“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”
คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่
“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”
ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หาย
มิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้น
พอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง
“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”
มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อมกันอย่างหวานชื่น ต่อให้เขาจะใช้แรงฟัดเธอไปหลายยกหรือเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม ต่อให้ต้องมีประชุมเช้าเขาก็ไม่เคยบ่นเหนื่อยหรือรำคาญเธอแบบนี้ เขาอึดมากในเรื่องบนเตียง
แต่มาระยะหลังๆ มิรันดาก็เริ่มจะสังเกตเห็นบ่อยครั้งที่แฟนหนุ่มไม่ค่อยอยากทำการบ้าน หรือถ้าจะทำก็เหมือนฝืนๆ ทำให้จบๆ อย่างขอไปที หลายครั้งแทบไม่เล้าโลมให้เธอพร้อมก่อนเสียด้วยซ้ำ เมื่อก่อนกี่ยกก็ไม่บ่น มีอะไรกันสามวันสามคืนติดเขาก็ยังไหว แต่เดี๋ยวนี้เหรอ ยกเดียวก็จอดแล้ว บางทีก็ทำไปแกนๆ แถมยังทำรำคาญเวลาเธอสะกิดให้ทำการบ้านเสียอีก
หรือนี่มันจะเป็นสัญญาอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์ระหว่างเรากันแน่
สัญญาที่เขาให้ไว้ว่า ถ้ารวยเมื่อไหร่จะมาขอเธอแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้ก็ไร้วี่แวว ถึงเขาไม่รวย เธอก็ไม่ได้ซีเรียสขอแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็พอใจ แต่มาตอนนี้เธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็อยากได้ความมั่นคงมั่นใจในชีวิตคู่บ้าง
“พี่ดิว นี่เราคบกันมากี่ปีแล้ว...”
คนถูกถามทำเสียงจิ๊จ๊ะรำคาญ
“ถามทำไม พี่เหนื่อยจะตาย ง่วงด้วย”
มิรันดากรอกตามองบน พลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย
“สี่ปี...เราคบกันมาตั้งสี่ปีแล้ว”
“อ้อ เหรอ...ก็นานดีนะ”
ชายหนุ่มหลับหูหลับตาพูดโดยไม่หันไปมองสีหน้าของแฟนสาวจนกระทั่งได้ยินคำถามถัดมา
“มี่ว่าเราแต่งงานกันเสียทีดีไหม”
คำถามนั้นทำเอาความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง
“หา!”
“แล้วนี่เมื่อไหร่พี่ดิวจะพามี่ไปแนะนำกับที่บ้านสักทีล่ะคะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกหญิงสาวที่รักทวงถาม
สี่ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเอ่ยถึงครอบครัว ไม่เคยคิดจะชวนเธอไปที่บ้าน หรือแนะนำคนในครอบครัวให้รู้จัก
เอาไว้ก่อน
เดี๋ยวก็ได้
พี่ยังไม่ว่าง
เขาบอกปัดกันตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจหรือคิดมาก
“ทำไมล่ะ อยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้วไม่ใช่หรือ มี่ยังอยากได้อะไรอีก”
ความสุขงั้นหรือ...
มิรันดาเหยียดยิ้มขื่นขม หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะไม่เดือดร้อนอะไรกับการแต่งงานที่ว่า ก็คงอยู่ตามยถากรรมกับเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ ต่อให้อดมื้อกินมื้อก็ไม่ว่า ขอแค่มีเขาอยู่ด้วยกันเธอก็พอใจ
จนกระทั่งเธอได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เพื่อนสนิทในกลุ่มคนล่าสุดที่แต่งงานไปเมื่อหลายวันก่อน มันก็ทำให้เริ่มคิด การอยู่ด้วยกันโดยไม่มีหลักประกันให้สบายใจ บางทีมันก็ทำให้เธออดระแวงไม่ได้ เมื่อดิฐกรเองก็ไม่ได้ขี้เหร่ ออกจะหล่อเหลา ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นเขายิ่งดูดี
‘เมื่อไหร่แกกับพี่ดิวจะแต่งงานกันเสียทีล่ะมี่ คบกันมาตั้งหลายปีแล้ว คบกันก่อนทุกคนในกลุ่มเราอีกนะ ดูยัยมุกสิคบทีหลังก็แต่งก่อนไปแล้ว’ คำถามจากนิลุบลเพื่อนสนิทในกลุ่มทำให้เธอแอบสะอึกในใจอยู่เหมือนกัน
‘พี่ดิวเขายังไม่พร้อมน่ะสิแก’
‘อะไรคือไม่พร้อม แกกับเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี งานการก็มีทำทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อไหร่พี่เขาจะพร้อมล่ะ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้นะแก’
คำพูดนั้นยิ่งกว่าโดนตบจนหน้าหัน เพราะสิ่งที่เพื่อนว่ามามันจริงทุกดอก
‘แล้วจะให้ฉันทำยังไง ขอเขาแต่งงานเองเลยดีไหม’
‘แก ฉันไม่ได้ว่านะ ผัวแกก็ไม่ใช่จะขี้เหร่ พี่ดิวของแกน่ะหล่อจะตาย ไปทำงานแกว่าจะไม่มีผู้หญิงมาแอบเหล่แอบมาชอบเขาบ้างเหรอ’
มิรันดาถึงกับนิ่งไป หัวใจว้าวุ่น เธอไม่เคยคิดระแวงแฟนหนุ่มเลย เพราะเชื่อใจเขา เชื่อว่าเขาจะรักษาสัญญาที่ให้กัน แต่เมื่อมีคนสะกิดก็ทำให้อดคิดขึ้นมาบ้างไม่ได้
‘แกก็ลองคุยกับพี่เขาดูสิ แต่งงานกันไม่ก็จดทะเบียนกันเหนียวไว้ก่อนก็ยังดี อย่างน้อยถ้ามีใครมาวอแวผัวแก จะได้เอาใบทะเบียนสมรสไปฟาดหน้ามันให้หงายว่านี่ผัวฉันจ้ะเธอไม่มีสิทธิ์’
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม