจ้ากำลังพุ่งตรงเข้ามา ดิฐกรตกใจสุดขีดจึงรีบหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางและชนเข้ากับต้นไม้จนรถแน่นิ่งไป พร้อมกับสติสัมปชัญญะของเขาที่ดับวูบไปในนาทีนั้นพร้อมกับสิ่งที่ติดค้างในหัวใจอยากเจอเธออีกสักครั้งหรือเขาจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว...“พี่ดิว...พี่ดิว...” ดิฐกรได้ยินเสียงหวานคุ้นหูของใ
‘ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะได้มีความสุขกับเขาเสียที หรือต้องรอให้สูญเสียก่อนอีกครั้ง พี่ถึงจะคิดได้ว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิต...’เท้าของเขาค่อยๆ ก้าวฝ่าทุกคนไปจนถึงร่างอันไร้วิญญาณที่นอนนิ่งคลุมผ้าขาวตรงหน้า“เข้าไม่ได้นะครับ คุณเป็นอะไรกับผู้เสียชีวิตครับ”คำว่าผู้เสียชีวิตทำให้เขารู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันใด ก่อนที่น้ำใสๆ จะรื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนทุกอย่างรอบกายพร่าเลือน หัวใจถูกบีบรัดอย่างแรงกับภาพที่เห็นตรงหน้าเขามันโง่! โง่ที่สุดในที่สุดความโง่งี่เง่านั่นก็พาให้เขาต้องพบกับจุดจบที่ต้องสูญเสียอีกครั้ง ครั้งแรกเป็นการจากเป็นที่ว่าเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า เพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีกต่อไปแล้ว เพียงคิดน้ำตาก็รื้นขึ้นมากลบนัยน์ตาจนพร่าไปหมด‘แล้วถ้าแคทบอกว่าต้องการความรักจากพี่ ต้องการให้พี่แต่งงานกับแคท ต้องการให้พี่เป็นทั้งสามีและพ่อของลูกแคท พี่ดิวทำได้ไหมล่ะ’คำถามนั่นย้อนกลับเข้ามาเล่นงานเขาในวันที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว“ผม...ผมเป็นสามีของเธอครับ” ริมฝีปากแห้งผากบอกออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบ
ไม่มีข่าวคราว ไม่กลับบ้าน ไม่ไปที่ร้าน โทรไปก็ปิดเครื่อง กระทั่งข้อความที่เขาส่งไปหานับร้อยนับพันก็ไม่ยอมเปิดอ่านตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะ เป็นตายร้ายดีอย่างไร “แล้วลูกล่ะ”“เข้านอนไปแล้วค่ะ พี่คิมเล่านิทานกล่อมก็พลอยหลับไปด้วย”“งั้นเหรอ” น้ำเสียงอ่อนล้าจนน่าใจหาย ทำให้มิรันดามองอดีตคนรักอย่างเห็นใจ“พี่ดิวก็กินข้าวกินปลาแล้วนอนพักเสียบ้างเถอะค่ะ”“อืม พี่ไม่หิว นอนไม่หลับด้วย เป็นห่วง...”“ห่วงตัวเองก่อนดีไหมคะ ดูหน้าเข้าซูบตอบเหมือนซอมบี้แล้วเนี่ย”คนหน้าเหมือนซอมบี้ลูบหน้าตัวเอง“ไม่เป็นไร พี่ยังไหว”มิรันดาได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของคนตรงหน้า“มี่ถามจริงๆ เถอะค่ะ ที่พี่ดิวกำลังทำอยู่ตอนนี้ เพราะอะไรกันแน่ แล้วถ้าพี่ดิวหาตัวน้องแคทเจอแล้วจะทำยังไงต่อคะ”“พี่...”คนถูกถามนิ่งไปเมื่อเจอคำถามแทงใจดำจนพูดไม่ออก“จริงๆ แล้วพี่แค่ห่วงลูกในท้องน้องแคทเท่านั้นใช่ไหมคะ แล้วถ้าน้องแคทไม่ได้ท้องกับพี่ล่ะ พี่ดิวจะยังตามหาน้องแบบนี้หรือเปล่า ไม่ต้องตอบมี่ก็ได้ แต่พี่ตอบตัวเองแล้วกันว่าต้องการอะไรกันแน่”“มี่...”“ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ถ้าพี่ดิวมัวแต่คิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่แล้วเมื่อไหร่จะไ
ดิฐกรรีบไปที่บ้านมิรันดาตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งที่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่คิดฟุ้งซ่านเรื่องของเขากับแคทรียาจนนอนไม่หลับ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องอกแตกตายแน่แต่ทว่า...“น้องแคทไปแล้วค่ะ”ดิฐกรหัวใจกระตุกวูบอย่างแรง“ไป...ไปไหน”“มี่ก็ไม่รู้ค่ะ พอตื่นมาน้องก็ไม่อยู่แล้ว นี่พี่คิมก็โทรไปถามที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าไม่ได้กลับไป ทางนั้นเองก็กำลังร้อนใจเหมือนกัน” มิรันดาตอบด้วยสีหน้าหนักใจ“แล้วที่ร้านเขาล่ะ” ชายหนุ่มหมายถึงร้านเวดดิ้งสตูดิโอ เธออาจจะมีงานด่วนต้องรีบไปที่ร้านแต่เช้าก็ได้“มี่โทรเช็กแล้วค่ะ น้องก็ไม่ได้ไปเหมือนกันค่ะเห็นพนักงานบอกว่าน้องแคทเขาพักร้อน อ้าว นั่นพี่คิมมาพอดี” ดิฐกรหันขวับไปมองคนเพิ่งลงจากรถด้วยสีหน้าตึงเครียดผิดจากที่เคย“เป็นไงบ้างคะพี่คิม หาน้องแคทเจอไหม”“ไม่เจอเลย พี่ลองถามรปภ.ที่หน้าหมู่บ้าน เห็นว่ามีรถแท็กซี่เข้ามาตอนตีสี่ แล้วตอนออกไปก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งด้านหลัง พี่คิดว่าน่าจะเป็นน้องแคท ก็เลยจดทะเบียนรถแท็กซี่นั่นให้ตำรวจช่วยตามหาตัวคนขับอยู่”“แล้วบ้านเพื่อนล่ะ เขาอาจจะนั่งแท็กซี่ไปหาเพื่อนสักคนก็ได้”“
“งั้นน้องมิวจะช่วยอาแคทซ่อนไม่ให้พ่อดิวหาเจอ ไม่สิ น้องมิวไปซ่อนในห้องกับอาแคทด้วยดีกว่า” ว่าแล้วเด็กน้อยก็วิ่งตื๋อเข้าไปในห้องอีกคนจนทำให้คนเป็นแม่ถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่หันไปสบตาสามีเป็นเชิงปรึกษา“เอาไงดีคะพี่คิม”“เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูเอง มี่ดูแลทางนี้แล้วกัน”คีรินบอกพลางเดินตรงไปเปิดประตูบ้านให้แขกไม่ได้รับเชิญ“คุณคิม แคทล่ะ แคทอยู่ที่นี่ใช่ไหม”แทนที่จะถามถึงลูกสาวหรือมิรันดาก่อนเหมือนเช่นทุกครั้ง อีกฝ่ายกลับถามหาน้องสาวของเขาแทนเสียนี่“ทำไมเหรอครับ คุณมีธุระอะไรกับน้องสาวผมงั้นหรือ” ดิฐกรสะอึกอึ้งไปเมื่อเจอคำถามจากอีกฝ่าย“แคทอยู่ด้านในใช่ไหม”“ครับ” คีรินพยักหน้ารับ“งั้นผมขอเข้าไปคุยกับเขาหน่อย”“ผมว่าวันนี้คุณกลับไปก่อนดีกว่านะ”ดิฐกรรับรู้ได้ถึงความตึงในน้ำเสียงที่ผิดไปของชายหนุ่มผู้เป็นศัตรูหัวใจ หรือว่าแคทรียาจะบอกอะไรกับพี่ชายตัวเองไปแล้ว“แคทบอกพวกคุณแล้วใช่ไหม”“บอกเรื่องอะไรเหรอครับ” คีรินย้อนถามหน้าตาย“ก็เรื่อง...”“ท้อง...” ดิฐกรชะงักกึก“คุณรู้แล้วเหรอ”“ครับ ผมกับมี่รู้แล้ว แล้วน้องแคทบอกคุณหรือเปล่าล่ะว่าใครเป็นพ่อของเด็ก หรือว่าจะเป็นเจ้าแฟนเก่าที่เลิกไปนั่น”