“แล้วแกจะเอาไง จะเลิกกันทั้งที่มีลูกด้วยกันแบบนี้เหรอ”
คำถามนั้นมิรันดาก็ถามตัวเองตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว แต่กลับไม่มีคำตอบอื่นใดนอกจาก...
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉันคงไม่เอาลูกออกแน่ เขาไม่อยากได้ก็ช่าง ลูกฉันทั้งคน ฉันเลี้ยงเองก็ได้”
“แต่เลี้ยงลูกคนเดียวมันเหนื่อยนะเว้ย กว่าจะโตต้องใช้เงินเท่าไหร่ แกดูฉันสิ ขนาดมีคนช่วยเลี้ยงทั้งผัว ทั้งพ่อแม่ผัว พ่อแม่ตัวเอง ไหนจะจ้างพี่เลี้ยงอีก ฉันยังแทบสลบเลย ตั้งแต่มีลูกมาฉันแทบไม่รู้จักคำว่านอนตื่นสาย ไม่ได้ช็อปปิ้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเลยเพราะต้องเก็บเงินให้ลูก ฉันว่าแกลองคุยกับผัวแกอีกทีดีกว่า เป็นซิงเกิ้ลมัมมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะแก”
มิรันดาคิดภาพตามที่เพื่อนสาธยายก็แอบนึกหวั่นใจ แต่เมื่อนึกถึงผัวเฮงซวยที่ตัดรอนเธออย่างเลือดเย็นในวันนั้นขึ้นมา หญิงสาวก็ถอนใจ
“ไม่คุยแล้วล่ะ แกมาช่วยฉันหาที่อยู่ใหม่ดีกว่า”
“อะไร แกจะย้ายออกจากคอนโดนี้งั้นเหรอ” คนเป็นเพื่อนถามเสียงดังลั่น
“ก็นี่มันคอนโดเขา ชื่อเขา เขาเป็นคนดาวน์คนผ่อนนี่นา เลิกกันแล้วฉันจะหน้าด้านอยู่ที่นี่ได้ไง เกิดเขามีเมียใหม่แล้วพาเข้ามา ฉันจะทำไงล่ะ อยู่แบบเป็นส่วนเกินงี้”
พูดเองก็เจ็บเอง เมื่อคิดว่าผัวเฮงซวยนั่นจะพาผู้หญิงอื่นเข้ามาทับที่เธอ หากวันนั้นมาถึงแล้วเขาไล่เธอออกจากบ้านต่อหน้าเมียใหม่คนนั้นล่ะ เธอจะเอาหน้าไปไว้ไหน
สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
“เออๆ เดี๋ยวฉันถามผัวฉันให้แล้วกัน เพื่อนเขาเป็นเซลล์ขายคอนโดอยู่คนหนึ่ง”
“แพงไหมแก ฉันว่าแค่อยู่ห้องเช่าหรืออะพาร์ตเมนต์ไปก่อน พอเก็บเงินได้ค่อยย้ายน่าจะเข้าท่ากว่านะ”
“งั้นไปอยู่บ้านฉันก่อนไหมล่ะ” คนเป็นเพื่อนบอกอย่างใจป้ำ
มิรันดาส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ ฉันเกรงใจแก ฉันต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เมื่อก่อนฉันเอาแต่พึ่งพี่ดิวทุกอย่าง ต่อไปนี้ฉันต้องพยายามพึ่งตัวเอง และเป็นที่พึ่งให้ลูกที่จะเกิดมาด้วย”
หญิงสาวลูบหน้าท้องของตนเบาๆ เมื่อคิดถึงสิ่งมีชีวิตที่นอนในนั้น ความรู้สึกตื้นตันก็จู่โจมเข้ามาในหัวใจเต็มรัก
ลูกแม่...แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด ถึงไม่มีพ่อ แต่หนูจะมีแม่คนนี้ที่เป็นทุกอย่างให้เองนะลูกนะ แต่หนูก็อย่าทรมานให้แม่แพ้ท้องหนักแล้วกันนะคะ ถ้าหนูอยากเล่นงานก็ไปทรมานพ่อบ้างก็ได้ เอาให้หนักจนคลานไปเลยจะได้สาสมกับที่เขาใจร้ายทิ้งเราสองคนไป
หลังจากตัดสินใจย้ายออกจากคอนโด มิรันดาก็ตรวจดูเงินเก็บที่เธอสะสมมา แต่ยังมีอีกบัญชีที่เธอและเขาร่วมกันฝากเงินสำหรับอนาคต แต่ตอนนี้เธอและเขาคงไม่มีอนาคตร่วมกันแล้ว เงินนี่ควรจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าจะถอนแบ่งครึ่งมาก็ต้องมีเขาเซ็นชื่อร่วมกันถึงถอนได้ เอทีเอ็มเขาก็เป็นคนถืออีก
แต่ตอนนี้เธอจะไปหาเขาได้ที่ไหนล่ะ ในเมื่อเขาตัดขาดการติดต่อแล้วก็ล่องหนไปดื้อๆ ติดต่อที่ทำงานของเขาก็ไม่ได้เรื่องได้ราว พอโทรไปหาพิรามเพื่อนสนิทของเขาที่ดิฐกรบอกว่าจะไปพักด้วย อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือได้แต่บอกว่าไม่รู้ท่าเดียว
งั้นก็ช่างแม่ง หาไม่เจอก็ไม่หาแล้ว เงินเก็บเธอถึงมันจะไม่มากเท่าไหร่ แต่มันก็มากพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อสักระยะถ้าเธอไม่งอมืองอเท้า หรือไม่ก็คงต้องหาทางเอามันไปต่อยอดให้งอกเงย
แต่ทำยังไงล่ะ
“ลอตเตอรี่จ้า ลอตเตอรี่...พรุ่งนี้รวยๆ”
ขณะที่กำลังงมหาทางอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงสวรรค์ก็แทงทะลุเข้ามาในหู
“รับโชคสักใบไหมคะคุณ พรุ่งนี้หวยออกแล้วนะ”
“คะ...” มิรันดามองแผงลอตเตอรี่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด พลางลูบหน้าท้องเบาๆ แล้วส่งโทรจิตผ่านสายสะดือไปถึงคนในท้องว่า...
ลูกแม่...ใบไหนดี!
พลันสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเลขหนึ่งในแผงที่สะดุดตาโดนใจ จึงรีบชี้ให้แม่ค้าดึงออกจากแผงให้
“เอาใบนี้ค่ะ”
หญิงสาวมองลอตเตอรี่ในมืออย่างงงๆ ปกติเธอเป็นคนไม่มีดวงด้านนี้ ซื้อหวยทีไรก็ถูกกินตลอด ขนาดจับฉลากตอนวันครบรอบบริษัทถ้าไม่ได้หม้อไห อย่างดีก็ได้ถ้วยจาน ไม่เคยได้หรอกรางวัลใหญ่ๆ กับเขาน่ะ
แต่งวดนี้เธอซื้อหวยถึงสองใบ หากถูกรางวัลที่หนึ่งล่ะก็ มันจะได้เท่าไหร่นะ
หนึ่งใบก็หกล้าน ถ้าสองใบก็...สิบสองล้าน!
ไม่เลวแฮะ ถึงไม่มีดิฐกรแต่ถ้าเธอมีสิบสองล้านในกระเป๋าล่ะก็ คงเลี้ยงลูกได้สบายๆ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ
“เพ้อเจ้อละแก เอาสองตัวให้ถูกก่อนไหมอีมี่เอ๊ย...”
ว่าที่คุณแม่บอกตัวเองอย่างขำๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น
ไม่ใช่ดิฐกรตามเคย ตอนนี้เธอเริ่มจะชินแล้วที่อีกฝ่ายหายหัวไปจากชีวิต ทั้งที่ตอนแรกเธอเคยกลัวว่าหากไม่มีเขาเธอจะอยู่ได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่ตายนี่นา ถ้าไม่คิดสั้นโดดตึกไปเสียก่อน เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ได้นี่นา
“ว่าไงนิ”
“แกอยู่ไหนน่ะ”
“ออกมาหาข้าวเที่ยงกินน่ะ กำลังจะกลับไปทำงานต่อแล้วล่ะ แกมีอะไรหรือเปล่า”
“เรื่องห้องเช่าที่แกอยากได้น่ะ ฉันหาให้ได้แล้วนะเป็นคอนโดญาติผัวฉัน เขาปล่อยเช่า พอรู้ว่าแกเป็นเพื่อนฉันก็เลยลดราคาให้ถูกๆ พอดีเขาจะย้ายไปทำงานที่เมืองนอกน่ะ”
“ถูกของแกนี่มันเท่าไหร่”
“ก็เดือนละสี่พันห้า ค่าน้ำค่าไฟก็คิดตามที่แกใช้ คอนโดอยู่ไม่ไกลที่ทำงานแกด้วยนะ”
พอได้ฟังมิรันดาก็สนใจ คอนโดใกล้ที่ทำงานเธอหาราคานี้ได้ที่ไหนล่ะ อย่างถูกก็ปาไปเจ็ดแปดพันต่อเดือนแล้ว
“สนสิแก งั้นเดี๋ยวเลิกงานฉันเข้าไปดูเลยได้ไหม จะได้รีบทำสัญญาเช่ากันเลย”
“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวฉันไปรับแกที่ทำงานเย็นนี้แล้วกัน”
คอนโดที่นิลุบลพาเธอไปดูนั้นถือว่าสภาพดีมากเกินกว่าราคาเช่า เพราะเจ้าของอยู่เอง แต่เมื่อต้องไปทำงานที่เมืองนอกก็ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ พอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของนิลุบลที่เป็นญาติทางสามีกัน ก็เลยตกลงให้เช่าง่ายๆ โดยไม่เก็บมัดจำเย็นวันนั้นมิรันดาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าทันที พร้อมกับตอบแทนเพื่อนรักที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วยการพาไปกินชาบูที่ร้านโปรดหลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็กลายเป็นคนกินจุ กินดุขึ้น อาการแพ้ท้องนั้นไม่รุนแรงมากเท่าตอนแรกแล้ว ทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ดูเหมือนลูกจะปรานีเธอตามที่ร้องขอไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคำขอเธอจะทำให้พ่อของลูกโดนเล่นงานด้วยอาการแพ้ท้องแทนหรือไม่“แก...นั่นกระเทียมนะ” นิลุบลเอะอะ เมื่อเห็นเพื่อนสาวตักกระเทียมใส่ในน้ำจิ้มชาบู“แล้วไงแก” คนพูดถามพลางตักน้ำจิ้มเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ“แกไม่เหม็นกระเทียมเหรอ”“ไม่นี่...อร่อยดี ฉันชอบกิน”คำบอกเล่านั้นทำเอาคนเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนสองหนถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน“ทำไมเหรอ” มิรันดาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการนั้นของเพื่อน“แกไม่รู้อะไร ตอนฉันท้องนะ ได้กลิ่นกระเทียมนิดเดียวก็อ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วัน เหม็นจะแย
“พี่รู้เหรอว่ามี่กำลังคิดอะไร”“มี่...อย่างี่เง่าได้ไหม ขอร้อง” ดิฐกรบ่นอย่างหงุดหงิด“งี่เง่าเหรอ...มี่งี่เง่า แล้วพี่ล่ะเรียกอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้พี่อยากเลิกกับมี่ เพื่อนร่วมงานเหรอ แอบกินกันไปกี่รอบแล้วล่ะ แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าพี่มีแฟนแล้ว หรือว่าถึงรู้ก็ยังจะแย่งผัวคนอื่น”“พอได้แล้วมี่!” ดิฐกรตวาดใส่อย่างเหลืออด “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เอาเวลาที่มาสงสัยพี่ไปดูตัวเองเถอะ เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อ แม้แต่บ้านก็ยังไม่อยากกลับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นของเขา“เบื่อมากไหม”“มากสิ...” ชายหนุ่มตอกกลับก่อนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของอีกฝ่าย“ก็ได้... ถ้าเบื่อมากนัก งั้นต่อไปมี่จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกแล้วกัน อยากจะไปเอากับใครก็เชิญเลย”ประโยคนั้นทำให้ดิฐกรแอบใจหาย มองหน้าคนพูดนิ่งค้าง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเลิกกับเธอแบบนี้ ก็แค่อยากห่างกันสักพักให้เขาได้รู้ใจตัวเอง แต่เธอกลับขอเลิก“อ้อ...อีกเรื่อง เงินฝากที่เราฝากร่วมกันน่ะ ถ้าพี่จะเลิกก็โอนส่วนของมี่คืนมาแล้วกัน จากนั้นก็ทางใครทางมัน”มิรันดาตัดสินใจออกปาก ในเมื่อเขามีคนอื่นแล้
ทั้งที่เขาไม่เคยบอก แต่เธอก็ช่างสังเกตและรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเสมอ ความใส่ใจของเธอทำให้เขาเคยตัว และชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ จนสุดท้ายก็เป็นความเบื่อหน่าย แล้วก็จบที่การแยกย้ายอย่างที่เกิดขึ้นเขาควรตามเธอไป หรือไม่ก็ขอให้มิรันดาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทวงเงินราวกับเขาเป็นลูกหนี้“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว ทำไมพี่ไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”จะให้กินอะไรเล่า บนโต๊ะมีแต่ซาซิมิ ของดิบทั้งนั้น หรือซูชิที่สั่งมาก็เป็นหน้าปลาสด กุ้งสด หมึกสด ปลาไหล อูนิ แล้วก็อะไรหน้าตาแปลกๆ เขากินได้ที่ไหนกัน“มาค่ะ ลองชิมอันนี้ดีกว่า เห็นว่าเป็นเมนูแนะนำของเดือนนี้เลยนะคะ ซาชิมิปลาฮามาจิสดๆ เนื้อหวานนุ่มมากเลยนะคะ”ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหวังดีคีบปลาที่ว่าปาดวาซาบิกับโชยุมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอาใจ ทำให้ดิฐกรยากจะปฏิเสธ เลยจำต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่าพอเนื้อปลาดิบแตะที่ลิ้นเท่านั้น ความพะอืดพะอมก็พลันมาเยือน จนจะต้องรีบคายอาหารในปากออกมาแทบไม่ทัน“อุ๊บ!”“พี่ดิวเป็นอะไรคะ นี่ค่ะน้ำดื่มก่อนนะคะ”ดิฐกรรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นดื่มพรวดๆ แต่ทว่าแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น รสคา
“ไอ้ดิว นี่มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไงวะ” พิรามถามเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อพยบมาขอนอนที่บ้านเขาอยู่พักใหญ่แล้วดิฐกรถอนหายใจหนักๆ ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความหรือใครโทรมาหลายวันแล้ว หลังจากวันที่เจอเธอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มิรันดาก็หายเงียบไปเลยทั้งที่เมื่อก่อนข้อความของเธอ หรือการโทรจิกเขาวันละหลายรอบมันทำให้เขาแสนจะรำคาญ หลายครั้งที่งานกำลังยุ่งๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความเข้ามาถี่ยิบ เพื่อถามคำถามเดิมๆกินข้าวหรือยังเย็นนี้อยากกินอะไรวันนี้พี่จะกลับกี่โมงทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ตอบไลน์...และอีกสารพัดคำถามที่เธอจะส่งมาให้เขาทั้งวัน แรกๆ ก็ขยันตอบหรอก แต่หลังๆ มันก็น่าเบื่อที่ต้องมาตอบคำถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวี่ทุกวันแต่มาตอนนี้โทรศัพท์เขามันว่างเปล่าข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาตั้งแต่ตอนวันเกิดเขา“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” พิรามถามเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อนรัก“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกับเมียอีกเหรอ”“เปล่า...เราเลิกกันแล้วต่างหาก” คำตอบที่แสนเนือยนั้นทำคนฟังอ้าปากค้าง“หา! เลิกกันแล้วเนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ก็ไหนว่าแค่ห่างกันสักพักไง”คนถูกถามถอนหายใจอีกเฮือก
“นี่มันวันที่เท่าไหร่แล้วน่ะดาว”“วันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่ะพี่ ถามทำไมเหรอคะ”“กรรม งั้นหวยงวดก่อนก็ออกไปแล้วสิ พี่ลืมสนิทเลย”จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร ในเมื่อช่วงนี้ราหูเข้าเธอชุดใหญ่ขนาดนั้น พอเลิกกับดิฐกรไป ชีวิตเธอก็เหมือนคนเสียศูนย์ ว่าจะทำใจให้ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดเขาขึ้นมาทีไร ไหนจะภาพบาดตาในวันนั้น เธอก็อดเสียใจไม่ได้“งั้นบอกตัวเลขมาสิคะ เดี๋ยวหนูช่วยตรวจให้”มิรันดาพยักหน้า พลางล้วงกระเป๋าสะพายหยิบลอตเตอรี่ออกมา“557990”“5-5-7-9-9-0 เหรอคะ อืม...” ดาวทวนคำก่อนพิมพ์ตัวเลขลงไปในระบบที่ตรวจลอตเตอรี่ ก่อนที่ข้อความสีเขียวสดใสจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอยินดีด้วยค่ะคุณถูกรางวัล!“หืม...”คนตรวจเพ่งตามองอีกครั้ง ก่อนกรีดร้องเสียงหลง“กรี๊ดดด พี่มี่คะ พี่ถูกหวย!”“หา! จริงเหรอ รางวัลไหนน่ะ”คำนั้นทำให้เจ้าของหวยตาโต รามือจากงานที่ทำรีบเผ่นมาดูที่หน้าจอมือถือของเพื่อนรุ่นน้องที่เบิกตาค้างอย่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอ“พะ...พี่มี่ ระ...รางวัลที่หนึ่ง หะ...หกล้านพี่!”“หา! ว่าไงนะ...” มิรันดาอ้าปากค้าง รีบก้มลงมองข้อความตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูไม่ผิด! ตัวเล
มิรันดาหารู้ไม่ว่าเย็นวันนั้นคนที่เธอกำลังคิดถึงได้กลับมายืนอยู่หน้าห้องที่เปรียบเสมือนรังรักของสองเราอีกครั้ง ดิฐกรจดๆ จ้องๆ หน้าประตูมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่กล้าเข้าไปด้านในเปล่าหรอก เขาไม่ได้กลัวว่าจะเจอคนรักที่กลายเป็นอดีตไปหมาดๆ ก็แค่รู้สึกอิหลักอิเหลื่อนิดหน่อย หากต้องพบหน้ากันเขาควรทำตัวอย่างไร“เอาวะ เจอก็เจอไปสิ ใครสน” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่สั่นไหวแม้บรรยากาศในห้องยังคงเป็นเหมือนในวันที่เขาตัดสินใจก้าวออกไป แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิม“มี่...”ดิฐกรตัดสินใจเรียก หากทว่ากลับเงียบกริบ หรือเธอยังโกรธเขาอยู่ โกรธแล้วไง ใครแคร์ เขาก็แค่กลับบ้านตัวเองปกติ ใครจะทำไมดวงตาคมกริบเหลียวมองรอบกาย ไม่ได้คิดจะหาใครหรอก แค่ดูความเรียบร้อยของบ้านก็เท่านั้น หากทว่าตอนที่มองไปทางโต๊ะอาหาร กลับมีอะไรบางอย่างกระแทกสายตาจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ“สร้อยนี่...” ชายหนุ่มหรี่ตามอง พลางยื่นมือไปหยิบของขวัญแทนใจที่เขาเคยให้มิรันดาในวันที่ความรักยังอยู่เต็มหัวใจปกติเธอมักจะสวมติดคอเสมอไม่เคยถอดออก หรือว่าจะถอดวันนั้นแล้วลืม ลืมเ
แรกๆ เขาก็ชอบในความเป็นธรรมชาติแบบนั้น แต่นานไปมันก็เริ่มชินตาและกลายเป็นเฉยชาเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรดึงดูดใจเหมือนกับคนใหม่ที่เพิ่งพบกัน ได้ทำงานด้วยกันทุกวันจริงอยู่ที่เจนิสาสวย ทำงานเก่ง แถมช่างเจรจาฉอเลาะออดอ้อนเอาใจ แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่เขาอดเปรียบเทียบกับอดีตคนรักไม่ได้ ความใส่ใจของอีกฝ่ายเมื่อเทียบกับมิรันดายังห่างไกลนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากับอีกฝ่ายจึงยังไม่ได้เกินเลยกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน เพื่อนคุย“พอดีวันนี้พี่มีธุระน่ะครับเลยรีบกลับก่อน”“แล้วตอนนี้เสร็จธุระหรือยังคะ”“ครับ เสร็จแล้ว ทำไมเหรอ”“งั้นคืนนี้ออกมาเจอกันไหมคะ ที่ผับแถวทองหล่อ มานะคะ เจนี่อยากเจอพี่ดิว คิดถึง...” ปลายสายไม่วายออดอ้อนเสียงหวานชายหนุ่มกำลังจะตอบปฏิเสธไปเพราะความเซ็ง แต่พอมองไปที่โต๊ะอาหารที่มีสร้อยรูปหัวใจเส้นนั้นวางอยู่ คำตอบเลยเปลี่ยนไปทันใด“ได้สิครับ งั้นคืนนี้เจอกันนะ”ดิฐกรตอบพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะอาหาร และคว้าสร้อยแทนใจเส้นนั้นไปหย่อนลงในก้นลิ้นชักตู้เก็บของไม่ใช้แล้วในเมื่อเธอไปแล้ว เขาก็ควรเริ่มต้นกับคนใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรไม่แน่ว่าวันนี้เขาอาจได้เมียใหม่แซ่บๆ มาแท
เพล้ง!“อุ๊บ! แหวะ...”ดิฐกรปัดแก้วในมือของหญิงสาวจนหล่นลงพื้นแตกกระจายเกลื่อน พร้อมกับของเก่าในท้องที่พุ่งพรวดใส่ริมฝีปากและใบหน้าสวยๆ ของเจนิสาเต็มรัก“อุ๊บ! ว้ายยย...พี่ดิว อี๋ โสโครกที่สุดเลย อุแหวะ ถุ้ยๆ”เจนิสาพลอยคลื่นไส้จะอาเจียนตาม เธอสะบัดตัวเร่าๆ รีบถมถุยแล้วปาดเศษอาเจียนน่าขยะแขยงออกจากริมฝีปากและใบหน้าเป็นพัลวัน ก่อนกระเด้งตัวถอยห่างจากร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว“โอ๊ย หน้าฉัน ชุดฉัน ทุเรศที่สุดเลย มาอ้วกอะไรตอนนี้เนี่ย ไปไกลๆ เลยนะ อี๋ เลอะอ้วกหมดแล้วเนี่ย ถอยไปห่างๆ เลยนะไอ้บ้า”หญิงสาวเต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว พลางแหกปากด่าแว้ดๆ จนความสวยที่มีหดหายกลายเป็นนางยักษ์ขมูขี ไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย ดวงตาสวยเฉี่ยวมองหนุ่มที่หมายตาอย่างขยะแขยงระคนโมโห แล้วรีบวิ่งผละไปห้องน้ำเพื่อจัดการกับชุดแบรนด์เนมราคาแพงที่เลอะเทอะอาเจียนของอีกฝ่ายก่อน โดยทิ้งให้ดิฐกรเผชิญชะตากรรมอย่างไม่สนใจไยดีผ่านไปพักใหญ่ คลื่นสึนามิที่ถาโถมออกมาอย่างหนักหน่วงก็ค่อยๆ บรรเทาลง จนดิฐกรหมดเรี่ยวแรงฟุบหน้ากับโต๊ะ หอบหายใจรวยรินอย่างหมดสภาพ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดไร้สีเลือด ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มาเที่ยวหาความสุขในผั
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งของดิฐกรและลูกสาวเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้นคิดถึงวันเกิดครั้งแรกที่เขาเคยจัดให้“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของมิรันดา“อธิษฐานสิมี่”มิรันดาหันไปมองคนรอบข้างทั้งเพื่อนเธอแล้วยังมีครอบครัวของดิฐกรพร้อมหน้า ทำให้เธออดคิดถึงวันเกิดของดิฐกรในปีนั้นที่เธอต้องนั่งรอเขาคนเดียว ก่อนเลิกกัน มาวันนี้เขากลับเป็นคนถือเค้กออกมาให้เธออีกครั้งพร้อมกับลูกสาวสุดที่รักชีวิตเธอควรจะมีความสุขสมบูรณ์เมื่อมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรมีแล้ว แต่ทว่ายังมีใครอีกคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ และอดลุ้นไม่ได้ว่าเขาคนนั้นจะยอมมาร่วมฉลองวันเกิดกับเธอไหมมิรันดาหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะเป่าเค้กวันเกิดจนดับ ท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน“สุขสันต์วันเกิดครับมี่” ดิฐกรอวยพร พร้อมกับยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ใบหนึ่งให้“อะไรคะ”“ลองเปิดดูสิครับ”มิรันดาทำตามที่เขาบอกและพบว่าของในกล่องคือ...สร้อยแทนใจเส้นนั้น“นี่มัน!”“ของขวัญชิ้นแรกที่พี่ให้มี่ไง” คำนั้นทำใ
แม้ชีวิตของเธอกับลูกจะมีสีสันมากขึ้น ทว่ากลับมีบางสิ่งที่หายไปแทน แม้กระทั่งคนรอบข้างเองก็ยังรู้สึก“แม่มี่ขา...” เจ้าของขวัญวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามากอดเอวอ้อนแม่ หลังจากที่เพิ่งส่งคุณปู่คุณย่าและลุงดลกลับไปเมื่อครู่“ขา...คนเก่ง”“เมื่อไหร่ลุงคิมจะมาบ้านเราอีกคะ น้องมิวคิดถึงม้ากมาก ทำไมคราวนี้ลุงคิมไปเมืองนอกนานจังคะ” คำถามนั้นทำให้เธอสะอึกอึ้งไป เพราะรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายหายไปดีกว่าใคร“นั่นสิแก นี่มันก็นานแล้วนะ คุณคิมเขาไม่บอกแกเหรอว่าจะกลับเมื่อไหร่ ถามยายดาวก็บอกไม่รู้” “เปล่า ไม่ได้บอก” หลังจากวันที่เขาบอกรักและจูบเธอวันนั้น คีรินก็หายหน้าไป หรือเขาจะถอดใจเสียแล้วนะ หรือเธอเล่นตัวมากไป“ยัยนิ ฉันถามหน่อยสิ”“อะไร ถามอะไร ทำหน้าเครียดแบบนี้ เรื่องใหญ่ล่ะสิ” “คือ...จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องฉันหรอก แต่เป็นเรื่องคนอื่นอีกที คือเขามีผู้ชายมาสารภาพรัก แล้วก็ขอแต่งงานน่ะ แต่เขายังเข็ดกับความรักที่โดนแฟนเก่าทิ้งจนกลัวจะมีรักใหม่เลยปฏิเสธผู้ชายคนนั้นไป”“นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว คุณคิมหายไปเพราะโดนแกปฏิเสธนี่เอง”“เฮ้ย! ไม่ใช่ฉัน”“แหม แต่สตอรี่ตรงเชียวนะยะ เฮ้อ...” นิลุบลค้อนเพื่อน “แล้วไง เขาหาย
“คุณ!” มิรันดาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นเพื่อนบ้านผู้ลึกลับตัวจริง ไม่ใช่คุณป้าที่เธอเคยพบแต่กลับเป็น...อดีตผัวเก่า!“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” คนถูกจับได้เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูก“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่เอาอาหารเช้ามาให้มี่กับลูก” คนฟังได้แต่กลอกตาไปมา เชื่อเขาเลย “ทำไมเป็นคุณได้ล่ะ แล้วบ้านหลังนั้นของใครกันแน่”เมื่อถึงคราวจนมุม จำเลยจึงต้องยอมรับสารภาพ“ของพี่เอง” “ว่าไงนะ แล้ววันนั้นคุณป้าที่ออกมารับขนมหน้าบ้านล่ะใครกัน”“นั่นแม่บ้านที่พี่จ้างมาทำความสะอาดน่ะ” เขาสารภาพเสียงอ่อย หน้าจ๋อยสนิทมิรันดาได้ฟังก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ก็ไม่นานนะ ยังไม่ถึงปี แค่เกือบๆ เอง” คนฟังเริ่มกำหมัด กัดฟันกรอด“มี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมี่และลูกของเราเลยนะ” “แล้วทำไปทำไม”“พี่ก็แค่อยากชดเชยความผิดที่ผ่านมาให้มี่กับลูกบ้าง แต่ถ้ามี่ไม่ต้องการพี่ก็จะไม่ทำอีกก็ได้นะ” มิรันดามองคนพูดที่ตอนนี้อ่อนเป็นงูกลัวเชือกกล้วย “มี่จ๋า...พี่สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่มี่จะยอมให้อภัยพี่สักที อย่างน้อยก็ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อบ้าง น้องมิวเป็นลูกพี่ ขนาดพ่อแม่พี่น้องของพี่ มี่ก
เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยทำให้ดิฐกรสะดุ้งหันขวับ หัวใจพองฟูอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง“คุณพ่อให้แคทมาเยี่ยมพี่ดิวค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ดิฐกรมองน้องสาวของศัตรูหัวใจที่มาเยี่ยมเขาเกือบทุกวัน พลางแอบบ่นในใจคนที่อยากให้มาก็ดันไม่มา ส่วนคนที่ไม่อยากเจอกลับขยันมาเสียจริงๆ ทำไมเขาจะไม่รู้แผนของบิดาสุดที่รักกับเพื่อนสนิทของท่านที่ต้องการจับคู่ให้เขากับผู้หญิงสุดเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าก็ถ้าหัวใจมันมูปออนกันได้ง่ายๆ เขาคงหาเมียใหม่ได้ไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งรอเมียเก่าใจอ่อนให้อภัยมาจนถึงวันนี้รอเหมือนโดนสาป ขนาดเจอแล้วก็ยังต้องรอเหมือนเดิม“ผมดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คุณแคทไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้นะครับ”แคทรียาถอนใจอย่างลำไย เธอเองก็ใช่ว่าอยากมา แต่เพราะโดนพ่อกับแม่บังคับให้มาหรอก จะขัดก็ไม่ได้เดี๋ยวระเบิดลง แล้วเธอก็จะโดนตัดออกจากกองมรดกเสียก่อนแถมเรื่องราวของดิฐกรในงานวันเกิดของคุณเมธาก็ดังกระฉ่อนเข้าหูเธอขนาดนั้น ทำให้รู้ว่าที่แท
ฝ่ายคีรินที่พาสองแม่ลูกกลับมาส่งถึงบ้าน เขาก็ช่วยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปส่งถึงห้องนอน โดยมีมิรันดาเดินตามมาด้านหลัง“ขอบคุณพี่คิมมากนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้มี่ทำให้พี่ต้องพลอยวุ่นวายไปด้วย”“พี่ยินดีวุ่นวาย หากเป็นเรื่องของมี่กับลูก แล้วมี่ล่ะ...”“มี่ทำไมเหรอคะ”“มี่จะยอมให้พี่ผ่านโปรของเราได้หรือยังครับ” คำถามนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง“พี่รอได้ แต่ไม่อยากรอแล้ว เรื่องวันนี้ทำให้พี่อยากได้สิทธิ์ในการปกป้องดูแลมี่กับน้องมิว ไม่ให้ใครมาทำให้เสียใจได้อีก พี่รักมี่ แต่งงานกับพี่นะครับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้น คำที่เธอเคยอยากให้ดิฐกรพูดกับเธอมาตลอด แต่แล้วกลับเป็นผู้ชายตรงหน้าที่พูดมันออกมา เขาขอเธอแต่งงาน และบอกรัก ถึงจะไม่โรแมนติก แต่เมื่อมองสบตากันเธอก็รับรู้ได้ถึงความจริงในที่เขามีให้“มี่รังเกียจพี่หรือเปล่า หรือว่า...ยังรักเขาอยู่”“ไม่ค่ะ มี่ไม่ได้รักพี่ดิวแล้ว ไม่ได้รักนานแล้ว” คราวนี้หญิงสาวตอบอย่างมั่นใ
ดิฐกรถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา มิรันดาและคีรินที่พาเขามาส่งโรงพยาบาลนั่งรอหน้าห้อง ชุดเดรสแสนสวยตอนนี้มีคราบเลือดคราบเลอะติดเป็นหย่อมๆ หากเจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจ ในสมองยังคงคิดถึงภาพตอนที่คนเจ็บนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอย่างน่าตกใจเมื่อครู่ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คีรินจึงช่วยเรียกรถพยาบาลมารับได้ไว ชายหนุ่มไม่กล้าเคลื่อนย้ายเอง เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักกว่าเดิม“แม่คะ คุณลุงคนนั้นจะตายไหมคะ” คำถามของลูกน้อย ทำให้ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจของมิรันดาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างเธอเกลียดในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอจนไม่อยากให้อภัยก็จริง แต่ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายตายจริงอย่างที่ลั่นปากไป“ไม่หรอกลูก คุณลุงต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” คีรินปลอบขวัญ“คุณลุงคนนั้นเขาเป็นพ่อน้องมิว จริงๆ เหรอคะแม่มี่”คำถามนั้นเสียดลึกเข้าไปในอก กับความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเลิกกันแล้ว แม้เขาจะเคยไม่ต้องการมีลูกกับเธอ แต่เด็กหญิงของขวัญก็คือลูกสาวของดิฐกร ไม่ม
“ทำไมหนูถึงว่าคุณลุงคนนั้นใจร้ายล่ะคะลูก” “ก็เขาเคยมาที่บ้านน้องมิว แล้วก็รังแกแม่มี่ของหนูจนร้องไห้เลย น้องมิวไม่ชอบเขา เขานิสัยไม่ดี” คุณดารณีได้ฟังก็งุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกจนต้อง หันไปมองหน้าลูกชายคนกลางอย่างคาดคั้น“นี่มันเรื่องอะไรกันตาดิว ลูกทำแบบที่น้องมิวว่าจริงเหรอ ทำไปทำไม” “ผม...เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” คำนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไป “มี่คือเมียผม แล้วก็น้องมิวก็เป็นลูกของผมแล้วก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณแม่ครับ” “หา! ว่าไงนะตาดิว” คุณดารณีเบิกตาค้างอย่างตื่นตะลึง โชคดีที่แขกเหรื่อเข้างานกันหมดแล้วเหลือแต่พวกเขาเป็นกลุ่มสุดท้าย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก” คีรินกุมมือหญิงสาวไว้แน่น มืออีกข้างก็เอื้อมไปจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยไว้ “มี่คือคนที่ผมเคยบอกแม่ เธอเป็นเมียผม แต่เราเลิกกันไปเพราะเข
“ตาคิมเขาพาแฟนมาอวดน่ะสิคุณดา คนนั้นไง” คำนั้นทำให้คุณดารณีหันไปมองที่หญิงสาวข้างกายคีรินทันที “เอ๊ะ! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะหนู” มิรันดาเองก็จำได้ตั้งแต่เห็นหน้าอีกฝ่ายเช่นกัน“ใช่ค่ะ เจอกันที่โรงพยาบาล” “จริงด้วย ป้าจำได้แล้ว นี่ไงคะแม่หนูที่ฉันเล่าให้คุณฟังว่าช่วยฉันตอนโดนชนจนล้มข้อเท้าพลิกที่โรงพยาบาลไง ตายจริงโลกกลมเหลือเกิน ตาดลลูกก็จำน้องได้ใช่ไหม”“จำได้ครับแม่” ดลธวัชส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้มีพระคุณของแม่“แล้วเจ้าแก้มยุ้ยคนนี้ใครจ๊ะ หน้าตาน่าเอ็นดูจริงเชียว” คนอยากมีหลานสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก “แต่เอ...แม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหนนะ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” คุณดารณีครุ่นคิด หากแล้วสายตาก็หันไปเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาพอดีจึงคิดออก“นึกออกแล้ว หน้าเหมือนตาดิวตอนเด็
เขาอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่คีรินเหลือเกิน แต่ยิ่งทำอย่างที่ใจต้องการ ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนเธอจะยิ่งไกลห่างออกไปทุกที ดูจากที่ร้านไอศกรีมวันนี้ ขนาดนั่งใกล้กันมิรันดายังแทบไม่มองหน้า ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เธอทำราวกับเขาเป็นเพียงอากาศไร้ตัวตน แล้วจู่ๆ คำพูดของพิรามก็ดังขึ้นในหู‘มูปออนง่ายกว่ามั้งเพื่อน’หรือเขาควรทำเช่นนั้น แต่จะให้ตัดใจจากเธอและลูกยังไง มือหนาหยิบสร้อยรูปจี้หัวใจขึ้นมาดูอย่างปวดใจ“ต้องทำยังไง มี่ถึงจะให้อภัยพี่เสียที พี่ต้องทำยังไง...” เย็นวันต่อมา คีรินก็มาถึงบ้านของหญิงสาวตรงตามเวลานัดเป๊ะ“ลุงคิมมาแล้ว โห...วันนี้หล่อจัง” เด็กหญิงของขวัญทำตาโตมอง ปกติเวลามาหาสองแม่ลูก เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตแบบไม่สวมสูทเพื่อเป็นกันเอง แต่วันนี้เขาใส่ทักซิโด้หล่อเต็มยศ“ไงครับคนสวยของลุง ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยได้ไหม”